สามวันก่อนวันคลอด อยู่ ๆ ฟู่หยุนชิงก็ปวดท้องกลางดึก เหอจิ้งเกาที่ได้ยินเสียงของฟู่หยุนชิงที่บอกเขาว่าเธอปวดท้องก็รีบลุกขึ้นไปบอกบอดี้การ์ดหน้าห้องให้สั่งคนไปเตรียมรถ พร้อมกับบอกให้เลขามานำของที่เตรียมเอาไว้สำหรับการคลอดลูกตามไปขึ้นรถอีกคันด้วยความเร่งรีบ จากนั้นเหอจิ้งเกาเข้าไปดูฟู่หยุนชิง เขาพบว่ามีน้ำไหลออกมาจากหว่างขาแล้ว เหอจิ้งเกาไม่กล้าชักช้าอีก เขาทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวสลับกันไปหมด เขากลัวว่าฟู่หยุนชิงจะรอไปถึงโรงพยาบาลไม่ไหวจนคลอดในรถเสียก่อน แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของเหล่าบอดี้การ์ดและเลขาของเหอจิ้งเกา ไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็พร้อมแล้ว
เหอจิ้งเกาอุ้มฟู่หยุนชิงที่กำลังปวดท้องไปที่รถอย่างเร็วที่สุด จากนั้นขบวนรถของเหอจิ้งเกาก็รีบบึ่งออกจากเพนท์เฮ้าส์ไปยังโรงพยาบาลภายในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น หมอที่ได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเหอจิ้งเการอรับตัวฟู่หยุนชิงที่หน้าโรงพยาบาลแล้ว
หลังจากรถจอดสนิท เหอจิ้งเการีบอุ้มฟู่หยุนชิงขึ้นไปวางบ
ก่อนที่พยาบาลจะนำลูกของพวกเขามาให้ ก็เป็นเลขากับบอดี้การ์ดที่ถืออาหารเช้าเข้ามาเสียก่อน เหอจิ้งเกาเห็นว่าฟู่หยุนชิงน่าจะกินข้าวได้แล้วจึงอาสาจะป้อนอาหารเธอ ฟู่หยุนชิงได้แต่บอกเขาว่าเธอกินเองได้ เพราะเธอแค่คลอดลูก ไม่ได้ป่วยเสียหน่อย ทำเอาเหอจิ้งเกาได้แต่หน้างอ เขาอยากป้อนเธอบ้างนี่นา ฟู่หยุนชิงที่เพิ่งเคยเห็นมุมเด็กเอาแต่ใจของเขาก็เกือบหัวเราะออกมา เธออมยิ้มพร้อมทั้งบอกว่าถ้าอยากป้อนก็ป้อน พอเหอจิ้งเกาได้ยินภรรยาอนุญาตแล้วเขาก็ยิ้มแฉ่งแล้วนำอาหารมาป้อนฟู่หยุนชิงพร้อมกับสลับกินไปด้วยเช่นเดียวกับที่ฟู่หยุนชิงเคยป้อนเขาตอนที่ป่วย เลขาที่ไม่อยากกินอาหารหมามากเกินไปรีบออกไปกินข้าวเช้ากับบอดี้การ์ดคนอื่นที่หน้าห้องแทน วันนี้เขาคงต้องเข้าบริษัทไปเอางานมาให้กับเจ้านายที่นี่เสียแล้ว เพราะดูท่าทางแล้วเจ้านายเขาต้องไม่ยอมไปที่บริษัทจนกว่านายหญิงกับนายน้อยจะออกจากโรงพยาบาลเป็นแน่ หลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้ว ไม่นานนักหมอกับพยาบาลก็พาลูกของพว
หลังจากอยู่โรงพยาบาลได้ครบสามวันแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แต่หมอยังเตือนไม่ให้เธอเดินมากนักจนกว่าแผลจะปิดสนิท ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับปากหมอว่าเธอจะทำตามที่หมอบอก พร้อมทั้งยังขอบคุณหมอที่ช่วยดูแลเธอกับลูกมาตลอดตั้งแต่แรก