“ก็ได้ ไปพบกับพวกเขากัน เพราะยังไงซะ อีกฝ่ายก็เป็นถึงหัวหน้าตระกูลโลว ถ้าเราปฏิเสธที่จะพบพวกเขาในครั้งนี้ เขาอาจจะโกรธเรา เราไม่ควรไปทำให้คนโฉดพวกนี้โกรธเคือง เพื่อไม่ให้ในอนาคตตอนที่เราเจอกับความลำบาก พวกเขาจะได้ไม่ทำเรื่องแย่ ๆ หรือสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น” ชาร์ลพยักหน้าเห็นด้วยหลังจากที่ได้ฟังความเห็นเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็สั่งให้บอดี้การ์ดพาอีกฝ่ายเข้ามาในห้องโถง “นายท่านฟรีแมนก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? เยี่ยมไปเลย!” เมื่อแจ็คสันเดินเข้ามาในห้องโถงและเห็นว่าหลุยส์ก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาก็อารมณ์ดีขึ้นทันที “อะแฮ่ม! บอกเรามาสิ วันนี้คุณมาทำไม? นี่มันดึกแล้ว เพราะงั้นบอกเหตุผลที่คุณตั้งใจมาที่นี่ให้ฟังหน่อยสิ! ถ้าเพื่อการร่วมมือกันทางธุรกิจ ฉันคิดว่าการพบกันครั้งนี้คงไม่จำเป็น เพราะยังไงซะ ธุรกิจของเราต่างกันและเราก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องร่วมมือกับตระกูลโลว!” ชาร์ลกระแอมในลำคอขณะที่ถามแจ็คสัน “ยินดีที่ได้พบพวกคุณ นายท่านฟรีแมนและนายท่านแลมเบิร์ต!” แจ็คสันรู้มานานแล้วว่า ตระกูลพวกนี้คิดว่าตัวเองมีเกียรติและเป็นผู้ดี มักจะดูถูกพวกเขาที่เป็นพวกตระกูลลับใต้ดิน ดังนั้น เขาไม่แปลกใจเลยกั
“เฮ้ เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองนางแอ่น เขาก็ฉลาดอยู่นะ ว่าไหม? เมืองนางแอ่นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เราน่าจะไปถึงที่นั่นได้ในไม่ช้า ฮึ่ม ไอ้หมอนั่น เขาซ่อนตัวอยู่ใต้จมูกเรา มันทำให้พวกเราดูโง่!” เทาหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “แต่น่าเสียดายที่หมอนั่นไม่รู้ว่าคำว่า 'ตาย' สะกดยังไง เขายังคงมีชื่อเสียงและสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น เขากล้าทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงที่นั่น เห็นชัด ๆ ว่าเขาคงอยากตาย!” “รู้ไหมว่านี่เรียกว่าอะไร? มันเรียกว่า หว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น!” ชาร์ลตะโกนอย่างประชดประชันพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชาออกมา จากนั้นเขาก็หันไปหาแจ็คสันและพูดว่า “ข้อมูลเรื่องนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ! พรุ่งนี้ ดีแลนจะพาเราไปที่นั่น และฉันจะให้เงินคุณหนึ่งหมื่นล้านเหรียญเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการบอกข้อมูลนี้ ส่วนวิธีการแบ่งเงินระหว่างคุณกับหลานชายของคุณ ก็แล้วแต่พวกคุณเลย!” แต่แจ็คสันกลับส่ายหัว “ไม่ ฉันไม่ต้องการรางวัลหรือเงินใด ๆ ฉันไม่อยากได้เงินเลยสักนิด ฉันแค่หวังว่าพรุ่งนี้ ทั้งตระกูลแลมเบิร์ตและตระกูลฟรีแมนจะพาคนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกคุณไปฆ่าเฟนด์ซะ และฉันก็จะพาคนของฉันไปด้วย ฉันจะไปพร้อมกับพวก
