——ราวกับวิญญาณหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวคนข้างห้องได้ย้ายออกไปแล้วแต่ตอนนี้ซังหนี่ก็ยังไม่กล้าส่งเสียงออกมา เมื่อจนมุมจึงได้แต่กัดที่คอของฟู่เซียวหานเขากลับไม่ได้ร้องด้วยความเจ็บปวด แต่หลังจากเธอทิ้งรอยฟันไว้ เขาก็จับคางเธอไว้แล้วจูบลงที่ริมฝีปากของเธอภายในห้องยังคงมืดสนิท แต่กลับได้ยินเสียงพลุจากนอกหน้าต่างดังแว่วเข้ามาในเสียงนั้นยังมีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของใครบางคนดังแทรกขึ้นมาซังหนี่ก็ได้ยิน ยื่นมือรีบผลักเขาเบา ๆแต่ฟู่เซียวหานไม่ได้หยุดลง และไม่มีทีท่าว่าจะรับสายแต่คนปลายสายกลับไม่ยอมวางง่าย ๆจนกระทั่งท้ายที่สุด ซังหนี่ทนไม่ไหวเรียกเขาอยู่หลายครั้ง ฟู่เซียวหานจึงรับโทรศัพท์ด้วยท่าทีหงุดหงิด“ฮัลโหล?” เสียงของเขาแหบพร่าพร้อมกับความหงุดหงิดที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนไม่รู้ว่าคนปลายสายพูดอะไร แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที“แล้วไงล่ะ?” เขาถาม “ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง?”ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดต่อ “เข้าใจแล้ว ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”พูดจบ เขาก็กดวางสายทันที แล้วเงยหน้ามองซังหนี่“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ซังหนี่ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย ผมต้องกลับไปก่
บ้านตระกูลฟู่ปกติแล้วทุก ๆ วันในเวลานี้ คุณนายใหญ่มักจะเข้านอนแต่หัวค่ำ ตามนิสัยที่ปฏิบัติมาอย่างดีของเธอและทุกคนในตระกูลฟู่เอง ส่วนใหญ่ก็มักจะปฏิบัติตามนิสัยการใช้ชีวิตของเธอเช่นกันแต่วันนี้ เวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว ทั้งบ้านตระกูลฟู่ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟพ่อบ้านยืนรออยู่ที่ลานหน้าบ้านมานานพอสมควรแล้วเมื่อเห็นรถของฟู่เซียวหานแล่นเข้ามา ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายทันที ก่อนจะรีบเดินเข้ามาหา “คุณชาย! คุณชายกลับมาแล้วเหรอครับ?!”ฟู่เซียวหานเพียงปรายตามองเขาแวบหนึ่งก่อนถามขึ้นว่า “ข้างในเป็นยังไงบ้าง?”“คุณนายใหญ่...โกรธมากครับ ส่วนคุณนายก็กลับมาด้วย แต่ดูเหมือนการพูดคุยระหว่างทั้งสองท่านไม่ค่อยราบรื่นมากนัก คุณชาย เมื่อเข้าไปแล้วต้องช่วยพูดเกลี้ยกล่อมดี ๆ นะครับ...”ไม่ทันที่ผู้ดูแลบ้านจะพูดจบ ฟู่เซียวหานก็เดินเข้าไปข้างในทันทีดังที่พ่อบ้านบอกไว้ บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดคุณนายใหญ่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าตึงเครียด มือทั้งสองข้างกำพนักโซฟาไว้แน่นส่วนคุณนายฟู่กลับยืนอยู่ตรงหน้าเธอแม้ศีรษะจะก้มลงเล็กน้อย แต่แผ่นหลังของเธอก็ตั้งตรงอย่างสง่า ชัดเจนว่าไม่มีทีท่าจะยอม
ถ้วยน้ำชาใบนั้นกระแทกเข้าที่ท้ายทอยของเขาอย่างแรง เลือดไหลซึมออกมาตามไรผมเป็นหยด ๆคุณนายใหญ่ตกใจจนนิ่งไป ขณะที่พ่อบ้านเพียงไม่กี่ก้าวรีบพุ่งเข้ามา “คุณชาย ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ? นี่มัน...”ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ มือของเขาก็ถูกฟู่เซียวหานปัดออกไปเสียก่อนเขาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา แล้วเช็ดเลือดที่ไหลตรงลำคออย่างลวก ๆ แล้วมองไปที่คุณนายฟู่ “คนนั้นชื่ออะไร?”