บทที่ 22
“แน่ะ มีกั๊กด้วยโว้ยไอ้หมอนี่ เออๆ นายจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ แหม... เหมือนเจ้านายไม่มีผิดเลยนะเรา...” อัคราพอจะเข้าใจนิดหน่อยแต่ก็ยังรอดูท่าทีของน้องชายเงียบๆ เมื่อเห็นอัครวัฒน์ช้อนอุ้มร่างเล็กๆ ของสาวน้อยคนหนึ่งออกมาจากรถยนต์คันใหญ่หรูหรา...
อ้อ... แม่มด เขาเข้าใจแล้ว... ผู้เป็นพี่ชายถึงบางอ้อเมื่อเห็นท่าทางอ่อนโยนของน้องชาย
ความหวังของพวกเขาที่จะได้น้องชายคนเดิมกลับคืนมาเริ่มเรืองรองอีกครั้ง เขาจะต้องบอกทุกคนให้รับรู้...
อัครากอดอกมองน้องชายนิ่งใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยหนวดเคราไม่ต่างจากน้องชายนั้นดูเหมือนจะไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาแต่ภายใจในของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความยินดี...
“ให้ช่วยอะไรไหมน้องชาย”
“ไม่ต้องครับ ผมจัดการเองได้...” พูดจบอัครวัฒน์ก็อุ้มร่างเล็กๆ ในอ้อมแขนเดินจากไปไม่ทันจะให้พี่ชายของตนได้เห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ และดูเหมือนเจ้าหล่อนจะหลับสนิทชนิดที่ว่าหลับลึกมากถึงได้หลับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวขนาดนั้น นั่
บทที่ 23.เมื่อเวลารับประทานอาหารที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วสิ้นสุดลง มนตราแทบจะไม่อยากลุกจากโต๊ะอาหารไปไหนเลยเมื่อรู้ดีว่าจะต้องเข้าไปนอนร่วมห้องกับเจ้าของบ้านที่นั่งหน้าเข้มบึ้งตึงมองเธอเหมือนโกรธกันมาร้อยชาติ ไม่รู้ว่าวันนี้เธอทำอะไรให้เขาพอตื่นขึ้นมาอีกทีอัครวัฒน์ก็มีท่าทางแบบนี้ ทั้งที่ระหว่างทางเขาก็ดูพูดดีกับเธอ...มนตรารู้สึกสับสนกับผู้ชายตรงหน้าเหลือเกิน... หญิงสาวลากเท้าเดินเข้ามาในห้องนอนกว้างอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธออยากจะเดินไปอีกห้องที่อยู่ตรงข้ามกันแต่ก็ไม่กล้ากลัวว่าเขาจะโกรธ ทั้งเธอยังไม่รู้เลยว่า ไร่อัครา ที่เขาพามานั้นคนที่นี่เขาอยู่กันอย่างไรแบบไหนและมีใครบ้าง ดึกป่านนี้แล้วเธอเองก็ไม่กล้าที่จะก้าวออกจากบ้าน อย่างน้อยๆ อยู่ในบ้านเธอก็ยังรู้สึกปลอดภัยกว่าจะเดินออกไปข้างนอกที่ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง... “จะยืนเซ่ออยู่อีกนานไหม ไปแปรงฟันแล้วมานอนได้แล้ว... ทำตัวเหมือนเด็กๆ ไปได้ ที่ต้องคอยให้บอกทุกเรื่องอยู่ตลอดเวลา”“ค่ะ” ดูเหมือนมนตราจ
