พอน้ำหนาวนั่งลง รชตก็รีบเดินไปหลังร้าน เพียงไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกระดาษทิชชูและถุงพลาสติก"รุ่นพี่จะทำอะไร" หญิงสาวขยับขาออกเมื่อเห็นเขานั่งยองๆลงข้างๆ "เดี๋ยวเช็ดที่ขาออกก่อน ถ้าเลือดมันแห้งเราจะเช็ดลำบาก" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับดึงเอากระดาษทิชชูออกมา"หนาวทำเองได้ค่ะ" ทุกคนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักต่างก็มองมา เพราะทำแบบนี้มันยิ่งเป็นจุดสนใจ"มีอะไรวะ" คอปเตอร์และเพื่อนอีกสองคนรีบเข้ามาหา"ไม่มีอะไรหรอก พวกมึงมาก็ดีแล้ว ยืนบังให้หน่อยแต่หันหลังนะ"พวกเพื่อนๆ ก็รีบทำตามโดยการยืนเรียงเป็นหน้ากระดาน เพื่อบังสายตาคนนอก"อะไรของมันอีก" แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต๊งกิ้วก็แอบมองกลับหลังดู "มึงเล่นน้องจนเลือดสาดเลยเหรอวะ"น้ำหนาวไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว เดินหนีจากตรงนี้ก็ไม่ได้ เพราะกลัวมันหกเรี่ยราด"เก็บหมาในปากมึงไว้ก่อน..พูดมาก!" "หนาวทำเองได้ค่ะ" หญิงสาวรีบแย่งกระดาษทิชชูจากมือเขามาเช็ดเอง แต่รชตเช็ดใกล้จะหมดแล้วแหละ "พวกมึงอย่าเพิ่งไปไหนยืนอยู่ตรงนี้ก่อนนะ" เขาปล่อยให้เธอทำความสะอาดต่อ เพราะมันเหลือแต่อยู่ที่ลับๆ หน่อย "ถ้ากูรู้ว่าใครหันกลับมามองเมียกูอีก กูจะควักลูกตามันออก" ก
เย็นวันเดียวกัน..ออกจากมหาวิทยาลัยทั้งสองก็ตรงกลับมาที่บ้านกลับมาถึงน้ำหนาวก็ขอตัวเข้าครัว เธอตื่นเต้นมากที่คนบ้านนี้ชอบฝีมือทำอาหารของเธอ และได้ยินเขาบอกว่าอยากจะทานข้าวเกรียบปากหม้อด้วยหญิงสาวเริ่มลงมือเตรียมเครื่อง เพราะมันต้องได้ทำหลายอย่าง จากคนที่ไม่เคยอยู่ติดบ้าน พอมีเธอเข้ามา เขาก็ไม่ได้ไปเหลวไหลที่ไหนอีก รถมอเตอร์ไซค์ที่อยากได้นักอยากได้หนา ตอนนี้ยังจอดทิ้งอยู่ที่คอนโด"ยังไม่ตั้งโต๊ะอีกเหรอครับ" คฑาแบกท้องกลับมาจากบริษัท เพื่อจะมาทานข้าวเย็นร่วมกับแม่และภรรยา แต่พอมาถึงทุกคนก็ยังนั่งอยู่ในห้องรับรองซึ่งเป็นห้องดูทีวีร่วมกัน"ยังหรอกค่ะ คุณหิวแล้วหรือคะ" รรรรรรถามผู้เป็นสามีพร้อมกับรับของที่เขาถือเข้ามาด้วยเพื่อจะเอาขึ้นไปเก็บไว้ข้างบนให้และเพียงไม่นานกัลยาก็เดินตามน้องชายเข้ามา "เสร็จหรือยังคะแม่""อ้าวเรามาด้วยเหรอ ไหนบอกมีงานเลี้ยงที่โรงแรมไง" อัญชัญโทรไปชวนลูกสาว บอกว่าวันนี้หลานสะใภ้จะทำข้าวเกรียบปากหม้อ แต่กัลยาบอกว่าวันนี้มีงานเลี้ยงที่โรงแรม"เรื่องแบบนี้ใครจะพลาดคะ กัลให้คุณสันติดูงานแทนค่ะ""มีอะไรกันหรือครับ" คฑาถามพี่สาวและแม่แบบงงๆ"ก็ลูกสะใภ้เราน่ะสิ วันนี้จ
