หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ผั๊วะ!คุณนายไป๋สวมรองเท้าส้นสูง ก้าวไปข้างหน้า แล้วเตะไปที่ตัวของเหอฉุนอย่างแรง พร้อมกับด่าทอออกไปว่า “นางสารเลวอย่างแก ยังกล้ามาขวางฉันอีกเหรอ ฉันจะเตะแกให้ตายไปซะ!”เธอพูดพลางเหวี่ยงเท้าออกไป ที่แท้เพราะเฉินเฟยเฟยพยายามขัดขืน เลยถูกพวกนั้นรุมทำร้ายเหอฉุนทนไม่ไหว จึงรีบไปนอนขวางเฉินเฟยเฟย เพื่อช่วยป้องกันการโจมตีให้กับเธอพยัคฆ์ทมิฬที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มอย่างขมขื่นในใจ คุณนายไป๋ในตอนยังเป็นวัยรุ่นดุร้ายและเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่ออายุมากขึ้นแล้ว เธอกลับยิ่งดื้อรั้นและเอาแต่ใจมากกว่าเดิมเสียอีกโชคดีที่ตนไม่ได้เผลอไปทำตัวเป็นศัตรูกับเธอ!การที่หญิงสาวเหล่านี้เผลอไปยั่วโมโหเธอเข้า เกรงว่าคงต้องเตรียมตัวเจอกับผลลัพธ์ที่น่าสลดใจแล้วล่ะเฮ้อ ยุ่งกับใครไม่ยุ่ง ดันไปยุ่งกับตระกูลไป๋เสียได้!คุณนายไป๋รู้สึกโกรธมาก สำหรับลูกชายสุดที่รักของเธอแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตก็ตามใจเขามาตลอด เขาอยากได้อะไรอยากซื้ออะไร เธอก็แทบจะประเคนให้ทุกอย่างและไม่ว่านอกบ้านเขาจะทำผิดพลาดมากแค่ไหน คุณนายไป๋ก็ไม่เคยดุด่าเขา แต่จะพูดแค่ว่า “ไม่เป็นไร แม่จะจัดการทุกอย่างเอง”จากนั้นก็จะช่วย
ท่ามกลางฝูงชนด้านนอก มีหนึ่งคนในนั้นที่ตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอจำผู้หญิงคนนั้นได้ นี่ไม่ใช่ดารานักแสดงหญิงที่ชื่อเฉินเฟยเฟยรึไง แต่ในเวลานี้ เธอก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกไปผู้จัดการรู้ตัวตนของเฉินเฟยเฟยเป็นอย่างดี แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อคืนที่ผ่านมา สถานที่ที่เฉินเฟยเฟยพักอยู่ก็เกิดปัญหาเขาเองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินเฟยเฟย มีแต่ปัญหาเต็มไปหมดเมื่อเฉินเฟยเฟยได้ยินคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า เธอก็รีบพูดด้วยความโกรธขึ้นทันทีว่า “คุณพูดบ้าอะไร ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าลูกชายของคุณคือใคร?”“แกยังกล้าพูดว่าไม่รู้จัดลูกชายของฉันอีกเหรอ หากไม่ใช่เพราะแก แกคิดว่าลูกชายของฉันจะถูกตีขาหัก จนตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นได้รึไง?”คุณนายไป๋พูดด้วยความโกรธออกไปอีกว่า “ใครก็ได้ ไปลากตัวผู้หญิงคนนี้มาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะให้มันไปคุกเข่าขอโทษต่อหน้าลูกชายของฉัน!”เมื่อได้ยินคำสั่ง ก็มีคนรีบตรงเข้าไปจับตัวของเธอทันที“พวกคุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”เหอฉุนรีบพูดขึ้นมา จะเกิดเรื่องขึ้นกับเฉินเฟยเฟยไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นคุณเย่จะต้องโกรธมากแน่ ๆ เธอจึงตะโกนออกไปอีกว่า “พวกคุณรู้ไหมว่าเธอคือใคร ถึงกล้าทำ
พอคุณนายไป๋มาถึง พวกเฉินเฟยเฟยก็สังเกตเห็นได้ในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายไป๋ สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ดูท่าทางแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวเหอฉุนรีบพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย เร็วเข้า รีบติดต่อคุณเย่เร็ว!”“เอ่อ ฉันว่าเราลองอ้างชื่อพี่เย่กันก่อนดีไหม?” เฉินเฟยเฟยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เย่เทียนหยู่มากเกินไป“ไม่ได้ รีบโทรหาเขาด่วนเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป ดูจากท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอแล้ว เกรงว่าแค่อ้างชื่อออกไปจะไม่ได้ผลกับเธอแน่” “อีกอย่าง เกิดว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชามังกร แล้วยังโกรธเกรี้ยวอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรดี” เหอฉุนรีบพูดขึ้นมาอันที่จริงเฉินเฟยเฟยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่ลำบากก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้ไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาเย่เทียนหยู่ทันทีเพียงแต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากตอนที่หลินหว่านหรูตื่นเช้าขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากกินบะหมี่เหมือนเมื่อวานอีกครั้งในเ
แถมยังเป็นดาราอีกต่างหาก!แม้ว่าจะยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่เฉินเฟยเฟยคนนี้ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นดาราดังมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลไป๋ที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน เธอก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!คุณนายไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเพื่อจัดการวางแผนต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าหากไม่สามารถหาที่อยู่ของนางนั่นมาได้ภายในเช้าของวันพรุ่งนี้ พวกแกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว”“แล้วก็ยังมีไอ้ฆาตกรอีกคน เดี๋ยวฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกก็ลองตรวจสอบมันดูด้วย แต่ภารกิจหลักคือการตามหาที่อยู่ของเฉินเฟยเฟยมาให้ได้!”เพราะขอแค่หาเฉินเฟยเฟยเจอ ก็จะสามารถหาคนที่ทำร้ายหยางหยางเจอได้เช่นกัน ซึ่งก็คือไอ้ฆาตกรคนนั้นพยัคฆ์ทมิฬที่ได้ยินคำสั่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋ชุบตัวขึ้นมาใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอโกรธจัดเพียงแค่ต้องการให้สืบเรื่องของคนคนหนึ่งมาก่อนเลย เพราะงั้นเขาจึงได้รีบจัดการในทันทีพยัคฆ์ทมิฬเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในแก๊งแห่งวงการอาชญากรรม การที่พวกเขาสามารถค
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย