บทที่ 33 สอบหลังจากย้ายมาอยู่เมืองหลวงได้เกือบเดือน ทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง รุ่ยฉีได้ซื้อที่ดินไว้ปลูกบ้านซึ่งอยู่ออกไปทางชานเมือง แต่อนาคต ที่แห่งนั้นจะมีมูลค่าที่ดินสูงขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว และยังได้ซื้อที่อีก 5 แปลงในแหล่งที่จะมีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นในอนาคต โดยที่รุ่ยฉีได้จ้างช่างมาสร้างกำแพงล้อมรอบพื้นที่ในแต่ละผืน และบางพื้นที่รุ่ยฉีก็เอาสำนักงานออกมาตั้งไว้ ทำเป็นที่ตั้งบริษัทที่มีหลาย ๆ ตึกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม รอคนมาเสนอราคาที่น่าสนใจ รุ่ยฉีค่อยตกลงขาย ที่ดินของรุ่ยฉีอยู่ห่างไกลจากแหล่งชุมชนและยังมีกำแพงสูงล้อมรอบพื้นที่ จึงทำให้รุ่ยฉีทำอะไรสะดวกมากขึ้น ทุกอย่างเลยออกมาเรียบร้อยและสวยงาม"พร้อมไหม" รุ่ยฉีถามหัวหน้าแก๊งที่วันนี้จะมาสอบเพื่อเข้าเรียน"ครับ" พูดน้อยเหลือเกินพ่อคุณ ไม่รู้จะเก๊กไปไหน"ตั้งใจทำให้เต็มที่ ผลออกมาจะเป็นยังไงก็ไม่เป็นไร... ขอแค่เราทำเต็มที่ก็พอ" รุ่ยฉีบอกลูกชาย"พี่ใหญ่สู้สู้ ถ้าสอบได้จะมอบมงกุฎเจ้าหญิงให้หนึ่งอัน" ของที่เธอชอบที่สุดในตอนนี้เลยนะ แต่ถ้าพี่ชายเธอสอบได้ก็ยอมยกให้ก็ได้"พี่ใหญ่เก่ง ๆ " สมุนตัวน้อยก็ส่งกำลังใจให้พี่ช
บทที่ 34 ว่าด้วยเรื่องน้องสาวขี้อายรุ่ยฉีเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เธอถนัด เริ่มตั้งแต่ซื้อที่ดินในราคาถูก แล้วจ้างช่างมาสร้างกำแพงสูง แล้วนำบ้านและตึกที่เพื่อนส่งมาจากมิติอื่นออกมา ภายในเวลาไม่นาน ที่ดินที่รุ่ยฉีถือครองมีจำนวนมาก สามารถสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ได้อีกเมืองเลยก็ว่าได้ อาจเพราะเธอเคยทำอาชีพนี้มาจากโลกก่อน และนำมาดัดแปลงใช้ในโลกนี้ ถ้าเปรียบเทียบที่เธอจากมา การทำธุรกิจได้ยากกว่าไหนจะการแข่งขัน กลยุทธ์ต่าง ๆ ก็งัดออกมาสู้กัน แต่ที่นี่ยังไม่ค่อยมีใครทำ แต่ถึงมีก็น้อยมากและที่สำคัญ เธอย้ายมาอยู่บ้านใหม่แล้ว เป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่มากจนเธอท้อเวลาทำความสะอาด ฟังดูดีแต่จริง ๆ มีแม่บ้านมาทำให้ มาเช้างานเสร็จหรือช่วงเย็นแม่บ้านก็กลับบ้าน เธอไม่มีเวลาทำหรอก จะเอาเวลาที่ไหน บ้านหลังนี้ทุกคนมีห้องส่วนตัว เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในทั้งหลัง อภินันทนาการจากเพื่อนซิงซิงส่งมาให้จากโลกอนาคตที่ใช้วัสดุที่มีการพัฒนา กันร้อนกันหนาวโดยที่บ้านจะมีสัญญาณตรวจจับอุณหภูมิภายนอกแล้วปรับอุณหภูมิภายในบ้านให้อัตโนมัติโดยไม่ต้องมีเครื่องปรับอากาศหรือฮีตเตอร์เหมือนโลกที่รุ่ยฉีจากมา มันดีมาก เลิ
