เชอร์ลี่ย์หันกลับมา ก่อนจะมองไปที่ชุดแต่งงาน เธอพูด “หนูว่าเขาน่าจะกำลังไปที่โรงแรม เอาล่ะ งั้นหนูจะใส่ชุดนี้ แต่หนูไม่มีทางแต่งงานกับไอ้สารเลวนั่น วิลตัน นอร์ตัน เด็ดขาด!” เธอหยิบชุดแต่งงาน แล้วเดินกลับไปที่ห้องของเธออย่างกระฟัดกระเฟียดหลังจากพูดจบซาเวียนหันไปหาช่างแต่งหน้า ก่อนจะสั่งพวกเขาว่า “ไปแต่งหน้าให้เธอซะ”เธออดกังวลไม่ได้ อัลบ้าพูดอย่างมีความหวังว่า “ที่รัก คุณว่าเจ้าหนุ่มเฟนด์อะไรนั่นจะมาช่วยลูกสาวเราจริง ๆ รึเปล่า?”เธอหวังจริง ๆ ว่าจะมีคนมาช่วยลูกสาวของเธอได้“เฮ้อ! มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ แต่เราอย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรไปก่อนดีกว่า ชายคนนั้นเจอลูกเราที่สนามบินเมื่อไม่กี่วันก่อน เราจะเชื่อคำพูดของคนแบบนั้นมากไม่ได้หรอก นอกจากนั้นแล้ว ต่อให้เขามาจริง ๆ ก็คงทำอะไรมากไม่ได้หรอก มาเถอะ เราลงไปกันดีกว่า...” ซาเวียนถอนหายใจ ก่อนจะเดินลงบันได้ไปพร้อมกับอัลบ้าพอเชอร์ลี่ย์ลงมาด้านล่าง วิลตันก็มารอที่ทางเข้าอยู่ก่อนแล้ววิลตันแสยะยิ้มทันที่ที่เขาเห็นเธอ “ฮ่า ๆ …! คุณแลงคาสเตอร์ คุณบอกว่าจะไม่แต่งกับฉันไม่ใช่รึไง? ทำไมล่ะ? เปลี่ยนใจแล้วเหรอ? ฉันล่ะชอบท่าทีหยิ่งยโสของเธอจริง ๆ อ
วิลตันปล่อยเชอร์ลี่ย์ในที่สุด เมื่อเขาเห็นซาเวียนต้องยอมเขา เขายิ้มออกมา “ฮ่าฮ่า! คุณพ่อตา ผมก็แค่ล้อเล่นกับพวกคุณน่า ไม่คิดเลยนะ ว่าพวกคุณจะกลัวขนาดนี้! ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลเชอร์ลี่ย์อย่างดีเลยหลังจากเธอแต่งกับผม เธออารมณ์แปรปรวนแปลก ๆ แต่ผมจะทำให้เธอเป็นเด็กดีเอง เธอจะต้องเชื่อฟังผมแน่ในอนาคต”คำพูดของวิลตันบาดหัวใจซาเวียนและอัลบ้ามาก ก่อนหน้านี้พวกเขายังมีความหวังกับวิลตัน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว พวกเขารู้ว่าวิลตันไม่มีทางดูแลลูกสาวของพวกเขาได้ดีแน่ ๆ "ไปกันดีกว่า รถแต่งงานพร้อมแล้ว มันเกือบจะถึงเวลาที่เจ้าสาวสุดสวยของพวกเราต้องปรากฏตัวต่อฝูงชนแล้ว!” วิลตันยิ้มอย่างมีภาคภูมิใจ เมื่อเขาเห็นว่าเขามีอำนาจขนาดไหน เขาใช้มือข้างนึงดึงเชอร์ลี่ย์ ไปที่รถ"ไปกันเถอะ" อัลบ้าและคนอื่น ๆ แอบถอนหายใจ พลางฝืนยิ้ม และคนจากตระกูลแลงคาสเตอร์ก็ตามมาขึ้นรถหลังจากนั้น...คนมากมายกำลังตั้งตารอเจ้าสาวและเจ้าบ่าวในโรงแรมหกดาวนอกจากตระกูลนอร์ตันแล้ว ผู้ทรงอิทธิพลหลายที่เป็นเพื่อนกับตระกูลนอร์ตัน ราชาแห่งสงครามเจ็ดดารา แถมยังมีคนจากพรรคอื่น ๆ มากมายมาเข้าร่วมพิธีด้วย“ฉันได้ยินมาว่าคุณแลงคาสเตอร์ไม
ความกล้าหาญและความยืนหยัดของเชอร์ลี่ย์ทำให้วิลตันตกใจแต่หลังจากเงียบไปครู่นึง วิลตันก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า! พูดจาไร้สาระอะไรน่ะเชอร์ลี่ย์? นี่เธอจะบอกว่าคนที่เธอเรียกว่าแฟนไม่ได้หนีไป แถมยังกล้ากลับมาทำลายงานแต่งงานของเราด้วยงั้นเหรอ?”คำพูดเชอร์ลี่ย์น่าขันราวกับมุกตลกสำหรับคนส่วนใหญ่ ตระกูลนอร์ตันเป็นตระกูลชนชั้นสูงระดับสองของจริง คนที่อยากทำลายงานแต่งงานนี้ต้องมีอำนาจขนาดไหนถึงจะทำได้?ที่มากไปกว่านั้น พวกเขายังรู้ราชาแห่งสงครามเจ็ดดารา และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลนอร์ตันด้วย“ฮ่า ๆ …! มาเถอะ ใครหน้าไหนกล้ามาทำลายงานแต่งก็มาเถอะ!” ราชาแห่งสงครามเจ็ดดาราหัวเราะออกมาเยงดังทันที เมื่อเขาได้ยินอย่างงั้น “อย่าพูดถึงนายท่านตระกูลนอร์ตันเลย ที่นี่ไม่มีใครกล้าหือกับฉันหรอก ใช่ไหม?”“ฮ่าฮ่า… เรามั่นใจกับสิ่งที่ผู้อาวุโสลาฟอยพูดนะ!” ทอดด์หัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเขาได้ยินเช่นนั่นทว่า ในตอนนั้นเอง… “จริงเหรอ?” ชายสองคน และผู้หญิงคนนึงก็ปรากฏตัวขึ้นตรงทางเข้าขณะที่พวกเขาเดินเข้ามา“เฟนด์ นายมาจนได้…! ฉันรู้ว่านายต้องมาแน่!” เชอร์ลี่ย์ แทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเมื่อเธอ
ปรมาจารย์จากตระกูลนอร์ตันทำหน้าถมึงทึง ขณะที่พวกเขาล้อมรอบเฟนด์และคนอื่น ๆ “แหม ดูเหมือนว่าพวกนอร์ตันจะรนหาที่ตายสินะ ช่วยไม่ได้นะ ไม่คิดเลยนะว่าจะต้องมาต่อสู้ก่อนจะออกจากเมืองวิญญาณวันนี้!” เฟนด์แสยะยิ้ม ขณะที่เขาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างกล้าหาญปัง! ผัวะ! เปรี้ยง!ขณะที่ศัตรูกำลังโจมตีพวกเขา เฟนด์และคนอื่น ๆ ก็เคลื่อนไหวทันที พวกเขาเร็วมากจนไม่มีใครเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปรมาจารย์ของตระกูลนอร์ตันกระเด็นไปด้านหลังทันที จากการถูกจู่โจมพวกเขากระเด็นไปข้างหลัง ราวกับเชือกว่านที่ขาดผึง พวกเขาตายคาที่ทันทีเมื่อตกลงพื้น“อ-อะไรกัน! พวกเขาตายจริ…” วิลตันหน้าซีดเผือด เมื่อเขาเห็นเรื่องที่เกิดขึ้น หน้าของเขาหม่นหมอง เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเหล่าปรมาจารย์ของตระกูลนอร์ตันจะอ่อนแอขนาดนั้น"โจมตี! ทุกคนโจมตีมันซะ!” ทอดด์สั่งด้วยความตกใจ “บอดี้การ์ดตระกูลนอร์ตัน โจมตีซะ! พวกเรามีคนตั้งเยอะแยะ และฉันจะให้รางวัลใครก็ตามที่ฆ่าไอ้สามคนนั้นได้ เป็นเงินรางวัลสามร้อยล้านเหรียญ!”บอดี้การ์ดของตระกูลนอร์ตัน รู้จำนวนเงินกระตุ้น พวกเขาไม่กลัวอีกต่อไปเปรี้ยง! ตูม! ปัง!ทว่า คนจากตระกูลนอร์ตัน