เสียงของเขาดูเย็นชาและไร้อารมณ์คุณนายฟู่ได้ยินเช่นนั้น ร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัดจากนั้น เธอมองเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อฟู่เซียวหานยืนอยู่ตรงนั้นสบตากับเธออย่างจดจ่อ เหมือนกำลังรอคำตอบจากเธอผ่านไปสักพัก เขาเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีจะตอบ จึงไม่ถามต่ออีก เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมสั่งให้คนไปสืบเรื่องนี้เองนั่นแหละคือลูกชายของเธอ คุณนายฟู่ย่อมรู้จักเขาดีดังนั้น พอเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา คุณนายฟู่รู้ได้ทันทีว่าเขาคิดจะทำอะไร เธอรีบคว้ามือเขาไว้โดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น “ลูกจะทำอะไร?”“ถ้าคุณแม่ไม่บอก ผมก็ต้องให้คนไปสืบหาเอง”ฟู่เซียวหานกลับมีสีหน้าราบเรียบราวกับเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้
คืนนี้ซังหนี่นอนไม่ค่อยหลับหลังจากพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่นาน เธอถึงค่อย ๆ เผลอหลับไปไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกได้ว่ามีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ข้างเตียงสติของเธอยังไม่ตื่นเต็มที่ ได้แต่พยายามลืมตาขึ้นจากนั้น เธอก็เห็นว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ตรงนั้นจริง ๆซังหนี่ตกใจจนสะดุ้ง ก่อนจะกรีดร้องออกมา!“ผมเอง”ฟู่เซียวหานพูดขึ้นเสียงนั้นแผ่วเบา ราวกับวิญญาณไร้ร่างที่ร่องลอยอยู่ท่ามกลางความมืดในยามราตรีซังหนี่ยังคงตกใจไม่หาย ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ ก่อนจะยกเท้าขึ้นเตะเขาโดยไม่คิดในใจเธอมีแต่ความโกรธกว่าจะหลับได้ก็ยากอยู่แล้ว แต่กลับถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงอารมณ์ไม่ดีทั้งนั้นแต่ทันทีที่เธอยกเท้าขึ้น ฟู่เซียวหานก็คว้าข้อเท้าของเธอไว้ทันทีซังหนี่นอนซุกผ้าห่มมาหลายชั่วโมงกว่าเท้าจะอุ่นขึ้นมาได้ แต่พอถูกมือเย็นเฉียบของฟู่เซียวหานจับไว้ ร่างกายเธอก็สะดุ้งเฮือกทันที“ปล่อยนะ! มือของคุณเย็นมาก!” ซังหนี่ร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่ฟู่เซียวหานไม่สนใจ กลับยิ่งจับแน่นขึ้น ก่อนจะกระชากตัวเธอเข้าหาเขา!“คุณ...”ซังหนี่เพิ่งจะพูดออกมาได้คำเดียว ฟู
เวลานี้เขาเพียงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “คืนนี้คุณย่ากับคุณแม่ของผมทะเลาะกัน คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”คำพูดของเขาทำให้ซังหนี่หยุดนิ่งไปชั่วขณะแต่ไม่นานเธอก็รีบตั้งสติ และหันไปมองเขา “อ่อ? ทำไมล่ะ?”ฟู่เซียวหานมองเธอและพูดว่า “เพราะว่าแม่ของผมกำลังมีความรัก”แม้ว่าเมื่อครู่ซังหนี่จะมีลางสังหรณ์ แต่เวลานี้เมื่อฟู่เซียวหานพูดออกมาตรงๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างไม่รู้ตัวไม่รอให้เธอคิดหาคำตอบให้กับเขา ฟู่เซียวหานก็พูดขึ้นว่า “คุณรู้อยู่แล้ว ใช่ไหม?”“อะไรนะ?”“ซังหนี่ อย่าพยายามที่จะโกหกผม” ฟู่เซียวหานสีหน้าไร้อารมณ์รวมถึงแววตานั้นที่มองเธอ กลับมาเย็นชาและดุดันเหมือนเดิมอีกครั้ง มือของซังหนี่กำแน่นอย่างควบคุมไม่ได้หลังจากนั้นไม่นาน เธอถึงค่อยพักหน้าอย่างช้าๆ“คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฟู่เซียวหานถามซังหนี่ไม่พูดอะไร“ตอบ มา”“สำคัญด้วยเหรอ” ซังหนี่ตอบกลับ “จริงๆ แล้วฉันคิดว่าเรื่องนี้...”“สำคัญมาก” ฟู่เซียวหานพูดแทรกคำพูดของเธอขึ้นมา “แสดงว่าคุณรู้ แต่กลับเลือกที่จะปิดบังผม? คุณรู้ไหมว่าการตัดสินใจของคุณมันโง่ขนาดไหน?”“ถ้าคุณบอกผมเร็วกว่านี้ ผมก็จะได้เตรียมตัวล่
แล้วฟู่เซียวหานก็เดินจากไปอีกครั้งและหลังจากคืนนั้น เขาก็ไม่มาที่ถนนหมินเหออยู่หลายวันซังหนี่คิดว่า ครั้งนี้เธอทำให้เขาโกรธมากดังนั้นตอนนี้พวกเขา...คือจบกันแล้วใช่ไหม?เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้น ซังหนี่ก็มองไปที่ข้าวของต่างๆ ในห้องอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็รู้สึก...ว่างเปล่าขึ้นมาหลังจากนั่งอยู่บนโซฟาสักพัก สุดท้ายเธอก็ไม่ได้นั่งต่อ และเดินตรงเข้าไปในห้องครัวในช่วงนี้ ซังหนี่มักจะทำอาหารฝีมือการทำอาหารของเธอไม่ได้ดีมากนัก แต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนอร่อยมาก ทุกครั้งไม่ว่าเธอจะทำอาหารมากแค่ไหน เขาก็จะกินจนหมดเกลี้ยงเสมอเวลานี้ ซังหนี่ทำอาหารสองเมนูตามปกติแต่เมื่อเธอถือกล่องข้าวมาถึงชั้นล่างของตึกจื้อเหอ จู่ๆ เธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาหลังจากยืนอยู่ที่ลานหน้าประตูตึกสักพัก สุดท้ายเธอก็ล้มเลิกความตั้งใจทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง "คุณนาย?"คำคำนั้นไม่ได้เป็นของฉันอีกต่อไปแล้วแต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อซังหนี่ได้ยินคำนั้น เธอกลับหยุดเดินโดยไม่รู้ตัวสวีเหยียนรีบเดินเข้ามาตรงหน้าของเธออย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าประหลาดใจ "เป็นคุณจริงๆ ด้วย! ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ครับ?"“ฉั
“ผมพูดถึงสิ่งนั้นงั้นเหรอ?”ฟู่เซียวหานสีหน้าไร้อารมณ์ซังหนี่ยิ้ม “แล้วคุณจะกินหรือไม่กิน?”ฟู่เซียวหานไม่พูดอะไร เพียงแค่เหลือบมองไปที่สิ่งของในมือของเธอเมื่อซังหนี่เห็นอย่างงั้น ก็รายงานชื่อเมนูอาหารให้เขาฟัง “ฉันทำไก่ผัดหน่อไม้ฝรั่ง แล้วก็ผัดมะเขือค่ะ”“อ่อ”ฟู่เซียวหานยังแสดงสีหน้านิ่งเฉย แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซังหนี่ก็ถือกล่องข้าวเข้าไปหาแต่ขณะที่เธอกำลังวางกล่องข้าวลง จู่ๆ ฟู่เซียวหานก็ยื่นมือออกมา แล้วจับเธอเอาไว้ซังหนี่ถูกเขาจับนั่งลงบนตัก“ซังหนี่ ผมนึกว่าก่อนหน้านี้คุณโกหกซะอีก” ฟู่เซียวหานพูด พร้อมกับกัดไปที่ไหล่ของเธอเพื่อแก้แค้น“ฉันไปโกหกอะไรคุณ?”“คุณเคยชอบผมจริงๆ ใช่ไหม?”คำถามของเขาทำให้ซังหนี่นิ่งไปครู่หนึ่งเธอยังไม่ทันจะได้ตอบคำถามของเขา จู่ๆ ก็มีเสียงตื่นตระหนกของสวีเหยียนดังมาจากด้านนอก “คุณนายคุณเข้าไปไม่ได้ครับ คุณ...”เขายังพูดไม่จบ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออกแล้วคุณนายฟู่ยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าโมโหเมื่อครู่ตอนที่เธอได้ยินเสียงของสวีเหยียน ซังหนี่ก็รีบลุกขึ้นจากบนตักของฟู่เซียวหานแต่คุณนายฟู่ผลักประตูเข้ามาเร็วมาก ทันทีที่ซางหนี่ลุกขึ
สองวันต่อมาซังหนี่ได้พบกับคุณนายฟู่อีกครั้งเธอเป็นคนโทรศัพท์หาซังหนี่ก่อน และขอนัดพบเธอที่ร้านกาแฟซังหนี่ไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันตัดสินใจจะไปจากเมืองถง”เมื่อมาถึงร้านกาแฟ คุณนายฟู่ก็พูดกับซางหนี่ตรงๆเธอพูดออกมาอย่างนั้น ทำให้ซังหนี่ถลึงตาโตชั่วขณะ “หมายความว่า...อะไรคะ?”“ก็หมายความอย่างที่พูด”“เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วนั้นเหรอคะ? คุณโกรธฟู่เซียวหาน...”“ไม่ใช่” คุณนายฟู่รีบพูดขึ้นมาทันที “และฉันบอกเธอก็ได้ว่า ฉันอยากไปเพราะ...เขาทนกับการทดสอบที่เซียวหานมอบให้เขาไม่ไหวแล้ว”หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ รูม่านตาของซังหนี่ก็หดตัวลงเล็กน้อย“ดังนั้นคุณก็เลยอยาก...”ในเมืองถงมีคนรู้จักพวกเรามากเกินไป และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกอึดอัดกับตำแหน่งคุณนายฟู่จนแทบจะหายใจไม่ออก และฉันก็ไม่ต้องการที่จะ...เป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว”“ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจดีแล้วว่า พวกเราจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”“หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราตัดสินใจที่จะหนีตามกันไป”ขณะที่คุณนายฟู่พูด บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มซังหนี่รู้มาตล
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็