บทที่ 10หลิวเถียนออกโรงหลิวเถียนที่ได้รับรู้ข่าวลือไร้สาระนั้นก็ทำให้นางถึงกลับหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนี้ เหตุใดถึงได้มีข่าวลือเช่นนี้ออกไปนะ ผู้ใดกันที่เป็นตัวต้นเหตุตอนนี้ไม่ว่าจะจวนโหว หรือจวนตระกูลหลิวล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น นางไม่รู้เลยว่าผู้ใดจะได้รับผลประโยชน์กัน“ส่งคนออกไปสืบ ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ปล่อยข่าวลือไร้สาระเช่นนี้”“เจ้าค่ะฮูหยินใหญ่”มามารับคำก่อนจะเดินจากไป ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย“ใครก็ได้ไปตามฮูหยินน้อยมาพบข้าที”“เจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้หน้าห้องรับคำหลิวเถียนนั่งรอไม่นาน ร่างระหงของห่าวเย่วเล่อก็เดินเข้ามาภายในเรือนของนาง สีหน้าของหญิงสาวเรียบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ความรู้สึกคราแรกหลิวเถียนกังวลว่าจะเห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของอีกฝ่าย แต่นี่กลับผิดคาดไปมาก หรือนางจะยังไม่รับรู้ข่าวลือนี้ แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะสาวใช้ของนางก็มีสีหน้าที่กังวล“ท่านแม่เรียกข้ามามีอะไรหรือเจ้าคะ”ห่าวเย่วเล่อที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้เอ่ยถามหลิวเถียนทันที หากนางคาดการณ์ไม่ผิดคงจะเป็นเรื่องข่าวลือนั้นเป็นแน่“เจ้าคงรู้ข่าวลือด้านนอกแล้วใช่หรือไม่” หลิวเถียนเอ่ยถามหยั่งเชิงหญิ
“เป็นความจริงเจ้าค่ะ พวกเราเชื่อว่าหากอยากได้รับความรักจะต้องมอบความจริงใจให้เสียก่อน”“แล้วถ้าสตรีนางนั้นมีบุรุษอื่นที่พึงใจอยู่ก่อนแล้วล่ะเจ้าคะ นี่จะไม่เป็นการบังคับฝืนใจนางหรือ”หลิวหนิงอันเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่คำพูดกลับแฝงความเหยียดหยามกับความป่าเถื่อนของชาวห่าวอู๋“เผ่าของเราไม่มีการฝืนใจใคร หากนางไม่พึงใจบุรุษผู้นั้นสามารถปฏิเสธได้ และจะไม่มีการกล่าวโทษกัน”“โอ้...เผ่าของฮูหยินน้อยก็มีวัฒนธรรมอันดีงามนะเจ้าคะ”หลิวหนิงอันยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะ สหายของนางก็พากันหัวเราะตามไปด้วยจางซินอีฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ “น่าแปลกนะเจ้าคะที่คุณหนูหลิวไม่รู้เรื่องนี้ หากว่าง ๆ ข้าขอแนะนำให้คุณหนูหลิวไปศึกษาหาความรู้บ้างนะเจ้าคะ”“จางซินอี เจ้าหาว่าข้าโง่หรือ”หลิวหนิงอันตวาดกลับเสียงดังลั่นด้วยความไม่พอใจเดิมทีนางกับจางซินอีก็ไม่ค่อยจะถูกชะตากันอยู่แล้ว ยิ่งเห็นว่าจางซินอีสนิทสนมกับศัตรูหัวใจ นางก็ยิ่งรู้สึกโมโห“แล้วแต่เจ้าจะคิดแล้วกัน ไปกันเถอะเจ้าค่ะฮูหยินน้อย”หลิวหนิงอันรีบเดินเข้ามาขวางทั้งสองคน ใบหน้าที่เคยบูดบึ้งพลันแย้มยิ้มบางเบา“ข้า...ข้าขออภัยที่ทำให้ฮูหยินน้อยไม่พอใจนะเจ้าคะ”
