หลังจบเรื่องของเหอหว่านหลงแล้ว เหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปรกติสุข ตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มป่องออกมาแล้ว ทำให้เธอต้องใส่ชุดคลุมท้องที่เหอจิ้งเกาซื้อมาให้นับสิบตัว ส่วนที่เธอซื้อมาเองก็แทบไม่ได้ใส่ เนื่องจากเหอจิ้งเกาอ้างว่าเนื้อผ้าไม่ดีเท่ากับที่เขาซื้อให้ ซึ่งฟู่หยุนชิงที่ขี้เกียจเถียงกับเขาจึงได้แต่ใส่เสื้อผ้าที่เขาซื้อให้เท่านั้น
เข้าสู่การตรวจครรภ์เดือนที่สาม เหอจิ้งเกาพาฟู่หยุนชิงไปตรวจครรภ์ตามปกติ แน่นอนว่าบอดี้การ์ดต่างล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้อย่างมิดชิดก่อนที่จะขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นแผนกสูตินรีเวช วันนี้หมอยังคงอัลตราซาวด์ดูการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์ก็พบว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดี ฟู่หยุนชิงขอให้หมอถ่ายรูปลูกให้ทุกเดือนเพื่อที่เธอจะได้ทำเป็นสมุดบันทึกเอาไว้ให้ลูกดูตอนที่เขาโตขึ้น หมอยิ้มและตอบรับคำขอของฟู่หยุนชิงที่ดูจะรักลูกไม่น้อย แม้แต่เหอจิ้งเกาเองก็เห็นด้วยกับภรรยา เขาไม่คิดว่าเธอจะรอบคอบถึงขนาดนี้
&nbs
ฟู่หยุนชิงนั่งฟังเหอจิ้งเกาบอกถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เขาซื้อมา เธอก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ“นี่คุณไม่คิดจะให้ฉันซักเสื้อผ้าเลยใช่ไหมถึงได้ซื้อชุดคลุมท้องมาเยอะขนาดนี้ ไหนจะอาหารเสริมอีกตั้งมาก เดือนนี้ทั้งเดือนฉันจะกินหมดไหม?”“โธ่ ภรรยา ผมเห็นว่ามีแต่ชุดสวย ๆ ที่เหมาะกับคุณก็เลยหนักมือไปหน่อย ก็ผมอยากเห็นคุณใส่ชุดสวย ๆ พวกนี้นี่นา อีกอย่างท้องคุณก็โตขึ้นทุกวันด้วย ส่วนอาหารเสริมคุณก็กินตอนหิวรองท้องก่อนถ้าผมยังไม่กลับมาทำกับข้าวให้ก็ได้ ของพวกนี้กว่าจะหมดอายุก็เป็นปีแน่ะ คุณค่อย ๆ กินไปเดี๋ยวก็หมดเองนั่นแหละ”“เฮ้อ คุณนี่นะ ทีหลังอย่าซื้อแบบนี้อีกนะ มันสิ้นเปลืองเปล่า ๆ ฉันเสียดายเสื้อผ้าที่ใส่ได้แค่ตอนท้องน่ะ ความจริงซื้อมาแค่นิดหน่อยก็พอแล้ว เสื้อผ้าเก่าที่เป็นชุดคลุมท้องก็ยังมีอีกตั้งหลายสิบตัวนะคุณ”“ตกลงครับคุณภรรยา เอาล่ะ ๆ เราไม่คุยเรื่องเครียด ๆ กันนะ เดี๋ยวลูกจะเครี
หลังอาหารเย็นวันต่อมา ฟู่หยุนชิงเตรียมขนมกับนมสำหรับนั่งกินไปดูละครของเธอไปที่โซฟาไม่น้อย ส่วนเหอจิ้งเกาเองก็เอาแต่นั่งลูบท้องป่อง ๆ ของฟู่หยุนชิงอย่างแสนรัก จนกระทั่งละครเริ่มตอนแรก เหอจิ้งเกาจึงหันไปดูทีวีเป็นเพื่อนฟู่หยุนชิง เขาชมภรรยาว่าเล่นดีไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนเรตติ้งต้องรอให้จบตอนของละครในวันนี้เสียก่อนจึงจะรู้ว่าเรตติ้งวันแรกดีหรือไม่ ฟู่หยุนชิงยังเปิดไลฟ์ในเว่ยป๋อถ่ายภาพในทีวีว่าเธอกำลังดูละครของตัวเองอยู่ บรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาโพสต์บอกเช่นกันว่าพวกเขาเองก็กำลังดูอยู่ ทุกคนต่างชมว่าฟู่หยุนชิงเล่นได้ดีมากสำหรับบทร้ายลึกเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงยิ้มกับโพสต์ต่าง ๆ ของแฟนคลับจนเหอจิ้งเกาต้องหันไปอ่านด้วย เขาพบว่าตัวเองไม่มีเว่ยป๋อของภรรยาเลยนี่นา เหอจิ้งเกาจึงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วขอเว่ยป๋อของฟู่หยุนชิงทันที เธอเองก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยบอกกับเขา เธอจึงให้ชื่อเว่ยป๋อของตัวเองไปพร้อมกับแอดเขาเป็นเพื่อนคนแรกของเธอในเว่ยป๋อ เ
สามวันก่อนวันคลอด อยู่ ๆ ฟู่หยุนชิงก็ปวดท้องกลางดึก เหอจิ้งเกาที่ได้ยินเสียงของฟู่หยุนชิงที่บอกเขาว่าเธอปวดท้องก็รีบลุกขึ้นไปบอกบอดี้การ์ดหน้าห้องให้สั่งคนไปเตรียมรถ พร้อมกับบอกให้เลขามานำของที่เตรียมเอาไว้สำหรับการคลอดลูกตามไปขึ้นรถอีกคันด้วยความเร่งรีบ จากนั้นเหอจิ้งเกาเข้าไปดูฟู่หยุนชิง เขาพบว่ามีน้ำไหลออกมาจากหว่างขาแล้ว เหอจิ้งเกาไม่กล้าชักช้าอีก เขาทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวสลับกันไปหมด เขากลัวว่าฟู่หยุนชิงจะรอไปถึงโรงพยาบาลไม่ไหวจนคลอดในรถเสียก่อน แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของเหล่าบอดี้การ์ดและเลขาของเหอจิ้งเกา ไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็พร้อมแล้ว เหอจิ้งเกาอุ้มฟู่หยุนชิงที่กำลังปวดท้องไปที่รถอย่างเร็วที่สุด จากนั้นขบวนรถของเหอจิ้งเกาก็รีบบึ่งออกจากเพนท์เฮ้าส์ไปยังโรงพยาบาลภายในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น หมอที่ได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเหอจิ้งเการอรับตัวฟู่หยุนชิงที่หน้าโรงพยาบาลแล้ว หลังจากรถจอดสนิท เหอจิ้งเการีบอุ้มฟู่หยุนชิงขึ้นไปวางบ
เสียงกลองศึกดังไปทั่วสนามรบ ทหารมากมายของทั้งแคว้นเหอและแคว้นอู่ต่างสู้รบกันอย่างดุเดือดนานถึงสามวันสามคืนแล้ว พวกเขาเริ่มอ่อนล้าและหิว เพียงแต่หากพวกเขาเผลอแสดงออกว่าอ่อนแรงเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ศัตรูก็คงจะใช้จังหวะนี้สังหารพวกเขาเป็นแน่ ฟู่หยุนชิง แม่ทัพหญิงแห่งแคว้นเหอเองก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อยล้า ตอนนี้นางกับหยางไป่เฉียวแม่ทัพของแคว้นอู่สู้รบกันมาโดยต่างคนต่างมีบาดแผลเต็มตัวกันไปหมดแล้ว เพียงแต่พวกเขาสองคนเป็นผู้นำทัพ ต่างฝ่ายจึงต่างไม่ยอมที่จะเพลี่ยงพล้ำให้คนของตนเองหมดสิ้นกำลังใจ รองแม่ทัพของพวกเขาก็ต่อสู้กันใกล้ ๆ กับท่านแม่ทัพของตนเอง ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเทกายใจใช้วรยุทธของตนเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้รองแม่ทัพของแคว้นเหอเป็นฝ่ายได้เปรียบรองแม่ทัพของแคว้นอู่แล้ว เขามาเป็นรองแม่ทัพโดยที่ทางบ้านไม่ยินยอม แต่ด้วยความรักแว่นแคว้น เขาจึงอาสาฮ่องเต้ออกรบพร้อมกับฟู่หยุนชิงซึ่งเป็นแม่ทัพ ตัวเขาเองไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นทหารจะต้องโหดร้ายกับศัตรูมากมายถึงขนาดนี้ เห็นได้จากการที่ต่างฝ่ายต่างตัดคอศัตรูของตนเองจนตกตายไป มีน้อยคนนักที่ตายโดยร่างยังสมบูรณ์ บางคนขาขาดแขน
เทพแห่งดวงชะตาที่เมตตาสงสารโชคชะตาของฟู่หยุนชิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีแล้ว แต่กลับถูกเหล่าขุนนางที่ไม่ยอมรับนางถวายฎีกาให้สังหารนางอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้ เทพแห่งดวงชะตาจึงฝืนกฎของตนเองช่วยนำวิญญาณของฟู่หยุนชิงไปที่อีกภพหนึ่งซึ่งมีคนชื่อเดียวกับนางเพิ่งเสียชีวิตลงเช่นกัน ฟู่หยุนชิงที่เป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วได้แต่แปลกใจที่ได้ยินเสียงเหมือนผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดกับนางแต่นางมองไม่เห็นตัวเขา เขาบอกนางว่าจะพานางไปยังภพอื่นและยังขอให้นางใช้ชีวิตใหม่ในภพนั้นให้ดี อย่าได้คิดถึงเรื่องราวในภพนี้อีกเลย จากนั้นเสียงนั้นก็หายไปพร้อมกับสติของนาง ฟู่หยุนชิง นักแสดงปลายแถวที่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นนักแสดงสมทบเพราะคนเก่าบาดเจ็บก็ซุ่มซ่ามจนตกลงไปในสระน้ำลึกสองเมตรทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นจนเธอต้องตายลง เธอได้แต่มองร่างไร้วิญญาณของตนเองที่ถูกคนช่วยขึ้นมาพร้อมกับปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เธออย่างดี เธอรู้ดีว่าเธอหมดบุญในชาตินี้แล้วจึงไม่ได้เสียใจอะไร อย่างไรในภพนี้เธอก็ไม่มีครอบครัวให้กังวลแต่แรกแล้ว เธอต้องปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่ยังเด็ก การตายของเธอครั้งนี้ทำให้เธอหลุดพ้นจากชีวิตที่ต้อ
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงรีบอาบน้ำแต่งตัว เธอทาครีมต่าง ๆ ที่อยู่ในความทรงจำของร่างเดิมเพื่อรักษาผิวให้ดี ไม่แห้งกร้านเหมือนตัวเธอเองในภพชาติก่อน ฟู่หยุนชิงพยายามหาเสื้อผ้าที่มิดชิดที่สุดที่ร่างเดิมนำมา แต่เธอกลับพบว่าร่างเดิมนั้นมีแต่เสื้อผ้าเปิดหน้า เปิดหลังทั้งนั้น แถมรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่เมื่อวานนี้ก็เดินยากลำบากเสียเหลือเกิน แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอมีสิ่งของให้เลือกใช้เพียงเท่านี้ ฟู่หยุนชิงจึงได้แต่สุ่มเสื้อผ้ามาสักตัวแล้วใส่รองเท้าพร้อมถือบทเตรียมลงไปทานอาหารเช้าที่ล็อบบี้โรงแรม วันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าหนาเตอะอย่างที่ร่างเดิมทำ เพราะฟู่หยุนชิงรู้สึกว่าการปล่อยให้หน้าเธอเป็นธรรมชาติสวยกว่าการแต่งหน้าเป็นไหน ๆ ฟู่หยุนชิงปิดล็อคประตูก่อนที่จะเดินไปขึ้นลิฟท์เหมือนกับเมื่อวานที่ทีมงานพาเธอมาส่ง เรื่องพวกนี้ร่างเดิมมีความทรงจำเก่าทำให้เธอไม่ลำบากในการใช้สิ่งของแปลก ๆ หลายอย่างในภพชาตินี้ เมื่อลงลิฟท์ไปถึงล็อบบี้แล้ว ฟู่หยุนชิงเห็นทีมงานไปตักอาหารมานั่งกินกันบ้างแล้ว นับว่าเธอไม่ได้ลงมาสายนัก ฟู่หยุนชิงคนเก่ามีนิสัยร่าเริง แต่เธอเป็นคนเงียบ ๆ ฟู่หยุนชิงท
เดินไปไม่นานนัก ฟู่หยุนชิงก็มาถึงสถานที่ถ่ายทำ เธอถูกทีมงานเรียกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ไหนเธอจะต้องทำผมและแต่งหน้าอีก กว่าจะเสร็จก็คงจะใช้เวลามากพอสมควร ฟู่หยุนชิงได้แต่พยักหน้ายิ้มรับและเดิมตามทีมงานคนนั้นไปอย่างช้าๆ ตามความเคยชิน ทีมงานที่นำทางเธอได้แต่คิดในใจว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนได้อย่างไรกัน ปกติฟู่หยุนชิงจะเดินเร็ว ๆ เพื่อมาพูดคุยกับพวกเขาเรื่องต่าง ๆ บ่อย ๆ แต่วันนี้เธอกลับเดิมตามมาอย่างเรียบร้อยเหมือนกับผ้าพับไว้ จะไม่ให้เธอคิดว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปได้อย่างไรกัน เดินกันไม่นานนักก็ถึงห้องแต่งตัว ฟู่หยุนชิงสอบถามว่าจะให้เธอใส่ชุดไหน ทีมงานชี้และบอกว่าวันนี้ให้เธอใส่ชุดสีเหลืองที่แขวนอยู่ ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับแล้วเดินไปเอาชุดที่ว่าเข้าไปเปลี่ยนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งทำเพียงใช้ฉากกั้นเอาไว้เท่านั้น ซึ่งการทำเป็นฉากกั้นเช่นนี้ตัวเธอเองเคยชินไปเสียแล้วกับชาติภพก่อน นับว่าเรื่องนี้ไม่แตกต่างจากการอยู่ในภพเดิมของเธอมากนัก หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ไปนั่งรอให้ทีมงานมาแต่งหน้าและทำผมให้เธอ อีกไม่นานเธอจะต้องเข้าร่วมแสดงฉากใน
ผู้กำกับสั่งให้นักแสดงเริ่มฉากแรกในเวลาไม่นานนักหลังจากทุกคนซ้อมบทกันแล้ว เหล่านักแสดงทั้งนักแสดงนำและตัวประกอบแสดงในฉากก่อนเริ่มงานเลี้ยงได้อย่างไม่ผิดพลาด ไม่นานนักผู้กำกับก็พอใจกับผลงานและสั่งคัตทันที ฟู่หยุนชิงพอได้ยินเสียงคัตแล้วก็รู้ว่าตอนนี้ต้องถึงคราวเธอเข้าฉากแล้ว เธอเดินอย่างช้า ๆ เข้าไปรอก่อนเข้าฉากตามบทบาทที่เธอได้รับ เหล่านักแสดงทั้งหมดที่ต้องเข้าฉาก รวมทั้งทีมงานต่างตกตะลึงกับเพียงแค่ท่าเดินของฟู่หยุนชิง พวกเขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะแสดงเข้าถึงบทบาทได้เสียขนาดนี้ แม้แต่ตัวนางเอกอย่างหวงเหมยหงยังไม่สามารถแสดงท่าเดินตามมารยาทได้ดีเท่ากับฟู่หยุนชิงเลย ผู้กำกับกับผู้เขียนบทที่เห็นเช่นนี้ต่างก็พยักหน้าอย่างพอใจ ผู้กำกับเห็นว่าทุกคนพร้อมที่จะถ่ายฉากต่อไปแล้วจึงได้สั่งให้เริ่มการแสดงทันที เขาไม่อยากทิ้งเวลาให้เสียเปล่า ในเมื่อนักแสดงต่างพร้อมแล้วเขาก็สั่งแอคชั่น ฟู่หยุนชิงที่ได้ยินเสียงให้เริ่มการแสดง เธอเดินไปตามบทบาทที่ได้รับเข้าไปยังงานเลี้ยงซึ่งมีเหล่าขุนนางและครอบครัวมากมายมารวมกันอยู่ ต่างคนต่างเกาะกลุ่มกันเพื่อพูดคุย ยกเว้นนางที่ไม่สนิทกับใครในท
สามวันก่อนวันคลอด อยู่ ๆ ฟู่หยุนชิงก็ปวดท้องกลางดึก เหอจิ้งเกาที่ได้ยินเสียงของฟู่หยุนชิงที่บอกเขาว่าเธอปวดท้องก็รีบลุกขึ้นไปบอกบอดี้การ์ดหน้าห้องให้สั่งคนไปเตรียมรถ พร้อมกับบอกให้เลขามานำของที่เตรียมเอาไว้สำหรับการคลอดลูกตามไปขึ้นรถอีกคันด้วยความเร่งรีบ จากนั้นเหอจิ้งเกาเข้าไปดูฟู่หยุนชิง เขาพบว่ามีน้ำไหลออกมาจากหว่างขาแล้ว เหอจิ้งเกาไม่กล้าชักช้าอีก เขาทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวสลับกันไปหมด เขากลัวว่าฟู่หยุนชิงจะรอไปถึงโรงพยาบาลไม่ไหวจนคลอดในรถเสียก่อน แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของเหล่าบอดี้การ์ดและเลขาของเหอจิ้งเกา ไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็พร้อมแล้ว เหอจิ้งเกาอุ้มฟู่หยุนชิงที่กำลังปวดท้องไปที่รถอย่างเร็วที่สุด จากนั้นขบวนรถของเหอจิ้งเกาก็รีบบึ่งออกจากเพนท์เฮ้าส์ไปยังโรงพยาบาลภายในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น หมอที่ได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเหอจิ้งเการอรับตัวฟู่หยุนชิงที่หน้าโรงพยาบาลแล้ว หลังจากรถจอดสนิท เหอจิ้งเการีบอุ้มฟู่หยุนชิงขึ้นไปวางบ
หลังอาหารเย็นวันต่อมา ฟู่หยุนชิงเตรียมขนมกับนมสำหรับนั่งกินไปดูละครของเธอไปที่โซฟาไม่น้อย ส่วนเหอจิ้งเกาเองก็เอาแต่นั่งลูบท้องป่อง ๆ ของฟู่หยุนชิงอย่างแสนรัก จนกระทั่งละครเริ่มตอนแรก เหอจิ้งเกาจึงหันไปดูทีวีเป็นเพื่อนฟู่หยุนชิง เขาชมภรรยาว่าเล่นดีไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนเรตติ้งต้องรอให้จบตอนของละครในวันนี้เสียก่อนจึงจะรู้ว่าเรตติ้งวันแรกดีหรือไม่ ฟู่หยุนชิงยังเปิดไลฟ์ในเว่ยป๋อถ่ายภาพในทีวีว่าเธอกำลังดูละครของตัวเองอยู่ บรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาโพสต์บอกเช่นกันว่าพวกเขาเองก็กำลังดูอยู่ ทุกคนต่างชมว่าฟู่หยุนชิงเล่นได้ดีมากสำหรับบทร้ายลึกเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงยิ้มกับโพสต์ต่าง ๆ ของแฟนคลับจนเหอจิ้งเกาต้องหันไปอ่านด้วย เขาพบว่าตัวเองไม่มีเว่ยป๋อของภรรยาเลยนี่นา เหอจิ้งเกาจึงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วขอเว่ยป๋อของฟู่หยุนชิงทันที เธอเองก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยบอกกับเขา เธอจึงให้ชื่อเว่ยป๋อของตัวเองไปพร้อมกับแอดเขาเป็นเพื่อนคนแรกของเธอในเว่ยป๋อ เ