หญิงสาวอายมากจนดึงหมอนมาปิดบังใบหน้าไว้ เมื่อเขาให้เรียกผัวจ๋าแต่ทันใดนั้นเสียงโทร LINE ก็ดังขึ้นที่เครื่องของน้ำหนาว"รุ่นพี่ คุณแม่โทรมา" ถึงแม้จะยังไม่เปิดดู ก็รู้แล้วว่าต้องเป็นแม่หรือไม่ก็พ่อแน่"ไม่เอาไม่ให้รับ" รชตเริ่มงอแง เพราะเวลาแม่กับพ่อของเธอโทรมาทีไร น้ำหนาวชอบจะไล่เขาออกจากห้อง เพราะกลัวว่าเขาจะทำเสียงให้พวกท่านได้ยิน"ปล่อยก่อนหนาวจะรับสายแม่" ที่ต้องได้พูดแบบนั้นเพราะเขาจับเธอกดไว้กับเตียง"เรียกผัวจ๋าก่อนถึงจะปล่อย""ไม่!""ถ้างั้นก็ไม่ปล่อย""รุ่นพี่!""ไม่ปล่อย""ผัวจ๋า""ไม่ปล่อย..เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?""ปล่อยได้หรือยัง""ยังฟังไม่ชัดเลย""ผัวจ๋า! ผัวจ๋า!!""น่ารักอ่ะ" รชตจำเป็นต้องได้รีบปล่อย"กลับห้องตัวเองไปเลยนะ""ไม่เอา ไม่กลับ""เดี๋ยวพวกท่านก็รู้หรอกว่าอยู่ด้วยกัน"ชายหนุ่มเดินคอตกออกจากห้องเธอไป เพราะถ้าไม่ออกไปกลัวว่าเธอจะโกรธเอา>>{"สวัสดีค่ะแม่"} หญิงสาวรีบรับสาย และแม่ของเธอก็ Video Call มาด้วย {"ทำอะไรอยู่เหรอลูกทำไมนานจังกว่าจะรับสาย"}>>{"เข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ"} จะบาปไหมเนี่ยเราน้ำหนาวใช้เวลาคุยกับพ่อและแม่อยู่พอสมควรก็วางสายไป"หลับหรือยัง" คิดถึงใบ
ติ๊ก~ เสียงข้อความไลน์ดังขึ้นที่เครื่องของรชต ในขณะที่กำลังนั่งทานข้าวเที่ยงอยู่น้ำหนาวพยายามที่จะไม่สนใจแล้ว แต่ก็อดไม่ได้เพราะเห็นเขาพิมพ์อะไรส่งกลับด้วยใบหน้าที่ดูจะปลื้มปริ่มมีความสุขเหลือเกิน ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ"หนาวอิ่มแล้วค่ะ" หญิงสาววางช้อนลงแล้วก็เดินออกจากโรงอาหารไปแบบไม่รอ เพราะเขาดูจะไม่สนใจเธอเท่าไร"อ้าว?" รชตรีบเก็บโทรศัพท์แล้วเดินตามออกมา "อิ่มได้ยังไงยังไม่ได้ทานเลย""สงสัยจะอิ่มรอยยิ้มของรุ่นพี่มั้งคะ คนที่ไลน์มาคงจะสำคัญมากเลยสินะ ถึงทำให้อารมณ์ดีได้ขนาดนั้น""พี่คุยไลน์กลุ่มกับเพื่อน ไม่เชื่อก็เปิดดูสิ" เขายื่นโทรศัพท์ให้เธอเช็คดู แต่ใครจะกล้าไปเช็คโทรศัพท์ของเขาล่ะ"คุยกับเพื่อนต้องอารมณ์ดีขนาดนั้นเลยหรือคะ""อย่าบอกนะว่าเราคิดว่าพี่คุยกับใคร""ก็คงคุยกับคนที่ ให้พี่เมมเบอร์ให้มั้งคะ" เธอยังจำตอนที่เดินออกมาจากห้องเรียนได้ดี"พี่ไม่ได้ให้เบอร์พี่สักหน่อย""??""พี่อยากให้เรารู้ไว้ ว่า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว" เพราะเขาเป็นหนุ่มฮอตในรั้วมหาวิทยาลัยนี้ และไม่ใช่ว่าเพิ่งเคยมีคนมาขอเบอร์ขอไลน์"ค่ะ!" หญิงสาวพูดกระแทกเสียงแล้วก็เดินจากไปอ
น้ำหนาวนั่งมาด้วยแบบเงียบๆ ถึงแม้ดูภายนอกจะเงียบ แต่ในใจนี่สิเต้นรัวยิ่งกว่ากลองเพล เมื่อรู้ว่าเขาจะพากลับมาที่คอนโด"ถึงแล้วครับ""แต่คุณพ่อคุยงานกับคุณป้าไม่นานนะคะ""ก็บอกว่าเราออกมาขับรถเล่นไง" ในขณะที่พูดชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปที่เข็มขัดนิรภัยของเธอใบหน้าทั้งสองใกล้มาก จนหญิงสาวแทบจะกลั้นหายใจไว้ แต่เขาก็ไม่ทิ้งเวลาให้เสียเปล่า ริมฝีปากหนาแนบจูบลงไปพร้อมกับปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย"อืม" น้ำหนาวกลัวว่าจะมีใครเห็น ก็เลยรีบหลบจูบนั้นออกก่อน"รีบขึ้นไปข้างบนกันเถอะ" เพียงไม่นานก็ขึ้นมาถึงบนห้องเข้ามาถึงในห้องประตูยังไม่ได้ปิดเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มก็คว้าร่างบางเข้ามาจูบ พร้อมกับปล่อยประตูให้ปิดเองน้ำหนาวยืนตัวแข็งทื่อให้เขาจูบอยู่แบบนั้น เสื้อคลุมที่สวมใส่ให้ตอนทานข้าวก็ได้กองลงไปกับพื้น"ห้ามใส่แบบนี้ในที่สาธารณะ" ใจจริงอยากจะตำหนิเธอตรงนั้นเลย แต่ก็เกรงใจพ่อกับแม่หญิงสาวไม่ตอบ เลือกสามีทั้งทีทำไมถึงถูกใจพ่อนัก เพราะนิสัยของเขาไม่ได้แตกต่างจากพ่อของเธอเลย"เราต้องรีบทำเวลาแล้ว" เขาจะมัวอิดออดอยู่ไม่ได้ รชตก็เลยรีบจัดการเสื้อผ้าของเธอออกก่อน และตามด้วยของตัวเอง ส่วนน้ำหนาวยังคงยืนตัวแข็งอ
วันนี้เป็นวันหยุด จะแก้ตัวว่าไปเรียนก็ไม่ได้ชายหนุ่มก็เลยต้องพาเธอขับรถมาที่โรงแรม ..แต่พอมาถึงก็เห็นโรงแรมกำลังจัดงานกันให้วุ่น สงสัยเป็นงานที่พ่อกับแม่เธอมาร่วมแน่เลยแต่ถึงกระนั้นความผิดของเขาก็ยังไม่หมดไป ต้องได้พาเธอเข้าไปหาพ่อก่อน"คุณพ่อครับ" รชตจูงมือน้ำหนาวเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ที่ดูเหมือนว่ากำลังเตรียมงานอะไรสักอย่างกันอยู่"มาแล้วเหรอลูก" กัลยาซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยก็รีบเข้ามาหา"ครับ" รชตยังคงยืนอยู่ต่อหน้าพ่อของเธอเพื่อรอรับคำตำหนิ"งานเลี้ยงคืนนี้แต่งตัวสวยๆ หล่อๆ นะ" คนที่พูดก็ยังคงเป็นป้ากัลยาอยู่"งานเลี้ยงหรือครับ?""ใช่จ้า" กัลยาไม่ได้บอกว่างานเลี้ยงอะไร และทุกคนก็ไม่มีใครบอกเช่นกัน"ผมอยากจะคุยกับคุณพ่อเรื่องเมื่อคืนนี้" แต่รชตก็ไม่ได้สนใจด้วยว่างานเลี้ยงนี้ถูกจัดขึ้นเพื่ออะไร เขายังคงห่วงความรู้สึกของเธอ เรื่องที่หายไปด้วยกันทั้งคืน"คุณพ่อคะ" น้ำหนาวเอื้อมมือไปจับมือพ่อไว้ เห็นพ่อทำเป็นไม่สนใจแบบนี้ แต่เธอรู้ดีว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่ "เอ่อคือว่าหนาว..""ทำตามที่คุณป้าบอกนั่นแหละ แต่งตัวสวยๆ รอมาร่วมงานตอนเย็น" อิฐเอื้อมไปลูบใบหน้าเรียวของลูกสาวแบบอ่อนโยน เขาต้องยอมร
"พูดถึงก็มาพอดีเลย"กัลยาและคุณนายวิภาดาพร้อมด้วยข้าวฟ่างเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินนักข่าวเอ่ยพูดขึ้น ทั้งสามค่อยๆ หันกลับมามองพร้อมกันว่านักข่าวหมายถึงใครแต่พอหันกลับมาก็เห็นว่าเกียร์กำลังเดินเข้ามาในงาน"ใช่คุณเกียร์ลูกชายคนเดียวของคุณกัลยาไหมคะ" ทั้งไมค์และเครื่องบันทึกเสียงของแต่ละสำนักข่าวถูกยื่นไปตรงหน้าของเกียร์"ครับ" ถึงแม้จะงงอยู่บ้าง แต่นักข่าวถามว่าเป็นลูกของแม่ไหมเขาก็ต้องตอบว่าใช่"เมื่อไรจะเปิดเผยข่าวดีสักทีคะ""ข่าวดีอะไรครับ" คำถามนี้เกียร์ไม่ได้มองหน้านักข่าว แต่มองไปที่หน้าของผู้เป็นแม่ ซึ่งกำลังเดินเข้ามาหา"ขอโทษนะคะ ขอพาลูกชายเข้าไปในงานก่อนค่ะ""ก็แม่ของคุณน่ะสิคะ บอกว่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้" นาทีนี้ข่าวสำคัญที่สุด จนไม่สนใจอะไรรอบข้างอีกแล้ว"พวกคุณพูดอะไร ผมไม่เห็นเข้าใจ"ข้าวฟ่างซึ่งยังยืนอยู่ที่เดิม ถึงกับหน้าถอดสี..อีกแล้วเหรอเรา ถ้าผู้ชายปฏิเสธอีกคนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว"เข้าไปนั่งข้างในดีกว่า" น้ำหนาวรีบเดินมารับเพื่อนให้ไปนั่งด้วย"ไม่ต้องหรอก หนาวเข้าไปเถอะ""เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไป อย่าคิดมากนะข้าวฟ่าง""มันจะผ่านไปได้ยังไงมันเพิ่งเริ่มเ