บทที่ 11งานล่าสัตว์ประจำปีเมืองเจียวเพล้ง!!เสียงของกระทบตกหล่นพื้นดังไปทั่วห้องนอนของหลิวหนิงอัน ร่างบอบบางกำลังขว้างปาข้าวของด้วยความโมโห ทั่วทั้งกายสั่นเทิ้มไปด้วยความกรุ่นโกรธเหตุใดท่านป้าที่เอ็นดูนางถึงกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่น แล้วเหตุใดท่านแม่ช่างโง่เขลานักทำไมกัน!ทุกอย่างที่นางหวังไว้จึงพังทลายลงไม่มีชิ้นดีใบหน้าหวานที่เคยงดงามกลับแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ดวงตาทั้งสองข้างสั่นระริกพร้อมกับมีหยาดน้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย“อันเอ๋อร์ เจ้าสงบสติอารมณ์ก่อนนะ”หลิวฮูหยินพยายามปลอมประโลมบุตรสาวที่กำลังบ้าคลั่ง“หึ! ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะท่านแม่กับท่านน้าที่ไร้สมองจึงไม่สามารถกดดันให้ท่านป้าเอ่ยวาจาจะรับผิดชอบชื่อเสียงของข้า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านแม่แต่เพียงผู้เดียว ฮือๆ”“อันเอ๋อร์!! เหตุใดจึงกล่าววาจาร้ายกาจเช่นนี้กับแม่”“หรือไม่จริงเล่าเจ้าคะ ท่านพ่อสู้อุตส่าห์ช่วยปล่อยข่าวลือ แต่ท่านแม่กลับทำเสียเรื่อง”“เจ้า!!”“พอได้แล้วอันเอ๋อร์” น้ำเสียงทุ้มเข้มจากทางด้านหลังทำให้สองแม่ลูกพากันหยุดชะงักใบหน้าของทั้งสองซีดเผือดด้วยความตกใจแลหวาดกลัว“ในงานเลี้ยงเกิดอะไรขึ้น”หลิวห่าวรั
ห่าวเย่วเล่อครุ่นคิดชั่วครู่ ตอนแรกนางอยากจะอยู่คนเดียว แต่เพราะนางไม่คุ้นเคยกับป่าแสงจันทร์อาจจะพลัดหลงเข้าไปในส่วนลึก การพาเพ่ยเพ่ยไปด้วยย่อมดีกว่ามาก“ตกลง งั้นเราไปกันเถอะ ข้าอยากจะขี่ม้าแล้ว”“เจ้าค่ะ” เพ่ยเพ่ยยิ้มหวานด้วยความโล่งใจหญิงสาวในชุดบุรุษสีดำเดินออกมาพร้อมกับสาวใช้ พวกนางทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปทางคอกม้าที่ทางจวนโหวจัดเตรียมไว้ แต่กลับถูกหลิวหนิงอันเดินเข้ามาขวางทางเสียก่อน“ฮูหยินน้อยจะไปขี่ม้าหรือเจ้าคะ ดีเลยเจ้าค่ะข้าเองก็อยากจะไปขี่ม้าด้วยเช่นกัน” รอยยิ้มหวานที่ไปไม่ถึงดวงตาเอ่ยเสียงดัง“ข้าเองก็อยากไปด้วยเจ้าค่ะ”จางซินอีที่อยู่ไม่ไกลรีบเดินเข้ามาร่วมวงด้วย ใบหน้าของนางประดับรอยยิ้มหวานด้วยความคาดหวัง ดวงตากลมโตวิบวับเป็นประกายห่าวเย่วเล่อหางคิ้วกระตุกด้วยความเหนื่อยใจ นางอยากจะไปอย่างสงบ ๆ แท้ ๆ เชียว“เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”เมื่อไม่มีทางเลือกก็จำเป็นต้องไปด้วยกันทั้งหมด“ดีเลยเจ้าค่ะ”จางซินอีเข้ามาเกาะแขนห่าวเย่วเล่อด้วยความดีใจ ความสนิทสนมของทั้งคู่ทำให้หลิวหนิงอันไม่พอใจนัก มุมปากเล็กเหยียดยิ้มหลิวหนิงอันแม้จะเป็นสตรีในห้องหอ แต่เพราะความต้