บทที่ 35 ภารกิจใหม่ในช่วงเริ่มต้นการทำธุรกิจ ไม่ว่าธุรกิจอะไรมันก็เหมือนการสร้างเนื้อ สร้างตัว สร้างอาชีพ ที่ช่วงแรก ๆ มันอาจเหนื่อยมากหน่อย ต้องทุ่มเททั้งแรงใจและเเรงกาย ดีที่เฟยหรงคอยช่วยทุกอย่าง บางครั้งรุ่ยฉีก็คิดว่าจะมีคนดีแบบนี้อยู่ในโลกนี้จริง ๆ เหรอ หรือเพราะเขาเคยผ่านเหตุการณ์ที่สะเทือนใจและเลวร้ายแล้วได้โอกาสกลับมา เลยทำให้เขาดีขนาดนี้ อันไหนเขาทำไม่ได้เขาจะให้เธอเป็นคนจัดการ เขาช่วยเหลือเธอแทบทุกอย่าง ไม่มีแบ่งแยกว่างานผู้หญิงงานผู้ชาย อันไหนที่เขาทำได้เขาจะลงมือทำทันทีโดยที่เธอไม่ต้องพูดอะไรเลย หรือบางอย่างเธอบอกจะทำเองแต่เขาก็ยังจะทำให้เธอวันนี้คือวันที่ต้องมาส่งลูกชายสุดที่รักเพื่อเข้าเรียน ทุกคนต่างตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัว ตรวจเช็กสิ่งของทุกอย่างให้ครบ เพราะต้องไปอยู่โรงเรียนชายล้วน กินนอนที่นั่น เดือนหนึ่งหรือสองเดือนถึงจะได้กลับบ้าน มันเหมือนโรงเรียนฝึกทหารตั้งแต่เด็ก ค่าเรียนไม่ต้องพูดถึงเพราะค่อนข้างสูง แต่ถ้านักเรียนเรียนได้ฝึกได้ จบออกมาก็มีตำแหน่งรองรับเลย เรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องห่วง โรงเรียนเรียกเก็บเงินส่วนนี้เพิ่มเติมเพราะเด็กยังเล็กเกินไปไม่สามารถซักเองทำควา
บทที่ 36 พุ่งชนรุ่ยฉีพาเด็กน้อยกลับมาที่พักด้วย และพาเข้าห้องพักที่มีซิงอีรออยู่ ก่อนออกไปรุ่ยฉีได้บอกรายละเอียดคร่าว ๆ แล้วว่าจะไปตามหาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกคนใจร้ายนำมาทิ้งไว้ ให้ซิงอีรอแม่ที่ห้องพัก แม่จะรีบไปรีบกลับ ซึ่งซิงอีก็รับปากจัดของรอน้องสาวหรือพี่สาว เธอตื่นเต้นมากเพราะที่บ้านไม่เคยมีเด็กผู้หญิงในบ้านเลย มีแค่เธอคนเดียว รอน้องสาวขี้อาย รอแล้วรออีกน้องก็ยังไม่ออกมา เธอเลยรอแม่อย่างตื่นเต้นและเตรียมกิ๊บกับมงกุฎเพื่อพี่สาวหรือน้องสาวคนนี้ "อาอี... แม่กลับมาแล้ว" รุ่ยฉีส่งเสียงบอกลูกสาวให้เปิดประตูห้องพักให้เธอรีบวิ่งไปเปิดประตูให้แม่ด้วยความตื่นเต้น เธออยากรู้ว่าแม่เธอจะกลับมาคนเดียวหรือพาพี่สาวน้องสาวกลับมาด้วย" แม่! พี่สาวน้องสาวล่ะ" เธอคิดว่าจะไม่พูดอะไรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้พี่สาวหรือน้องสาวดู แบบที่พ่อเคยบอกเธอ แต่เธอตื่นเต้นมาก ปากมันเลยตะโกนถามแม่เสียงดังไปหน่อย..."ใจเย็น ๆ หนูตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่า" รุ่ยฉีพูดพร้อมกับหัวเราะในท่าทางของลูกสาวส่วนคนที่พามาด้วยหลบอยู่ข้างหลังรุ่ยฉี แต่มือไม่ยอมปล่อยจากรุ่ยฉีเลย รุ่ยฉีเลยจูงเข้าห้องโดยมีแม่ตัวแทนหมู่บ้านคอยเดินตาม