ฟู่หยุนชิงนั่งฟังเหอจิ้งเกาบอกถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เขาซื้อมา เธอก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ“นี่คุณไม่คิดจะให้ฉันซักเสื้อผ้าเลยใช่ไหมถึงได้ซื้อชุดคลุมท้องมาเยอะขนาดนี้ ไหนจะอาหารเสริมอีกตั้งมาก เดือนนี้ทั้งเดือนฉันจะกินหมดไหม?”“โธ่ ภรรยา ผมเห็นว่ามีแต่ชุดสวย ๆ ที่เหมาะกับคุณก็เลยหนักมือไปหน่อย ก็ผมอยากเห็นคุณใส่ชุดสวย ๆ พวกนี้นี่นา อีกอย่างท้องคุณก็โตขึ้นทุกวันด้วย ส่วนอาหารเสริมคุณก็กินตอนหิวรองท้องก่อนถ้าผมยังไม่กลับมาทำกับข้าวให้ก็ได้ ของพวกนี้กว่าจะหมดอายุก็เป็นปีแน่ะ คุณค่อย ๆ กินไปเดี๋ยวก็หมดเองนั่นแหละ”“เฮ้อ คุณนี่นะ ทีหลังอย่าซื้อแบบนี้อีกนะ มันสิ้นเปลืองเปล่า ๆ ฉันเสียดายเสื้อผ้าที่ใส่ได้แค่ตอนท้องน่ะ ความจริงซื้อมาแค่นิดหน่อยก็พอแล้ว เสื้อผ้าเก่าที่เป็นชุดคลุมท้องก็ยังมีอีกตั้งหลายสิบตัวนะคุณ”“ตกลงครับคุณภรรยา เอาล่ะ ๆ เราไม่คุยเรื่องเครียด ๆ กันนะ เดี๋ยวลูกจะเครี
หลังจบเรื่องของเหอหว่านหลงแล้ว เหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปรกติสุข ตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มป่องออกมาแล้ว ทำให้เธอต้องใส่ชุดคลุมท้องที่เหอจิ้งเกาซื้อมาให้นับสิบตัว ส่วนที่เธอซื้อมาเองก็แทบไม่ได้ใส่ เนื่องจากเหอจิ้งเกาอ้างว่าเนื้อผ้าไม่ดีเท่ากับที่เขาซื้อให้ ซึ่งฟู่หยุนชิงที่ขี้เกียจเถียงกับเขาจึงได้แต่ใส่เสื้อผ้าที่เขาซื้อให้เท่านั้น เข้าสู่การตรวจครรภ์เดือนที่สาม เหอจิ้งเกาพาฟู่หยุนชิงไปตรวจครรภ์ตามปกติ แน่นอนว่าบอดี้การ์ดต่างล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้อย่างมิดชิดก่อนที่จะขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นแผนกสูตินรีเวช วันนี้หมอยังคงอัลตราซาวด์ดูการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์ก็พบว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดี ฟู่หยุนชิงขอให้หมอถ่ายรูปลูกให้ทุกเดือนเพื่อที่เธอจะได้ทำเป็นสมุดบันทึกเอาไว้ให้ลูกดูตอนที่เขาโตขึ้น หมอยิ้มและตอบรับคำขอของฟู่หยุนชิงที่ดูจะรักลูกไม่น้อย แม้แต่เหอจิ้งเกาเองก็เห็นด้วยกับภรรยา เขาไม่คิดว่าเธอจะรอบคอบถึงขนาดนี้ &nbs
เหอจิ้งเกาไปถึงที่ทำงานตามเวลาปกติ พอทำงานได้สักพักใหญ่กลับมีเสียงเอะอะโวยวายกันที่หน้าห้อง เขาส่งสัญญาณให้เลขาออกไปดู ไม่นานเขาก็เข้ามารายงานว่าเหอเซียวเซียวมาขอพบ เหอจิ้งเกาที่รำคาญเสียงดังด้านนอกจึงได้แต่บอกให้เธอเข้ามา“เธอมีอะไรถึงได้มาก่อความวุ่นวายที่นี่อีก”“พี่ชายต้องช่วยพ่อฉันนะคะ พ่อฉันถูกจับข้อหาจ้างวานฆ่า ฉันแน่ใจว่าพ่อฉันไม่ได้ทำ ท่านจะเอาเงินที่ไหนไปจ้างคนกัน”“หึ! นี่เธอไม่รู้เหรอว่าพ่อเธอจ้างฆ่าใคร เขาต้องการฆ่าฉันนี่ไง แล้วเธอยังมีหน้ามาให้ฉันช่วยคนที่คิดจะฆ่าฉันอีกเหรอ” เหอเซียวเซียวถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ฟังคำพูดของเหอจิ้งเกา เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าพ่อเธอจะสั่งฆ่าเหอจิ้งเกา เพราะพ่อไม่ได้บอกอะไรเธอเลย เขาเอาแต่บอกว่าให้รอเวลาอีกไม่นานก็จะได้เงินก้อนใหญ่แล้วเท่านั้น ตอนนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อเพื่อขอความเมตตาจากพี่ชายใจดำคนนี้แล้ว
เมื่อถึงช่วงบ่ายหลังทานอาหารเที่ยงแล้ว หมอเข้ามาตรวจเหอจิ้งเกาอีกครั้ง พอเห็นว่าเขาไม่มีอาการแทรกซ้อน หมอจึงบอกให้เลขาของเหอจิ้งเกาตามมาทำเรื่องเพื่อออกจากโรงพยาบาลและรับยาสำหรับทานในระหว่างที่เขารักษาตัวเองต่อที่บ้าน เลขาเดินตามหมอออกไป ส่วนเหอจิ้งเกาให้อาหยงมาช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลขานำมาให้ก่อนหน้านี้ ฟู่หยุนชิงความจริงอยากช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงแต่เธอรู้ดีว่าคงไม่ค่อยเหมาะสมนักเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย ฟู่หยุนชิงจึงไม่ดื้อรั้นที่จะดูแลเหอจิ้งเกาในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ครึ่งชั่วโมงต่อมา เลขาก็เข้ามาแจ้งว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถก็มีบอดี้การ์ดหน้าห้องรอรับเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงอยู่ที่ด้านล่างแล้ว อาหยงกับอาเหว่ยบอกฟู่หยุนชิงว่าพวกเขาจะขับตามหลังไป ทั้งเหอจิ้งเกาและฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับทราบ จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เป็นฝ่ายเดินประคองเหอจิ้งเกาออกไปจากห้องพักทันทีเพื่อลงไปขึ้นรถที่ด้านล่าง &
หลังจากให้ยาเหอจิ้งเกาแล้ว เขาก็เริ่มง่วงนอนเช่นเดียวกัน ฟู่หยุนชิงบอกเหอจิ้งเกาว่าเธอจะไปนอนที่ห้องรับแขกติดกัน หากเขามีอะไรให้เรียกเธอ เธอจะรีบมาดูเขาทันที จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เลื่อนสายออดมาไว้ใกล้มือของเหอจิ้งเกาเผื่อว่าเขาจะเป็นอะไรไปอีกตอนกลางดึก เหอจิ้งเกาบอกให้ภรรยารีบไปพักผ่อน เพราะเธอกำลังท้องกำลังไส้อยู่เช่นกัน ส่วนอาหยงกับอาเหว่ยก็ออกมานั่งเฝ้าเจ้านายกับนายหญิงที่โซฟาซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับเตียงของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงเห็นว่ามีอาหยงกับอาเหว่ยอยู่เธอจึงสบายใจขึ้นบ้าง จากนั้นเธอจึงบอกฝันดีกับเหอจิ้งเกาก่อนจะเดินเข้าห้องไปนอนพักผ่อนเสียที เหอจิ้งเกาเองก็นอนพักผ่อนเช่นกัน ตอนนี้เขายังไม่รู้สึกเจ็บแผลเพราะยาชาน่าจะยังไม่หมดฤทธิ์ น่าจะอีกสักพักใหญ่ยาชาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่เขาก็คงจะเจ็บแผลขึ้นมาเป็นแน่ โชคดีเรื่องที่เหอจิ้งเกาคิดไม่เกิดขึ้น เพราะว่าในยาหลังอาหารนั้นมียานอนหลับอยู่ด้วย จึงทำให้เขาหลับสนิทในตอนกลางคืนทั้งคืน
หลังจากหมอออกไปแล้ว ฟู่หยุนชิงก็สอบถามเหอจิ้งเกาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณเป็นห่วงผมเหรอภรรยา” เหอจิ้งเกาพูดพร้อมยิ้มล้อเลียนภรรยาตัวน้อยของเขา“ถ้าฉันไม่ห่วงคุณแล้วจะให้ฉันห่วงใครกัน คุณเป็นพ่อของลูกฉันนะเหอจิ้งเกา ทีหลังห้ามบาดเจ็บอีกรู้หรือเปล่า แล้วก็อย่าให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ด้วย มันทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดี” ฟู่หยุนชิงที่อัดอั้นความเป็นห่วงเขามานาน ในที่สุดเธอก็ได้ระบายออกมาเสียที แถมเธอที่เพิ่งนึกถึงพยาบาลสาวสวยคนเมื่อกี้ก็ยิ่งนึกเคืองขึ้นมาเสียเฉย ๆ“ขอบคุณนะครับภรรยา รับรองว่าผมจะไม่ให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้นอกจากคุณ ตกลงไหม นี่คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่หรือเปล่า”“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเป็นห่วงคุณเลยรีบออกมา แต่ระหว่างรอคุณผ่าตัด ฉันกินขนมกับอาหารเสริมไปนิดหน่อยแล้ว”“ถ้าอย่างนั้
เมื่อรถจอดที่หน้าประตูโรงพยาบาล เลขาของเหอจิ้งเการีบเปิดประตูและพยุงเขาออกมาจากรถ บรรดาทีมแพทย์ที่รออยู่สอบถามอาการจนทราบว่าเหอจิ้งเกาถูกยิง พวกเขาให้เหอจิ้งเกานอนบนเตียงพยาบาลเพื่อไปเอกซเรย์ดูก่อนว่ากระสุนอยู่ส่วนไหนของไหล่เขา และพวกเขาจะได้เตรียมห้องผ่าตัดก่อนจะนำกระสุนออกไป ขณะที่ที่โรงพยาบาลกำลังวุ่นวายกับลูกค้าวีวีไอพีอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงที่เห็นว่าเลยเวลาที่เหอจิ้งเกาจะกลับจากทำงานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว บอดี้การ์ดที่ไปกับเหอจิ้งเการีบโทรหาอาหยงเพื่อให้ไปบอกนายหญิงตามที่เจ้านายบอก ไม่อย่างนั้นนายหญิงคงกำลังเป็นห่วงแน่ อาหยงรีบตอบรับแล้ววางสาย เขารีบขึ้นไปที่เพนท์เฮ้าส์ทันทีและแจ้งฟู่หยุนชิงตามที่ได้รับข่าวมา ฟู่หยุนชิงมีหรือจะมีอารมณ์กินข้าว เมื่อเธอรู้ว่าเหอจิ้งเกาถูกยิง อาการยังไม่ทราบ ฟู่หยุนชิงตอนนี้กำลังโกรธมาก เธอไม่รู้ว่าใครกันกล้าทำร้ายพ่อของลูกเธอแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะหาตัวการ ฟู่หยุนชิงรีบบอกให้อาหยงเอารถออก เธอจะไปหาเขาที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าอาหยงบอกให้ฟู่หยุนชิงนำ