"อะไรวะ?!" ราชาแห่งสงครามเองก็ต้องตกใจ เมื่อค้นพบว่าเขาต่อยลม เขารู้สึกได้ถึงลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านหลังเขาไปหลังจากนั้น แล้วความกลัวก็คืบคลานไปหาเขา"ไม่นะ!" ราชาสงครามลาฟอยพร้อมที่จะหันหลังหนีทันที เมื่อเขาสัมผัสได้ว่ามีอะไรผิดปกติโชคไม่ดี เขาโดนซัดอย่างแรงจากด้านหลังตูม!ด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมนั่น ราชาสงครามเจ็ดดาราได้ตายไปแล้ว“เป็นไปได้ยังไง? ราชาแห่งสงครามลาฟอยก็ถูกฆ่าเหมือนกันงั้นเหรอ !” วิลตันหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว ทอดด์ที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ตกใจเช่นกัน เขาคิดว่า ราชาสงครามลาฟอยน่าจะฆ่าเฟนด์ และคนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขา ก็เป็นตัวพิสูจณ์แล้วว่าเขาคิดผิด“ที่รัก เจ้าหนุ่มเฟนด์นี่เก่งจริง ๆ เลยนะ!” อัลบ้าที่ยืนอยู่ตรงข้าง ๆ เธออ้าปากเหวอเล็กน้อย เธอถึงกับพูดไม่ออกเธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ลูกสาวเธอพูดถึงจะปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ แถมเขายังเหนือกว่า และทรงอำนาจอีกด้วย“ใช่ เขาแข็งแกร่งมากมากจริง ๆ ! ผมเข้าใจแล้ว… ไม่แปลกใจเลยที่ลูกสาวของเรา…” ซาเวียนก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวในตอนนี้ ไม่แปลกใจเลย ที่ลูกสาวของเขาอยากจะแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ ผู้ชายแบบน
ทั้งทอดด์และวิลตันทรุดลงกับพื้นทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น หน้าของพวกเขาซีดเผือดด้วยความกลัวเฟนด์ค่อย ๆ ก้าวไปหาพวกเขาทีละก้าว มันทำให้พวกเขากลัวจนเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมาจากหน้าผาก ลางแห่งความตายทำให้พวกเขากลัวจนหายใจใม่ออก“ไอ้สารเลว ออกมา แล้วยอมรับความตายซะ!” ในตอนนี้เอง เสียงตะโกนโหวกเหวกก็ดังขึ้นมาจากทางเข้า เสียงนั่นดังราวกับเสียงกริ่ง ที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน“ใครจะรู้ล่ะ ว่าจะมีปรมาจารย์ระดับกึ่งเทพในเมืองวิญญาณแบบนี้!” แค่ฟังเสียง เฟนด์ก็รู้แล้วว่าเขาต้องเป็นปรมาจารย์ระดับกึ่งเทพแน่ เพราะมีเพียงปรมาจารย์ระดับกึ่งเทพเท่านั้นที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ทว่า ระดับกึ่งเทพนั่นไม่ได้มีความหมายอะไรเลยในสายตาเฟนด์ เขาอยู่ในระดับแรกของเทพแท้จริงแล้ว“นั่น...นั่นหัวหน้าพรรคมังกรเขียวนี่ โอ้พระเจ้า เฟนด์ไปยั่วโมโหคนจากพรรคมังกรเขียวเข้าให้งั้นเหรอ?” ซาเวียนตกใจขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มที่มีอยู่จางหายไป กลับแทนทีด้วยความหาดกลัวอย่างไรก็ตาม พอคิด ๆ ดูแล้วก็ไม่น่ามีอะไรให้ต้องห่วง อย่างน้อยปรมาจารย์จากตระกูลนอร์ตัน และพวกบอดี้การ์ดส่วนใหญ่ก็ตายไปแล้ว บอดี้การ์ดที