ส่วนเหอจิ้งเกาเองนั้นเขาให้ทิปกับหมอนอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลของฟู่หยุนชิงเป็นเช็คหนึ่งแสนเหรียญ ทำเอาหมอถึงกับยิ้มแฉ่งกับคุณพ่อสายเปย์คนนี้ เหอจิ้งเกาอุ้มลูกแทนฟู่หยุนชิง เขาไม่อยากให้เธอเหนื่อยที่ต้องอุ้มเสี่ยวหมิงตัวอ้วนของพวกเขามากนัก เพราะเธอเพิ่งคลอดลูกมาได้ไม่นาน เหอจิ้งเกาจึงอยากดูแลเธอให้มากกว่านี้ ฟู่หยุนชิงก็ไม่อยากขัดใจเขา อย่างไรเขาก็หวังดีกับเธอมาตลอด ขบวนรถของเหอจิ้งเกากลับถึงเพนท์เฮ้าส์ในเวลาไม่นาน ของใช้เด็กต่าง ๆ ที่เหอจิ้งเกาขนซื้อมาไว้ก่อนหน้านี้นับว่าไม่เสียแรงที่เขาไปเลือกซื้อด้วยตัวเอง เตียงนอนของลูกชายเขาก็เป็นสินค้าแบรนด์เนมอย่างดี ไหนจะเสื้อผ้าน
ฟู่หยุนชิงที่ไม่รู้ว่าสามีกับลูกชายของเธอจะเดินทางไปดูแลเธอด้วยก็ได้แต่ดีใจอยู่คนเดียวที่เธอจะได้แสดงหนังอีกครั้งแล้ว วันรุ่งขึ้น ฟู่หยุนชิงก็โทรกลับไปหาผู้กำกับว่าเธอรับงานแสดงหนังเรื่องนี้ และสอบถามรายละเอียดเรื่องบทรวมทั้งการถ่ายทำต่าง ๆ กับผู้กำกับด้วย ผู้กำกับบอกว่าจะส่งบทให้เธอแค่บอกที่อยู่ให้กับเขาก็พอ ส่วนเวลาการถ่ายทำจะเป็นในอีกหนึ่งเดือนถัดไป ฟู่หยุนชิงที่ทราบรายละเอียดของหนังและกำหนดเวลาการถ่ายทำก็ได้แต่ขอบคุณผู้กำกับที่นึกถึงเธอ เธอยังบอกว่าจะตั้งใจแสดงตามที่ผู้กำกับต้องการอีกด้วย หลังจากคุยกันอีกพักใหญ่แล้วทั้งสองก็วางสายไปด้วยความพอใจทั้งคู่ ฟู่หยุนชิงที่ร้างลาจากการฝึกฝนวรยุทธมานาน คราวนี้เธอต้องแสดงบทเป็นแม่ทัพหญิงมู่หลานในหนังพีเรียดเรื่องใหม่ของผู้กำกับ แน่นอนว่าเธอจำเป็นจะต้องฝึกฝนร่างกายอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มการแสดง เพราะมัวแต่เลี้ยงลูกจึงทำให้เธอไม่มีเวลาฝึกฝนมาตลอดสามปีที่ผ่านมา
เหอจิ้งเกาใช้เวลาเดินทางบนเครื่องบินถึงสองชั่วโมง กว่าที่เขากับลูกชายจะไปถึงสนามบินเมืองโฉ่ว บอดี้การ์ดรีบไปรับรถสองคันที่เลขาจองเอาไว้ให้ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นเครื่อง จากนั้นเหอจิ้งเกากับเสี่ยวหมิงก็ขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปยังโรงแรมใกล้กับสถานที่ถ่ายทำของฟู่หยุนชิงทันที แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเหอจิ้งเกาที่สอบถามผู้กำกับว่าพวกเขาจะพักที่ไหนเมื่อไปถ่ายทำนอกสถานที่นั่นเอง กว่าที่จะเดินทางถึงนอกเมืองโฉ่วซึ่งเป็นแถบชนบทก็เกือบถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เหอจิ้งเการีบลงจากรถแล้วไปสอบถามพนักงานโรงแรมว่าทีมงานถ่ายหนังกลับมากันหรือยัง เมื่อรู้ว่าทุกคนยังไม่กลับ เหอจิ้งเกากับลูกจึงได้แต่ไปที่ห้องอาหารแล้วพากันทานข้าวเสียก่อน เพราะความเร่งรีบเหอจิ้งเกาจึงลืมซื้อขนมเอาไว้ให้เสี่ยวหมิงกินรองท้องก่อน ดีที่เสื้อผ้าของเขาและลูกชายนั้นจัดเตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วจึงไม่มีปัญหาในการเดินทางครั้งนี้ บอดี้การ์ดรีบจองห้องให้เจ้านายและพวกเขาเองเป็นห้องสวีทสองห