บทที่ 12เสี่ยวจงแผลงฤทธิ์เสียงร้องของม้าเรียกความสนใจให้กับทุกคน ขาหน้าของเจ้าเสี่ยวจงยกขึ้นสูงด้วยท่าทางพยศ มันมองหลิวหนิงอันด้วยความไม่พอใจ เย่เจียวหั่วที่อยู่ไม่ไกลรีบเข้ามาผลักหลิวหนิงอันไปอีกทางหนึ่ง จนพ้นระยะขาหน้าของมัน“กรี๊ดดดด!!”หลิวหนิงอันกรีดร้องด้วยความตกใจ“หยู้ดดดด!!”ห่าวเย่วเล่อรีบเอ่ยปลอบเจ้าเสี่ยวจงให้สงบลง นางลูบแผงคอของมันอย่างอ่อนโยน ไม่นานเจ้าเสี่ยวจงก็กลับมาสงบอีกครั้ง แต่สายตามุ่งร้ายยังคงมองหลิวหนิงอันไม่วางตาหลิวหนิงอันที่ถูกสายตาของเจ้าเสี่ยวจงมองมาก็ปากคอสั่นด้วยความหวาดกลัว นางรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วตรงเข้ามาจับแขนของเย่เจียวหั่วเพื่อหาที่พึ่ง“ฮือๆๆ ท่านพี่เจียวหั่ว ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ฮือๆ”ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเย่เจียวหั่วตวัดสายตามองเสี่ยวจงด้วยความโกรธ เมื่อครู่นี้หากเขาผลักหลิวหนิงอันไม่พ้นรัศมีของขาหน้าของมัน ป่านนี้นางคงจะได้รับบาดเจ็บจนกระอักเลือดไปแล้ว และมันก็อาจจะต้องถูกตัดคอทิ้งเพราะทำร้ายบุตรสาวของขุนนางโชคดีจริง ๆ ที่เขาไหวตัวทัน“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าเสี่ยวจงมันคงตกใจ พี่ว่าเจ้าไปพักที่กระโจมก่อนเถิด” เย่เจียวหั่วเอ่ยอย่างอ่
คนทั้งคู่ทะยานตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ทางด้านหลังก็ยังมีกลุ่มคนติดตามมาด้วย พวกมันฉลาดนักจึงแบ่งกำลังคนให้รับมือกับเพ่ยเพ่ย และอีกส่วนติดตามพวกนางมา“พวกมันใกล้มาทุกทีแล้ว คุณหนูจางมุ่งหน้าไปก่อน ข้าจะขัดขวางให้เอง” ห่าวเย่วเล่อเอ่ยเสียงเครียด ใบหน้างามมีเหงื่อผุดซึมขึ้นมาเต็มกรอบหน้าจางซินอีหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ “ไม่ได้นะเจ้าคะ เราต้องไปด้วยกัน”“ไม่มีเวลาแล้ว ทางรอดของพวกข้าขึ้นอยู่กับคุณหนูหลิวแล้ว”ห่าวเย่วเล่อตวาดเสียงกร้าว นางบังคับเจ้าเสี่ยงจงให้หันหลังกลับมา ลูกธนูที่ถูกผูกเอาไว้ถูกนำขึ้นมาหมายสังหารศัตรูหญิงสาวในอาภรณ์สีดำจับธนูแน่น แววตาของนางคมกริบราวกับเหยี่ยว เมื่อเล็งเป้าหมายไว้แล้ว ลูกธนูก็ถูกพุ่งทะยานไปในทันทีฉึก!“อ๊ากกก!!”ลูกธนูของห่าวเย่วเล่อพุ่งไปปักที่ต้นคอของคนร้ายที่ขี่ม้านำหน้า มันสิ้นใจไปในทันที แต่คนที่เหลือก็ยังคงไม่ลดละติดตามมาไม่ห่างจางซินอีที่เห็นเช่นนั้นถึงกลับตกตะลึงกับความแม่นยำของห่าวเย่วเล่อ นางจึงพอวางใจไว้บ้าง ในเมื่อทุกคนฝากความหวังมาไว้ที่นางแล้ว นางก็จะทำให้เต็มที่ฝ่ามือที่เปียกชื้นจับสายบังเหียนม้าแน่น นาง
บทที่ 13ค่ำคืนที่ยากลำบาก“เย่วเล่อ!!”เย่เจียวหั่วที่ติดตามมาช่วยร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก เขาขว้างดาบไปปักที่ข้อมือของโจรผู้นั้นจนขาดกระเด็น“อ๊ากกก!!”เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากบาดแผล บางส่วนกระเด็นมาโดนใบหน้าของห่าวเย่วเล่อ โชคดีที่ตอนนั้นหางตาของนางมองทันคมดาบที่พุ่งมาทางนี้ นางจึงเอี้ยวตัวหลบได้ทันท่วงที“ฆ่ามันให้หมด!!”