หลังจากนั้นไม่นาน ผู้มาเยือนก็มาถึงด้านนอกวิลล่า เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า พวกเขาคงจะเร็วมาก ดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบบางสิ่งที่ผิดปกติภายในและรีบเข้ามาอย่างรวดเร็วแต่ฟังดูแล้วไม่เหมือนพวกจอมยุทธ์ หรือว่าเขาเดาผิดเมื่อผู้มาเยือนปรากฏตัวที่ประตู เย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อยเพราะไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นหยางเฉียนเฉียนทำไมจู่ ๆ หยางเฉียนเฉียนถึงมาที่นี่ ทำไมเธอถึงปรากฏตัวเพียงลำพัง? คนธรรมดาอาจต้องใช้เวลานานมากในการมาที่นี่ แต่วิลล่าของตระกูลหยางอยู่ใกล้ที่นี่มาก เธอก็เลยมาที่นี่ได้อย่างรวดเร็วแต่เธอก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติจากระยะไกล เมื่อเข้าไปใกล้ก็พบว่าสถานที่นั้นไม่เป็นระเบียบสิ่งนี้ทำให้เธอตกใจ และเธอไม่สนใจเกี่ยวกับความกังวลใจและความกลัวของเธอด้วยซ้ำ เธอรีบเดินเข้าไปและเห็นเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ที่นั่น มองดูเธออย่างว่างเปล่า“พี่เย่!”เมื่อหยางเฉียนเฉียนเห็นว่าเย่เทียนหยู่สบายดีเธอก็รู้สึกโล่งใจมากทันที เธอรีบวิ่งไปและพูดอย่างกังวล: “พี่เย่สบายดีมั้ย?”“ผมสบายดี”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า แต่ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะไอเป็นเลือด สภาพร่างกายของเขาแย่ลงเรื่อย
บางทีเธออาจจะเห็นแก่ตัวเกินไปจริง ๆ ที่เอาแต่คำนึงถึงความรู้สึกส่วนตัวโดยไม่คิดถึงอย่างอื่นเลย“พี่เย่ อย่าลังเลเลยค่ะ ถ้าคนพวกนั้นมาถึงมันจะสายเกินไป เรามีหวังได้จบเห่แน่”“อีกอย่าง พลังงานเย็นอยู่ในร่างกายของฉัน ถึงตอนนี้มันจะถูกพี่กดเอาไว้ก็เลยไม่เกิดปัญหา แต่ถ้ามีวันหนึ่งมันเกิดระเบิดออก แล้วพี่ไม่อยู่ข้างกายฉัน ฉันจะทำยังไง”“ไม่ต้องคิดถึงอย่างอื่น ขอให้ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตฉัน ช่วยฉันสลายลมปราณซวนหมิงนี่ไปเถอะนะคะ”ในตอนแรก หยางเฉียนเฉียนอายมาก ที่ต้องร้องขอให้ชายหนุ่มคนหนึ่งมีอะไรกับเธอ ต่อให้ทำไปเพราะมีเหตุผลพิเศษก็ตามทีแต่ตอนนี้ เธอไม่มีเวลาให้สนใจเรื่องนั้นอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้น เมื่อเธอเห็นความวุ่นวายของที่นี่ กับสภาพอ่อนแอจนน่าหดหู่ของเย่เทียนหยู่เธอรู้สึกปวดหัวใจจนอยากจะร้องไห้ เธอหวังจริง ๆ ว่าเย่เทียนหยู่จะสามารถหวนคืนความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างรวดเร็ว และเอาท่าทางบ้าบิ่นเหมือนอย่างเคยของเขากลับคืนมาด้วยเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของหยางเฉียนเฉียน เย่เทียนหยู่ก็ลังเลอยู่นาน และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจะลองดู บางที อาจจะทำได้โดยไม่ต้องมีหลับนอนกันก็ได้“พี่เย่ ถ้าพี่ไม่