ฟู่หยุนชิงที่ออกไปก่อนหน้าเหอจิ้งเกากับเสี่ยวหมิง รีบไปเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผมทันทีที่ไปถึงสถานที่ถ่ายทำพร้อมกองถ่าย เธอไม่อยากเสียเวลาเมื่อแสงกำลังดีอย่างที่ผู้กำกับต้องการ ฟู่หยุนชิงใช้เวลาไม่นานก็ออกจากรถแต่งตัวโดยใส่ชุดแม่ทัพที่ทีมงานเตรียมการเอาไว้ให้ ผู้กำกับที่เห็นว่าฟู่หยุนชิงออกมาแล้วก็เรียกเธอมาคุยว่าเขาต้องการฉากแบบไหน ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับว่าเธอเข้าใจแล้ว จากนั้นการถ่ายทำก็เริ่มขึ้น วันนี้เป็นฉากที่ฟู่หยุนชิงฝึกทหารก่อนที่จะออกรบ นักแสดงคนอื่นรวมทั้งตัวประกอบที่จะต้องเข้าฉากมีมากถึงสามร้อยคนเลยทีเดียว เหอจิ้งเการอจนเสี่ยวหมิงตื่นจึงได้พาลูกเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารด้านล่าง เหล่าบอดี้การ์ดทั้งสี่นั้นลงไปทานอาหารก่อนหน้าเจ้านายเขานานแล้ว เหอจิ้งเกาอุ้มเสี่ยวหมิงขึ้นลิฟท์อย่างไม่เร่งร้อน เขารู้ดีว่าอย่างไรภรรยาเขาก็ต้องเข้าฉากทั้งวันเหมือนเมื่อวานนี้เป็นแน่ อีกอย่างเขายังเอาของเล่นของเสี่ยวหมิงมาไว้ให้เล่นด้วยระหว่างที่เขากับลูกไปดูฟู่หยุนชิ
เหล่านักแสดงหน้าใหม่ต่างพากันขอบคุณฟู่หยุนชิงระหว่างพักกองช่วงเที่ยงวัน ฟู่หยุนชิงได้แต่ยิ้มรับคำขอบคุณนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรมากนัก เธอเดินไปหาสามีกับลูกชายเพื่อทานอาหารเที่ยงก่อนที่จะถ่ายทำต่อในช่วงบ่าย แน่นอนว่าอาหารเหล่านี้เหอจิ้งเกาให้บอดี้การ์ดของเขาไปนำมาจากโรงแรมในช่วงที่ฟู่หยุนชิงกำลังถ่ายทำอยู่ก่อนหน้านี้ ฟู่หยุนชิงนั่งป้อนข้าวลูกชายพร้อมรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า เหอจิ้งเกาได้แต่บ่นให้ภรรยาว่าลูกชายพวกเขานั้นกินข้าวเองได้แล้ว แต่เธอยังคงป้อนเหมือนเขาเป็นเด็ก ๆ“ลูกเพิ่งจะสามขวบเองนะคุณ อะไรที่ฉันพอจะทำให้ลูกได้ฉันก็อยากทำให้นี่นา คุณจะบ่นทำไมเนี่ย”“ก็ผมอยากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เด็กอย่างไรเล่า คุณอย่าตามใจลูกให้มากนักเลย”“ก็ได้ ๆ ต่อไปฉันจะไม่ป้อนข้าวและตามใจลูกมากอย่างที่คุณบอก เสี่ยวหมิงกินเองได้หรือเปล่าลูก?”“ไ