หลังจากนั้น ดีแลนกับคนอื่น ๆ ก็เดินออกไป ทั้งเขาและแจ็คสันค่อนข้างตื่นเต้นกับแผนการนี้ พวกเขาดื่มไวน์กันต่ออีกมากหลังจากกลับมาบ้านโลวก่อนจะพักผ่อน...เช้าวันที่สอง ตระกูลฟรีแมนก็พาผู้เชี่ยวชาญมา 500 ถึง 600 คนที่ทางเข้าเมือง และก็ไปเข้าร่วมกับตระกูลแลมเบิร์ตอีกหลายร้อยคนอย่างไรก็ตาม พวกเขาประหลาดใจเมื่อเห็นโลวมากับคนอีกแค่ 100 คน โดยที่มีปรมาจารย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น คนอื่น ๆ ดูเหมือนนักสู้ธรรมดาทั่วไป และมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ไม่กี่คน“ฮ่า ๆ ! เหมือนว่าพวกคุณจะไม่จริงใจกันนะ นายท่านโลว พวกเรารู้ว่านายใหญ่และนายหญิงของคุณคือผู้เชี่ยวชาญที่เกือบจะระดับเทพแล้ว และมียังผู้อาวุโสอีกมากมายเช่นกัน ทำไมไม่พาพวกนั้นมาล่ะ?” ชาร์ลส์แสดงความเห็น น้ำเสียงของเขาดูไม่พอใจขณะมองอย่างเย็นชาในความคิดของเขา มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่คนที่พวกเขาพามาแข็งแกร่งไม่พอ เขารู้สึกว่าแจ็คสันแสร้งทำเป็นพาคนพวกนี้มาแจ็คสันยิ้มอย่างขมขื่น “เหล่านายท่าน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันเสียหน่อย ฉันอยากจะพาผู้เชี่ยวชาญมา เอาจริง ๆ เลยนะ แต่เฟนด์ได้ฆ่าพวกเขาไปหมดแล้วตอนที่พยายามล้างแค้นให้หลานชายก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสของเราไม
“ตระกูลแลมเบิร์ตแห่งเมืองจิน ตระกูลของเราเล็กกว่าพวกเขา และพ่อของฉันก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมทำธุรกิจกับพวกนั้น... ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะส่งคนมาฆ่าพ่อแม่ฉัน ฉันกับปู่รอดมาได้เพราะไปตกปลา”“ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังจะอยากจัดการพวกเรา เลยเริ่มออกตามล่า เราเสียพวกเขาไปที่นี่ และกลายเป็นขอทาน เราหนีการไล่ล่าของพวกเขาไม่ได้”บรีแอนน่าอธิบายให้เฟนด์ฟังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “หลังจากที่เรารู้ว่าคุณคือนักรบสูงสุดและเก้าเทพสงครามคือลูกศิษย์คุณ เราเลยจะขอความช่วยเหลือจากคุณเพื่อแก้แค้น...” “ตระกูลแลมเบิร์ต?” เฟนด์ยิ้มเล็กน้อยขณะตอบว่า “ไม่เห็นจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเราเรื่องนี้เลย”ดวงตาบรีแอนน่าสิ้นหวังลงคำพูดต่อไปของเฟนด์ทำให้เธอไม่ทันระวัง อย่างไรก็ตาม “เพราะตระกูลแลมเบิร์ตก็เป็นศัตรูเราเหมือนกัน ฮ่า ๆ! ผมจะล้างบางพวกนี้ออกไปไม่ช้าก็เร็ว เหตุผลที่ผมมาที่เมืองนางแอ่นไม่ใช่เพราะกลัวตระกูลแลมเบิร์ต แต่ผมแค่อยากจะกำจัดบางคนในตระกูลเทย์เลอร์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวไปด้วยกันไม่ได้ แน่นอนว่ามาที่นี่เพราะเกร็ดมังกร นอกจากนั้น ที่นี่อยู่ใกล้กับครอบครัวของผม...”“ครอบครัวของคุณเหรอ?” บรีแอนน่าดีใจเมื
