หลังจากนั้นไม่นาน ผู้มาเยือนก็มาถึงด้านนอกวิลล่า เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า พวกเขาคงจะเร็วมาก ดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบบางสิ่งที่ผิดปกติภายในและรีบเข้ามาอย่างรวดเร็วแต่ฟังดูแล้วไม่เหมือนพวกจอมยุทธ์ หรือว่าเขาเดาผิดเมื่อผู้มาเยือนปรากฏตัวที่ประตู เย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อยเพราะไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นหยางเฉียนเฉียนทำไมจู่ ๆ หยางเฉียนเฉียนถึงมาที่นี่ ทำไมเธอถึงปรากฏตัวเพียงลำพัง? คนธรรมดาอาจต้องใช้เวลานานมากในการมาที่นี่ แต่วิลล่าของตระกูลหยางอยู่ใกล้ที่นี่มาก เธอก็เลยมาที่นี่ได้อย่างรวดเร็วแต่เธอก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติจากระยะไกล เมื่อเข้าไปใกล้ก็พบว่าสถานที่นั้นไม่เป็นระเบียบสิ่งนี้ทำให้เธอตกใจ และเธอไม่สนใจเกี่ยวกับความกังวลใจและความกลัวของเธอด้วยซ้ำ เธอรีบเดินเข้าไปและเห็นเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ที่นั่น มองดูเธออย่างว่างเปล่า“พี่เย่!”เมื่อหยางเฉียนเฉียนเห็นว่าเย่เทียนหยู่สบายดีเธอก็รู้สึกโล่งใจมากทันที เธอรีบวิ่งไปและพูดอย่างกังวล: “พี่เย่สบายดีมั้ย?”“ผมสบายดี”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า แต่ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะไอเป็นเลือด สภาพร่างกายของเขาแย่ลงเรื่อย
บางทีเธออาจจะเห็นแก่ตัวเกินไปจริง ๆ ที่เอาแต่คำนึงถึงความรู้สึกส่วนตัวโดยไม่คิดถึงอย่างอื่นเลย“พี่เย่ อย่าลังเลเลยค่ะ ถ้าคนพวกนั้นมาถึงมันจะสายเกินไป เรามีหวังได้จบเห่แน่”“อีกอย่าง พลังงานเย็นอยู่ในร่างกายของฉัน ถึงตอนนี้มันจะถูกพี่กดเอาไว้ก็เลยไม่เกิดปัญหา แต่ถ้ามีวันหนึ่งมันเกิดระเบิดออก แล้วพี่ไม่อยู่ข้างกายฉัน ฉันจะทำยังไง”“ไม่ต้องคิดถึงอย่างอื่น ขอให้ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตฉัน ช่วยฉันสลายลมปราณซวนหมิงนี่ไปเถอะนะคะ”ในตอนแรก หยางเฉียนเฉียนอายมาก ที่ต้องร้องขอให้ชายหนุ่มคนหนึ่งมีอะไรกับเธอ ต่อให้ทำไปเพราะมีเหตุผลพิเศษก็ตามทีแต่ตอนนี้ เธอไม่มีเวลาให้สนใจเรื่องนั้นอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้น เมื่อเธอเห็นความวุ่นวายของที่นี่ กับสภาพอ่อนแอจนน่าหดหู่ของเย่เทียนหยู่เธอรู้สึกปวดหัวใจจนอยากจะร้องไห้ เธอหวังจริง ๆ ว่าเย่เทียนหยู่จะสามารถหวนคืนความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างรวดเร็ว และเอาท่าทางบ้าบิ่นเหมือนอย่างเคยของเขากลับคืนมาด้วยเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของหยางเฉียนเฉียน เย่เทียนหยู่ก็ลังเลอยู่นาน และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจะลองดู บางที อาจจะทำได้โดยไม่ต้องมีหลับนอนกันก็ได้“พี่เย่ ถ้าพี่ไม่
ในขณะเดียวกัน เย่เซวียนรู้แล้วว่าหลินหว่านหรูกับเย่เทียนหยู่หย่ากันแล้ว และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก เขาประทับใจรูปลักษณ์อันงดงามและลักษณะท่าทางอันโด่งดังของหลินหว่านหรูแต่หยิ่งผยองภูมิใจในตัวตนและสถานะของตัวเอง และรู้สึกว่าเสน่ห์ของเธอเพียงพอที่จะเอาชนะผู้อื่นได้ ดังนั้นเธอจึงถูกสงวนไว้เสมอโดยไม่คาดคิด หลินหว่านหรูไม่เต็มใจที่จะติดตามเขา ซึ่งทำให้เขาโกรธมากในเวลานั้น