บทที่ 37 เมื่อภารกิจสำเร็จเฟยหรงพาภรรยาส่งถึงมือหมอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาฝากให้หนิงหลงช่วยดูแลก่อนเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเขาต้องรีบไปรับลูกสาว เฟยหรงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ให้มีสติที่สุด เขาต้องควบคุมสติให้มากกว่านี้เพราะลูกสาวกำลังรออยู่เฟยหรงพาลูกสาวกลับมาถึงโรงพยาบาลแล้วได้รู้อาการคร่าว ๆ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตอนนี้แค่รอให้เธอฟื้น อาอีที่ยืนน้ำตาไหลอยู่เงียบ ๆ ไม่สนใจใครเพราะเธอกังวลเรื่องของแม่มาก มีแต่น้ำตาไหลเป็นทางแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากน้อย ๆ นั่น แม้แต่เสียงร้องไห้ยังไม่มีออกมาเลย จนเฟยหรงเริ่มสังเกตอาการผิดปกติของลูก "อาอี... อาอี ไม่เป็นไร แม่ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้อง" เฟยหรงพูดอยู่อย่างนั้นซ้ำ ๆ พร้อมกอดปลอบลูกสาวแล้วหันไปหาหนูน้อยเย่วเย่วที่ยืนมองนิ่ง ๆ เหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไร ดูเหมือนกำลังสงสัยว่าทำไมพี่สาวอาอีถึงร้องไห้มากกว่า พอเฟยหรงปลอบใจอาอีเรียบร้อยแล้วก็ต้องมาปลอบใจเย่วเย่วอีกคนที่พึ่งรู้ว่าคุณน้าคนสวยเป็นลมยังไม่ฟื้นด้านรุ่ยฉีที่เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เธอพยายามขยับแขนขาแต่ก็ทำไม่ได้ เหมือนกับเธอไม่สามารถบังคับร่างกายแบบที่เคย
บทที่ 38 ความลับของเย่วเย่วเย่วเย่วกำลังอยู่ในช่วงคิดและตัดสินใจว่าเธอจะทำยังไงดี ถ้าเธอช่วยคุณน้าก็จะทำให้คนอื่นกลัวและรังเกียจเธอ และเธอก็จะถูกทิ้งเหมือนที่ผ่านมา แต่ถ้าเธอไม่ช่วยคุณน้า เธอก็กลัวคุณน้าหลับไปตลอดไม่ยอมตื่น เธอคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน เธอกลัวคุณน้าเป็นเหมือนกับคุณพ่อและคุณแม่ของเธอ ถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็จะไม่ได้เจอคุณน้าอีก เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว เย่วเย่วเลยตัดสินใจ เธอเอามือไปดึงชายเสื้อของคุณลุง เธอตัดสินใจแล้วเธอจะช่วยคุณน้าคนสวย ถึงคนอื่นจะรังเกียจและกลัวเธอก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็เคยได้อยู่กับน้าคนสวย คุณลุง พี่สาวอาอี และน้องชายซวนซวน แค่นี้เธอก็ดีใจแล้ว"คุณลุงคะ... ถ้าหนูบอกว่าหนูช่วยคุณน้าคนสวยได้ คุณลุงจะเชื่อหนูไหมคะ"เฟยหรงผู้ที่ผ่านความตายและเป็นวิญญาณมาแล้วครั้งหนึ่ง มีหรือที่เขาจะไม่เชื่อ เพราะเขาสังเกตเห็นเด็กน้อยจะชอบไปปีนเตียงรุ่ยฉีในตอนกลางดึกและกอดเธอเอาไว้แน่น และทุกครั้งที่เย่วเย่วโอบกอดภรรยาของเขาจะมีแสงสีเขียวอ่อน ๆ ออกมาจากร่างกายของเย่วเย่ว ในทุกครั้ง มือของภรรยาเขาจะสามารถกระดิกได้ทั้งที่ปกติจะนอนนิ่ง แต่เย่วเย่วจะสะดุ้งทุกครั้งที่ร่างกายข