บทที่24. “หนูเล็ก... โอ หนูเล็กมาหาพี่โดมหรือครับ” “ค่ะ หนูเล็กแวะมาเยี่ยมพี่โดม สบายดีไหมคะ...” อัครวัฒน์รีบลุกมาโอบกอดคนรักทันทีที่ลืมตามาเห็นชลิตายืนยิ้มอยู่ข้างๆ ตอนนี้เขากับเธอยืนอยู่ริมหาดทรายสวย ชลิตาชอบทะเลมาก...“สบายดีครับ แต่ถึงจะสบายแค่ไหนแต่พี่คิดถึงหนูเล็กที่สุด... หนูเล็กกลับมาพี่ได้ไหมคนดี” “พี่โดมขอในสิ่งที่หนูเล็กให้ไม่ได้เลยค่ะ พี่โดมขา ปล่อยหนูเล็กไปเถอะ หากเป็นแบบนี้ต่อไปหนูเล็กทรมาน...” เธอหยุดเดินแล้วหันมามองเขาด้วยแววตาเศร้าสร้อยต่างจากเมื่อครู่ก่อนที่ยังยิ้มแย้มให้เขา“ทำไม หนูเล็ก เรารักกัน อีกไม่นานพี่ก็จะตามไปอยู่กับหนูเล็กแล้วคนดี พี่อยู่แบบนี้แล้วทรมานเหลือเกิน” “พี่โดมขา อย่าทำแบบนี้เลยค่ะแค่นี้หนูเล็กก็บาปจะแย่ที่ทำให้ผู้หญิงบริสุทธิ์อีกคนมารับเคราะห์จากสิ่งที่เธอไม่ได้ก่อ พ
บทที่ 25“ค่ะๆ” ด้วยความลนลานทำให้ขวดสบู่เหลวที่ถืออยู่หล่นตกลงไปในน้ำและมันก็ลอยล่องอยู่ตรงหน้าขาแข็งแรงมนตราหน้าแดงก่ำละสายตาจากตรงนั้นเร็วไวแต่ก็ทันได้เห็นอะไรต่อมิอะไรของเขาเสียเต็มตาท่าทางของเธอทำให้อัครวัฒน์เก็บเสียงหัวเราะแทบไม่ไหวและก็เริ่มทนอย่างอื่นไม่ได้ด้วยดังนั้นเขาคิดว่าทำอย่างอื่นน่าจะสนุกกว่าอาบน้ำแสนธรรมดา“ฉันว่า ไปอาบน้ำฝักบัวดีกว่า...”พูดจบก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งรั้งร่างเปียกปอนของเธอติดตามมายังฝักบัวหรูอย่างง่ายดายราวกับมนตราคือสิ่งไร้น้ำหนักสำหรับเขา...“อุ๊ย คุณโดม ไม่นะคะเดี๋ยวมนเปียก”ความจริงแล้วเธอเปียกไปแล้วทั้งตัวต่างหากและเธอก็ไม่มีโอกาสได้ขัดขืนหรือคัดค้านอะไรเมื่อเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออกจากกายอย่างรวดเร็วจนในที่สุดเธอก็เปลือยเปล่าไม่ต่างจากเขา...“หนะ ไหนคุณโดมว่าจะอาบน้ำไงคะ...” ค้านพลางพยายามปกปิดอกอวบและจุดอ่อนไหวขอบตนจากสายตาคมขุ่นข้นด้วยเพลิงปรารถนาของเขา อัครวัฒน์รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างไม่อาจจะทานทนกับความ
บทที่ 26.“อ๊า โอ้ววว... คุณ โดมขา... สะ เสียว อา...” ครางกระเส่าเร่ารัญจวนพร้อมทั้งแอ่นหยัดสะโพกเข้าหาปากร้าย แผ่นหลังนวลเสียดสีไปกับแผ่นกระเบื้องเย็นเฉียบจนแสบร้อนแต่มนตราไม่อาจจะต้านทานแรงฤทธิ์เสน่หาจากปากและลิ้นที่กำลังร่ายตวัดเลียวนอยู่ที่ดอกไม้สาวอันอ่อนไหวได้ สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้คือเสนอและสนองอารมณ์ร้อนรุ่มของเขาและของตนเองเท่าที่จะทำได้และเธอไม่อาจจะหยุดส่ายร่อนสะโพกกับปากร้ายของเขาได้หากยังไม่ได้รับการเติมเต็มจากเขา...โอ นี่เธอกลายเป็นสาวร้อนรักไปแล้วอย่างเต็มภาคภูมิ... มนตราคิดอย่างหม่นมัวในอารมณ์ที่ด่ำดิ่งลึกล้ำแต่ก็ไม่อาจจะทัดทานสิ่งที่เกิดขึ้นได้เพราะเธอเองก็ต้องการมันเช่นกัน...