ในขณะเดียวกัน เย่เซวียนรู้แล้วว่าหลินหว่านหรูกับเย่เทียนหยู่หย่ากันแล้ว และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก เขาประทับใจรูปลักษณ์อันงดงามและลักษณะท่าทางอันโด่งดังของหลินหว่านหรูแต่หยิ่งผยองภูมิใจในตัวตนและสถานะของตัวเอง และรู้สึกว่าเสน่ห์ของเธอเพียงพอที่จะเอาชนะผู้อื่นได้ ดังนั้นเธอจึงถูกสงวนไว้เสมอโดยไม่คาดคิด หลินหว่านหรูไม่เต็มใจที่จะติดตามเขา ซึ่งทำให้เขาโกรธมากในเวลานั้น และเขาก็พร้อมที่จะไม่ให้โอกาสเธอก้าวเข้าสู่ระดับบนของ เมืองหลงตูแต่ตั้งแต่กลับมาที่เมืองหลงตูเสียงและรูปลักษณ์ของ หลินหว่านหรูก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ และความเป็นเจ้าของของเขาที่มีต่อ หลินหว่านหรูก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆต่อมา หลังจากได้ยินสิ่งที่คุณปู่ตระกูลหลินพูด เขาก็ข่มขู่หลินหว่านหรู คุกคามชีวิตของเย่เทียนหยู่และอนาคตของตระกูลหลินอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ เขาก็จะได้รับการฝึกฝนพิเศษจากตระกูลเย่ ถ้าเขาไม่ทะลวงระดับปรมาจารย์ เขาก็ห้ามออกไป และไม่รู้ด้วยว่าต้องอีกนานแค่นั้นเขาถึงจะได้ออกมาเพราะฉะนั้น ภายในเวลาไม่กี่วันนี้ เขาจะต้องได้ตัวหลินหว่านหรูเพราะอย่า
“อืม!”หยางเฉียนเฉียนพยักหน้าจากนั้น เย่เทียนหยู่ก็หันกลับมาแล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก: “เฉียนเชียน ผมจะเข้าไปนะ คุณหลับตาก่อน” หลังจากพูดจบ เขาก็รอสักพักก่อนจะเดินเข้าไปด้านในทั้งที่ยังหลับตาถึงเขาจะมองไม่เห็น แต่จากการประมาณการณ์ของเขา เขาก็สามารถจำตำแหน่งได้ลางๆเหตุผลที่เขาไม่ลืมตา เพราะถึงหยางเฉียนเฉียนจะนั่งอยู่ในถังยา แต่ร่างกายท่อนบนของเธอถูกเปิดเผยจนหมด ถ้าเขาลืมตาเขาก็คงจะเห็นมันจนหมดเพียงแต่หยางเฉียนเฉียนไม่ยอมหลับตาตามคำบอกของเขาแต่แรก กระทั่งเธอเห็นเย่เทียนหยู่หันกลับมาเธอก็ต้องอ้าปากค้าง และรีบหลับตาลงทันทีเมื่อเย่เทียนหยู่เข้ามา ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ขาของคนทั้งสองจะสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และถึงแม้จะมีกำลังใจของเย่เทียนหยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อยความคิดชั่วร้ายที่อธิบายไม่ได้พุ่งเข้ามาในหัวของเขา แต่เย่เทียนหยู่ไม่ใช่คนธรรมดา เขารีบระงับความคิดที่ไม่เหมาะสม ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า: “เฉียนเฉียน ยื่นมือออกไป”หยางเฉียนเฉียนเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเย่เทียนหยู่ยื่นมือออกไปอย่างเชื่อฟัง และพบกับฝ่ามือของ เย่เทียนหยู่“เอาล่ะ นิ่งไว้นะ อีกพักห้ามขัดขืนเด็ดขาด ผม