“ได้ หนูจะจองโรงแรมเดี๋ยวนี้” เซเลน่าพยักหน้า เธอไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรเมื่อเห็นของขวัญราคาแพงทั้งหมดที่คนนำมาให้พวกเธอ แม่เธอต้องมีความสุขเพราะเธอเป็นคนรับแน่“นายหญิง ไม่จำเป็นหรอกครับ ทำไมต้องจองโรงแรมด้วย? ในเมื่อทุกคนไปโรงแรมของผมได้? เรามีโรงแรมเจ็ดดาว ให้ผมโทรหาลูกน้องเพื่อจัดการเถอะ ผมเลี้ยงเอง!” ชายชราคนหนึ่งยิ้มขณะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา“เราจะให้คุณทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน? คุณเป็นแขกของเราและมาเยี่ยมเรานะ เราต้องเลี้ยงเองสิ!” เซเลน่าโต้“ไปโรงแรมฉันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง! ไปกันเถอะ!” ชายอีกคนพูด ทุกคนรู้ดีว่าการเชิญนักรบสูงสุดและเทพสงครามไปโรงแรมด้วยได้ควรค่าแก่การอวดกับคนอื่น ๆ เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะต้องแย่งกันเพื่อโอกาสที่ดีอย่างนี้“เลิกเถียงกันเถอะ” เฟนด์พูดด้วยรอยยิ้ม “ไปที่โรงแรมนายใหญ่ลาเจอร์ก็ได้!”ชายชรารู้สึกปลื้มใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยมไปเลย! ผมขอให้ลูกน้องเตรียมของกินเอง เพราะงั้นแค่สนุกและกินให้จุกันไปเลย!”“ฮ่า ๆ ! เราจะสนุกกันแน่นอน!” ชายวัยกลางคนอีกคนเริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข ตระกูลพวกนี้คือคนมีเงิน เพราะฉะนั้นมันไม่สำคัญว่าใค
เทาพูดกับเฟนด์ด้วยความโกรธแค้นเกลียดชังอย่างมาก“วันนี้ฉันก็มาล้างแค้นให้ลูกสาวเหมือนกัน!” หลุยส์จ้องเฟนด์เขม็งขณะกัดฟันอย่างไรก็ตาม ชาร์ลส์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โดดเด่นขึ้นมาถามดีแลนและแจ็คสันว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนเยอะขนาดนี้? ไม่เห็นบอกเลยว่าที่นี่คนเยอะ? เหมือนว่าจะมีกองกำลังจากที่อื่นมาที่นี่นะ!”“เวร! เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเทพสงครามอยู่ที่นี่ด้วย?” ไม่ช้า ก็มีคนจำอีธานและคนอื่น ๆ ได้ ท่าทีของพวกเขานิ่งลงแม้ว่าจะมีหลายคน แต่ก็มีแค่สี่ในห้าเท่านั้นที่เป็นปรมาจารย์ระดับกึ่งเทพที่ต่อสู้กับเทพสงครามได้ไม่เพียงแค่เหล่าเทพสงครามจะอยู่ในระดับกึ่งเทพเท่านั้น แต่บางคนก็อยู่ในขั้นกลางหรือขั้นสูงของระดับกึ่งเทพ พวกเขามีประสบการณ์การต่อสู้ที่ช่ำชองภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาก็ไม่อาจต่อกรกับกลุ่มของเฟนด์ได้ช่วยไม่ได้ที่เฟนด์นำคนออกไปด้วยมากมาย และพวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามีแค่หนึ่งหรือสองร้อยคน แต่เหมือนว่าเฟนด์จะมีถึงห้าหกร้อยคนเลยนะลาน่าถอดหน้ากากออก สุดท้ายแล้วเฟนด์ก็ได้เปิดเผยตัวตนในขณะที่เธอไม่ได้สนใจอ