น้ำเสียงแข็งกร้าวด้วยความกรุ่นโกรธดังมาจากร่างสูงใหญ่ที่พุ่งทะยานมาทางด้านนี้ ทางด้านหลังของเขามีหน่วยทหารองครักษ์ติดตามมาไม่ห่างทั้งหมดใช้เวลาไม่นานก็สามารถสังหารพวกมันจนสิ้นราบคาบ เหลือเพียงแค่ตัวหัวหน้าที่เหลือมือเพียงแค่ข้างเดียว มันพยายามจะกัดยาพิษที่ซ่อนไว้ในใต้ลิ้น แต่เย่เจียวหั่วรู้ทัน เขาตรงเข้ามาง้างปากมันแล้วเอายาพิษมาบดขยี้ที่พื้นหัวหน้าโจรถูกจับกุมในที่สุด!“ฮูหยินน้อย ฮือ ๆ ท่านปลอดภัยนะเจ้าคะ”จางซินอีที่ติดตามมาด้วยรีบวิ่งตรงมากอดห่าวเย่วเล่อ ส่วนทหารที่เหลือก็ช่วยกันมาเลื่อนเจ้าเสี่ยวจงออกไป โชคดีที่มันทั้งอึดและอดทน แม้จะเสียเลือดมากแต่ก็ยังไม่ตาย“รีบเอาเสี่ยวจงไปรักษา ที่เหลือไปดูทางเพ่ยเพ่ยด้วย”“ขอรับ”เย่เจียวหั่วเดินเข้ามาหาห่
ภาษาที่ไม่เคยคุ้นหูนักดังมาไม่ขาดสาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาตระหนักได้ นั่นคือสตรีผู้นี้หวาดกลัวการจากลา และการถูกทอดทิ้งมากที่สุดดวงหน้าที่เคยงดงามแดงก่ำเพราะพิษไข้ แม้จะยังหลับตาและไม่ได้สติ แต่นางยังคงร่ำไห้ไม่ยอมหยุด ฝ่ามือที่ร้อนผ่าวพยายามควานหาที่ยึดเหนี่ยวเย่เจียวหั่วทนดูต่อไปไม่ได้อีกต่อไป เขาสอดกายเข้าไปนอนอยู่ข้างนาง พร้อมกับดึงร่างที่ร้อนผ่าวและสั่นระริกเข้าสู่ในวงแขน ฝ่ามือหนาลูบหัวของนางอย่างโอนโยน“ข้าอยู่นี่ ข้าจะไม่ไปไหน หลับเสียเถิดนะ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนยิ่งไม่นานห่าวเย่วเล่อก็สงบลง นางนอนหลับตาพริ้มทั้งยังโอบกอดร่างกายแข็งแกร่งของเย่เจียวหั่ว“อย่าทิ้งข้าไปนะ”“ข้าไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่นอน”หญิงสาวพยักหน้ายิ้มอย่างมีความสุข แล้วนางก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ความฝันที่น่ากลัวที่นางถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นนางกำลังยืนอยู่ที่ทุ่งหญ้าอันกว้างขวาง สายลมอ่อนโยนพัดเข้าปะทะร่างกายของนางที่กำลังยืนกอดกับเย่เจียวหั่วเราทั้งสองต่างส่งยิ้มให้แก่กันและกันนางมีความสุขเหลือเกิน...ตลอดทั้งคืนเย่เจียวหั่วต้องอดทนอดกลั้นมากเพียงใดนั้น คงมีแต่เขาเท่านั้นที่รับรู้ได
ตอนพิเศษ 3ดวงจันทร์แห่งความสุขท่านหมอหญิงถูกพาตัวมายังจวนโหวโดยถูกองครักษ์เงาของเย่เจียวหั่วพาตัวมา ทันทีที่มาถึงนางก็รีบตรงเข้าไปยังห้องคลอด และตรวจเด็กในครรภ์ของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่เจ็บปวด“หายใจเข้าลึก ๆ นะเจ้าคะ หากเจ็บมากไม่ต้องกลั้นนะเจ้าคะ เปล่งเสียงร้องออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”“กรี๊ดดด!!”