น้ำหนาวโทรลงมาบอกรชตให้ขยับรถไปรอด้านหลังคณะ แน่นอนว่านักข่าวไม่หลงกลง่ายๆ แน่ แต่พวกเพื่อนๆ ในห้องหลายคนต่างก็ช่วยกันเบี่ยงเบนความสนใจนักข่าว จนล่อนักข่าวให้ไปอีกด้านหนึ่งได้สำเร็จ[ร้านขายของชำ]ถึงแม้สันติจะบอกให้พ่อกับแม่เลิกขายของได้แล้ว แต่ทั้งสองไม่รู้ว่าเลิกขายไปแล้วจะทำอะไร ถ้าให้นั่งอยู่นอนกินสงสัยต้องเป็นง่อยแน่ สันติก็เลยจ้างเด็กแถวนี้เพื่อมาช่วยดูร้านค้า และบางวันถ้าเกียร์ว่างก็จะขายของช่วยปู่กับย่าอย่างเช่นวันนี้เขากลับมาถึง ก็มานั่งเฝ้าหน้าร้านให้ปู่และย่า เพราะพวกท่านออกไปซื้อของมาเข้าร้าน"ถ้าจัดของเสร็จแล้วก็กลับบ้านไปเลยนะนิด ดูท่าแล้วฝนคงใกล้จะตก""ไม่เป็นไรค่ะถ้าฝนตกนิดก็รอให้ฝนหยุดก่อนก็ได้" นิดก็คือเด็กที่อยู่ในหมู่บ้านนี้"ตามใจแล้วกัน" ขณะที่เกียร์กำลังพูดกับลูกจ้างอยู่นั้น ก็ได้มีรถสปอร์ตคันหรูวิ่งเข้ามาจอด แค่มองดูก็รู้แล้วว่าเป็นรถของใคร "มาทำไม" เขาแค่พูดเบาๆ คนเดียว"จะรับอะไรดีคะ" นิดไม่รู้ว่าคนที่มาก็คือญาติเจ้าของร้าน"เกียร์" น้ำหนาวเห็นว่าเกียร์นั่งแบบไม่สนใจก็เลยเรียก"ยกขบวนกันมาทำไมเยอะแยะ" จริงๆ แล้วเกียร์ก็ไม่ค่อยใช้คำพูดแบบนี้กับน้ำหนาวหรอก แต
เช้าวันต่อมา.."ขอบพระคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ""ถ้าอยากมาค้างที่นี่ก็มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ปู่กับย่ายินดีต้อนรับเสมอ""ขอบคุณมากเลยนะครับ ส่วนเรื่องประตู เดี๋ยวผมจะให้ช่างมาดูให้""ไม่เป็นไรหรอก แค่เปลี่ยนลูกบิดเฉยๆ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว""ให้ช่างมาดูดีกว่าค่ะคุณปู่" รักนรินทร์เกรงใจ มาขออาศัยอยู่บ้านท่านแท้ๆ ยังมาทำของท่านเสียหายอีก"ถ้างั้นก็เอาที่พวกเราสบายใจเลยแล้วกัน เดินทางปลอดภัยนะลูก""ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ทั้งสองไหว้ร่ำลาพวกท่านแล้วก็ออกมา[บ้านภูมิฐาน]ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอมาถึงก็เจอพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่บ้านพอดี"คุณพ่อจะออกไปไหนหรือครับ" เดินเข้ามาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจะออกจากบ้าน"ก็เข้าบริษัทน่ะสิ ที่บริษัทโทรมาบอกว่าตามตัวผู้บริหารไม่เจอ""ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" เขามัวแต่ยุ่งตามหาเธออยู่ ก็เลยปล่อยปละละเลยเรื่องบริษัทไป"ฉันรออยู่ข้างล่างได้ค่ะ" หญิงสาวชักมือออกเมื่อเขายื่นมาจะจูงเธอขึ้นไปด้วย"จะรออยู่ข้างล่างทำไม..ไม่อาบน้ำก่อนหรือไง""คุณก็ไปอาบเองสิ""ไปด้วยกัน แล้วก็เข้าบริษัทด้วยกัน""ฉ