“เป็นไปได้ยังไง? เขา...ยังเด็กอยู่เลย! จะเป็นนักรบสูงสุดได้ยังไงกัน?” ดีแลนแสดงสีหน้าไม่เชื่อออกมา เขาส่ายหัวไม่หยุดอย่างไม่อยากยอมรับกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินอย่างไรก็ตาม เทพสงครามตรงหน้าพวกเขาก็เป็นที่รู้จักต่อประชาชน พวกเขาคุ้นเคยกับใบหน้าคนพวกนี้ฉะนั้น เทพสงครามไม่ได้โกหก เฟนด์ ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขานี้ คือนักรบสูงสุดและอาจารย์ของพวกเขาอย่างแน่นอน“คนที่เราไปมีเรื่องด้วย... คือนักรบสูงสุดเหรอ?” แจ็คสันพูดไม่ออก เขาคงไม่ขอให้พ่อแม่มาช่วยล้างแค้นให้ตระกูลแวกเนอร์ถ้ารู้ว่าเฟนด์คือนักรบสูงสุดแต่เสียดายที่ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว“ฆ่ามัน!” เฟนด์ไม่รอช้าที่จะโบกมือสั่งเขาเข้าใจดีว่าทั้งสองตระกูลคือมีอำนาจมาก คนที่มาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงของตระกูล ถ้าปล่อยให้มีชีวิตรอดออกไป อาจจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้ถ้าฆ่าคนพวกนี้ทิ้งซะ ทั้งสองตระกูลก็จะไม่มีโอกาสได้เริ่มอะไรใหม่อีกครั้ง ถ้าไม่มีปรมาจารย์ระดับกึ่งเทพและปรมาจารย์ระดับสูงจำนวนมาก ๆ คนอื่น ๆ ก็คงไม่มีปัญญาสู้กลับเปรี้ยง! ขวับ! ฟุ่บ!ปรมาจารย์ระดับกึ่งเทพเทพทั้งแปดเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาพุ
เทาคำรามออกมาสุดพลังขณะที่พุ่งเข้าหาเฟนด์พร้อมกับดาบเล่มใหญ่ในกำมือแต่อนิจจา เขาเข้าใกล้เฟนด์ไม่ได้เลยพร้อมโดนฆ่าด้วยรังสีดาบผู้เชี่ยวชาญนับร้อยถูกฆ่าตายในเวลา 10 นาทีเพียงแค่นั้นส่วนเฟนด์และคนของเขา สูญเสียไปเพียงไม่กี่คนและบาดเจ็บไม่กี่สิบคนเท่านั้น“ฮ่า ๆ ! รู้สึกดีจริง! นานมากแล้วที่ไม่ได้สู้ใหญ่ขนาดนี้!” ชายแก่คนหนึ่งจากตระกูลชนชั้นสูงของเมืองศิลปะการต่อสู้หัวเราะออกมาเฟนด์มองเวลาแล้วพูดว่า “นี่มันก็สายมากแล้ว คนพวกนี้ต้องมีของกำนัลมากแน่ ๆ อาวุธหรือไม่ก็อย่างอื่นที่ดี ๆ! ทุกคนไปแบ่งกันได้เลย แล้วเราจะไปทานอาหารกลางวันกัน!”นั่นเป็นเหมือนเสียงเพลงกับทุกคน สุดท้ายแล้ว คู่ต่อสู้ของพวกเขาก็คือพวกชนชั้นสูงจากตระกูลที่มีอำนาจ เงินและอาวุธพร้อมของกำนัลพวกนั้นก็มากพอที่จะทำให้คนอื่นอิจฉาจากนั้น พวกเขาก็ขับรถไปที่โรงแรมเจ็ดดาวหลังจากจัดการศพพวกนั้นและทำความสะอาดพื้นที่ขณะนั้น ที่ตระกูลวู๊ด...ผู้พิทักษ์รุ่นที่เก้า เบรนตัน วู๊ด มาหานายหญิงลิลลี่อีกครั้ง“เป็นไงบ้าง? ผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่เจอเฟนด์แล้วก็คนอื่น ๆ อีกเหรอ? ยังฆ่าพวกนั้นไม่ได้อีกเหรอ?” ลิลลี่ไม่สบายใจอยู่ตล
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