และเขาก็พร้อมที่จะไม่ให้โอกาสเธอก้าวเข้าสู่ระดับบนของ เมืองหลงตูแต่ตั้งแต่กลับมาที่เมืองหลงตูเสียงและรูปลักษณ์ของ หลินหว่านหรูก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ และความเป็นเจ้าของของเขาที่มีต่อ หลินหว่านหรูก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆต่อมา หลังจากได้ยินสิ่งที่คุณปู่ตระกูลหลินพูด เขาก็ข่มขู่หลินหว่านหรู คุกคามชีวิตของเย่เทียนหยู่และอนาคตของตระกูลหลินอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ เขาก็จะได้รับการฝึกฝนพิเศษจากตระกูลเย่ ถ้าเขาไม่ทะลวงระดับปรมาจารย์ เขาก็ห้ามออกไป และไม่รู้ด้วยว่าต้องอีกนานแค่นั้นเขาถึงจะได้ออกมาเพราะฉะนั้น ภายในเวลาไม่กี่วันนี้ เขาจะต้องได้ตัวหลินหว่านหรูเพราะอย่า
“อืม!”หยางเฉียนเฉียนพยักหน้าจากนั้น เย่เทียนหยู่ก็หันกลับมาแล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก: “เฉียนเชียน ผมจะเข้าไปนะ คุณหลับตาก่อน” หลังจากพูดจบ เขาก็รอสักพักก่อนจะเดินเข้าไปด้านในทั้งที่ยังหลับตาถึงเขาจะมองไม่เห็น แต่จากการประมาณการณ์ของเขา เขาก็สามารถจำตำแหน่งได้ลางๆเหตุผลที่เขาไม่ลืมตา เพราะถึงหยางเฉียนเฉียนจะนั่งอยู่ในถังยา แต่ร่างกายท่อนบนของเธอถูกเปิดเผยจนหมด ถ้าเขาลืมตาเขาก็คงจะเห็นมันจนหมดเพียงแต่หยางเฉียนเฉียนไม่ยอมหลับตาตามคำบอกของเขาแต่แรก กระทั่งเธอเห็นเย่เทียนหยู่หันกลับมาเธอก็ต้องอ้าปากค้าง และรีบหลับตาลงทันทีเมื่อเย่เทียนหยู่เข้ามา ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ขาของคนทั้งสองจะสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และถึงแม้จะมีกำลังใจของเย่เทียนหยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อยความคิดชั่วร้ายที่อธิบายไม่ได้พุ่งเข้ามาในหัวของเขา แต่เย่เทียนหยู่ไม่ใช่คนธรรมดา เขารีบระงับความคิดที่ไม่เหมาะสม ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า: “เฉียนเฉียน ยื่นมือออกไป”หยางเฉียนเฉียนเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเย่เทียนหยู่ยื่นมือออกไปอย่างเชื่อฟัง และพบกับฝ่ามือของ เย่เทียนหยู่“เอาล่ะ นิ่งไว้นะ อีกพักห้ามขัดขืนเด็ดขาด ผม
ตามปกติแล้ว ถ้าหากคนทั้งสองเกิดความสัมพันธ์ต่อกัน และสร้างความแนบชิดกันให้มากที่สุด เป็นวิธีการที่เร็วและดีที่สุดในการปลดปล่อยลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนวิธีการนั้นจะสามารถเพิ่มพลังของทั้งสองฝ่ายได้มากที่สุด และจะสามารถปกป้องหยางเฉียนเฉียนได้แต่ในเวลานี้ เพราะเทียนหยู่ไม่อยากครอบครองความบริสุทธิ์ของหยางเฉียนเฉียน เขาเลยใช้แผนการอะลุ้มอล่วยแทน และใช้การอาบยากับวิธีการอื่น ๆ เพื่อลดอาการบาดเจ็บของเธอแต่คิดไม่ถึง ว่าสุดท้ายมันก็ยังปะทุออกมาอยู่ดีเทียนหยู่เขยิบตัวไปข้างหน้าและกอดหยางเฉียนเฉียนไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างอย่างสิ้นหวัง ทำให้ร่างกายของพวกเขาทั้งสองแนบชิดกันในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็กดมือสองข้างลงบนหลังของหยางเฉียนเฉียน ทำให้ชี่แท้ของเขาไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของหยางเฉียนเฉียนอีกครั้งชี่แท้อันทรงพลังมหาศาลของเย่เทียนหยู่กำลังกลับคืนมา และพลังนั่นก็ขัดแย้งกับพลังลมปราณซวนหยินอย่างดุเดือดแต่เพราะลมปราณซวนหมิงแข็งแกร่งเกินไป ร่างกายของหยางเฉียนเฉียนจึงสั่นเทาไม่หยุดแต่เธอก็กัดฟันอดทนในขณะนี้ เธอลืมไปเลยว่าร่างกายของเธอกำลังแนบสนิทกับเย่เทียนหยู่“พ…พี่เย่ ฉันจ