ทันทีที่ท่านหมอกล่าวเช่นนั้น ห่าวเยว่เล่อก็เปล่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาทันที นางเจ็บที่ท้องมากราวกับร่างกายกำลังจะถูกดึงทึ้งอยู่ภายใน คราแรกนางก็พอยังทานทนไว้ แต่ตอนนี้มันเจ็บถี่ขึ้นมาเรื่อย ๆ และมีทีท่าว่าความเจ็บนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเย่เจียวหั่วที่มาถึงยังหน้าห้องคลอด เมื่อได้ยินเสียงภรรยาร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส เขาก็ตรงปรี่จะเข้าไปยังภายในห้องคลอด ใบหน้าคมเข้มฉายชัดถึงความวิตกกังวล“ไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านโหวเข้าไปไม่ได้เจ้าค่ะ”สาวใช้ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องคลอดรีบเอ่ยห้าม“หลบไป! ข้าจะไปดูภรรยาของข้า” น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้น จนสาวใช้นางนั้นรู้สึกตัวหดเล็กลงราวกับมดปลวก“อาหั่ว มาหาแม่”หลิวเถียนที่ได้ทราบข่าวว่าลูกสะใภ้จะคลอดแล้ว นางก็รีบมาที่นี่จนได้ทันเห็นท่าทางที
ตอนพิเศษ 2ความใส่ใจของสามี5 เดือนผ่านไป จวนเจียวหย่งโหวสตรีในอาภรณ์สีชมพูอ่อนกำลังนั่งเอนหลังอ่านหนังสือที่ศาลาไม้ โต๊ะไม้ตรงหน้ามีจานขนมดอกกุ้ยฮวา ขนมหนวดมังกร และน้ำส้มคั้นวางอยู่ด้านหน้าของสตรีผู้นี้ ในแต่ละวันคืนที่อยู่ในจวนโหว นางนั้นเริ่มเบื่อหน่ายนัก มีเพียงการอ่านหนังสือและนั่งกินขนมหวานกับน้ำส้มคั้น ที่สามารถเยียวยาหัวใจของสตรีที่ตั้งครรภ์เช่นนางได้ตั้งแต่ที่ทุกคนห้ามปรามไม่ให้ทำงาน ห่าวเยว่เล่อจึงทำได้เพียงออกคำสั่งเท่านั้น วันแรกที่ได้เห็นผลส้มลูกใหญ่รสหวานอมเปรี้ยว นางก็ให้นึกถึงน้ำส้มคั้น คิดได้ดังนั้นห่าวเยว่เล่อจึงขอให้แม่ครัวของจวนโหวทำน้ำส้มคั้นให้นางดื่ม วิธีการนั้นแสนง่าย เพียงแค่นำส้มไปล้างน้ำด้วยน้ำที่ผสมเกลือ พักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นผ่าส้มออกเป็นสองซีก แล้วค่อย ๆ บีบส้มให้น้ำส้มไหลลงในแก้วกระเบื้องเคลือบที่สั่งทำพิเศษ ชิมรสให้ได้ที่หรือไม่ก็เติมเกลืออีกสักเล็กน้อย เพียงแค่นี้นางก็มีน้ำส้มคั้นดื่มทุกวันแล้วคราแรกผู้คนในจวนโหวล้วนแปลกใจกับการทำเช่นนี้ เพราะเดิมทีพวกเขาจะเพียงแค่แกะเปลือกและกินผลส้มที่อยู่ข้างใน ยังไม่เคยมีผู้ใดนำส้มมาคั้นออกมาเป็นน้ำเลย แม่ครัว
ตอนพิเศษ 1ข้ารักนางเช่นนั้นหรือในยามที่ค่ำคืนอันเงียบสงัดนั้น เย่เจียวหั่วได้ขอเข้าพบหลิวเถียนในยามวิกาล สตรีในวัยกลางคนแปลกใจกับการมาของบุตรชายนัก หรือว่าเขาจะมีเรื่องสำคัญกันนะหลิวเถียนให้บุตรชายเข้ามาพบยังห้องนอนชั้นใน ตัวนางนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ไม้เนื้อหอมด้วยท่าทางสงบ แววตาคมกริบที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจ้องมองบุตรชายไม่วางตา“อาหั่วมีสิ่งใดหรือถึงมาหาแม่ดึกดื่นเช่นนี้”เย่เจียวหั่วคารวะผู้เป็นมารดา ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียดนัก นั่นยิ่งทำให้หลิวเถียนตื่นตัวมากยิ่งขึ้น“ลูกแค่อยากมาพูดคุยกับท่านแม่ให้ชัดเจนขอรับ ลูกอยากให้ท่านแม่เลิกจับคู่ลูกกับหนิงอันเสียที ลูกมองนางอย่างน้องสาวเพียงคนหนึ่งเท่านั้น มิเคยคิดจะรับนางเป็นภรรยาเลย”หลิวเถียนขมวดคิ้วแน่น ความไม่พอใจฉายชัดเต็มใบหน้าของหญิงสูงวัย“เจ้าหลงเสน่ห์สตรีเผ่าห่าวอู๋เช่นนั้นหรือ เจ้าจึงเมินเฉยอันเอ๋อร์ของแม่เช่นนี้” น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ“ถึงไม่มีเยว่เล่อ ข้าก็ไม่คิดจะรับนางเป็นภรรยาอยู่แล้ว ท่านแม่ไม่คิดหรือขอรับว่าที่ท่านแม่เปิดโอกาสให้ข้ากับนางใกล้ชิดกันมานานหลายปี แต่ข้าก