ด้านเหอจิ้งเกาเองก็มีโคมไฟที่บอดี้การ์ดไม่รู้หามาจากไหนตั้งเอาไว้ให้สองพ่อลูกเพื่อดูการแสดงของนายหญิงของพวกเขาเช่นกัน เหอเสี่ยวหมิงที่ตื่นมาเพราะหิวข้าวได้แต่เคี้ยวขนมตุ้ย ๆ รองท้องแทน เขารู้ว่าแม่ยังไม่กินข้าวเย็น เขาจึงรอที่จะกินพร้อมกันกับพ่อและแม่ของเขาเหมือนตอนมื้อเที่ยง เหอจิ้งเกาได้แต่ลูบหัวทุยของลูกชายที่กำลังกินขนมจนแก้มบวมตุ่ย เขาได้แต่สงสารภรรยาที่ยังคงเตรียมตัวแสดงทั้งที่ยังไม่ได้กินอาหารเย็น เหอจิ้งเกาได้แต่ส่งสายตาเย็นชาใส่ผู้กำกับ ทำเอาผู้กำกับที่ไม่ได้เห็นสีหน้าของเหอจิ้งเกาเสียวสันหลังวาบ ๆ พิกล ผู้กำกับรีบสั่งเดินกล้องถ่ายทำทันทีเพื่อที่จะได้ให้นักแสดงเลิกกองกินอาหารเย็นก่อนกลับไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้พวกเขามีคิวถ่ายตอนบ่ายไปจนถึงกลางดึกอีกครั้ง วันนี้ผู้กำกับจึงเร่งให้จบฉากนี้เสียก่อน นับว่านักแสดงคนอื่น ๆ พัฒนาขึ้นมาก พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดรวมทั้งคิวการต่อสู้ของฟู่หยุนชิงก็ออกมาได้อย่างใจของผู้กำกั
เมื่อเหอจิ้งเกาเดินกลับมานั่งที่ระเบียงกับฟู่หยุนชิง เขาเห็นเธอกำลังนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ จึงได้แต่คาดเดาความคิดของเธอลองดู พอฟู่หยุนชิงเห็นว่าเหอจิ้งเกากลับมาแล้ว เธอก็สอบถามความเห็นของเขาอีกครั้ง“คุณแน่ใจเหรอว่าจะมีลูกอีกคน ฉันไม่อยากทำให้คุณลำบาก”“ลำบากอะไรกัน คุณก็คิดมากเกินไป นี่คุณอยู่กับผมมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ”“ฉันไม่รู้จริง ๆ นี่นา คุณไม่เคยบอกอะไรฉันสักหน่อย” ฟู่หยุนชิงพูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเขินอาย ความจริงเธอเห็นความน่ารักในการดูแลเอาใจใส่จากเขามาตลอดหลายปี เพียงแต่เธอไม่อยากคิดไปเองก็เท่านั้น เหอจิ้งเกาเห็นอาการเขินอายของภรรยาก็ได้แต่อมยิ้มแล้วเอื้อมมือยาวของเขาไปกอดฟู่หยุนชิงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของเขาอย่างถือสิทธิ์“ผมรักคุณกับ
“ไม่ว่าลูกสาวหรือลูกชาย ผมก็ชอบทั้งนั้นที่รัก ขอบคุณนะครับที่ยอมเหนื่อยตั้งท้องให้ผมกับลูกได้มีลูกสาวอีกคน”“ใช่ครับ ๆ แม่เก่งที่ซู๊ดเลย หลังจากนี้ผมจะปกป้องน้องสาวเป็นอย่างดีนะครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นมั้ยครับพ่อ ผมบอกแล้วว่าต้องเป็นน้องสาว ฮิ ฮิ”“ครับผม ลูกชายพ่อเก่งมากเลย เราปล่อยให้แม่นอนพักผ่อนกันก่อนดีกว่า”“ที่รักนอนพักก่อนเถอะนะ รอให้ลูกตื่นก่อนคุณค่อยลุกมาให้นมก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ คุณกับลูกก็นอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวพอลูกสาวเราตื่นคงไม่ได้พักผ่อนกันแน่เลย ท่าทางลูกสาวคนจะซนกว่าพี่ชายน่าดู กว่าฉันจะคลอดได้เลยเสียเวลาไปเยอะ”“ฮ่า ฮ่า จริงเหรอที่รัก ไม่ต้องกังวลไป อย่างไรเสี่ยวหมิงน่าจะดูแลน้องได้นะ” เหอจิ้งเกาจูบหน้าผากภรรยาแล้วอุ้มเสี่ยวหมิงหอมแก้มแม่ให้นอนพักผ่อน ส่วนพวกเขาพ่อลูกก็เข้าไปนอนที่เต