สะโพกมนเกร็งค้างกับปากและลิ้นของเขาเป็นสัญญาณว่าเจ้าหล่อนได้ก้าวผ่านความสุขสมไปแล้วระรอกหนึ่ง อัครวัฒน์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจับร่างเล็กให้หันหลังเข้าหาผนังลายสวยพลางกระซิบสั่งให้เธอก้มก้งโค้งในท่าที่เขาต้องการซึ่งเธอก็ทำตามคำขอของเขาอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มค่อยๆ ดันแก่นกายชายที่ร้อนระอุด้วยเพลิงสวาทเร้าร้อนเข้าหาดงดอกไม้นุ่มช้าๆ ก่อนจะ
บทที่ 27.สภาพของชายหนุ่มเจ้าสำอางรูปร่างสูงโปร่งที่ก่อนหน้านี้ยังพอดูรู้ว่าเป็นใครนั้น บัดนี้ผอมโซผมเผ้าหนวดเครายาวรุงรัง ซ้ำเสื้อผ้ายังสกปรกขาดวิ่นเพราะไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากเจ้าตัว อีกทั้งก็ไม่มีเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เขาได้เปลี่ยนใส่ ทำได้เพียงใส่ตัวเดิมซ้ำๆ มากว่าสองสัปดาห์แล้ว แต่สองสัปดาห์ในความรู้สึกของมิ่งเมืองนั้นมันยิ่งกว่าสองปีเสียอีก“เมื่อไหร่แกจะปล่อยฉันไป” เขาถามพลางมองโซ่ตรวนที่ข้อเท้าและข้อมือผอมๆ ของตนอย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิต“คิดว่าไม่...” อัครวัฒน์ตอบเบาๆ มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา...“ไม่... จนกว่าแกจะตายไปเอง แล้วเมื่อนั้นฉันจะปล่อยแกไป” เสียงของเขากึกก้องไปทั้งโพรงถ้ำเย็นเฉียบและอับชื้นที่ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่กักกันนักโทษของดีแลนด์ซึ่งมันอยู่ท้ายไร่อัคราติดกับภูเขาสูงและมีชะง่อนหินผาเป็นปราการอย่างดีที่จะทำให้นักโทษที่นานๆ จะมีมาให้ทรมานสักคน ไม่อาจจะหนีไปได้หรือหากคิดจะหนีก็คงจะเป็นการหนีไปตายเสียมากกว่า“แกมันไม่ใช่คน ดูสิ่งที่แกทำกับฉันสิ ฆ่าฉันเสียยังจะด
บทที่ 28.ฝันถึงผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเขาแอบรักเธอ.. ใช่แล้วเขาแอบรักเจ้านายของตนเองมาตลอดและรู้ดีว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอแม้แต่จะคิด และสุดท้ายเธอต้องมาตายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ...“ผมขอโทษคุณหนูเล็ก ผมขอโทษ...” มิ่งเมืองร่ำไห้อยู่คนเดียว ความโดดเดี่ยวเดียวดายและหนาวเหน็บที่เห็นชลิตาเผชิญในความฝันนั้นเขารู้ดีทีเดียวว่ามันทรมานเพียงใด หากตอนนี้เขาสามารถจะทำอะไรเพื่อเธอได้ เขาก็พร้อมจะทำ... แต่เธอตายแล้ว.. เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อให้เขาชดใช้ให้กับเธอแล้วซ้ำเขายังทำให้บิดากับน้องสาวต้องมารับเคราะห์กรรมจากการกระทำของตนอีกด้วย...