บทที่ 39 วุ่นวายรุ่ยฉีกำลังช่วยฮั่นอิงอิงตรวจเช็กสินค้าว่ามีเท่าไร พอที่จะส่งลูกค้าไหม รวมถึงตรวจเช็กบัญชีและสอนอิงอิงไปด้วย เพราะอิงอิงยังทำบัญชีไม่ค่อยคล่อง ส่วนเฟยหรงไปจัดการเรื่องคดีความของพี่ใหญ่ วันนี้รุ่ยฉีมีลางสังหรณ์ว่าต้องมีคนมาหาเธอแน่ ๆ"อิงอิง ถ้าน้าจะขายร้านนี้ให้ อิงอิงอยากได้ไหม" "อยากค่ะ... แต่หนูไม่มีเงินและหนูยังคิดบัญชีไม่เก่ง"อิงอิงเธอคิดว่าถ้ามีร้านเป็นของตัวเองก็ดีน้อง ๆ ของเธอจะได้เรียน ไม่ต้องไปลงงานคอมมูนเก็บแต้ม มีร้านค้าขายของและยังมีลูกค้าประจำ ทำให้ครอบครัวของเธอไม่ต้องทนหนาวและไม่ต้องอด แต่เธอก็ไม่กล้าฝันเพราะมันต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แค่น้ารุ่ยฉีช่วยครอบครัวของเธอก็ถือว่ามันดีมากแล้ว ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ยังลำบากแต่ไม่ได้รับโอกาสเหมือนครอบครัวเธอ เธอและน้องชายนับถือครอบครัวน้ารุ่ยฉีมาก เธออยากเป็นเหมือนน้ารุ่ยฉี ถึงทุกคนในหมู่บ้านที่เคยอยู่จะว่าร้ายน้ารุ่ยฉีว่าพูดจาไม่เพราะ ไม่เคารพผู้ใหญ่ บางทีก็ว่าร้ายกว่านั้นอีก แต่เธอไม่เคยมองน้ารุ่ยฉีแบบนั้นเลย บางคนที่พูดเพราะแต่ลับหลังร้ายกาจก็มีให้เห็นเยอะแยะ"ถ้าอิงอิงอยากได้ น้าให้ผ่อนจ่ายได้ ส่วนเรื่องบ
บทที่ 40 แม่เล็กเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความผิดของแม่เฒ่าซ่งที่มาสร้างความวุ่นวายและก่อกวนผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน ผิดครั้งแรกเจ้าหน้าที่แค่ว่ากล่าวตักเตือน ผิดครั้งที่สองจะถูกส่งไปทำงานฝ่ายผลิตที่อำเภออื่นเป็นบทลงโทษ พอรู้ว่าถ้าทำผิดอีกครั้งจะถูกส่งไปทำงานเลยทำให้แม่เฒ่าซ่งเกิดอาการกลัวเพราะไม่ได้ลงงานมานานแล้วและจะต้องไปอยู่ที่อื่นอีกด้วย รุ่ยฉีคิดว่าแม่เฒ่าซ่งคงไม่ก่อเรื่องไปอีกสักพัก หรืออาจจะไม่ก่อเรื่องอีกเลยก็ได้เพราะตอนนี้ไม่มีใครไปด้วย แม่เฒ่ายิ่งไม่กล้าไปคนเดียว รุ่ยฉีกำลังคุยเรื่องเปิดร้านเสื้อและร้านขายผ้ากับหวังอ้ายเหม่ยหรือตอนนี้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่นั่นเอง รุ่ยฉีทำเรื่องซื้อตึกเพิ่มเพื่อจะได้เปิดร้านแล้วให้พี่สะใภ้ใหญ่ดูแล ยังดีที่เฟยหรงเป็นคนไปเดินเรื่องแล้วให้เพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือเลยทำให้ได้ร้านเร็วกว่าเดิม ไม่ต้องรอนานเหมือนตอนที่รุ่ยฉีทำเรื่องเอง "พี่รุ่ยฉี ฉันให้เหลียนฮวามาช่วยได้ไหม" อ้ายเหม่ยอยากให้น้องสามีหรือเพื่อนของเธอมาทำด้วย น่าจะดีกว่าไปทำงานที่สหกรณ์ที่ต้องยกของหนัก ๆ"ฉันคิดอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าน้องหกจะอยากมาไหม แล้วอีกอย่างก็รู้ ๆ อยู่ว
ตอนพิเศษ 3ตัวป่วนแห่งยุค 70(แก๊งมงกุฎ)วันนี้รุ่ยฉีตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยเฟยหรงเตรียมอาหารให้ลูก ๆ ของเธอที่จะไปทัศนศึกษา ดูเหมือนไปไกล แต่จริง ๆ แค่ภูเขาหลังบ้านเธอนี่แหละ และถามว่าไปทัศนศึกษากับโรงเรียนหรือยังไง ก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าวันนี้โรงเรียนปิด ที่ว่าไปก็ไปกันทั้งบ้านนั่นแหละ แต่เพราะสองสาวที่กำลังเห่อการไปทัศนศึกษาที่ได้ไปกับโรงเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เลยอยากไปอีก เฟยหรงผู้ไม่เคยห้ามลูกสาวก็ตามใจ พาไปทัศนศึกษาที่ภูเขาที่อยู่ติดกับหลังบ้านนี่แหละ"เย่วเย่วตื่นเต้นมากเลยค่ะ" สาวน้อยเย่วเย่วที่ดูตื่นเต้นกับการไปทัศนศึกษาหลังบ้านในครั้งนี้เฟยหรงที่เตรียมอาหารอยู่หันมาหัวเราะกับท่าทางของเย่วเย่ว"พร้อมหรือยัง" "พวกหนูพร้อมแล้วค่ะ... แต่น้องสาวฉิงฉิงยังไม่พร้อมค่ะ" เย่วเย่วตอบแม่ใหญ่น้องน้อยของเธอไม่ยอมใส่เสื้อผ้าที่เธอกับพี่สาวอาอีเตรียมให้ น้องน้อยจะเอาแต่สีแดง คุณครูบอกว่าเวลาขึ้นเขาเข้าป่าให้ใส่สีทึบเพื่อไม่ให้สัตว์ป่าตกใจ เพราะถ้ามันตกใจ มันอาจวิ่งมาทำร้ายเราได้ แต่น้องน้อยจะใส่สีที่แม้แต่ยืนอยู่โรงเรียนยังมองเห็น มันแดงมาก เธอไม่รู้จะบอกน้องน้อยยังไงดี"เดี๋ยวแม่ไปดู
ตอนพิเศษ 2ตอนนี้เฟยหรงอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองซูโจว เนื่องจากอยู่ ๆ แม่เฒ่าซ่งก็เกิดอาการชักเกร็งเป็นลมหมดสติไป ทำให้ต้องรีบหามส่งโรงพยาบาล อาการยังไม่แน่ชัดว่าเป็นยังไงบ้าง"เป็นยังไงบ้างพี่ใหญ่" เฟยหรงที่มาเจอกับพี่ชายคนโตก็ถามขึ้นทันทีที่เจอ"หมอยังไม่บอกอะไร พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ฟื้นแล้ว แต่ยังมีอาการเหม่อลอย พูดบ่นอะไรไม่รู้ตลอดเวลา บางทีก็ทำอะไรแปลก ๆ " "แล้วแม่รู้เรื่องไหม รู้ตัวไหมเวลาที่ทำ""รู้ตัวเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ไม่รู้ตัว เข้าไปพร้อมกันไหม หมอเพิ่งให้เข้าเยี่ยม" "ครับ"พอเข้าไปในห้องพักคนไข้ก็เห็นแม่ของเขาที่นั่งเหม่อลอยมองออกไปข้างนอก ช่วงก่อนพี่ใหญ่จะถูกปล่อยตัว แม่ต้องเก็บตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ คนเดียว ลูกหลานไม่มีใครเข้าหา เพราะทุกคนกลัวแม่หาเรื่องหรือหาปัญหามาให้ พี่น้องทุกคนแยกบ้านกันอยู่เพราะไม่อยากให้มีปัญหา แวะเวียนมาหาเยี่ยมแม่เป็นบางครั้ง จนพี่ใหญ่กลับมานี่แหละที่เข้ามาดูแลมาหาบ่อย ๆ ทั้งสองคนเลยเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"แม่หิวไหม ผมซื้อข้าวต้มกับขนมมาให้" ลูกชายคนโตเอ่ยถามแม่"หรือจะกินผลไม้ น้องสี่เอามาให้เยอะแยะเลย" เมื่อเขาเห็นแม่ยังนั่งเงียบ เขาเลยพูด
ตอนพิเศษ 1ตอนนี้รุ่ยฉีและทุกคนในครอบครัวกลับมาเที่ยวเมืองซูโจว ซึ่งได้กลับมาอยู่บ้านหลังเดิมในหมู่บ้านที่ตอนแรกตั้งใจจะขาย ติดประกาศขายไว้นาน แต่ก็ยังไม่มีคนมาติดต่อซื้อ อาจเพราะราคาที่เธอตั้งไว้มันค่อนข้างสูงเกินไป จึงทำให้ชาวบ้านไม่ซื้อกัน พวกเราเลยตัดสินใจเก็บบ้านไว้จ้างคนมาดูแลทำความสะอาดประจำ มีโอกาสก็กลับมาพัก และรุ่ยฉีรู้สึกว่าที่นี่ยังมีความทรงจำดี ๆ ถึงตอนแรกจะตัดสินใจขาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ใจหาย ยังดีที่ไม่มีคนมาซื้อ และตอนนี้รุ่ยฉีได้คลอดลูกสาวแล้ว แต่จะเป็นลูกสาวขี้อายไหม อันนี้ไม่อยากพูด..."