ตอนนี้เอง วิลตันก็ยืนขึ้น ก่อนจะยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “เฟนด์ โอ้ เฟนด์… ฉันว่านายไม่น่าจะรู้สินะ ว่าเสือภูเขาที่นายฆ่าไป เป็นสมาชิกของพรรคมังกรเขียวน่ะ? นายกล้าอยู่ต่อจริง ๆ เหรอ? นายกล้าจริง ๆ สินะ! ฮ่าฮ่า… มันไม่สำคัญแล้วว่านายจะฆ่าฉันตอนนี้รึเปล่า สุดท้ายแล้ว พวกนายก็ต้องตายพร้อมฉันอยู่ดีนั่นแหละ! เฮ้อ พระเจ้าคงต้องดูแลตระกูลนอร์ตันอยู่สินะ ที่ทำให้ฉันรู้ว่าก่อนฉันจะตาย นายก็ต้องตายเหมือนกัน!”“ฮ่าฮ่า… นายยังตัวสั่นเหมือนหนูเจอแมวอยู่เลยเมื่อกี้นี้! ใครจะรู้ล่ะว่านายจะทำตัวยโสโอหังได้ไวขนาดนี้“ เฟนด์หัวเราะลั่นออกมาในตอนนี้ “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ฆ่านายตอนนี้หรอก ฉันจะฆ่าคนจากพรรคมังกรเขียวก่อน แล้วค่อยกลับมาฆ่านาย ฉันจะทำให้นายเข้าใจ ว่าทำไมนายถึงกำลังจะตาย และใครกันแน่ที่เป็นคนที่นายจะมายั่วโมโหไม่ได้!”“ได้เลยไอ้น้อง! นายพูดเองนะ!” ทอดด์ตาเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ถ้าเฟนด์เลือกที่จะทำอะไรขึ้นมา เขาต้องฆ่าพวกเขาสองคนก่อนแน่ ใครจะรู้ว่าเฟนด์เลือกที่จะฆ่าคนจากพรรคมังกรเขียวก่อน เขาเย่อหยิ่งจริง ๆ บางที เฟนด์อาจถูกฆ่าตายไปก่อน แล้วหลังจากนั้นพวกเขาอาจจะรอดก็ได้ทอดด์จะไม่มีคว
“ไม่แปลกใจเลย…ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมนายถึงได้เสนอหน้ามาไวขนาดนี้!” เฟนด์ ยิ้มและก้าวไปข้างหน้า “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้โอกาสนาย มาสู้กันตัวต่อตัว!”ลาน่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาก็พูดขึ้นมาว่า “นายนี่มันไร้ยางอายจริง ๆ เลยนะ เราซื้อของที่โรงประมูล แต่หลานชายของนายไม่อยากให้เราออกไปเพราะเขาแพ้ประมูล เขาเลยวางแผนที่จะใช้กำลังแย่งมันไป อีกอย่าง เป็นเรื่องจริงสินะที่ปู่ของเขาเป็นคนชั่วน่ะ!”ในทางกลับกัน อีธานพูดขึ้นมาว่า “พวกนี้เป็นคนจากพรรค จะดีแค่ไหนกันเชียว? ดีเหมือนกันนะที่ฆ่าไอ้พวกขยะไร้ประโยชน์นี่ เพราะจะได้ช่วยกำจัดขยะในเมืองวิญญาณด้วยไง แถมยังทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองวิญญาณดีขึ้นอีกด้วย!”“อ้างเยอะจริง หน้าไม่อายเลยนะ!” ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ เขาพุ่งเขาไปหาเฟนด์ทันที "รับมือ!"ประกายดาบที่แสนเฉียบคมพุ่งตรงไปที่เฟนด์ทันที ขณะที่ชายชราเหวี่ยงดาบของเขา มีพลังฉีจาง ๆ ผสมอยู่กับออร่าดาบด้วย!“นายเป็นปรมาจารย์ที่อยู่ในระดับแรกของสถานะกึ่งเทพจริง ๆ สินะ เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งจริง ๆ !” เฟนด์พูดอย่างเย็นชา หลังจากที่เขามองดูอีกฝ่าย เขาโบกมือ และออร่าดาบ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