เขาน่าจะตายๆ ไปเสีย แทนที่จะเป็นชลิตา... วูบหนึ่งของความคิดมิ่งเมืองเคยคิดจะฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้ความผิดที่ก่อแต่เสียงใสๆ ของชลิตากลับดังกังวานอยู่ในหัวราวกับว่าเธอพูดอยู่ข้างๆ หู“คุณจะตายไม่ได้ คุณต้องอยู่เพื่อทำสิ่งหนึ่งให้ฉัน... คุณต้องรอ”เสียงของเธอยังก้องอยู่แม้ในขณะนี้ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเธอให้เขารออะไร...“คุณหนูเล็ก ได้โปร
บทที่ 29.ร่างเล็กของหญิงสาวที่เดินอย่างเหนียมอายเข้ามายังชานเรือนกว้างขวางซึ่งตั้งสำรับอาหารไว้พร้อมสรรพนั้น ดึงดูดทุกสายตาให้มองไปที่เธอจนมนตรารู้สึกประหม่าเมื่อคนทั้งห้ามองมายังตนเป็นจุดเดียว...“เข้ามาเลยจ้ะน้องมน มานั่งข้างๆ พี่นี่มา...” บารนีเป็นผู้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานในแบบของเธอทั้งยังเดินมาจูงมือเล็กไปนั่งข้างๆ ตน ทั้งอัคราและอัคนีต่างก็ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรและเอ็นดูเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งหน้าตึงอยู่ตรงข้ามกับเธอ...“น้องมนอย่าไปสนใจโดมเลยค่ะ พี่รักว่าวันนี้เป็นวันดีนะที่เราอยู่กันพร้อมหน้าซึ่งนานๆ จะมีโอกาสแบบนี้” ยอดรักกล่าวขึ้น หญิงสาวอยู่ในชุดคลุมท้องผ้าไหมสีสวยงดงามยิ้มหวานให้เธอพลางสั่งให้แม่บ้านตักข้าวให้ทุกคน“น้องมนทานเยอะๆ นะครับ ดูจะผอมไปนะเราน่ะ ตัวเล็กเกินไปเดี๋ยวไม่มีแรงสู้กับยักษ์ใหญ่” อัคนีกล่าวยิ้มๆ อย่างเป็นกันเองแล้วหันไปหลิ่วตาให้น้องชายที่นั่งจิบไวน์ข้างๆ“บอกให้เธอระวังยักษ์ใหญ่จะจับหักคอด้วยก็ดีนะผมว่า” อัครวัฒน์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิด
บทที่ 30.“อื้ม อา... คุ คุณโดม... อุ๊ย... โอว...” เมื่อสิ่งที่คิดว่าเป็นความฝันนั้นชัดเจนมากขึ้นเมื่อมือร้อนผ่าวสัมผัสกายสาวความง่วงงัวเงียหายไปถ้อยคำที่จะเอ่ยขัดเขาก็กลายเป็นเสียงครางเบาๆ ด้วยความซ่านรัญจวนแทนที่...มือบางอ่อนแรงเกินกว่าจะผลักอกกว้างเปล่าเปลือยซึ่งเธอจำได้ว่าเธอใส่เสื้อให้เขาแต่ตอนนี้เสื้อนอนของเขามันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่เธอก็ไม่อาจจะให้ความสนใจว่าเสื้อผ้าของเขาหรือของเธอมันจะอยู่ตรงมุมไหนของห้อง เพราะตอนนี้เธอต้องสนใจอย่างอื่นมากกว่านั่นคือความร้อนเร่าที่ก่อเกิดในกายสาวที่เริ่มเดือดระอุมากขึ้นตามจังหวะเรียวลิ้นและมือใหญ่ร้อนผะผ่าวที่ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเปลือยเปล่า...เขาช่างมีความสามารถในการถอดเสื้อผ้าเป็นเลิศเสียจริงๆ ถอดเบามือจนไม่รู้สึกและรวดเร็วจนเธอไม่อาจจะทัดทานเขาได้เลยสักครั้ง...มนตราครางเบาๆ ในลำคออย่างยอมแพ้พลางแอ่นกายขึ้นเหนือที่นอนนุ่มเมื่อทรวงสาวอวบใหญ่ถูกปากและลิ้นของเขาดื่มกินอย่างเอร็ดอร่อย ยอดทรวงสีหวานแทบจะละลายไปในอุ้งปากร้อนผ่าวของเขาร่างสาวบิดเร่าส่ายพลิ้วเสียดส