ตามปกติแล้ว ถ้าหากคนทั้งสองเกิดความสัมพันธ์ต่อกัน และสร้างความแนบชิดกันให้มากที่สุด เป็นวิธีการที่เร็วและดีที่สุดในการปลดปล่อยลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนวิธีการนั้นจะสามารถเพิ่มพลังของทั้งสองฝ่ายได้มากที่สุด และจะสามารถปกป้องหยางเฉียนเฉียนได้แต่ในเวลานี้ เพราะเทียนหยู่ไม่อยากครอบครองความบริสุทธิ์ของหยางเฉียนเฉียน เขาเลยใช้แผนการอะลุ้มอล่วยแทน และใช้การอาบยากับวิธีการอื่น ๆ เพื่อลดอาการบาดเจ็บของเธอแต่คิดไม่ถึง ว่าสุดท้ายมันก็ยังปะทุออกมาอยู่ดีเทียนหยู่เขยิบตัวไปข้างหน้าและกอดหยางเฉียนเฉียนไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างอย่างสิ้นหวัง ทำให้ร่างกายของพวกเขาทั้งสองแนบชิดกันในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็กดมือสองข้างลงบนหลังของหยางเฉียนเฉียน ทำให้ชี่แท้ของเขาไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของหยางเฉียนเฉียนอีกครั้งชี่แท้อันทรงพลังมหาศาลของเย่เทียนหยู่กำลังกลับคืนมา และพลังนั่นก็ขัดแย้งกับพลังลมปราณซวนหยินอย่างดุเดือดแต่เพราะลมปราณซวนหมิงแข็งแกร่งเกินไป ร่างกายของหยางเฉียนเฉียนจึงสั่นเทาไม่หยุดแต่เธอก็กัดฟันอดทนในขณะนี้ เธอลืมไปเลยว่าร่างกายของเธอกำลังแนบสนิทกับเย่เทียนหยู่“พ…พี่เย่ ฉันจ
เธอจำใจลุกขึ้นอย่างสิ้นหวังและเดินออกไปด้วยใจที่ยังอาวรณ์ ขณะที่ออกมา เธอก็คอยหันมองพี่เย่เป็นครั้งคราว แต่น่าเสียดายที่พี่เย่หลับตาตลอดหยางเฉียนเฉียนสวมเสื้อผ้าของเธอ พอมองดูดี ๆ เธอก็พบว่าสีหน้าของตัวเองดูดีขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมาก โดยเฉพาะผิวหนังของเธอที่รู้สึกเหมือนจะนวลละเอียดกว่าเดิมมากเมื่อรู้สึกว่าหยางเฉียนเฉียนกำลังจากไป เทียนหยู่ก็เริ่มใช้พลังหฤทัยสูตรจักรพรรดิดูดซับพลังทั้งหมดทันที และเริ่มพยายามทะลวงระดับพลังที่ไม่เคยมีใครสามารถทำสำเร็จมาก่อนขณะที่เขากำลังฝึกพลังต่อ ชี่แท้ในร่างกายของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และชี่แท้จำนวนมากก็ถูกรวมเข้ากับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเขาสงบลงเป็นไปตามที่คาด สมกับที่เป็นหฤทัยสูตรจักรพรรดิที่ไม่มีใครสามารถฝึกฝนได้สำเร็จมานานนับพันปี แล้วยังมีวิถีพลังอสุราอันลึกลับของวิชาสายมืดด้วยพลังทั้งสองกำลังเสริมกัน อย่างหนึ่งทรงพลังมั่นคง และอีกพลังก็ฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว ล้วนมีข้อดีต่างกันโดยเฉพาะความสามารถในการฝึนฝนพลังอสุราที่ทรงพลังกว่าวิชาชิงหลงมากเวลาผ่านไปเหมือนนาทีต่อนาที แต่แม้ว่าเขาจะฝึก