"ใครเขาจะให้คุณนอนด้วย" หญิงสาวรีบเก็บของบนโต๊ะอาหาร พอเก็บเสร็จก็เดินไปที่ประตูบ้าน "คุณกลับไปเลยนะ ฉันจะล็อกบ้านแล้ว""บอกแล้วไงว่าจะนอนที่นี่ด้วย""แต่นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ""งั้นก็กลับบ้านสิ""ไม่"จากที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปที่บันได"นี่คุณ!" รักนรินทร์รีบหันไปล็อกบ้านไว้แล้วก็เดินตามเขาขึ้นมา"คุณพักอยู่ห้องไหน""ไม่บอก"ไม่บอกก็ไม่เห็นจะยาก เพราะชั้นบนมีห้องนอนแค่สองห้อง ภูมิฐานเดินไปหน้าห้องนอนหนึ่งในสองนั้น"คุณภูมิหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" รักนรินทร์รีบเดินเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น "นี่มันห้องของคุณปู่คุณย่า""คุณก็ไม่บอกแต่ทีแรก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมไปเปิดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน หญิงสาวก็เลยรีบตามเข้าไป"ก็ได้แต่ฉันให้คุณค้างแค่คืนนี้คืนเดียวนะ"เขาไม่ตอบ..ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน ถ้ายังรับไหวอยู่ภูมิฐานเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เข้าห้องน้ำ ทำเหมือนบ้านของตัวเองยังไงยังงั้นรักนรินทร์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่หัวใจกลับเต้นแรงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาเพียงไม่นานภูมิฐานก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เลยเข้าไปใช้ต่อพรึบ! "กรี๊ดด" หญิงสาวที่กำลังอา
[คอนโด]เพียงไม่นานรถของภูมิฐานก็มาถึงคอนโด ชายหนุ่มลงจากรถได้ก็รีบตรงขึ้นไปก๊อก ก๊อกแกร็ก! แกร็ก!! เขาไม่มีคีย์การ์ดของห้องนี้ ก็เลยต้องได้เคาะประตูแล้วลองเปิด แต่ข้างในก็ยังเงียบอยู่"รักนรินทร์..คุณมาถึงหรือยังเปิดประตูให้ผมหน่อย" ขณะที่เรียกเขาก็ยังคงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆชายหนุ่มเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม[ร้านขายของชำ]"ผมก็ได้ยินคุณแม่บอกว่า ได้ฤกษ์ยามแล้วไม่ใช่หรือครับพี่" เมื่อเกียร์เห็นพี่สาวมาหา ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็เลยถามเอาความจริง"สงสัยเขาจะยังไม่พร้อม""พี่จะไปสนใจอะไร" เกียร์ของขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าฝ่ายชายไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับพี่สาว"เรื่องนี้เราอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ" ที่รักนรินทร์ต้องเล่าให้เกียร์ฟังก็เพราะอยากจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ในระหว่างที่รอให้เขาตัดสินใจ พอคิดแล้วดูเหมือนไม่มีค่า ต้องให้ผู้ชายตัดสินใจว่าอยากจะแต่งงานด้วยไหม"ถ้างั้นพี่ก็ค้างที่ห้องผมเลยแล้วกัน..เพราะผมต้องกลับไปค้างที่บ้านของคุณแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้มาด้วย เกียร์แค่แวะมาดูร้านช่วยปู่กับย่า"แล้วคุณปู่คุณย่าของเกียร์จะไม่ว่าพี่เหรอ""