หม่ำ หม่ำ" 'ซ่งอ้ายฉิง' ลูกสาวขี้อาย (มั้ง) ของเธอเอง หรือที่ทุกคนเรียกว่า 'ฉิงฉิง'ตอนนี้อ้ายฉิงอายุ 9 เดือนแล้ว กำลังกินข้าวบดที่รุ่ยฉีแลกมาจากร้านค้าในระบบ กินเก่งเหมือนสมุนตัวน้อย ขี้โวยวาย แค่ป้อนไม่ทันใจก็ร้องหม่ำหม่ำแล้ว มือเร็วที่สุด ถ้าชามอยู่ใกล้เป็นต้องเอามืออ้วน ๆ ขาว ๆ นั่นมาคว้าทันที คิดว่าขี้อายไหมล่ะ... รุ่ยฉีอยากจะหัวเราะ ถึงยังไงพ่อกับพี่ก็ยังเรียกลูกสาวขี้อาย น้องสาวขี้อาย..."ใจเย็น ๆ นะครับลูก" เฟยหรงที่ทำหน้าที่ป้อนข้าวบดลูกสาวพยายามบอกให้ลูกสาวใจเย็น ๆ"แอ๊ ๆ
บทที่ 52 บทส่งท้ายเติบโตและก้าวไปด้วยกันรุ่ยฉีเจอเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรช่วยคนสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะบางคนช่วยมาแล้วก็มาสร้างความเดือดร้อน มาสร้างปัญหาให้ภายหลัง ช่วงหลังมานี้ รุ่ยฉีแทบไม่ออกไปไหนและไม่ช่วยใคร นอกจากเด็กเร่ร่อนที่หนิงหลงช่วยมาจากการถูกลักพาตัวไปแล้วมาขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนของเธอ เรื่องนี้รุ่ยฉีปฏิเสธไม่ได้ เพราะเธอสงสารเด็กด้วย และอีกอย่างเรื่องช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนคือภารกิจใหม่และภารกิจหลักของเธอในตอนนี้ เผื่อเรื่องนี้จะอนุมัติ ระบบของเธอยื่นเรื่องไปถึงสองปีกว่า ๆ แต่ก็ถือว่าคุ้ม ได้ช่วยเด็ก ๆ ตอนนี้เธอช่วยแค่เด็ก ๆ ส่วนคนโตนั้น เธอไม่อยากหาปัญหามาให้ตัวเองปวดหัวอีกแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว รุ่ยฉีแทบไม่ต้องทำอะไรมาก ลูก ๆ ของเธอโตขึ้นมาบ้างแล้ว และมีแนวโน้มจะไปในทางที่ดี หัวหน้าแก๊งของเรา 11 ขวบ โตขึ้น สูงขึ้น เข้มขึ้นแต่ยังพูดน้อยเหมือนเดิม ซิงอีกับเย่วเย่วอายุ 10 ขวบเริ่มสูงขึ้น ซิงอีมีแววสวยเฉี่ยวตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และในอนาคตดูท่าทางซิงอีจะเป็นสาวมั่นตัวแม่แน่ ๆ เย่วน้อยของเรานั้นเป็นสาวหวานทั้งหน้าตาท่าทางและการพ
บทที่ 51 ไม่ถอดใจ... ไม่หมดหวังจากเหตุการณ์สะดุดอากาศล้มในวันนั้น ทำให้เจียวจูได้ทหารคนนั้นเป็นสามี ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงได้รวดเร็วทันใจขนาดนั้น ก็เพราะสองสาวที่ตะโกนลั่นโรงเรียนให้คุณครูไปช่วยลุงทหาร ทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปทั่วโรงเรียนจนคนรีบตามมาช่วยและได้เห็นทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่ เมื่อมีคนมาเป็นสักขีพยานมากมาย เจียวจูเลยได้นายทหารคนนั้นเป็นสามี รุ่ยฉีไม่อยากจะคิดเลย ถ้ายอมให้เธอทำงานที่บ้านต่อจะเป็นยังไง ยังดีที่รีบบอกให้ไปช่วยงานที่อื่น ไม่อย่างนั้นคนที่โดนเจียวจูล้มทับอาจเป็นเฟยหรงก็ได้ ใครจะไปรู้ตอนนี้หลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว โรงเรียนก็มีครูใหญ่เป็นคนดูแลจัดการให้ ส่วนโรงพยาบาลก็เริ่มมีหมอ มีพยาบาลผู้ช่วย แต่ก็ยังไม่ได้เปิดแบบเป็นทางการ รุ่ยฉีอย่างให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป"แม่ใหญ่คะ... วันนี้โรงเรียนหยุดเหรอคะ" เย่วน้อยที่นั่งกินบิสกิตจิ้มนมพูดขึ้น"ใช่ค่ะ" รุ่ยฉีตอบกลับเย่วน้อย"คุณครูบอกว่าใกล้วันกีฬาสี... ต้องขยันซ้อม" อาอีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นรุ่ยฉีก็นึกขึ้นมาได้ว่าโรงเรียนจะจัดกีฬาสี ถึงจะมีนักเรียนน้อยแต่ก็ทำกิจกรรมทุกอย่างเหมือนโรงเรีย