บทที่ 61. อวสาน “ไม่อยากนอนค่ะอยากทำอย่างอื่น..” มนตราบอกสามีเสียงพร่าเล็กน้อยแล้วเผยอกายขึ้นผลักเขานอนลงแทนที่ตนก่อนจะก้มลงไล้เลียยอดอกของเขาอย่างที่เขาทำกับเธอเมื่อครู่อัครวัฒน์ถึงกับครางเสียงดังเลยทีเดียว..“โอ้ว มนจ๋ามนที่รัก... ดีเหลือเกินเมียจ๋า...” อัครวัฒน์ครางกระเส่าเร่าร้อน กายแกร่งปวดหนึบไปด้วยความต้องการอยากจะโจนจ้วงเข้าสู่โพรงร่างสาว อัครวัฒน์ร้อนจนไม่อาจจะรีรอให้หล่อนเล่นเกมเหนือเขาได้ ชายหนุ่มผลักร่างเล็กลงนอนแทนที่ตนเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุก มนตราหัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจเมื่อเห็นแววตาและความพรั่งพร้อมของสามี อัครวัฒน์ก้มลงไปยังกึ่งกายสาวแล้วแตะแต้มริมฝีปากเลียไล้ไปทั้งกลีบกายสาวสดฉ่ำชุ่มชื้น...“อ๊า โอ้ววว... พี่โดมขา...” มนตราครางกระเส่าแล้วแอ่นหยัดสะโพกเข้าหาปากร้ายของเขาเร่าๆ ด้วยความเสียว ก่อนที่สะโพกมนจะเกร็งค้างกับปากและลิ้นของเขาเมื่อพุ่งทะยานไปสู่ความสุขสมอัครวัฒน์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจับร่างเล็กให้ก้มก้งโค้งในท่าคลา
บทที่ 60. มนตรามองสามีที่กำลังจูงมือลูกๆ มาหาตนในสวนผักปลอดสารพิษที่เธอกับลูกสาวฝาแฝดทั้งสองช่วยกันปลูก น้องมิ่งแก้ว กับ น้องมิ่งขวัญ ชอบกินผักซึ่งเธอพอใจมากที่เด็กๆ ชอบกินผัก ตอนนี้เด็กหญิงทั้งสองสี่ขวบแล้ว“คุณแม่ขา.. พวกเรามาแย้วววว..” เด็กหญิงหน้าตาน่ารักวิ่งมาหาผู้เป็นแม่จนผมเปียปลิวไสว มนตรากางแขนรอรับลูกสาวทั้งสองแล้วหอมแก้มแดงๆ ของสองสาวจอมซนหนักๆ อย่างรักใคร่และมันเขี้ยว“เหงื่อท่วมมาเชียวไปเล่นอะไรกันมาคะเนี่ย”“วิ่งจับผีเสื้อค่า แต่จับไม่ได้สักตัว” เด็กหญิงมิ่งขวัญตอบเจื้อยแจ้ว“ผีเสื้อบินเร็วๆๆ แบบนี้ค่า” เด็กหญิงมิ่งแก้วทำท่าบินๆ ให้ผู้เป็นแม่ดู“ผีเสื้อบินน่ารักจัง”“ช่ายค่า น่ารักเหมือนแก้วเหมือนขวัญ” เด็กหญิงทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันแล้วกอดคอกันยิ้มแฉ่งให้บิดามารดาของตน“เซี้ยวจริงๆ เลยลูกพ่อ” อัครวัฒน์เดิน