"ปล่อยค่ะนี่มันห้องทำงานนะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบห้ามปรามกลัวว่าเขาจะเลยเถิด"คุณทำเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย" ยอมรับว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลย เพราะตั้งแต่ได้สัมผัสร่างกายของเธอมา เขาก็โหยหาเธอโดยตลอด"ทำเสน่ห์? อะไรคือทำเสน่ห์คะ" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเธอเติบโตที่ต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ที่นั่นเขาไม่เชื่อกันอยู่แล้ว และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่พ่อและแม่ สื่อโซเชียลก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"ผมแค่ล้อเล่น มันเป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง""คุณรักฉันจริงเหรอ" รักนรินทร์ถามอีกครั้ง เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะพูดแค่ต่อหน้าผู้ใหญ่"รักสิ ผมรักคุณ ว่าแต่คุณคิดยังไงกับผม""คิดยังไง?" ใช่แล้วเราคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่พอได้ยินเขาบอกรักทำไมถึงดีใจมาก ดีใจจนห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้"ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดหรอก เรื่องแบบนี้ต้องพูดออกมาจากใจ เหมือนที่ผมบอกคุณไง""คุณพูดจากใจจริงหรือคะ" ก็มันยากที่จะเชื่อนี่ วันนั้นยังทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธออยู่เลย"ถ้าพูดแล้วคุณยังไม่เชื่อ งั้นผมทำให้คุณเชื่อเลยแล้วกัน""ทำอะไรคะ"คนตัวโตเดินมาที่ประตู แล้วก็จัดการล็อกมันไว้ แถมไม่ได้ล็อกแค่ลูกบิด เขายังล็อกก
"กระดาษอะไรแปะอยู่ด้านหลัง" รรินธรที่ยืนอยู่ห่างหน่อยมองไปเห็นตอนที่สามียกแพทเทิร์นขึ้นมาดูหมั่บ รักนรินทร์รีบดึงมันออกมา แล้วก็ขยำไว้ในมือ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เจ้านายเขียนโน้ตแก้งานไว้ค่ะ"ภูมิฐานมองที่มือของเธอแบบยิ้มๆ "คุณพ่อกับคุณแม่ทานข้าวมาหรือยังครับ" แล้วเขาก็หันมาชวนพวกท่านคุย"ยังไม่ได้ทานเลย ก็นัดทานข้าวกับพ่อเรานั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้มาหรือยัง""อ้าวหรือครับ พอดีเลยผมกำลังหิว ขอไปร่วมทานด้วยคนนะครับ"ในขณะนั้นโทรศัพท์ของคริสก็ได้ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือภูสิษฐ์รับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งคริสก็หันมาหาภูมิฐาน"ถ้าจะไปทานด้วยกันก็ป่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วคริสก็เอื้อมไปจูงแขนภรรยาให้เดินตามมา ส่วนภูมิฐานก็รีบเดินนำหน้าไป เพื่อเปิดประตูห้องให้"แล้วเราไม่ไปเหรอลูก" รรินธรเห็นว่าลูกสาวไม่เดินตาม"ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวรักหาอะไรทานแถวโรงอาหารนี้ก็ได้"ภูมิฐานถึงกับหันกลับมามอง เพราะเขาเดินนำพวกท่านจะออกนอกห้องอยู่แล้ว..หน้าประตูลิฟต์.."ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน คงไปร่วมทานข้าวด้วยไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณพ่อคุณแม่" เขาพูดในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดอ
แกร็ก! แกร็ก!!"ทำไมประตูเปิดไม่ได้ล่ะคะคุณ หรือคีย์การ์ดใช้ไม่ได้แล้ว" คีย์การ์ดเคยเป็นของรรินธรสมัยที่พักอยู่ที่คอนโดนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คืนให้กับคฑา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี"ก็เปิดได้อยู่นะ..แต่เหมือนถูกปิด" คริสใช้คีย์การ์ดเปิดอีกครั้งลองดู"ใครคะ" เสียงคนที่อยู่ด้านในดังออกมา เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกจะเปิดลองดูอีกครั้ง"อ้าวหนูยังไม่นอนเหรอลูก เปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย" ที่ไม่เคาะเรียกเพราะกลัวจะรบกวนลูกสาว"แป๊บหนึ่งนะคะพ่อ"ที่คริสเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ ก็เพราะตอนนั้นภูมิฐานอุ้มรักนรินทร์ยืนอยู่ใกล้ประตู พอได้ยินเสียงแกร๊กเท่านั้นแหละเขาก็รีบใช้มือดันประตูปิดไว้เหมือนเดิม ด้านในมันก็เลยล็อกอีกที ..และตอนนี้ทั้งสองกำลังมัววุ่นใส่เสื้อผ้ากันอยู่แกร็ก~"อ้าวนี่หนูยังไม่อาบน้ำเลยเหรอลูก แม่นึกว่าหนูหลับไปแล้วเสียอีก""ยังค่ะมัวเคลียร์งานอยู่" โกหกแม่จะบาปไหมเรา"ถ้างั้นหนูก็ไปทำงานต่อเถอะลูก ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก""คุณพ่อจะทำอะไรคะ" รักนรินทร์เห็นพ่อกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน"หนูจะให้พ่อกับแม่นอนห้องไหนล่ะ" คริสถึงกับตกใจแล้วหันกลับมาถามลูกสาว"อีกห้องค่ะพ่อ"
[ร้านอาหารหรู]"ว่าไงเสือ""ใครเสือ เรียกให้ถูกหน่อยสิ" ดวงตาภูสิษฐ์ กรอกมองไปดูภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ ถ้าจำกันได้สมัยก่อนภูสิษฐ์ก็ไม่ใช่เบาๆ และคนที่กล้าเรียกเขาว่าเสือก็คือ.. "นายก็ไม่เบาเหมือนกันแหละไอ้คุณคริส"ใช่แล้วคนที่คริสมาทานข้าวด้วยก็คือภูสิษฐ์ ทั้งสองรู้จักกันที่ต่างประเทศ หลายสิบปีผ่านมาแล้ว"อุ๊ย" เมื่อได้ยินเพื่อนเอาคืนคริสก็ได้มองมาที่ภรรยาบ้าง พอเห็นสายตาพิฆาตแล้วถึงกับเสียวสันหลังวูบ"แล้วเมื่อไรเด็กๆ จะมากันเนี่ย" สามีทั้งสองยกนาฬิกาขึ้นมาและพูดพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย"ไม่มีพิรุธเลยนะคะ""แหะๆ เมียจ๋าา อย่าไปเชื่อไอ้ภูมันเลย""นั่นไงมาแล้ว" เหมือนกรรมการตีระฆังเพื่อพักยก เมื่อเห็นภูมิฐานเดินเข้ามาพอมองเห็นแล้วว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่โต๊ะไหนภูมิฐานก็เดินตรงเข้ามา สายตาคมมองดูชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน"สวัสดีครับ" เขายังไม่รู้หรอกว่าทั้งสองท่านเป็นใครแต่ด้วยมารยาทพอมาถึงก็ยกมือไหว้"หล่อกว่าพ่อเยอะเลยนะเนี่ย" คริสพูดพร้อมกับรับไหว้"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มมองไปที่พ่อ เพื่ออยากจะถามว่าเพื่อนของท่านทำไมเขาถึงไม่รู้จัก"เพื่อนพ่อเพิ่งเดินทางมาจากต่างปร