ท่านหมอชราที่อยู่หน้าห้องเดินเข้ามาด้วยใบหน้าสงบ เขาทำความเคารพทั้งคู่ก่อนจะขออนุญาตห่าวเย่วเล่อ นางยื่นแขนให้แก่ท่านหมอชรา ผืนผ้าขาวบางสีขาวถูกนำมาวางที่ข้อมือหมอชราจับจุดชีพจรของหญิงสาว เวลาผ่านไปครู่สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้น เขาทดลองจับชีพจรของห่าวเย่วเล่ออยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถามอาการต่าง ๆ ซึ่งนางก็เอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา“ฤดูของฮูหยินมาหรือยังขอรับ”แค่ประโยคนี้ของท่านหมอหลุดออกมา ห่าวเย่วเล่อก็มั่นใจเต็มสิบส่วน นางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นระริก “ยังไม่มาเจ้าค่ะ น่าจะสักสองเดือนได้แล้ว”ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาลูบที่หน้าท้องแบนราบของตนเองด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็วหมอชราคลี่ยิ้มอย่างยินดี ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นหันมาเอ่ยกับเย่เจียวหั่ว“ยินดีด้วยขอรับ ฮูหยินน้อยตั้งครรภ์ได้ราว ๆ สองเดือนแล้วขอรับ”เย่เจียวหั่วหูอื้อตาลาย “วะ ว่าอย่างไรนะ” น้ำเสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามตะกุกตะกัก“ท่านโหวกลายเป็นพ่อคนแล้วขอรับ ยินดีด้วยขอรับ” หมอชราคลี่ยิ้มเย่เจียวหั่วตรงเข้ามาจับมือหมอชราด้วยความดีใจ “ท่านหมอแน่ใจใช่หรือไม่ ไม่ได้ตรวจผิดพลาดใช่หรือไม่”“ข้าเป็นหมอมานานกว่า 40 ปี ย่อมไม่วันตรวจผิดพลาดอย่างแน
บทส่งท้ายหงเซ่อพยายามจะหนีไปทางช่องทางลับ แต่ถูกหลี่เฉินเจาตามมาจับกุมตัวไว้ได้ทัน เขาไม่ใช่เพียงแค่กุนซือหนุ่มที่เฉลียวฉลาด แต่ฝีมือดาบและวรยุทธ์ของเขาเองก็เป็นเลิศไม่แพ้สหายเช่นเดียวกันการรบกับเผ่าทุ่งหญ้ากินเวลาไปราวหนึ่งชั่วยาม สุดท้ายก็สามารถจับกุมตัวหงเซ่อ หัวหน้าของชนเผ่าทุ่งหญ้าได้สำเร็จ ทหารของเผ่าทุ่งหญ้ายอมทิ้งอาวุธ ก้มหัวจำนนให้กับเย่เจียวหั่วแต่โดยดีทางฝ่ายทหารของเมืองเจียวนั้นได้รับบาดเจ็บกันเล็กน้อย ไม่มีผู้ใดต้องพลีชีพในสงครามครั้งนี้ ความวุ่นวายของสงครามกับเผ่าทุ่งหญ้าจึงได้จบลงหงเซ่อถูกตัดสินให้ประหารชีวิต แต่เพราะความเลวทรามที่เขาได้ทำไว้ เย่เจียวหั่วจึงได้มอบความตายอันน่าสะพรึงกลัวให้แก่เขาตัวอ่อนหนอนไหมพิษถูกป้อนใส่ปากให้กับหงเซ่อที่ถูกคุมขังในคุก เย่เจียวหั่วหยดเลือดไก่ให้นางพญาหนอนไหมพิษ มันดูดกลืนหยดเลือดด้วยความหิวกระหายเวลาผ่านไปราวสามชั่วลมหายใจ หงเซ่อก็พลันร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด“อ๊ากกกก! ช่วยด้วย เอามันออกไป ฆ่าข้า ฆ่าข้าเดี๋ยวนี้เลย”หงเซ่อดิ้นพล่านราวกับถูกน้ำร้อนลวก เขาจับกุมท้องของตนด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด ใบหน้าที่เคยทระนงพลันซีดเผ