บทที่ 50 สะดุดอากาศตั้งแต่วันนั้นที่รุ่ยฉีเห็นบรรยากาศแปลก ๆ บนโต๊ะกับข้าว เธอก็คอยสังเกตดูตลอดว่ามันมีอะไรผิดปกติบ้างไหม เจียวจูยังทำงานที่บ้านเธอตามปกติ แต่ส่วนมากเหมือนเธอจะหลบหน้ารุ่ยฉี แต่รุ่ยฉีก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นแบบที่เธอสงสัยหรือเปล่า และอีกอย่าง ตอนนี้เฟยหรงก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องออกไปประสานงานให้เธอในหลาย ๆ เรื่อง"เจียวจู ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ไปช่วยงานที่โรงเรียนได้เลย ฉันแจ้งครูใหญ่ให้แล้ว""ไม่ค่ะ... ฉันชอบทำที่นี่""แต่ฉันให้เธอไป! ถ้าไม่ทำก็ไปอยู่ที่อื่น" บอกดี ๆ ไม่ชอบ... ไปไม่ไป!"แต่คุณเฟยหรงชอบที่ฉันทำอาหารที่มีผักให้เด็ก ๆ กินนะคะ" เจียวจูไม่ยอมไปง่าย ๆ"เขาบอกตอนไหน! " รุ่ยฉีถามกลับกินผักมันก็ดีอันนี้รุ่ยฉีไม่เถียง แต่ใครก็ทำเมนูผักได้ไม่ใช่หรอ"บอกทุกวันค่ะ""คุณหลงครับ... คุณหลงอยู่ไหมครับ"รุ่ยฉียังไม่ทันได้พูดอะไรกับเจียวจู เพราะมีคนมาตะโกนเรียก น่าจะเป็นครูใหญ่เพราะเธอจำเสียงนี้ได้"เข้ามาก่อนค่ะ" พอเห็นว่าเป็นใคร รุ่ยฉีก็เชิญเข้าบ้านแล้วพาไปที่ห้องรับแขกเจียวจูพอเห็นว่าครูใหญ่มาก็เอาน้ำออกมาต้อนรับ พอเสร็จก็ออกจากห้องรับแขกทั
บทที่ 49 บรรยากาศแปลก ๆหลังจากที่กลับมาจากชุมชนแออัดในวันนั้น รุ่ยฉีก็พาทั้งครอบครัวครูใหญ่และแม่ลูกที่อยู่ข้างบ้านมาด้วย พร้อมหนังสือหย่าและหนังสือตัดขาดติดมาด้วย ส่วนแม่ของเด็กขอมาช่วยทำงานบ้านกับแม่บ้านที่รุ่ยฉีจ้างไว้ แต่แม่บ้านจะมาทำงานตอนเช้า ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน เพราะรุ่ยฉีต้องการความเป็นส่วนตัวเวลาอยู่กับครอบครัวตอนนี้รุ่ยฉีกำลังยืนดูเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกันโดยมีแกนนำคือแม่เล็กและครูเล็กอีกนั่นแหละ อาทิตย์หน้าโรงเรียนของเธอก็จะเปิดเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว เอกสาร อุปกรณ์การเรียน ทุกอย่างมีครบแล้ว ก็ได้การสนับสนุนจากเพื่อนต่างมิติอีกนั่นแหละ ตอนนี้คะแนนรุ่ยฉีติดลบแล้วติดลบอีก ดีที่ผูกสัญญากับระบบ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่ระบบจอมงกจะให้เธอติดหนี้หรอก"คุณหลงครับ ผมเอาแผนการเรียนทั้งหมดมาให้คุณช่วยดูครับ" ครูใหญ่เห็นรุ่ยฉีเลยรีบเอาเอกสารมาให้ดู"คนช่วยทำงานพอไหมคะครูใหญ่"รุ่ยฉีหยิบเอกสารมาอ่านแล้วเอ่ยถามครูใหญ่ออกไป ตอนนี้งานล้นมือกันทั้งนั้น ส่วนคนทำงานก็ต้องเลือกก่อน ส่วนมากได้นายทหารและครอบครัวทหารที่ปลดประจำการมาช่วยทำงาน ตอนนี้สวนผักของรุ่ยฉีก็ได้เริ่มเพาะปลูกแล้ว ทุกอย่างเริ่