ภูมิฐานรีบตามออกมา คิดว่าที่เธอรีบออกไปคงเพราะเรื่องดินสอแท่งนั้นแน่แกร็ก! ประตูห้องประชุมถูกเปิดเข้าไปแบบถือวิสาสะ รักนรินทร์คิดว่าไอรยาคงยังอยู่ในห้องประชุมเพราะต้องได้คุยเรื่องแบบต่อทุกคนที่ยังอยู่ในห้องประชุมต่างก็หันมองมาที่ประตู"ฉันได้ยินท่านประธานบอกว่าคุณได้ดินสอด้ามนี้ที่ถังขยะ" รักนรินทร์เดินตรงเข้าไปแล้ววางดินสอลงตรงหน้าของไอรยา"ค่ะ" ไอรยาตอบรับเมื่อเห็นว่าภูมิฐานเดินตามเข้ามาด้วย"ถังไหนคะ""เออ..ถัง? ถังไหนแล้วทำไมคะ""มันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉันแล้วมันจะไปอยู่ข้างถังขยะได้ยังไง ฉันก็เลยอยากรู้ว่าถังไหน""ถังหน้าห้อง" ถ้าจะบอกว่าถังขยะที่ไกลกว่านั้น กลัวจะไม่น่าเชื่อถือ"คุณเจอตอนไหน""นี่คุณ ฉันไม่มีเวลามานั่งจำเวลาหรอกนะ""ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเองแล้วกัน""??" ไอรยาลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยคนที่อยู่ในห้องประชุมได้แค่นั่งฟัง เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน"ออกไปก่อนครับ" ภูมิฐานเป็นคนสั่ง เพราะเห็นแล้วว่าศึกครั้งนี้คงไม่สงบง่าย"ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ฟังด้วยกันนี่แหละ"คนที่กำลังเก็บของจะลุกขึ้นต่างก็นั่งลงที่เดิม เมื่อได้ยินรักนรินทร์สั่งอี
แกร็ก~ "??" พอรู้ว่าใครมาเคาะประตูเท่านั้นแหละ รักนรินทร์ก็รีบปิด..แต่ก็ไม่ทัน"คุณออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"แต่ดูเหมือนว่าภูมิฐานจะไม่สนใจที่เธอไล่ เขายังคงดันประตูแล้วก็แทรกตัวเข้ามา"คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?""ขอค้างด้วยหน่อยสิ""คุณเห็นฉันเป็นอะไร""ผมยังไม่รู้ เราคบกันดูก่อนไหม" มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้ ในระหว่างที่เขายังไม่รู้ใจตัวเองอยากจะอยู่ใกล้เธอให้มากที่สุด"อะไรนะ?""ในระหว่างนี้เราก็คบกันไปก่อน""ฟังดูดีนะ คนเห็นแก่ตัว" ถ้าเขาขอเป็นแฟนเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่นี่แค่มาขอคบ แถมยังคบกันดูก่อนอีก"แล้วคุณต้องการแบบไหนก็บอกมาสิ""ต้องการให้คุณออกไปจากห้องนี้""คำก็ไล่สองคำก็ไล่ คุณจะให้ผมคิดยังไง""คิดว่าฉันไม่สนใจคุณไง ถ้าสนใจคุณแล้วฉันจะไล่เหรอ""ถ้างั้นแสดงว่าผมคิดกับคุณอยู่ฝ่ายเดียวหรอกหรือ"หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่คิดเหรอว่าเธอต้องเล่นตัวไว้บ้าง ถ้ารีบตกลงไป ก็จะดูเหมือนไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรเลย"อืม?!" ในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมโดยการจูบมือเรียวแนบลงที่แผ่นอกกว้าง นี่เธอโหยหาจูบจากเขาขนาดนี้เลยเหรอ เพราะแรงจะผลักออกก็ยังไม่มีเมื่