เธอจำใจลุกขึ้นอย่างสิ้นหวังและเดินออกไปด้วยใจที่ยังอาวรณ์ ขณะที่ออกมา เธอก็คอยหันมองพี่เย่เป็นครั้งคราว แต่น่าเสียดายที่พี่เย่หลับตาตลอดหยางเฉียนเฉียนสวมเสื้อผ้าของเธอ พอมองดูดี ๆ เธอก็พบว่าสีหน้าของตัวเองดูดีขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมาก โดยเฉพาะผิวหนังของเธอที่รู้สึกเหมือนจะนวลละเอียดกว่าเดิมมากเมื่อรู้สึกว่าหยางเฉียนเฉียนกำลังจากไป เทียนหยู่ก็เริ่มใช้พลังหฤทัยสูตรจักรพรรดิดูดซับพลังทั้งหมดทันที และเริ่มพยายามทะลวงระดับพลังที่ไม่เคยมีใครสามารถทำสำเร็จมาก่อนขณะที่เขากำลังฝึกพลังต่อ ชี่แท้ในร่างกายของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และชี่แท้จำนวนมากก็ถูกรวมเข้ากับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเขาสงบลงเป็นไปตามที่คาด สมกับที่เป็นหฤทัยสูตรจักรพรรดิที่ไม่มีใครสามารถฝึกฝนได้สำเร็จมานานนับพันปี แล้วยังมีวิถีพลังอสุราอันลึกลับของวิชาสายมืดด้วยพลังทั้งสองกำลังเสริมกัน อย่างหนึ่งทรงพลังมั่นคง และอีกพลังก็ฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว ล้วนมีข้อดีต่างกันโดยเฉพาะความสามารถในการฝึนฝนพลังอสุราที่ทรงพลังกว่าวิชาชิงหลงมากเวลาผ่านไปเหมือนนาทีต่อนาที แต่แม้ว่าเขาจะฝึก
“พี่เขย นั่นพี่เขยเหรอคะ?” หลิวเมิ่งถามขึ้นทันทีที่เธอรับสาย“ผมเอง”เทียนหยู่ตอบกลับ“พี่เขยฉันขอโทษนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง...”“พูดธุระสำคัญมา”“เย่เซวียน คุณชายของตระกูลเย่เมืองหลงตูมาที่ตระกูลหลิน ดูเหมือนอีกไม่นานพี่หว่านหรูจะต้องไปกับเขาค่ะ” หลิวเมิ่งรีบกล่าวความจริงก่อนหน้านี้เธอลังเล แต่กระทั่งเธอเข้าใจสถานการณ์และเห็นสีหน้าโศกเศร้าสิ้นหวังของลูกพี่ลูกน้องของเธอ เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปเธอรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอกำลังปกป้องพี่เขย แต่เธอรู้สึกว่าพี่เขยมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริงเรื่องนี้ใจของเทียนหยู่สั่นไหวเล็กน้อย แน่นอน เขารู้ดีว่าคุณปู่ตระกูลหลินขับไล่เขาออกไปเพราะเขาอยากเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเย่เมืองหลงตู แต่ไม่คิดว่าจะดำเนินการเร็วขนาดนี้ เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แล้วยังไง เกี่ยวอะไรกับผมด้วยเหรอ?”“ฉันรู้ว่าคุณโกรธพี่สาวของฉัน ที่จริงพี่ฉันไม่ได้ไม่เชื่อคุณนะ พี่แค่กลัวว่าเย่เซวียนจะทำร้ายคุณ เธอก็เลยจงใจทำแบบนั้นกับคุณ”หลิวเมิ่งอธิบายอย่างรวดเร็ว เพราะนี่คือประเด็นที่เธอโทรหาเขาเย่เทียนหยู่จะเลือกอะไร นั่นเป็นเรื่องของเย่เทียนหยู่ แต่เธอต้องบอกข้อเท็จจริงนี้
“จริงเหรอคะ? ยอดไปเลย ขอบคุณนะพี่เขย พี่เป็นคนดีจริงๆ” หลิวเมิ่งพูดด้วยความตื่นเต้น“อย่าเพิ่งว่าเป็นคนดีหรือไม่ดีเลย แต่คำเรียกนั่นช่วยเปลี่ยนหน่อยเถอะ ไม่ว่ายังไงตอนนี้ผมกับเธอก็หย่ากันไปแล้ว” เทียนหยู่ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ ในใจฉันพวกพี่ควรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป และพี่ก็จะเป็นพี่เขยของฉันตลอดไปด้วย” เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของลูกพี่ลูกน้อง