บทที่ 48 ชุมชนแออัดรุ่ยฉีกำลังนั่งดูเอกสารข้อมูลที่ทางระบบจัดส่งมาให้ ตอนนี้มีคนมาสมัครเป็นครูทั้งที่มาด้วยตัวเองและคนที่รุ่ยฉีต้องออกไปหามาด้วย ตอนนี้ครูมีพร้อมแล้ว ขาดแต่ครูใหญ่ที่รุ่ยฉีจะต้องไปตามหาคนที่ระบบระบุมาว่ามีคุณสมบัติที่ดีพร้อม"ระบบ ถ้าคนที่ตามหาอยู่ไกลสุดขอบโลก ฉันจะทำยังไง... ใช้งานเก่งเหลือเกิน พวกระบบเนี่ย"[โฮสต์... คนที่ให้ตามอยู่ในเมืองนี้ อย่าคิดไปเอง]"สมมุติไง" รุ่ยฉีแย้งงานก็สั่งจัง... ให้ตามภารกิจแบบนั้นแบบนี้ แต่ที่ยื่นขอให้เป็นภารกิจ ป่านนี้ยังไม่อนุมัติ มันก็ทำให้คนทำงานท้อเป็นธรรมดาตอนนี้เฟยหรงและรุ่ยฉีมาอยู่ที่ชุมชนแออัด ที่เรียกแบบนั้นเพราะมันมีบ้านที่อยู่ติด ๆ กัน และมีคนอาศัยอยู่เยอะมาก วันนี้ที่รุ่ยฉีมาก็เพื่อมาตามหาว่าที่ครูใหญ่ที่ทางระบบให้มาหา รุ่ยฉีเดินไปตามทางที่ระบบแจ้ง เดินเข้าไปในซอยเล็ก ๆ และระยะทางไกลพอสมควร ทุกคนที่เห็นเฟยหรงกับรุ่ยฉีเดินผ่านต่างก็หยุดมอง อาจเพราะแปลกหน้าหรือเพราะอะไรไม่แน่ใจ แต่ส่วนมากเขาจะมองและกระซิบกระซาบกันพอไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่ดูไม่ใหญ่มากนัก รุ่ยฉีก็เคาะประตูเพราะระบบยืนยันว่าคือบ้านหลังนี้ ถ้าไม่ใช่แล้วโดนไล่ต
บทที่ 47 อาณาจักร 'หลง'เฟยหรงและภรรยากำลังช่วยกันจัดวางตึกและอาคารบ้านพักตามแผนผังที่วางไว้ ด้านหน้ารุ่ยฉีทำเป็นสำนักงาน ส่วนบ้านพักของรุ่ยฉีอยู่ด้านในสุดของพื้นที่ติดกับภูเขา ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากตึกอาคารด้านนอกประมาณ 2 กิโลเมตร มันเลยดูเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกลัวความวุ่นวาย รุ่ยฉีใช้เวลาในการจัดวางตึกอาคารตามแผนผังเกือบอาทิตย์หนึ่ง จนวันนี้วันสุดท้ายที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เช็กความเรียบร้อยแค่นั้น"ฉีฉีครับ ผมแค่สงสัยนะ"พอรุ่ยฉีเดินตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จ เฟยหรงที่มองภรรยาอยู่ก็ทนความสงสัยของตัวเองไม่ได้"สงสัยอะไรเหรอคะ" รุ่ยฉีถามกลับ เธอคิดว่าเฟยหรงจะสงสัยในสิ่งที่เธอทำก็ไม่น่าใช่ เพราะทุกอย่างก็ปรึกษากันก่อนลงมือทำตลอด"คือ... ฉีฉีเลิกคุมจริง ๆ ใช่ไหม" เขาพยายามมาหลายเดือนแล้ว ทำไมภรรยาเขาไม่ท้องสักที "ใช่ค่ะ... คุณสงสัยว่าฉันยังกินยาคุมอยู่เหรอ" รุ่ยฉีตอบและถามกลับ"ครับ... แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณคุมไว้ก่อนเพราะคุณทำงานหนักมาก ถ้ามีตอนนี้มันอาจทำให้คุณเหนื่อยมากกว่าเดิมอีก" ในเมื่อทำทุกคืนเน้น ๆ ตลอด ไหน ๆ ลูกสาวขี้อายก็ยังไม่มา เขาเลยอยากให้ภรรยาคุมไว้ก่อน แค่นี้เธอก็ไม่มี