นี่คือแผนที่ลับของชนเผ่าทุ่งหญ้า เหตุใดจึงไปอยู่ในมือของเย่เจียวหั่วได้“แผนที่นี้คือค่ายกลลับของเผ่าเจ้ามิใช่หรือ แต่ข้ากลับพบในห้องนอนของอนุท่านพ่อ นี่คงจะเป็นหลักฐานแล้วว่านางคือคนของเผ่าทุ่งหญ้า หาใช่เผ่าห่าวอู๋ที่นางเคยแอบอ้างไม่” เขาเอ่ยเสียงกร้าว “ข้าเองก็หลงผิดไปนาน คิดว่านี่คือแผนที่ของเผ่าห่าวอู๋ แต่ที่แท้คือเผ่าทุ่งหญ้าต่างหาก นับว่านางยังฉลาดจึงแอบซ่อนตัวตนของนางเอาไว้จนข้าไปพบเข้า”“บัดซบ นังโง่”หงเซ่อกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ“ข้าไม่อยากจะเสวนากับคนขลาดเช่นเจ้า จงมอบตัวซะ แล้วข้าจะปล่อยคนของเจ้าไปแต่โดยดี”“ไม่มีวัน! ข้าไม่ผิด เป็นพวกเจ้าที่รังแกข้า”หงเซ่อยังไม่ยอมจำนน ซึ่งนี่ก็เป็นความต้องการของเย่เจียวหั่วพอดี“ทหารกล้าแห่งเมืองเจียวจงฟัง! เผ่าทุ่งหญ้าสมคบคิดกับหลิวห่าวรัน สังหารอดีตท่านโหว ลอบสังหารฮูหยินท่านโหว นี่คือการก่อกบฏ ผู้ใดที่สามารถตัดศีรษะของหงเซ่อได้ มารับรางวัลจากข้า!!”“ฆ่าหงเซ่อ ฆ่าหงเซ่อ ฆ่าหงเซ่อ”ตึง ตึง ตึง!!ทหารด้านหลังส่งเสียงโห่ร้องด้วยความฮึกเหิม กลองศึกของฝั่งเมืองเจียวตีสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณสัญญาณแห่งสงครามได้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!เย่เ
บทที่ 18ท้องฟ้าสีแดงฉานอีกฟากหนึ่งของชนเผ่าทุ่งหญ้า ชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าชนเผ่าทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ขว้างจอกเหล้าทิ้งอย่างไม่ไยดี เขาคือชายที่แข็งแกร่งที่สุด และองอาจที่สุดของชนเผ่าทุ่งหญ้านามของเขาคือ ‘หงเซ่อ’“เจ้านั่นมันตายแล้วอย่างนั้นหรือ”“ขะ ขอรับ ถูกตัดสินโทษประหารขอรับ”ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยเพลิงโทสะ “ไร้ประโยชน์สิ้นดี”แผนการที่สู้อุตส่าห์วางแผนมานานหลายปีล้มครืนไม่เป็นท่า เขาไม่น่าร่วมมือกับคนโง่เลย แค่จัดการให้บุตรสาวเป็นฮูหยินของท่านโหวยังทำไม่ได้ เขารึสู้อุตส่าห์ส่งน้องสาวไปสังหารอดีตท่านโหวจนสำเร็จแล้วตอนแรกคิดว่าหลังจากอดีตท่านโหวตายไป เขาจะสามารถบุกทะลวงเมืองเจียวได้โดยง่าย แต่กลายเป็นเขาได้ปลุกพยัคฆ์ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เย่เจียวหั่วผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ของท่านโหว ได้ยืนผงาดบุกทะลวงคนของเขาจนถอยร่น ยังดีที่เขาไหวตัวทันยอมยกธงขาว ไม่เช่นนั้นเขาคงได้สิ้นชีพไปเสียแล้ว“จะ จะทำอย่างไรต่อไปดีขอรับ ถ้าหากท่านโหวสืบรู้ว่าเผ่าของเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจะทำอย่างไร”“จะกังวลไปทำไม ตอนนี้ข้ายังเป็นพันธมิตรกับแคว้นเป่ย อย่างไรเจ้าท่านโหวนั่นก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” หงเซ่อ
“จัดการเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว ข้าคิดถึงเจ้าจึงตรงกลับมาทันที”ห่าวเย่วเล่อส่ายหน้าให้กับเขา “ท่านพี่น่าจะไปหาท่านแม่ก่อนนะเจ้าคะ ท่านแม่คงยังสะเทือนใจไม่หาย”“ยิ่งพี่ไปหาท่านแม่อาจจะยิ่งปวดใจก็ได้ ช่วงนี้พี่รบกวนเจ้าฝากดูแลท่านแม่ด้วย”“เจ้าค่ะ”“ช่วงนี้เจ้าชอบนอนกลางวันบ่อยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”ห่าวเย่วเล่อส่ายหน้าปฏิเสธ “มีงานให้ต้องจัดการเยอะ ข้าก็เลยรู้สึกเพลีย ๆ นิดหน่อยเจ้าค่ะ”“โยนงานให้พ่อบ้านไปดูแลก่อนก็ได้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะล้มป่วย”ห่าวเย่วเล่อยิ้มหวาน หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่นนักที่เขาห่วงใยนางเช่นนี้“ข้าไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แล้วเรื่องที่ไล่บ่าวออกไปหลายคนเพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ”เย่เจียวหั่วขยับกายมานั่งใกล้ภรรยา พร้อมกับกอดรัดเอวของนางไปด้วย ท่าทางของเขาราวกับลูกแมวน้อยที่กำลังออดอ้อน“บ่าวที่ถูกไล่คือสายสืบของท่านอา บางส่วนยังเป็นคนของหัวหน้าเผ่าทุ่งหญ้า เห็นทีพี่จะปล่อยไปไม่ได้เสียแล้ว”“นั่นคือเหตุผลที่ท่านพี่ทำตัวเย็นชากับข้า และปล่อยข่าวลือว่าไม่รักข้าหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว แม้คราแรกพี่อาจจะ...จะไม่ได้รักเจ้า แต่ตอนนี้พี่รักเจ้ามากที่สุด หากพี่แสดงว่ารักใคร่ในตัวเ
บทที่ 17บทลงโทษการตายของหลิวหนิงอันสร้างความสะเทือนใจให้กับเมืองเจียว สตรีที่เคยเป็นยอดพธูแห่งเมืองเจียวกลับปลิดชีพตนเอง บ่าวรับใช้ที่อยู่จวนตระกูลต่างให้ปากคำกับทางกรมอาญา สองแม่ลูกที่น่าสงสารมักถูกหลิวห่าวรันลงมือทุบตีอยู่บ่อยครั้งเขาจะใช้แส้หางม้าอันเป็นอาวุธประจำกาย ฟาดที่ร่างกายของบุตรสาวและภรรยา เมื่อทำสิ่งใดให้ไม่ถูกใจทั้งสองก็จะถูกลงโทษ แต่เพราะบริเวณที่โดนแส้ฟาดนั้นคือแผ่นหลัง จึงทำให้ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้แต่หลังจากที่ท่านโหวเข้ามาจับกุมหลิวห่าวรัน ความเลวระยำที่เขาเคยทำไว้ก็พลันผุดพรายออกมาไม่รู้จบ ทั้งใช้อำนาจของตระกูลข่มเหงตระกูลที่ต่ำกว่า แอบอ้างอำนาจของพี่สาวเลี่ยงการจ่ายภาษีความผิดของเขาถูกเปิดโปง หลิวเถียนที่รับรู้ความเลวของน้องชายต่างมารดา นางถึงกับเป็นลมหมดสติไปเลย ห่าวเย่วเล่อผู้เป็นลูกสะใภ้จึงดูแลแม่สามีไม่ห่างคุกใต้ดินเมืองเจียวในมุมหนึ่งของห้องขังมีชายในวัยกลางคนนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นฟาง สายตาของเขาเลื่อนลอยออกไปไกล ความหวังที่อยากจะนั่งตำแหน่งท่านโหว ควบคุมเมืองเจียวพลันสลายหายไปในพริบตาถ้าหากบุตรสาวของเขาสามารถแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินท่านโหวได้ เขาคงไม่ต้อง