“พี่เขย นั่นพี่เขยเหรอคะ?” หลิวเมิ่งถามขึ้นทันทีที่เธอรับสาย“ผมเอง”เทียนหยู่ตอบกลับ“พี่เขยฉันขอโทษนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง...”“พูดธุระสำคัญมา”“เย่เซวียน คุณชายของตระกูลเย่เมืองหลงตูมาที่ตระกูลหลิน ดูเหมือนอีกไม่นานพี่หว่านหรูจะต้องไปกับเขาค่ะ” หลิวเมิ่งรีบกล่าวความจริงก่อนหน้านี้เธอลังเล แต่กระทั่งเธอเข้าใจสถานการณ์และเห็นสีหน้าโศกเศร้าสิ้นหวังของลูกพี่ลูกน้องของเธอ เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปเธอรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอกำลังปกป้องพี่เขย แต่เธอรู้สึกว่าพี่เขยมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริงเรื่องนี้ใจของเทียนหยู่สั่นไหวเล็กน้อย แน่นอน เขารู้ดีว่าคุณปู่ตระกูลหลินขับไล่เขาออกไปเพราะเขาอยากเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเย่เมืองหลงตู แต่ไม่คิดว่าจะดำเนินการเร็วขนาดนี้ เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แล้วยังไง เกี่ยวอะไรกับผมด้วยเหรอ?”“ฉันรู้ว่าคุณโกรธพี่สาวของฉัน ที่จริงพี่ฉันไม่ได้ไม่เชื่อคุณนะ พี่แค่กลัวว่าเย่เซวียนจะทำร้ายคุณ เธอก็เลยจงใจทำแบบนั้นกับคุณ”หลิวเมิ่งอธิบายอย่างรวดเร็ว เพราะนี่คือประเด็นที่เธอโทรหาเขาเย่เทียนหยู่จะเลือกอะไร นั่นเป็นเรื่องของเย่เทียนหยู่ แต่เธอต้องบอกข้อเท็จจริงนี้
“จริงเหรอคะ? ยอดไปเลย ขอบคุณนะพี่เขย พี่เป็นคนดีจริงๆ” หลิวเมิ่งพูดด้วยความตื่นเต้น“อย่าเพิ่งว่าเป็นคนดีหรือไม่ดีเลย แต่คำเรียกนั่นช่วยเปลี่ยนหน่อยเถอะ ไม่ว่ายังไงตอนนี้ผมกับเธอก็หย่ากันไปแล้ว” เทียนหยู่ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ ในใจฉันพวกพี่ควรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป และพี่ก็จะเป็นพี่เขยของฉันตลอดไปด้วย” เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของลูกพี่ลูกน้อง หลิวเมิ่งก็เสียใจกับสิ่งที่เธอทำตั้งแต่เธอยังเด็ก ลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นคนที่ดีกับเธอมากที่สุดมาโดยตลอด เธอทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้ยังไงกันนะ เพียงแต่ว่าตอนนั้นเธอนึกว่าเป็นการทำเพื่อพี่สาวของเธอคนนี้จริง ๆแต่เพราะเธอได้ยินพี่พูดเกี่ยวกับหลิวเจี๋ยกับนายน้อยหลี่ว์ เธอมองเห็นความสิ้นหวังและความเจ็บปวดของพี่ เธอถึงได้เข้าใจว่าพี่เขยของเธอลำบากมากแค่ไหน“เอาล่ะ แค่นี้ก่อนนะ ผมยังมีเรื่องอื่นอีก” เทียนหยู่กล่าว“อา ถ้างั้นพี่จะมามั้ยคะ?” หลิวเมิ่งอดไม่ได้ที่จะถาม“ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”เทียนหยู่ทิ้งคำพูดเอาไว้ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไปหลิวเมิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตะลึงอย่างสมบูรณ์ พี่บอกว่าถ้าพี่เขยรู้เรื่องทั้งหมดนี่จะต้องสู้กับเย่เซว
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป