โม่ฟางเล่อได้ล้วงเอาแท่งไฟอันใหม่ออกมาเป่า ก่อนจะคาบเอาไว้เช่นเดิม ซึ่งครั้งนี้ นางตามหลังผู้เป็นพี่ชายไปติด ๆ มิได้นำหน้าเหมือนในคราแรก สองพี่น้องจำต้องระวังให้มากขึ้น เพราะพวกเขาเข้าใกล้จุดหมายมากขึ้นทุกขณะถงเหยียนเจี๋ยถลาเข้าหาหน้าผาเมื่อเห็นแสงเล็ก ๆ ร่วงลงมายังด้านล่าง เขามิรู้ว่ามันเป็นของผู้ใด แต่ก็อยากให้มั่นใจว่ามิใช่ของภรรยา ชายหนุ่มตรวจสอบอาวุธและอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อเตรียมพร้อมที่จะปีนขึ้นไปด้านบน“เจี๋ย…อย่าคิดมากไป น้องเขยข้า พี่ใหญ่ของเราอยู่กับนาง”“ข้ารู้ หยวนฟาง แต่นางยังอ่อนประสบการณ์อยู่มาก ข้า…”“ข้าเข้าใจเจ้า สหาย”โม่หยวนฟางลอบมองไปยังหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนเยี่ยงบุรุษอยู่ตีนผาห่างออกไปไม่มาก ทุกท่วงท่าของนางช่างแตกต่างจากน้องสาวของเขายิ่งนัก ขนาดองครักษ์ข้างกายของน้องสาวอย่างหรู่อี้ก็ดูบอบบางกว่าเมี่ยวจ้านมากนัก หากเป็นนางอยู่บนนั้น และเขายังยืนอยู่ตรงนี้เหมือนกับถงเหยียนเจี๋ย สภาพจิตใจเขาก็คงมีอาการมิต่างกันเท่าใดนักบนผาสูงเมื่อใกล้ถึงที่หมาย แท่งไฟถูกดับในทันที โดยมีโม่คังเป็นผู้นำขึ้นไปด้านบนก่อน ชายหนุ่มดึงผ้าปิดพันใบหน้าเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ โผล่ศีรษะพ้นขอบ
ตอนที่43หมิงจงเป่าหยุดยืนยังหน้าห้องตรงสุดทางเดิน ก่อนจะขมวดคิ้วเข้ม มองประตูเบื้องหน้าด้วยความระแวง มือหนาขึ้นสูงก่อนจะส่งสัญญาณให้คนด้านหลังเตรียมพร้อม เขามั่นใจว่าห้องที่มีทางเดินอันสุดแสนอันตรายเช่นนี้จะต้องเป็นของคนที่สำคัญมากอย่างแน่นอนตูม!หมิงจงเป่ายกแขนขึ้นกำบังใบหน้า พร้อมขยับถอยไปด้านหลังด้วยความรวดเร็ว เมื่อทุกอย่างสงบนิ่งลง ร่างสูงของบุรุษหน้าตาหล่อเหลายืนมองตรงมายังผู้บุกรุกด้วยแววตาอันเยือกเย็นไม่มีคำพูดใดหลุดออกจาปากของเจ้าบ้าน นอกจากกระบี่ที่พุ่งตรงเข้าหาแขกไม่ได้รับเชิญ และมิได้มีเพียงชายผู้นั้น ยังมีหญิงสาวในชุดสีอ่อนหวาน ผมยาวสลวยกลายเป็นสีขาวก้าวตามออกมาอีกคน และตรงไปยังโม่ฟางเล่อ ผู้เป็นศัตรูที่นางต้องการกำจัดมากที่สุด“เจ้ารนหาที่ตายจนได้สินะ พี่สาวข้า”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างเด่นชัด ดวงตาที่เคยสดใสราวลูกแก้ว บัดนี้ มันแดงก่ำไปด้วยสีเลือด ทางเดินที่เคยกว้างขวาง บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นดั่งสนามรบขนาดย่อมไปเสียแล้ว เมื่อสาวกพรรคมารได้เผยตัวออกมาล้อมกรอบผู้บุกรุกเอาไว้รอบด้าน“มันก็อาจเป็นเช่นนั้นน้องพี่ ทว่าอย่าได้มั่นใจอะไรจนเกินไป แม้ท่าทางของเจ้าในต
มือหยาบกร้านของเมี่ยวจ้านจับที่ข้อมือบางของคนพูด ก่อนจะจับจูงกันเดินออกจากความมืดเพียงก้าวพ้นที่กำบังกาย เมี่ยวจ้านจึงได้ปล่อยมือจากหรู่อี้ ภายใต้แสงสลัวนั้น เมี่ยวจ้านมิต่างจากบุรุษผู้องอาจเลยก็ว่าได้ หากมิถอดผ้าคลุมออก ยากที่ใครจะคิดว่านางคือสตรี“เชิญคุณชายและคุณหนูมาร่วมดื่มชากับข้าสักถ้วย”ผู้ติดตามที่ยังคงหลบซ่อนอยู่ในเงามืดต่างพากันขำขันอยู่ภายในใจ พวกเขาเดาไว้ไม่ผิดเลยว่าสตรีด้านในจะมองว่าคุณหนูเมี่ยวจ้านคือบุรุษ ยิ่งใบหน้าถูกปิดบังไปกว่าครึ่ง ยากที่ใครจะมองออกว่านางคือสตรี“อะ…แฮ่ม ขอบคุณแม่นาง”เมี่ยวจ้านปรับเสียงให้เข้มขึ้น ก่อนจะก้าวเข้าไปในกับดักที่เจ้าบ้านวางเอาไว้ พร้อมเชื้อเชิญพวกนางก้าวไปสู่ความตาย“ไยถึงได้มาเยือนเรือนข้ายามดึกดื่นเช่นนี้ จุดประสงค์ของคุณชายคงมิใช่…”หญิงสาวเจ้าของบ้านช่างงดงามเย้ายวนกว่าที่คาดเอาไว้มากที่เดียว นางหยุดคำพูดเอาไว้ให้เป็นปริศนาพร้อมส่งสายตาเชิญชวนให้แก่บุรุษชุดดำที่เปิดเผยให้เห็นเพียงดวงตาอันดุดัน ริมฝีปากบางเผยอขึ้นอย่างยั่วเย้า พร้อมชำเลืองมองไปยังหญิงสาวอีกคนในห้อง‘หรือว่านางมิใช่คนรักของชายผู้นี้’หรู่อี้ในชุดสีดำขับเน้นทรวดทรง ม
จีกวานพุ่งเข้าหาศัตรูของนางอีกครั้งด้วยความเร็วจนแทบมองไม่เห็น เป้าหมายคือหัวใจของโม่ไป๋หลานแต่มันยังมิเร็วพอ นั่นจึงเป็นโอกาสโม่ฟางเล่อฉวยจังหวะหมุนตัวเข้าหาจีกวานฮวา โดยมีกระบี่อ่อนเป็นเสมือนอ้อมแขนที่โอบลำตัวของนาง ทว่ามิอาจทำอันตรายหญิงสาวได้เลยโม่ฟางเล่อขยับกายเพียงเล็กน้อยก็ถึงตัวน้องสาวได้อย่างง่ายดาย มีดสั้นจ่ออยู่ที่ลำคอของจีกวานฮวาอย่างรวดเร็ว บุรุษทั้งสองขยับเท้า เตรียมพร้อมป้องกันคนของตนในทันที“ฆ่าข้าสิ ท่านพี่ หึ ๆ คนเช่นท่านมิกล้าพออยู่แล้ว มิเช่นนั้นคงลงมือตั้งแต่เมื่อกลางวันไปแล้ว มิน่าจะรั้งรอมาจนถึงป่านนี้กระมัง ท่านหญิงโม่ผู้มีเมตตา แม้มดสักตัวก็ไม่เคยบดขยี้ แต่วันนี้จะทำตัวเยี่ยงนางโจร ลอบเข้าบ้านผู้อื่นเพื่อเข่นฆ่า ต่ำช้าหาใดเทียบเคียงคนสกุลโม่ เจ้าว่าจริงรึไม่ ฮา ๆ”“เจ้าคิดผิดแล้ว น้องพี่ หากพี่สาวเอาจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่เพียงแค่มด ต่อให้เป็นเยี่ยงพยัคฆ์ร้าย พี่ก็พร้อมลงมือ จีกวานฮวา เจ้ารู้รึไม่ว่าหลายต่อหลายครั้งที่พี่สาวคนนี้เฝ้ารอวันให้เจ้ากลับตัวเสียใหม่ แต่ก็เหมือนสายน้ำที่ทำได้เพียงไหลผ่านเลย ไม่มีวันไหลย้อนกลับมาได้จริง ๆ ใจเจ้ามันมืดบอด น้องสาวข้า”
‘เจ้าจะต้องสิ้นใจด้วยความทรมานมากกว่าข้าหลายพันเท่า โม่ไป๋หลาน เป็นเจ้าที่ต้องเจ็บปวด’ “อึก!” เลือดสด ๆ พุ่งออกมาอย่างมิอาจห้ามได้ เลือดจากบาดแผลเริ่มไหลช้าลง เพราะผู้เป็นอาได้โรยผงห้ามเลือดให้นางก่อนหน้าที่เขาจะกลายเป็นจอมมารอย่างเต็มตัวบนหลังคามีใครบางคนหมอบอยู่อย่างเงียบเชียบ คอยเฝ้ามองดูการต่อสู้ของคนด้านล่างด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย เขาสมควรหรือไม่ที่จะยื่นมือเข้าแทรกการต่อสู้นี้ หรือเฝ้ามองการจากไปของคนที่เขารัก เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ร่างในชุดผ้าคลุมสีดำก็ได้หายไปเหลือไว้เพียงความว่างเปล่าสาวกพรรคมารล้อมโม่ฟางเล่อและผู้ติดตามเอาไว้อย่างแน่นหนา เป้าหมายคือหญิงสาวตรงกลาง หากบั่นคอของนางมาได้ พวกเขาจะได้รางวัลอันคุ้มค่าอย่างแน่นอน“อ๊ากกก!” หนึ่งในผู้ติดตามถูกอาวุธที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าใส่ก่อนจะล้มลง โม่ฟางเล่อคว้าตัวคนของนางที่พยายามเอาตัวมากันนางไว้ให้พ้นจากอันตราย“ปกป้องตัวเอง อย่าสละลมหายใจเพื่อข้า นี่คือคำสั่ง”ดาบคู่ถูกใช้ดื่มเลือดจากศัตรูอย่างรวดเร็ว ความว่องไวของหญิงสาวทำให้คนที่แอบซ่อนอยู่ถึงกับตกตะลึง หากเขาจะเข้าให้ถึงตัวของจีกวานฮวาได้ก็ต้องกำจัดหญิงสาวผู้นั้นให้ได้เส
ชายในชุดคลุมสีดำมองตามสายตาของหญิงสาวไปยังร่างของประมุขพรรคมารที่จบชีวิตลงโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด ไม่มีใครได้ทันเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าปรากฏตัวในตอนไหนด้วยซ้ำ ความเร็วของหญิงสาวช่างน่าหวาดหวั่นนักเหมือนมือของภูตผีที่เด็ดศีรษะของซือเยี่ยหลง“ข้าว่า…ก่อนจะลงมือต่อข้า เจ้าควรหาทางรักษาลมหายใจของเขาก่อนไม่ดีกว่ารึ หึ ๆ”โม่ฟางเล่อไม่แม้แต่จะหันไปมองคนข้างหลัง เพราะหากนางทำเช่นนั้นก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ตนเองถูกลอบกัด หากเป็นอย่างนั้น อาจารย์ของนางต้องมิพอใจเป็นแน่ โม่ฟางเล่อกำหมัดแน่น นางข่มกลั้นความรู้สึกที่กำลังปะทุขึ้นมาทีละน้อย“อย่าให้มันรอดไปได้เล่อเล่อ กำจัดซะ! มิเช่นนั้นจะเป็นพวกเราที่ต้องสูญเสียจนหมดสิ้น”“อาจารย์…ห้ามท่านทิ้งข้าไปเด็ดขาด ไม่มีท่านแล้วใครจะช่วยข้าเลี้ยงลูกกันเล่า”“รีบเข้าเถอะ หากช้ากว่านี้ ข้าอาจต้องตายจริง ๆ แน่คราวนี้”“เจ้าค่ะ”ไม่มีคำว่าหยั่งเชิงอีกต่อไป โม่ฟางเล่อพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว นางมิใช่คนดีอะไรมากมายที่จะยืนรอให้อีกฝ่ายลงมือเพียงเพื่อรักษาเกียรติอีกต่อไป เมื่อคนตรงหน้าทำตัวเยี่ยงสุนัข นางก็จะตีมันให้ตายก่อนที่จะแว้งกัดนางอีกเป็นครั้งที่สองเคล้ง! ก
เมื่อคิดได้เพียงเท่านั้น ฟางเล่อที่มีรูปร่างสูงโปร่งกว่าสตรีทั่วไปได้พยุงให้อาจารย์ลุกขึ้น หมิงจงเป่าไร้แรงทัดทานจึงยอมทำตามฟางเล่อ ก่อนที่นางจะขยับตัวหันหลังให้หมิงจงเป่า ดึงเอาแขนพาดบ่าตนทั้งสองข้าง“เล่อเล่อ เจ้าจะทำอันใด ไหล่เจ้าบาดเจ็บ เลือดข้ามีพิษ มะ…”“ช่างพิษนั่นปะไร หากจะตาย มิว่าจะมีหมอเทวดาอยู่ยืนตรงหน้าเพื่อช่วยเหลือ ข้าก็ต้องจบชีวิตลงอยู่ดี แต่เวลานี้ ข้าและท่านยังหายใจ ท่านอย่าได้คิดถึงเรื่องอันตรายเกี่ยวกับตัวข้าอีกเลย เวลานี้ หน้าที่ของท่านคือห้ามขี้เกียจหายใจ เข้าใจหรือไม่ ตาเฒ่า ฮึก…”หมิงจงเป่าพยายามขัดขืน โม่ฟางเล่อจึงใช้เท้าเหวี่ยงไปยังข้อพับของผู้เป็นอาจารย์ทำให้หมิงจงเป่าหมดแรงต้านทานในทันที ในที่สุด ร่างสูงก็ถูกแบกไว้บนหลังบอบบาง น้ำหนักที่มากกว่าของหมิงจงเป่า มิใช่ปัญหาสำหรับความมุ่งมั่นของหญิงสาว หมิงจงเป่ามิใช่คนอ้วน แต่รูปร่างแน่นหนั่นไร้ไขมัน สูงกว่านางก็มิได้มากมาย“ลูกแบกพ่อย่อมสมควรทำเสมอ ศิษย์ดูแลอาจารย์มิมีคำว่าไม่เหมาะสม เล่อเล่อจะต้องพาท่านไปส่งเข้าห้องหอให้จงได้ ไว้ใจข้าและมิต้องกังวลว่าคนผู้นั้นจะรอดไปได้ เชื่อใจข้าหรือไม่ ท่านอาจารย์”สองขาเรียว
“กำจัด” คำสั่งสั้น ๆ ของหญิงสาวทำให้คนที่ติดอยู่ในค่ายกลถึงกับเร่งหาทางเอาตัวรอด‘นางช่างอำมหิตยิ่งนัก’ เหล่าสาวกพรรคมาร ต่างพากันคิดตรงกัน ทว่าสำหรับโม่ฟางเล่อแล้วนั้น นางถือว่าทำดีที่สุดแล้วในหน้าที่ของตน สงครามแท้จริงแล้ว ไร้เมตตากว่าที่หลายคนคาดคิด มันมิได้สวยงามเช่นเรื่องที่บรรดาบุรุษแต่งแต้มเพื่อสร้างความน่านับถือในสายตาของหญิงสาว แต่ทว่า ความเป็นจริงนั้นคือ ผู้ใดแกร่งกว่าก็รอด คนที่อ่อนแอ ผลตอบแทนคือความตาย ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดแล้วในสนามรบ“ขอรับ”ไม่มีคำถามหรือข้อสงสัยเช่นเคยจากผู้ติดตามทั้งสอง เวลานี้ พวกเขาร้อนใจมิแพ้ผู้เป็นนายซึ่งบัดนี้ได้ก้าวตรงไปยังเบื้องหน้าที่เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดโม่ฟางเล่อพยายามเรียกคนด้านหลัง หญิงสาวคอยพร่ำบ่นเพื่อปลอบใจตนเองให้ถึงที่สุด เมื่อไร้การตอบรับใด ๆ หญิงสาวสอดส่ายสายตาฝ่าแสงไฟที่ยังลุกโชน ไปยังลานกว้างที่กำลังมีการโรมรันกันอย่างไม่มีผู้ใดยอมลงให้แก่กันหญิงสาวมองออกว่าเป็นฝ่ายใดบ้าง แต่มิอาจบอกได้ว่าคนไหนคือสามีหรือพี่ชายของนาง“ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ท่านพี่…” โม่ฟางเล่อลองที่จะเสี่ยง ส่งเสียงเรียกออกไป เผื่อว่าจะมีพี่ชายห
ภายในจวนสกุลเชี่ยดูจะสงบเงียบกว่าที่เคย แต่ถึงกระนั้นก็มิใช่เรื่องที่คนภายนอกจะรับรู้ได้ เจ้าของบ้านสองสามีภรรยากำลังดื่มด่ำกับการจิบชาชั้นยอด พร้อมการสนทนากันตามประสา ซึ่งทำให้แขกผู้มาเยือนถึงกับส่ายหน้าด้วยความเอือมระอากับลีลาการเฝ้ารอศัตรูของคนสกุลใหญ่ หากนางปรากฏกายต่อหน้าทั้งสองคนนั้น เพียงครู่คงมีทหารในจวนโผล่ออกมาล้อมรอบ‘หึ ๆ’ นางมีดีกว่านั้น“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เงียบ ๆ มันดูมิตื่นเต้นเท่าใดนัก พวกเจ้าช่วยปลุกพวกเขาให้ตื่นกันเลยจะดีกว่า”จบคำพูดจากการแฝงตัวในเงามืด เพื่อเฝ้ารอเวลาลงมือ กลับเปลี่ยนเป็นการลงมืออย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำวางกำลังไว้อีกชั้นเพื่อการเก็บกวาด“อ๊ากก!”