หลังหนังจบ เหอจิ้งเกาเห็นว่าภรรยากับลูกชายง่วงมากแล้ว เขาจึงไม่ให้ทั้งสองคนให้สัมภาษณ์นักข่าวหรือพูดคุยกับแฟนคลับ ซึ่งเขาสั่งให้บอดี้การ์ดไปบอกแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเอาไว้ก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เข้าใจฟู่หยุนชิงผิดสัปดาห์ต่อมา รายได้ของหนังที่ฟู่หยุนชิงแสดงยังขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศเหมือนเคย ทำให้ผู้กำกับและทีมงานต่างดีใจที่หนังเรื่องนี้คนดูชอบและนักวิจารณ์ยังกล่าวถึงหนังไปในทางบวกแทบทุกคน เหล่าแฟนหนังยังอยากดูภาคสองของเรื่องนี้อีกต่างหาก เสียดายที่ฟู่หยุนชิงต้องหยุดถ่ายทำเพื่อเลี้ยงลูกก่อน ทำให้ผู้กำกับไม่อยากนำคนอื่นมาแสดงแทน เขาตั้งใจจะรอฟู่หยุนชิงคนเดียวห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ใกล้กำหนดคลอดของฟู่หยุนชิงเข้าไปทุกที เหอจิ้งเกาที่กลัวภรรยาจะคลอดก่อนกำหนดอีกจึงขอร้องให้ฟู่หยุนชิงไปพักที่ รพ.ก่อนสักสองสามวัน แน่นอนว่าพวกเขาพ่อลูกก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย&n
ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเคลียร์งานเสร็จในเดือนถัดมา ฟู่หยุนชิงก็จำเป็นต้องเข้าร่วมงานเปิดตัวหนังรอบปฐมทัศน์ เหอจิ้งเกาจึงพาเสี่ยวหมิงไปให้กำลังใจและคอยดูแลฟู่หยุนชิงด้วย เพราะตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มขยายใหญ่มากขึ้นเนื่องจากใกล้เข้าสู่เดือนที่สี่ของการตั้งครรภ์แล้ว ระหว่างทางที่กำลังจะไปยังโรงหนังในห้างสรรพสินค้าใหญ่ของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงได้แต่บ่นว่าสามีห่วงมากเกินไป“ความจริงฉันมากับลูกก็ได้นะคะ มันทำให้คุณเสียเวลาทำงานไปด้วยโดยใช่เหตุ”“เฮ้อ ที่รัก ผมจะปล่อยให้คุณกับลูกมากันเองได้ยังไง ในเมื่องานนี้มีคนเข้าร่วมมากมาย หากใครชนท้องคุณเข้าจะทำยังไงล่ะที่รัก เชื่อผมเถอะ รับรองว่าผมไม่กวนตอนคุณอยู่บนเวทีแน่ที่รัก”“ใช่ครับแม่ ให้พ่อพามาดีแล้วครับ ผมเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคนน่าจะเยอะมากจริง ๆ นะครับแม่”“เอาล่ะ ๆ ยังไงก็มากันแล้วนี่นะ แม่จะไม่บ่นแล้วก็ได้”
ระหว่างที่ฟู่หยุนชิงกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น เหอจิ้งเกาก็ให้ลูกน้องนำงานมาให้ทำที่บ้าน เพราะเขาอยากดูแลลูกกับภรรยาด้วยตัวเอง กระทั่งสามวันต่อมาที่เป็นวันนัดของหมอเพื่อตรวจครรภ์ของฟู่หยุนชิงมาถึง ทั้งสามคนต่างเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังอาหารเช้าพวกเขาจึงออกจากบ้านเพื่อไปที่ รพ. ระหว่างนั่งรถอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงก็คุยกับสามีเรื่องลูกคนที่สอง“คุณคะ ครั้งนี้เรามาลุ้นกันดีไหมคะว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิง ฉันไม่อยากรู้ก่อนเหมือนตอนเสี่ยวหมิงน่ะค่ะ ดีไหมลูก”“ได้จ๊ะ ผมตามใจคุณอยู่แล้ว เรารอลุ้นก็สนุกดีเหมือนกันนะ”“ดีครับแม่ ผมอยากลุ้นว่าน้องของผมจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง อีกตั้งหลายเดือนกว่าที่แม่จะคลอดน้องอ่ะ ยังไงผมจะช่วยแม่ดูแลน้องหลังคลอดนะครับ”“ขอบใจมากจ๊ะลูก แล้วลูกอยากไปโรงเรียนตอนกี่ขวบ แม่เห็นส่วนใหญ่เด็กสามขวบก็เข้าเรียนอนุบาลกันแล้วนะ”
เมื่อพวกเขามาถึงร้านนาฬิกา พนักงานในร้านรีบออกมาต้อนรับฟู่หยุนชิงเช่นกันกับพนักงานร้านก่อนหน้านี้ พวกเขาได้รับข่าวมาก่อนหน้าจากร้านเสื้อผ้าแล้วว่าภรรยาของท่านประธานกับนายน้อยมาเดินเล่นที่นี่ ด้วยการข่าวอันฉับไว ทุกร้านในห้างจึงเตรียมพนักงานเอาไว้ต้อนรับกันแต่แรกแล้ว“ไม่ทราบว่าคุณมีนาฬิกาคู่รักหรือเปล่าคะ? กับนาฬิกาของเด็กขนาดเดียวกับแขนลูกชายของฉัน”“มีทั้งสอบแบบเลยค่ะ เชิญคุณลูกค้าตามดิฉันมาดูนาฬิกาคู่รักก่อนนะคะ พอดีเพิ่งมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เผื่อว่าคุณลูกค้าถูกใจ” ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับคำและเดินตามพนักงานไปพร้อมอาหยงที่อุ้มเหอเสี่ยวหมิงอยู่ ส่วนอาเหว่ยก็เดินตามหลังฟู่หยุนชิงไปไม่ไกลเช่นกัน อาเหว่ยได้แต่คิดว่าตอนนี้ทั้งห้างคงรู้แล้วว่านายหญิงมา ดูจากการบริการที่รวดเร็วและไม่ถามที่มาที่ไปแบบนี้ นับว่าผู้จัดการห้างมีความสามารถไม่น้อยที่แจ้งข่าวให้ร้านต่าง ๆ ทราบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโม
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที
เหอจิ้งเกาใช้เวลาไม่นานในการซื้อของ เขาอยากรีบกลับไปทำอาหารให้ฟู่หยุนชิงจะแย่แล้ว บอดี้การ์ดเองก็รีบขับรถกลับบ้านให้เจ้านายตามที่พวกเขาเห็นว่าเจ้านายดูเร่งรีบไม่น้อย เมื่อถึงบ้านแล้ว เหอจิ้งเกาก็เห็นพ่อบ้านมายืนรออยู่แล้ว บอดี้การ์ดช่วยถือวัตถุดิบอาหารเข้าไปยังห้องครัวให้กับเหอจิ้งเกา เขาบอกพ่อบ้านว่ามื้อเย็นเขาจะทำอาหารเอง ให้แม่บ้านทำอาหารให้กับพวกบอดี้การ์ดกับพวกเขาก็พอ พ่อบ้านรับคำเหอจิ้งเกาแล้วเดินไปบอกกับแม่บ้านทั้งสองคนให้ไปทำอาหารที่ครัวของอีกตึกหนึ่งซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ คราแรกแม่บ้านทั้งสองคิดว่าเจ้านายไม่พอใจอาหารของพวกเธอก็พากันตกใจไม่น้อย แต่พอพ่อบ้านบอกว่าเจ้านายอยากทำอาหารให้นายหญิงด้วยตัวเองเท่านั้น พวกเธอจึงได้เบาใจลง พวกเธอไม่อยากหางานใหม่เพราะอายุที่มากแล้วและที่นี่ก็ให้ค่าตอบแทนสูงมากอย่างน่าตกใจแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการต้องพักที่นี่และทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ช่วยกันทั้งสี่คน  
หวงเหมยหงกับลี่ลี่ที่ถูกเหอจิ้งเกาจัดการไม่ให้มีงานในวงการก่อนหน้านี้พอได้ข่าวเรื่องเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ได้แต่คิดอิจฉาและแค้นใจที่เหอจิ้งเกาทำกับพวกเธอแบบนี้ ทั้งสองคนไม่อยากให้พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุขง่าย ๆ จึงได้จ้างโกสต์เพื่อแพร่ข่าวว่าฟู่หยุนชิงวางยาเหอจิ้งเกาจนต้องรับผิดชอบในปีนั้น แถมยังสร้างข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของฟู่หยุนชิงมากมายอีกด้วย เลขาที่ให้คนคอยติดตามข่าวอยู่ตลอดรู้ในทันทีที่มีข่าวแพร่ออกมา เขารีบแจ้งให้เจ้านายทราบอย่างเร่งด่วนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง“ให้คนสืบว่าใครเป็นคนทำ และปิดข่าวอย่าให้ฟู่หยุนชิงรู้ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายใจ”“ได้ครับเจ้านาย แล้วถ้ารู้ตัวคนทำแล้วจะให้ทำยังไงต่อไปดีครับ”“ค้นหาเรื่องราวของคนทำที่ทำเรื่องสกปรกออกมาให้หมด แล้วส่งให้สำนักข่าวทุกสำนัก รวมทั้งให้คนกระจายข่าวออกไปตามสื่อโซเชียลด้วย หลังจากได้หลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างข่าวเสีย
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เหอจิ้งเกาให้พ่อบ้านพาเขาไปดูห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เขากับฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิง พ่อบ้านรีบรับคำและเดินนำเจ้านายทั้งสามไปอย่างช้า ๆ เขารู้มาก่อนแล้วว่านายหญิงกำลังท้องอยู่จึงไม่กล้าเดินเร็วเกินไปนักด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะจับมือนายหญิงอยู่ก็เถอะ เขาก็ควรจะต้องระวังเอาไว้ให้มากจะดีที่สุด พ่อบ้านพาทุกคนไปดูห้องใหญ่ของเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก่อนที่ปีกซ้ายชั้นสองของบ้าน ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำกว้างขวางในตัว รวมทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินที่กว้างพอ ๆ กับห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำและมีประตูเปิดเข้าไปได้ อีกด้านหนึ่งของห้องมีระเบียงกว้าง โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ด้านหลังบ้านซึ่งมองเห็นทะเลสาบและสวนดอกไม้อยู่ ฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงที่เห็นทุกอย่างตามที่พ่อบ้านอธิบายก็พอใจมากกับห้องที่เขาเลือกให้เธอและเหอจิ้งเกา หลังจากที่สำรวจดูคร่าว ๆ แล้ว ฟู่หยุนชิงจึงบอกพ่อบ้า