บทที่ 59.“เมื่อคืนมนฝันถึงคุณชลิตาด้วยค่ะ” มนตราบอกสามีซึ่งซบหน้าหอบกระเส่าอยู่กับอกอวบใหญ่ของตนหลังจากที่เพลงรักเร่าร้อนที่ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่จบลง...แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ความรักที่พวกเขามีให้กันก็ยังคงฉ่ำหวานอยู่ตลอดเวลา ยิ่งตอนนี้ลูกๆ ไม่อยู่ขัดความสำราญพวกเขาก็ยิ่งรักกันเหนียวแน่นมากขึ้น เพราะน้องมิ่งแก้วกับน้องมิ่งขวัญในวัยสองขวบนั้นไปเที่ยวพักผ่อนที่ไร่ของคุณลุงเด่นคุณป้ายอดรักกับคุณปู่คุณย่าที่ยังคงแข็งแรงสดใส ซึ่งยินดีจะเลี้ยงดูหลานๆ เพื่อให้โอกาสลูกชายลูกสะใภ้คนดีได้อยู่ด้วยกันลำพังบ้างมนตรากับอัครวัฒน์นั้นต่างช่วยกันเลี้ยงดูลูกๆ ฝาแฝดทั้งสองด้วยกันมาตลอด ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนพวกเขาก็จะยกกันไปทั้งครอบครัว มาดคุณโดมแฟมิลี่แมนจึงเป็นที่กล่าวขวัญและมนตราก็เป็นหญิงสาวที่ใครๆ ต่างก็อิจฉาในความโชคดีของเธอที่ได้สามีที่ดีแสนน่ารักอย่างคุณโดม อัครวัฒน์ ดีแลนด์ คนนี้...“จริงเหรอ เหมือนพี่เลย พี่ก็ฝันว่าหนูเล็กมาเยี่ยม เธอดูมีความสุขมากทั้งที่พี่ไม่ได้ฝันถึงเธอมานานมากตั้งแต่เราแต่งงานกัน...”
บทที่58.“แล้วแก้แค้นเธอสำเร็จไหมคะ...” มนตราถามล้อๆ พลางยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์...“ก็ไม่รู้สินะ รู้แต่ว่ามันทำให้พี่ได้ทั้งเมียและลูกมาพร้อมๆ กัน...”อัครวัฒน์ยิ้มกว้างพอๆ กับเธอที่ยิ้มไม่หุบ รอยยิ้มสดใสของมนตราดังมีมนต์ขลังที่ทำให้เขาถอนสายตาจากใบหน้านวลไม่ได้เลย ชายหนุ่มมองเธออย่างหลงใหลจนมนตรารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับแววตาที่เริ่มจะพราวพรายของเขา“เราทานข้าวกันดีกว่าค่ะ มนอยากจะไปเดินเล่นในไร่...” หญิงสาวตัดบทและหาทางเอาตัวรอดจากเปลวเสน่หาของเขาไปก่อนในเช้านี้อัครวัฒน์รู้ทันความคิดเธอจึงคีบจมูกเล็กๆ นั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยวแล้วนั่งลงเคียงข้างกัน... หนุ่มสาวนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันและคุยกันด้วยความรักและเข้าใจ ความบาดหมางความแค้นเคืองขึ้งโกรธมลายหายไปจากใจของพวกเขาจนหมดสิ้นมีเพียงความรักอ่อนหวาน ที่โอบล้อมพวกเขาไว้ด้วยรักแท้ที่ต่างอภัยให้กันและกัน...หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันแล้วอัครวัฒน์ก็จดทะเบียนกับมนตราไว้ก่อนแล้วจัดงานแต่งงานใ
บทที่57.พระมิ่งเมืองกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนุ่มเต็มไปด้วยเมตตาธรรมซึ่งมนตราสัมผัสได้ น้ำตาแห่งความปลื้มปีติเอ่อล้นออกจากดวงตางามช้าๆ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือคนคนเดียวกันที่เคยทำร้ายเธออย่างเลือดเย็นมาก่อน...“ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวสักเท่าไหร่หรอกนะโยมน้องมน... อะไรที่ดีๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ควรจะคว้าไว้ โดยเฉพาะความสุขเพราะมันอาจจะอยู่กับเราไม่นาน หรือ เราอาจจะไม่ได้อยู่จนพบเจอมัน หากให้มิจฉาทิฐิบดบังจิตใจ... หลวงพี่จะบอกกล่าวเพียงเท่านี้...” มนตรารู้สึกเหมือนมีใครเขี่ยผงเล็กๆ ออกจากตาทั้งที่รู้แต่เธอกลับเขี่ยมันออกเองไม่ได้“ไหนแบมือมาสิโยมน้องมน...” หญิงสาวยื่นมือออกไปตามที่หลวงพี่บอก แล้วพระมิ่งเมืองก็วางของสิ่งหนึ่งลงบนมือของเธอด้วยการปล่อยให้มันตกลงมาเบาๆ มนตรามองของตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ“ฝากไปให้โยมโดมด้วย บอกว่าเป็นของขวัญจากหลวงพี่ให้เป็นของขวัญแต่งงาน... เจริญพร...”“สาธุค่ะหลวงพี่...” มนตราสาธุการด้วยความซาบซึ้งมองตามหลังพระมิ่งเมืองไปด้วยดวงใจที่เปี่ยมล้นด้วยควา
บทที่ 56.“หากไม่ยุ่งกับเมียจะไปยุ่งกับใครล่ะครับ ไม่เอาไม่ทะเลาะกันนะ เดี๋ยวลูกเราจะหน้ายุ่ง...”“เมื่อไหร่คุณจะกลับไปคะ”“ทำไมน้องมนพูดแบบนี้ล่ะครับ เมียอยู่ที่ไหนผัวก็ต้องอยู่ที่นั่นสิครับ”“ฉันจำได้ว่าไม่เคยแต่งงานกับคุณนะคะ และเราก็ไม่ได้มีสถานะอะไรที่เกี่ยวข้องกันแล้ว แม้แต่แฟน หรือคนรัก เราก็ไม่เคยใช้มันร่วมกันมาก่อน...” คำพูดของเธอทำให้อัครวัฒน์สะอึกถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว...“พี่...”“พอเถอะค่ะ หากคุณจะทำทุกอย่างให้ฉันเพื่อไถ่โทษ หรือเพราะรู้สึกผิดที่หลอกใช้ฉันเพื่อนแก้แค้น เราจบสิ้นกันไปแล้ว ฉันยกโทษให้คุณ เราเป็นอิสระต่อกัน... ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ถือว่าเราให้โอกาสกันและกัน ให้อิสระกันและกัน ฉันอาจจะได้เจอผู้ชายสักคนที่รักฉันจริงและพร้อมจะดูแลฉันกับลูก คุณเองก็อาจจะเจอผู้หญิงดีๆ ที่เหมาะสมกับคุณทุกๆ ด้าน ผู้หญิงที่ไม่ใช่ลูกสาวพ่อบ้านกระจอกๆ อย่างฉัน...”มนตราตัดสินใจพูดออกมาเพื่อไม่ให้ตัวเองมีหวังอะไรลมๆ แล้ง
บทที่ 55.อัครวัฒน์สะดุ้งตื่นด้วยอาการของคนที่หัวใจจดจ่ออยู่กับการ ตามหาลูกเมีย ชายหนุ่มรีบก้าวลงจากเตียงเพื่ออาบน้ำแต่งตัวออกไปตามหามนตราเหมือนเช่นทุกวัน แต่เสียงเตือนข้อความที่ดังเข้ามาทำให้เขารีบเปิดดูอย่างรวดเร็วด้วยความหวังเพราะทุกๆ วินาทีที่มีข้อความหรือเสียงแจ้งเตือนใดๆ เข้ามาในโทรศัพท์นั้นเสมือนความหวังอันสูงสุดของเขา... ข้อความนี้ก็เช่นกันและทันทีที่อัครวัฒน์ปิดดูข้อความในครั้งนี้ มือใหญ่ของเขาก็สั่นระริกด้วยความยินดี น้ำตาลูกผู้ชายรื้นเต็มสองดวงตาคม เขาไม่คิดเลยว่าเพียงภาพภาพเดียวบนหน้าจอสมาร์ตโฟนเครื่องหรูนี้จะมีอานุภาพยิ่งใหญ่เพียงนี้...