หลังจากนั้นไม่นาน เจอรัลด์ ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถที่เวสสันให้คนของเขาขับไปส่ง ก็รู้สึกว่าจู่ ๆ รถได้หยุดอย่างกะทันหัน เมื่อเขาหันไปมองคนขับ เจอรัลด์ก็เห็นว่าเขากำลังจุดบุหรี่และชำเลืองมองที่กระจกมองหลัง ก่อนจะยิ้มให้เจอรัลด์อย่างเย็นชา เมื่อเห็นท่าทางที่แปลกประหลาดของคนขับรถ เจอรัลด์จึงถามเขาว่า “เรามาถึงครึ่งทางแล้วใช่ไหม? นายหยุดรถทำไมกัน?” “โอ้ ผมทราบครับ ผมก็แค่รู้สึกเหนื่อย ผมขอพักสักหน่อยก็แล้วกันนะครับ!” คนขับตอบกลับด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม "เหนื่อยงั้นเหรอ? ขอร้องล่ะ นายไม่ได้ขับรถมานานขนาดนั้น ฟังนะ นายจะทำอะไรก็ได้ตอนที่ไปส่งฉันจนถึงที่หมายแล้ว แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น นายควรจะขับต่อไปให้ดี!” เจอรัลด์พูด ขณะที่เขาส่ายหัว หากจะให้พูดตามตรง เจอรัลด์ไม่ได้อยากฆ่าคนโดยที่ไม่มีเหตุจำเป็นนัก เพราะทุกชีวิตล้วนมีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น หากเขาไม่ได้มีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตแบบนั้น เขาก็คงใช้เวลาน้อยลงในการพูดจาไร้สาระกับคนพวกนี้ และฆ่าพวกเขาให้หมดเท่าที่เขาจะทำได้ “ฮะ! คุณคิดว่าคุณใหญ่โตมาจากไหนเหรอ?” คนขับเยาะเย้ย ในขณะที่เขาหันไปมองกระจกมองหลังอีกครั้ง ในตอนนั้นเอง เขาก็หันไปเห็นร
แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเย้ยหยันเจอรัลด์ แต่ทั้งหกก็ต้องรีบถอยหลังไปสองสามก้าวทันทีด้วยความตกใจ เจอรัลด์เองก็ส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “ผมบอกพวกคุณแล้วใช่ไหมว่าผู้คนจะชอบชะล่าใจและคิดว่าพวกเขาสามารถฆ่าผมได้ง่าย ๆ พวกคุณก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคนเหล่านั้นเลย เอาตามตรงเลยนะ พวกคุณมันก็แค่เศษฝุ่นสำหรับผม... และผมก็ทนเห็นเศษฝุ่นไม่ได้!” หลังจากนั้น เจอรัลด์ก็ตวัดนิ้วใส่พวกเขา จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้น ในขณะที่มีลมหมุนที่รุนแรงพุ่งเข้าหาคนทั้งหกอย่างรวดเร็ว! ในขณะนี้ ฝุ่นกำลังฟุ้งกระจายไปทุกทิศทุกทางจากแรงระเบิดของอากาศที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก คนทั้งหกหันหนีทันทีโดยสัญชาตญาณ พวกเขาตั้งใจที่จะหลบหนี! ท้ายที่สุด พวกเขารู้ความจริงว่าหากพวกเขาถูกโจมตีโดยพลังอันมหาศาลนั้น พวกเขาก็จะต้องตายในทันที ช่างเป็นพลังที่โหดเหี้ยมและไร้มนุษยธรรม! ในขณะที่การวิ่งหนีเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาคิดได้ในตอนนี้ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถที่จะยกขาขึ้นได้ด้วยซ้ำ! ราวกับว่าครึ่งล่างของร่างกายของพวกเขาไร้ความรู้สึก และกำลังถูกบางอย่างครอบงำอยู่! พวกเขาทั้งหกคนไม่สามารถที่จะหลบหนีไปไหนได้ ร่างของพวกเขาหยุดนิ่งอยู่กับที
ไม่นานหลังจากที่เธอพูดเช่นนั้น ทุกคนก็มองเห็นร่างร่างหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้า ๆ จากระยะไกล... และทันทีที่เขาเข้าใกล้มากพอ ตาของลีโอก็เป็นประกายในขณะที่เขาตะโกนเสียงดังว่า “นั่นคุณจริง ๆ ด้วย คุณคลอฟอร์ด!” เมื่อรู้ว่าเจอรัลด์มาถึงแล้ว ปีเตอร์ก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยเช่นกัน… จนกระทั่งเขาได้มองเห็นเจอรัลด์ใกล้ ๆ ปีเตอร์ก็ถึงกับตกตะลึงและเบิกตากว้างก่อนจะพึมพำออกมาว่า “…เจอรัลด์… เกิดอะไรขึ้นกับทักษะและพลังของคุณ…?” เวลาผ่านมาเพียงไม่กี่วันนับตั้งแต่ที่เขาได้พบกับเจอรัลด์เป็นครั้งสุดท้าย… เจอรัลด์สามารถพัฒนาพละกำลังของเขาให้มีความแข็งแกร่งจนน่ากลัวเป็นอย่างมากภายในระยะเวลาสั้น ๆ แบบนั้นได้อย่างไร…? 'ก็อย่างที่คุณล็อคแลนด์พูด เป็นไปได้ไหมว่าเจอรัลด์อาจจะไม่ใช่แค่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว...?' "เป็นไปตามนั้น ผมถามทุกคนมาตลอดทางจนในที่สุดก็ได้พบกับทุกคนที่นี่ครับ! คุณไซล่า!” เจอรัลด์ตอบในขณะที่เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปมองโลกที่สามารถมองเห็นได้อย่างเลือนลางซึ่งกำลังลอยอยู่เหนือเขาในตอนนี้... หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ตั้งสติจากอาการประหลาดใจก่อนจะพูดว่า “… ผ
หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของเจอรัลด์แล้ว ปีเตอร์ก็พูดขึ้นว่า “นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทักษะและพลังของคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงสามวัน!” “นั่นคือเรื่องราวทั้งหมด… ในท้ายที่สุด ฉันเดาว่าบางสิ่งมักจะจบลงด้วยการถูกเปิดเผยเสมอ ไม่ว่าเราจะพยายามปิดบังมันมากแค่ไหนก็ตาม… ทุกอย่างเป็นไปตามที่โชคชะตากำหนด… คุณรู้ไหม ลีมิสเคยบอกกับฉันว่า แม้แต่ผู้ที่ปกครองดินแดนแห่งจาเอลตราซึ่งมีอำนาจมากที่สุด ก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีชะตากรรมของตัวเองได้… และก็เป็นจริงตามที่เขาพูด เพราะแม้แต่ตัวลีมิสเองก็ยังไม่สามารถปฏิเสธชะตากรรมของตัวเองได้เช่นกัน! ไม่คิดเลยว่าวิญญาณบรรพกาลอันทรงพลังจะเป็นพลังที่แข็งแกร่งจนสามารถทำลายขีดจำกัดสูงสุดได้!” ไซล่าอธิบาย “…ทำลาย… ขีดจำกัดสูงสุด…?” ทั้งลีโอและปีเตอร์พึมพำพร้อมกัน "ใช่แล้ว คุณเห็นไหมว่าขีดจำกัดสูงสุดนั้นไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุด… มันมีความสามารถในการคงความแข็งแกร่งอย่างไม่มีขีดจำกัด และไม่ควรมีใครที่มีความสามารถมากพอที่จะเข้าถึงมันได้! แต่เคยมีตำนานเล่าว่า วิญญาณบรรพกาลอันทรงพลังสามารถทำลายมันได้!” เมื่อได้ยินคำอธิบายของไซล่า ทุกคนก็รู้สึกประหลาดใจและ
หลังจากนั้น เขาก็ฟังคำอธิบายของไซล่าว่าแท้จริงแล้วฐานพลังเดเลอร์คืออะไร แท้ที่จริงแล้ว ฐานพลังเดเลอร์เป็นส่วนพื้นฐานของผู้ฝึกฝน ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือ มันทำหน้าที่เหมือนแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานที่สุด หากรากฐานของพลังเดเลอร์ถูกทำลาย แม้ว่าคน ๆ นั้นจะฝึกตนให้อยู่ในระดับสูงได้โดยอาศัยความพยายามของพวกเขาเอง พวกเขาก็ไม่มีทางบรรลุถึงร่างและพลังที่แข็งแกร่งที่สุดได้อย่างแท้จริง สำหรับวิธีการปลุกฐานพลังเดเลอร์ขึ้นมานั้น ผู้ฝึกฝนจะต้องผ่านพิธีศีลจุ่มจากสวรรค์ ซึ่งเจอรัลด์ได้ผ่านขั้นตอนนั้นมาแล้ว ตามคำแนะนำของผู้นำวิญญาณ ตามที่ไซล่าได้กล่าวเอาไว้ เจอรัลด์ควรปลุกทั้งฐานพลังเดเลอร์และพลังหยิน ซึ่งตอนนี้เขาสามารถควบคุมได้แล้ว หลังจากทำพิธีศีลจุ่มจากสวรรค์เสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฐานพลังเดเลอร์ของเขาถูกทำลายตั้งแต่เริ่มต้น เขาจึงไม่สามารถปลุกสิ่งใดขึ้นมาใช้งานได้เลย นั่นจึงอธิบายได้ว่าทำไมต่อให้ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเขาได้ปลดล็อกศักยภาพขั้นแรกของเขาแล้ว แต่พลังของเขาก็ยังห่างไกลจากความคาดหวังของไซล่า “แล้วผมควรจะทำอย่างไรดีล่ะครับ…? ผมเข้าใกล
“…ตั้งแต่วินาทีที่ฝ่ามือของผมได้สัมผัสกับมัน ผมก็รู้สึกได้ถึงพลังของสิ่งที่ดูเหนือธรรมชาตินี้… คุณรู้ไหมว่าครอบครัวของผมมีภาพวาดของดวงอาทิตย์ที่สามารถทำนายอนาคตได้… แมคคิวชั่นมีพลังที่จะทำนายอนาคตได้เช่นกันหรือไม่?" เจอรัลด์ถามด้วยความสงสัย “มันทำได้ แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ความสามารถเดียวของมันก็ตาม ลองใช้จี้หยกเลือดมังกรเป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับมันดู ลองถามคำถามที่คุณต้องการที่จะรู้คำตอบอย่างแท้จริง และถ้าคุณโชคดี