เพียงครึ่งก้านธูป เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็เกิดขึ้น ทหารในจวนแท้จริงคือนักฆ่ารับจ้าง ทว่า จอมโจรผู้บุกรุกก็คือกลุ่มมือสังหารชั้นยอดเช่นกัน การมาปล้นในครั้งนี้ ผู้นำมิคิดที่จะนำคนมาเพียงหยิบมือเสียเมื่อไหร่กัน การจบหมากกระดานเล็กให้สิ้นซากก็คือทุบกระดานหมากให้แหลกคามือเท่านั้น“มิต้องเชิญข้า ใต้เท้าเชี่ย ฮูหยินเชี่ย ข้าดื่มกินมาอิ่มหนำสำราญมาจากบ้านแล้ว”“กำแหงนัก กล้าบุกรุกบ้านขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ช่างรนหาที่ตายโดยแท
“พวกเจ้ามันปีศาจ คนสกุลโม่ช่างไร้ความเมตตา ข้ามิทัน...อัก!”พูดได้เพียงเท่านั้น ลำคอกลับมีเลือดพุ่งออกมามากมาย โดยมิได้ถูกตัวหยวนฟางสักนิด ความเร็วดุจสายลมทำให้ร่างสูงออกมายืนอยู่ห่างพอสมควรโดยในมือมีบางสิ่งติดมาด้วย ก่อนที่ชายหนุ่มจะกางมือออก สิ่งนั้นจึงร่วงลงสู่พื้นดิน“คิดจะกลืนกินคนของข้า มิเจียมตน สกุลโม่หรือไร้เมตตา หึ! ไม่คิดบ้างหรือว่ากว่าจะทำให้แผ่นดินนี้เป็นปึกแผ่นได้ คนสกุลโม่ต้องแลกมาด้วยสิ่งใดบ้าง เพื่อรักษาชีวิตของประชาชนทั้งแคว้นเอาไว้ ปู่ข้าต้องตายเพื่อปกป้องขอทานเพียงคนเดียว เพราะนั่นคือประชาชนของพระองค์ แล้วพวกเจ้าตายเพื่อปกป้องใครบ้าง”หนึ่งในคนร้ายถึงกับตาค้าง เพราะสิ่งที่ร่วงจากมือของโม่หยวนฟาง มันคือหลอดลมของชายชุดดำ คนร้ายที่ยังมีลมหายใจอยู่เพียงหนึ่งถึงกับตัวสั่นงันงก ด้วยความหวาดกลัว คนแรกว่าอำมหิตแล้ว แต่อ๋องน้อยผู้นี้มันปีศาจชัด ๆ ชายชุดดำขยับตัวหวังจะหลบหนีฉึก! ร่างสูงของคนร้ายทรุดลงกับพื้นก่อนจะทันได้ก้าวขา“คิดจะแทงข้างหลัง! คนเช่นโม่หยวนฟาง เจ้าควรคิดให้ดีก่อน”หากมีผู้ใดมาได้ยินคำพูดของโม่หยวนฟางคงอยากตายไปสักพันครั้ง คนร้ายคิดหนี แต่ท่านอ๋องน้อยกลับกล
“จะบุรุษหรือสตรี หากรู้จักการพลิกแพลงสถานการณ์ มิใช่เรื่องยากที่จะคว้าชัยในสนามรบ อ๊ะ!”โม่ฟางเล่อหมุนกายออกห่างจากคู่ต่อสู้ เมื่อรับรู้ถึงการจู่โจมจากทางด้านหลัง แม้จะเพียงเฉียดผ่าน ทว่ากระบี่ของศัตรูก็ได้ดื่มเลือดของนางเสียแล้ว โม่ฟางเล่อกลับมิได้สนใจบาดแผล หญิงสาวรีบล้วงขวดหยกใบเล็กออกมาจากอก ก่อนจะรีบกลืนสิ่งที่อยู่ในขวดลงไปอย่างรวดเร็ว นางยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องพิษ แต่การป้องกันเอาไว้ก่อนเป็นเรื่องที่ผู้เป็นอาจารย์คอยกำชับและย้ำเตือนนางอยู่บ่อยครั้ง“การที่มั่นใจเกินไป มันก็มิใช่สิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่รึท่านหญิงโม่ ฮา ๆ”“สุนัขก็ยังเป็นสุนัขอยู่วันยังค่ำ ต่อให้พยายามทำตัวดั่งราชสีห์ เจ้าก็มิอาจเป็นได้ดั่งใจหมาย”จากรอยยิ้มกลับกลายเป็นใบหน้าบึ้งตึงด้วยความขุ่นเคืองใจกับคำพูดของหญิงสาว“หลีกไป ข้าจะจัดการนางด้วยตนเอง”เชี่ยหยาโถวคว้าแขนของผู้คุ้มกันออกจากการบังเขาจากหญิงสาวตรงหน้า เขาถูกสตรีอ่อนแอหยามเกียรติจนไม่เหลือชิ้นดี อย่างไรเสียวันนี้ เขาจะพิสูจน์ให้นางได้เห็นว่าคำพูดพล่อย ๆ ของสตรีเช่นนางนั้นมิใช่ความจริง“มาจบเรื่องกันเถอะ คุณชาย อย่าถ่วงเวลาพวกข้าให้มากไปกว่านี้อีกเลย”มือบางใช
คล้อยหลังโม่หยวนฟางไปเพียงครู่เดียว ร่างสูงของชายหนุ่มในชุดสีขาวได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของคนที่กำลังสั่นระริกไปทั้งร่างด้วยความรู้สึกอันหลากหลายที่ถาโถมเข้ามา เขาพ่ายแพ้ได้อย่างน่าอับอายเป็นที่สุด การต่อสู้เพียงแค่เวลาสั้น ๆ เขากลับกลายเป็นคนพิการ และรอเพียงเวลาถูกลงทัณฑ์จากผู้เป็นนายที่แท้จริง“หึ ๆ คนเก่งของท่านพ่อ ไยตอนนี้ถึงกลายมาเป็นเพียงคนไร้ค่าเช่นนี้ เจ้าก็ดีแต่ปาก หลงเป่า”“คนที่ดีแต่ปาก ข้าว่าน่าจะเป็นเจ้ามากกว่า หึ ๆ นึกว่าผู้ใดกัน แท้จริงก็เป็นคุณชายขี้โรคจากสกุลเชี่ยนี่เอง เชี่ยหยาโถว”ขวับ! ชายหนุ่มในชุดสีขาว หันกลับไปตามเสียงในทันที ทว่ากลับไร้วี่แววของเจ้าของเสียง ก่อนจะหันกลับมายังร่างของหลงเป่าที่ตอนนี้ถูกจับตัวเอาไว้โดยโม่หยวนฟาง“เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เห็นทีคงมิอาจปล่อยท่านอ๋องน้อยให้มีลมหายใจต่อไปไม่ได้แล้วสินะ”“ฮา ๆ ปล่อยให้ข้ามีลมหายใจรึ ช่างกล้าพูดนะ คุณชายเชี่ย เจ้าไม่ใช่ตั้งใจจะกำจัดข้าอยู่ก่อนแล้วหรืออย่างไรกัน คนที่ขี้ขลาดแท้จริงคือตัวเจ้า อย่าได้โทษใครอื่นอีกเลย”“อย่าพูดให้มากความท่านอ๋องน้อย ข้ามาถึงขนาดนี้ย่อมต้องมีของพิเศษรอต้อนรับท่านอ๋องอยู่ก่อนแล
คนชุดดำไถลตัวลงมาจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว พร้อมกระบี่ยาวชี้ตรงสู่กลางศีรษะของเมี่ยวจ้าน แม้จะสวมหมวกเอาไว้ แต่ทว่า ประสาทสัมผัสของนางนั้นเป็นเลิศมิแพ้ฝีมือเลยแม้แต่น้อย แส้ทองถูกสะบัดฟาด ไปด้านบนศีรษะด้วยกำลังภายในอันมหาศาลร่างของชายชุดดำที่กำลังคิดจะปลิดชีวิตของหญิงสาว มิอาจหลบได้ทัน ด้วยความเร็วที่ไม่ทันได้คาดคิดว่าจะถูกตอบโต้อย่างกะทันหันเช่นนี้ สำหรับเมี่ยวจ้านแล้ว นางไม่จำเป็นต้องมองขึ้นไปเลยด้วยซ้ำตุบ! ร่างของคนร้ายตกกระแทกพื้น โดยที่ศีรษะตกกลิ้งหลุน ๆ ไปอีกทาง ตอนนี้ธนูถูกวางลง อาวุธประจำกายถูกนำออกมาใช้แทน ทุกอย่างต้องทำให้เร็ว ด้วยจำนวนคนของฝ่ายนางมีน้อยกว่า ดังนั้นจำต้องจบทุกอย่างให้เร็ว หากยืดเยื้อมากไปกว่านี้รังแต่จะเสียเปรียบมากกว่าจะคว้าชัยมาอย่างปลอดภัย“ท่านเมี่ยวจ้าน”“อย่าแตกตื่นไป ท่านพี่ม่อตู เมี่ยวจ้านมิใช่เด็กน้อยแล้วนะ”ฟึบ!ม่อตูสะบัดผ้าคลุมกันอาวุธลับเพื่อมิให้ต้องกายผู้เป็นนาย ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของนายสาวของตนเอง สำหรับเขาแล้ว องค์หญิงเมี่ยวจ้านคือน้องสาวตัวน้อยที่เขาเฝ้าปกป้องมานับตั้งแต่พบเจอกัน เมื่อนางยังเป็นเพียงทารกจนเติบโตขึ้นมาเป็นผู้