หลิวเมิ่งก็เสียใจกับสิ่งที่เธอทำตั้งแต่เธอยังเด็ก ลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นคนที่ดีกับเธอมากที่สุดมาโดยตลอด เธอทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้ยังไงกันนะ เพียงแต่ว่าตอนนั้นเธอนึกว่าเป็นการทำเพื่อพี่สาวของเธอคนนี้จริง ๆแต่เพราะเธอได้ยินพี่พูดเกี่ยวกับหลิวเจี๋ยกับนายน้อยหลี่ว์ เธอมองเห็นความสิ้นหวังและความเจ็บปวดของพี่ เธอถึงได้เข้าใจว่าพี่เขยของเธอลำบากมากแค่ไหน“เอาล่ะ แค่นี้ก่อนนะ ผมยังมีเรื่องอื่นอีก” เทียนหยู่กล่าว“อา ถ้างั้นพี่จะมามั้ยคะ?” หลิวเมิ่งอดไม่ได้ที่จะถาม“ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”เทียนหยู่ทิ้งคำพูดเอาไว้ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไปหลิวเมิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตะลึงอย่างสมบูรณ์ พี่บอกว่าถ้าพี่เขยรู้เรื่องทั้งหมดนี่จะต้องสู้กับเย่เซว
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย
ตอนแรกเธอคิดว่าหุ้นทั้งหมดควรเป็นของพี่เย่ แต่พอมาคิดดูแล้ว ยังไงชีวิตนี้เธอก็เป็นของพี่เย่ เพราะงั้น หุ้นของเธอก็เหมือนเป็นของพี่เย่ด้วยไม่ใช่รึไงสำหรับพี่เหอ อันที่จริงพี่เย่ก็พูดเอาไว้แล้ว หากว่าเธอไม่อยากบริหารบริษัทจริง ๆ ก็มอบหมายให้พี่เหอเป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้นก็ควรที่จะให้พี่เหอถือหุ้นบางส่วนเอาไว้ด้วยจึงจะดีที่สุดส่วนเรื่องจำนวนของหุ้นนั้น พี่เย่ก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้“เดี๋ยวก่อนนะ เฟยเฟย เธอพูดว่าอะไรนะ เธอจะให้ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยงั้นเหรอ?” เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะการที่มีหุ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงินก็ปาไปหมื่นล้านแล้ว“ใช่แล้วค่ะ พี่เหอรู้สึกว่ามันน้อยไปรึเปล่าคะ?”“ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันมากเกินไปต่างหาก”เหอฉุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงพี่เย่ก็เห็นด้วยแล้ว จะให้ฉันถือหุ้นมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในเงินทุนแม้แต่บาทเดียวเลยนะ จะให้ฉันถือหุ้นมากมายขนาดนั้นได้ยังไง” เหอฉุนเองก็มีความคิดที่จะร่วมลงทุนอยู่ด้วย แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนกว่าหมื่
“อะไรนะ!”ถึงจะเดาได้ว่าเย่เทียนหยู่ต้องการช่วยก่อตั้งบริษัททำเพลงให้ก็เถอะ แต่การที่ลงทุนให้ตั้งห้าหมื่นล้านก็ทำให้เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีบริษัทที่ไหนจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นแล้วยังมาพูดอีกว่า แค่ช่วยออกเงินลงทุนให้ห้าหมื่นล้านเท่านั้น เงินก็คือเงินไม่ใช่รึไง?เหอฉุนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า อีกฝ่ายต้องรู้สึกยังไง ถึงสามารถทำให้คนคนหนึ่งหยิบเงินออกมาลงทุนเป็นหมื่นล้านโดยไม่คิดอะไรได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพื่อยืนยันความจริง “เฟยเฟย เธอบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่นะ ห้าหมื่นล้านงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ห้าหมื่นล้าน หรือว่ามันยังไม่พอเหรอคะ?”“ถึงแม้ว่าจะไม่พอก็ไม่เป็นไร พี่เย่บอกเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาเงินห้าหมื่นล้านนี้ไปใช้เล่น ๆ ก่อน หากยังไม่พอ เขาก็สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ทุกเมื่อเลยค่ะ” เฉินเฟยเฟยไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนมากนักตอนนั้นเธอเองก็ถูกตัวเลขที่เย่เทียนหยู่พูดทำให้ตกใจเช่นกัน แต่พี่เย่ก็บอกเอาไว้แล้วว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขามีเงินที่ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วต่อให้เป็นแสนล้านเขาก็มี!ตัวเลขเหล่านั้น เธอแ
สีหน้าของเฉินเฟยเฟยดูเศร้าหมอง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่เย่คะ ถ้าหากข้างกายที่มีผู้หญิงคนอื่นได้ แล้วทำไมถึงเพิ่มฉันอีกสักคนไม่ได้ล่ะคะ?”“หา......”เย่เทียนหยู่รู้สึกงงงวย ข้างกายตนมีผู้หญิงอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“พี่เย่คะ ไม่ว่าพี่จะคิดยังไง”“ชีวิตนี้ ฉันเกิดมาเพื่อเป็นของพี่ค่ะ ตายไปก็ยังเป็นวิญญาณของพี่ จะไม่มีวันไปเป็นของคนอื่นอย่างแน่นอน”ดูเหมือนว่าเฉินเฟยเฟยจะตัดสินใจแล้ว จู่ ๆ เธอก็พุ่งตัวเข้าไปกอดเย่เทียนหยู่ทันที แถมยังยื่นริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอไปจูบเย่เทียนหยู่อีกด้วยความรู้สึกนุ่มละมุน รสสัมผัสที่หวานหอม ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ยากจะจินตนาการก็ผุดขึ้นมาในใจเย่เทียนหยู่รู้สึกงงงวยขึ้นมาทันที ทำไมผู้หญิงสมัยนี้ถึงได้ใจร้อนกันนักนะ แบบนี้จะให้เขารับมือยังไงดีหรือจะผลักออกไปเลยดี?แต่นั่นมันก็ทำร้ายจิตใจเกินไป!แต่ถ้าหากไม่ผลักออก แบบนี้มันจะดูไม่ดีเกินไปไหมแล้วอีกอย่าง ความรู้สึกแบบนี้มันก็ดีมากจริง ๆ!สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป เขาก็ตระหนักได้ว่า ในใจของเขา เฉินเฟยเฟยยังคงมีสถานะที่สำคัญกับเขามากเฉินเฟยเฟยรู้สึกเขินอายจนหน้าแดง โดยเฉพา
หนานกงเล่อพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามร่างของบอดี้การ์ดวัยกลางคนออกไปแต่ก่อนที่จะจากไป เย่เทียนหยู่เหลือบมองไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ไอ้เด็กนี่ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกสิ้นหวังเท่านั้น แต่กลับดูเหมือนว่าจะมีความหวังในการมีชีวิตอยู่ยังไงอย่างงั้น ทั้งยังรู้สึกถึงความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัดคงไม่ใช่ว่าจะมีวิธีฟื้นฟูกลับมาได้หรอกนะ แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ ตนเป็นคนลงมือ ยังไงตนก็รู้ดีที่สุดเว้นเสียแต่ว่า เขาจะไปฝึกวิชาจากตำราขุยฮวาอะไรนั่น!เดี๋ยวนะ ตำราขุยฮวาไม่ได้อยู่ในคลังสมบัติของอาณาจักรมังกรหรอกเหรอ งั้นหนานกงเล่อก็มีโอกาสที่จะได้มันมา นี่ก็เท่ากับว่าเขากำลังสร้างศัตรูให้ตัวเองไม่ใช่รึไงเขาไม่กลัวหากว่าหนานกงเล่อต้องการจะแก้แค้นตน แต่เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายคนรอบข้างมากกว่าดูท่าแล้ว จะปล่อยหนานกงเล่อคนนี้ไปไม่ได้ ความเกลียดชังของคนที่เคยถูกทำร้ายไม่ควรมองข้าม เกิดว่าอีกฝ่ายพุ่งเป้าทำร้ายคนรอบข้างเข้า ก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ได้อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาได้ให้สัญญากับตระกูลหนานกงไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถลงมืออย่างเปิดเผยได้