“มนตรา... โอ... คุณพระ... ไม่น่าเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อเลย...” อัครวัฒน์รีบแต่งตัวแล้วลงไปยังรถยนต์คันหรูพร้อมทั้งโทรศัพท์สั่งการลูกน้องคนสนิททันที เมื่อเจอหน้าบิดามารดาเขาก็รีบเข้าไปรายงานพวกท่านด้วยความตื่นเต้น...“ผมเจอมนแล้วครับคุณพ่อ คุณแม่ พี่เด่นเพิ่งส่งข้อความมาให้ผมเมื่อกี้นี้เอง เธออยู่ที่ไร่เวียงดารา ไร่ของคุณแม่นี่เอง... แต่ เอ๊ะ... นี่ทุกคนรู้มาตลอดเลยใช่ไหมครับว่ามนอ
บทที่ 54.“อ้อ... เห็นเขาเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกด้วยเหรอ...”“คุณแม่ครับ ผมสำนึกผิดแล้วนะครับ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้น้องมนรู้ว่าผมรู้สึกผิดจริงๆ”“แล้วยังไงอีกล่ะ”“ก็ผมรักเขา ผมรักน้องมน รักมาตั้งนานแล้วด้วย...”แล้วเขาก็บอกให้มารดาได้รับรู้ว่าเขารักมนตรามากแค่ไหน แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในตอนนี้เมื่อเธอไม่อยู่แล้ว...“โดมจะมาบอกแม่ทำไม ในเมื่อแม่ไม่ใช่หนูมน แล้วตอนนี้แม่ก็คิดว่าหนูมนคงกลับบ้านนอกไปแล้วก็ได้”“แม่คิดว่าน้องมนเขาจะไปไหนครับ”“ก็อาจจะกลับไปบ้านเกิดของพ่อเขาก็ได้มั้งลูก...” คุณดาราทำท่าเศร้าแล้วพูดต่อ“เฮ้อ... ถึงว่าหนูมนมีท่าทางแปลกๆ เมื่อวาน แล้วก็ยังบอกแม่ว่าจะกลับไปบ้านเกิดของนายมิ่ง โดมคิดดูนะ ลูกสะใภ้ของแม่ไม่มีใครไปตกระกำลำบากหอบลูกหอบเต้าไปบ้านนอกที่กันดารขนาดนั้น นี่หากหนูมนไปที่บ้านเกิดนายมิ่งจริงๆ แม่ล่ะหวั่นใจว่าหนูมนอาจจะแท้งกลางทางได้... โธ่ หนูมนของแม่...” คุณดาราทำที
บทที่ 53.“นั่นสิคะ น้องล่ะทึ่งหนูมนจริงๆ เธอใจเด็ดมากที่กล้าทำขนาดนั้น ลูกชายคุณพี่นี่โดนน้อยไปไหมคะ”“โธ่... นี่ไม่มีใครสงสารโดมบ้างหรือคะ ถึงรักจะเข้าข้างน้องมนแต่รักก็สงสารโดมนะคะคุณแม่”“ไอ้สงสารก็สงสารจ้ะ แต่รักดูสิ จนป่านนี้แล้วโดมบอกหนูมนสักคำหรือยังว่ารู้สึกยังไงกับเขาน่ะ หืม... คนท่ามากปากหนักนี่มันต้องเอาให้เจ็บ ดูสิ... จนหนูมนป่องขนาดนี้แล้วจะพูดอะไรมากกว่านี้สักคำก็ไม่มีไม่รู้ท่าเยอะเหมือนใคร...”คุณดาราหันมาค้อนสามีอย่างหมั่นไส้จนคุณอีริคเองก็พลอยเสียวสันหลังไปด้วย จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้ภรรยาที่รัก“แหม น้องล่ะก็ มาลงที่พี่ทุกทีเลย”“ก็มันจริงนี่คะ สงสัยเราต้องงัดไม้ตายมาใช้แล้วล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหลานเราแย่กันพอดี”“จริงค่ะคุณแม่ น้องมนเองก็ร้องไห้หนักมาก น่าสงสารออกค่ะ”“ที่แม่ทำไปก็เพื่อเราทุกคนนะจ๊ะหนูรัก แม่น่ะรักลูกๆ ทุกคนและอยากให้พวกเรามีความสุขกันเสียที” คุณดารากล่าวพลางลูบเรือนผมสลวยของส