‘โดยเฉพาะเจ้า โม่หยวนฟาง ข้าจะต้องทำให้เจ้าก้มหัวแทบเท้าข้าให้จงได้’โม่หยวนฟางซึ่งเบนหัวม้าให้ตนเองถอยกับมารั้งท้ายทุกคน โดยมีคนสนิทเคียงข้างกายอยู่เพียงสองคน ทั้งสามไม่เอ่ยวาจาใด ๆ ต่อกันแม้แต่ครึ่งคำ ทว่าแค่เพียงสบตาพวกเขาก็รู้ดีว่าต้องทำสิ่งใดชายหนุ่มมั่นใจในตัวของสหายรักว่าจะปกป้องน้องสาวของเขาได้เป็นอย่างดี โม่ฟางเล่อเล่อทำสิ่งที่ควรได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะพลาดพลั้งก็แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นคือการระวังหลังซึ่งเขามั่นใจว่าสองสาวคงต้องการให้เป็นเขาที่ทำหน้าที่นี้แทนโม่หยวนฟางแอบชำเลืองมองไปยังคนรักของตนที่อยู่อีกฝั่งของถนน โดยมีองครักษ์คู่ใจของนางคอยประกอบข้างมิห่างกาย ชายหนุ่มทั้งห้าผู้มาจากจิ้งหนาน ซึ่งมีหัวหน้าองครักษ์ม่อตูเป็นผู้เอ่ยปากขอติดตามนายของตนมา มิเช่นนั้นจำต้องใช้อำนาจที่มีนำตัวหญิงสาวกลับสู่แคว้นในทันทีแต่ทว่าเวลาเช่นนี้ เขากลับรู้สึกอุ่นใจอย่างไรไม่รู้ที่มีคนคอยปกป้องนางเมื่อยามต้องเจอศึกที่มิอาจคาดเดาได้ว่าจะมีโอกาสรอดมากน้อยเพียงใด“ข้าอีกแล้ว ไยต้องมาลงที่ชายหนุ่มผู้น่ารักเช่นข้าตลอดเลย”เสมือนว่าคำพูดของโม่หยวนฟางเป็นการเปิดศึกในครั้งนี้ก็มิปาน เพียงจบคำพ
ส่วนด้านนอกรถม้า สองแม่ทัพสกุลหยางแทบไร้การพูดคุยกันเช่นในอดีต หยางซานซินยังคงทำตัวเป็นปกติ ทว่า สิ่งที่แตกต่างก็ฉายชัดออกมาอยู่นั่นเอง เมื่อเขาดูจะไม่ใยดีบุตรชายซึ่งอยู่บนหลังอาชาเคียงข้างเขาอยู่ในขณะนี้ฝั่งหยางซานหลางก็ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย จากคนที่นิ่งขรึมมาตลอด บัดนี้เรียกได้ว่าตลอดทั้งร่างของชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยแต่เพียงรังสีแห่งการฆ่าฟัน ซึ่งแตกต่างจากเมื่อครั้งก่อนหน้าที่ชายหนุ่มจะเก็บงำทุกอย่างเอาไว้ มิแสดงตัวตนของเขาออกมาให้ผู้อื่นได้รับรู้มากถึงเพียงนี้แม้ว่าความเปลี่ยนแปลงของแม่ทัพทั้งสองจะสร้างความแปลกใจให้แก่ผู้ติดตามทั้งหมด ทว่าก็ไร้ซึ่งคำถามจากทุกคน เพราะถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้นำ“ซานหลาง เจ้าจงเว้นระยะห่างกับพระนางกุ้ยเฟยให้มากขึ้นอีกสักหน่อยก็ดีนะ”แม้จะเป็นคำพูดที่ดูเรียบง่าย แต่กลับแฝงความนัยที่ทำให้ผู้ฟังขุ่นเคืองใจอยู่มากทีเดียว หยางซานหลางชำเลืองมองผู้ที่บัดนี้เขาต้องเรียกว่าบิดาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองตรง ๆ ตามเส้นทางอันยาวเหยียดพร้อมรอยยิ้มยังมุมปาก“ขอรับท่านพ่อ แต่ถ้าจะให้ดี ท่านพ่อเองก็ควรระวังใจของตนเองเอาไว้ให้มากเช่นกัน
‘คำว่าแพ้มีให้แก่คนอ่อนแอเท่านั้น และมันมิใช่ข้า’“ทูลพระนางเต๋อเฟย ลู่กงกงขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”กั๋วเต๋อเฟยเหลือบขึ้นมองคนสนิท ก่อนจะพยักหน้าให้กับอี้ถิง หญิงสาวย่อกายให้แก่ผู้เป็นนาย ก่อนจะหมุนกายออกไปยังห้องด้านนอก เพื่อทำตามประสงค์ของเจ้าของตำหนักเมื่อมีผู้มาเยือน การเดินหมากของนางก็จำต้องยุติลง มือวางสะบัดมือเพียงครั้ง ผ้าผืนบางที่วางอยู่บนโต๊ะได้ปลิวสะบัดก่อนจะคลุมลงยังกระดานหมากบนโต๊ะ เสมือนมีคนจับวางก็มิปาน ร่างระหงลุกขึ้นก้าวเดินออกไปยังห้องรับรองชั้นนอกลู่กงกงรีบโค้งกายลงต่ำ เมื่อเจ้าของตำหนักเดินนวยนาดออกมาจากหลังม่านไข่มุก“ลู่เฟย ถวายบังคมพระนางเต๋อเฟยพ่ะย่ะค่ะ”“ตามสบายลู่กงกง วันนี้มาพบข้า ท่านคงมีเรื่องสำคัญเป็นแน่ ว่ามาเถิด”“ทูลพระนาง กระหม่อมนำพระบัญชาของฝ่าบาทมาแจ้งแก่พระนางพ่ะย่ะค่ะ”“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งถึงข้ารึ”ใบหน้างามซับสีเลือดในทันที เมื่อนึกถึงบุรุษผู้องอาจผู้เป็นพระสวามีของนาง แม้ทรงมีพระชนม์มายุมากแล้ว ทว่ากลับยังคงความหล่อเหล่าเฉกเช่นวัยหนุ่มสาวก็มิปาน จากแต่เดิมที่นางท่องจำว่าเพราะหน้าที่กับการสมรสในต่างแดนครั้งนี้ กลับกลายเป็นว่านางปรารถนาที่จะเคียงคู่
วังหลวงบุรุษในชุดมังกรเดินวนไปมาเสมือนพยัคฆ์ติดบ่วง โดยมีร่างงามของสตรีในชุดสีแดงเพลิงปักลวดลายหงส์นั่งมองคนที่เดินไปมาด้วยความนึกขัน“จะทรงเดินอีกนานรึไม่เพคะ ฝ่าบาท”“จะให้ข้านิ่งนอนใจได้อย่างไรกันฮองเฮา ผู้อาวุโสมิรู้พากันสนุกสนานอยู่ที่ใดกัน ตอนนี้ กองทัพเคลื่อนพลสู่เมืองหลวงด้วยวิธีที่แยบยลนัก หึ ๆ เป็นข้าเอง ผิดที่ข้าฮองเฮา ข้าชักนำศึกเข้าเมืองเร็วเกินไป”ร่างสูงก้าวไปนั่งยังเก้าอี้ข้างฮองเฮา โดยที่พระนางยังคงสนใจในตำราหลังจากอีกฝ่ายนั่งลง“หากเป็นท่านผู้อาวุโสก็จะทำเช่นพระองค์เพคะ อย่าทรงโทษพระองค์เองไปเลยเพคะ ไม่ว่าอย่างไร คนพวกนั้นก็ต้องเคลื่อนไหวอยู่ดี การเดินเกมในบางครั้ง การปล่อยให้ศัตรูล่วงล้ำเข้ามาบ้างก็อาจเป็นผลดี”“ข้าไม่ถัดการวางแผนเช่นเจ้านี่ ภรรยาข้า หึ ๆ”“แต่ทรงเป็นนักรักที่เก่งกาจใช่ไหมเพคะ”“ฮา ๆ วางใจเถอะฮองเฮา จะไม่มีสตรีใดมาแทนที่เจ้าได้”เมื่อรู้ว่ามีผู้มาเยือนได้ก้าวเข้าสู่ห้องชั้นนอก สองสามีภรรยาจึงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นหยอกล้อกันแทนห้องโถงรับรอง ตำหนักเหลียน“ลู่กงกง ท่านมาตามหาฝ่าบาทหรือเจ้าคะ”“เชียงเชียง เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก ฝ่าบาททรงมาแอบอยู่