มันจะให้คำตอบกับคุณ! นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้รู้ว่าตำนานที่กล่าวถึงเรื่องพลังเวทย์มนตร์อันยิ่งใหญ่ของแมคคิวชั่นได้แม่นยำเพียงใด” ไซล่าตอบ “เข้าใจแล้วครับ” เจอรัลด์ตอบขณะหลับตาและทำตามที่ไซล่าแนะนำ หลังจากนั้นไม่นาน ลำแสงก็พุ่งออกมาจากจี้ และเคลื่อนเข้าสู่แมคคิวชั่น! แต่หลังจากที่เจอรัลด์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น… เขาและไซล่าตั้งตารอคอยในความเงียบอีกสักพัก และหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็ถึงกับเบิกตากว้าง เมื่อพวกเขาเห็นแมคคิวชั่นซึ่งก่อนหน้านี้เคยวางอยู่บนฝ่ามือของเจอรัลด์ ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ… หลังจากนั้นไม่นาน จู่ ๆ แมคคิวชั่
ภาพที่เห็นคือภูเขาหลายลูกที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ เกาะที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีดอกไม้แปลกประหลาดขึ้นอยู่ทั่วทุกพื้นที่ และทันทีที่เจอรัลด์เห็นเกาะนั้น เขาก็รู้ทันทีว่าสถานที่แห่งนั้นคือที่แห่งใด มันคือเกาะวาร์ฮิลล์ สถานที่ที่จะใช้ทำพิธีปฏิญาณตนต่อบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์! ‘ถึงตอนนี้ ฉันแน่ใจว่าคุณปู่และคนอื่น ๆ น่าจะไปถึงที่นั่นนานแล้ว…’ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจอรัลด์เริ่มที่จะเข้าใจกลไกการทำงานคร่าว ๆ ของแมคคิวชั่นแล้ว โดยพื้นฐานแล้ว หลังจากที่เขาสื่อสารกับมันผ่านจิตวิญญาณ ทุกสิ่งที่ผู้สื่อสารคิด ลืม หรือสับสนมาโดยตลอดจะค่อย ๆ ปรากฏบนหน้าจอทีละเรื่อง เขาได้ข้อสรุปนั้นตั้งแต่ที่เขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับมิล่า ตอนนี้หน้าจอกำลังแสดงสถานที่ที่ปู่ของเขาเดินทางไปเพื่อเข้าร่วมในพิธีปฏิญาณตนต่อบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดเจอรัลด์จึงมั่นอกมั่นใจนักว่านี่คือเกาะวาร์ฮิลล์ สถานที่ในตำนานที่มีการจัดพิธีปฏิญาณตนต่อบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาได้เห็นรูปปั้นของแองเจลิกาที่พลิกกลับด้าน แต่ยังคงดูพร่างพราวในขณะที่หน้าจอเคลื่อนไหวเข้าไปใกล้เกาะ อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเจอรัลด์ก็ตระหนักว่าแม้เวลา
ขณะที่เจอรัลด์กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดนั้นอยู่พักหนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ เขามาตลอดกรีดร้อง! ตอนนี้ปีเตอร์เองก็ดูกังวลเป็นอย่างมาก เขาชี้ไปที่หน้าจอทันทีก่อนจะตะโกนว่า “เจอรัลด์ ดูนั่นสิ!” เมื่อหันไปมองที่หน้าจอ ซึ่งยังคงแสดงภาพของเกาะวาร์ฮิลล์ เจอรัลด์ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าที่นั่นมีมนุษย์อยู่ แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้อง เหตุผลที่พวกเขารู้สึกหวาดกลัวมากก็เพราะคนที่ปรากฏอยู่ในภาพคือซากศพ ที่ดูเหมือนว่าพวกเขาได้เสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง! จากสิ่งที่เจอรัลด์สามารถประเมินได้ มีปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เสียชีวิตอยู่ที่นั่นประมาณร้อยคน ซึ่งพวกเขาน่าจะเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อมาเข้าร่วมในพิธีปฏิญาณตนต่อบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ที่กำลังเกิดเหตุหายนะขึ้นในตอนนี้ เมื่อมองไปที่ซากศพที่นอนเกลือนกลาดอยู่บนพื้น เปลือกตาของเจอรัลด์เริ่มกระตุกอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาคิดถึง 'คุณปู่...!' ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกเป็นห่วง เพราะปู่ของเขาเพิ่งเดินทางไปที่สถานที่จัดพิธีปฏิญาณตนต่อบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่เขากำลังสำรวจศ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