รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเหอจิ้งเการู้สึกได้ว่าตัวเองร่างกายเปลือยเปล่าก็ได้แต่นึกถึงวิธีการช่วยของเขาเมื่อคืนนี้ เธอรู้ดีว่าเขาทะนุถนอมเธอมากขนาดไหน ทำให้เช้านี้เธอไม่ถึงกับเจ็บมากมายนักกับครั้งแรกของเธอ
เหอจิ้งเการู้สึกว่าคนในอ้อมแขนตื่นแล้วเขาจึงลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองเธอด้วยตาเป็นประกาย เมื่อคืนนี้จะบอกว่าเขาช่วยเธอด้วยความเต็มใจก็ไม่ผิดนัก เขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะบริสุทธิ์อยู่จริง ๆ จนกระทั่งเมื่อคืนนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นของเขาคนเดียว ทำให้เหอจิ้งเกายิ่งรู้สึกหวงคนตัวเล็กในอ้อมแขนมากขึ้นไปอีก
ฟู่หยุนชิงเงยหน้าขึ้นมองเหอจิ้งเกา พอเธอเห็นว่าเขาตื่นแล้วจึงได้แต่ดิ้นอยากออกจากอ้อมแขนของเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ใช่ว่าเธอไม่อาย แต่เพราะเป็นเขาคนที่เธอเชื่อใจ ฟู่หยุนชิงจึงได้ปล่อยตัวให้เขาอย่างเต็มใจเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้ฟู่หยุนชิงต้องตื่นจากฝันแล้ว เธอไม่กล้าคิดว่าจะได้อะไรจากเรื่องนี้
ฟู่หยุนชิงหลังจากเข้าห้องแล้วก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ เหมือนปกติของเธอ ก่อนที่ฟู่หยุนชิงจะขึ้นไปนอนพักที่เตียงอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเมื่อคืนนี้กว่าที่เธอจะหมดฤทธิ์ยาก็เกือบจะเช้าแล้ว ถึงแม้เธอจะมีพลังลมปราณแต่การพักผ่อนอย่างถูกต้องก็ยังคงจำเป็นอยู่ บอดี้การ์ดทั้งสองเองก็ไปตรวจสอบห้องพักแล้วเห็นว่าพอจะอยู่ได้ พวกเขาคิดว่าฟู่หยุนชิงไม่น่าจะออกไปไหนอีกจึงพากันออกไปหาซื้อเสื้อผ้าเพิ่มเติม รวมทั้งอาหารที่ฟู่หยุนชิงยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าด้วย พวกเขาเองก็ไม่มีฝีมือการทำอาหารเหมือนเจ้านาย จึงได้แต่ซื้อสิ่งของจำเป็นมาไว้อุ่นให้กับฟู่หยุนชิงกินในช่วงเย็นแทน พวกเขารู้แต่แรกว่าฟู่หยุนชิงน่าจะนอนพักผ่อนเป็นแน่เพราะเมื่อคืนนี้กว่าเสียงในห้องจะหยุดไปก็เกือบเช้าแล้ว กว่าที่อาหยงกับอาเหว่ยจะซื้อของใช้จำเป็นกลับมาก็เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว ฟู่หยุนชิงที่นอนเต็มอิ่มและท้องร้องจ๊อก ๆ ได้แต่ลุกขึ้นมาเพื่อที่จะออกไปซื้อของกินเธอนึกถึงบอดี้
อาหยงที่รับสายของฟู่หยุนชิงได้แต่กังวลว่าเธอเป็นอะไรมากหรือไม่ถึงกับต้องให้พวกเขาพาไปโรงพยาบาล อาเหว่ยรีบลงไปด้านล่างเพื่อสตาร์ทรถรออาหยงที่ขึ้นไปรับฟู่หยุนชิงที่ห้อง ไม่นานนักอาเหว่ยก็เห็นฟู่หยุนชิงที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยมีอาหยงเดินตามด้วยสีหน้ากังวลเช่นกัน ทุกคนขึ้นรถแล้ว อาเหว่ยก็ไม่รอช้า เขารีบค้นหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วตอนรอฟู่หยุนชิง เขาจึงออกรถไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พักของฟู่หยุนชิงนัก อาหยงรีบไปเปิดประตูให้กับฟู่หยุนชิง ก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินตามหลังฟู่หยุนชิงเข้าไปในโรงพยาบาล ด้านอาเหว่ยก็รีบเอารถไปจอดก่อนจะตามพวกเขาเข้าไปในโรงพยาบาลทีหลัง ฟู่หยุนชิงไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเคาเตอร์เพื่อบอกว่าเธอต้องการมาตรวจการตั้งครรภ์ทันที อาหยงได้ยินเข้าถึงกับตกใจ เขาก็ลืมไปว่าเธอกับเจ้านายเขามีอะไรกันตั้งแต่เกือบสองเดือนก่อนแล้ว เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าฟู่หยุนชิงจะ
กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ฟู่หยุนชิงเดินเลือกซื้อสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ เธอยังสอบถามพวกอาหยงว่าอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมเธอจะได้ซื้อให้พวกเขาด้วย ซึ่งอาหยงกับอาเหว่ยก็บอกว่าพวกเขาไม่มีอะไรอยากได้ ให้ฟู่หยุนชิงจ่ายแค่สินค้าที่เธอเลือกมาเท่านั้นก็พอ ฟู่หยุนชิงจึงพยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไรมากมายนัก หลังจ่ายค่าสินค้าจำนวนไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นนมและอาหารบำรุงของคุณแม่ตั้งครรภ์เสร็จแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เดินนำพวกเขาลงไปยังชั้นล่างเพื่อซื้อชุดคลุมท้องราคาไม่แพงสำหรับใส่ในอนาคต จริงอยู่ว่าตอนนี้ท้องของเธอยังไม่ป่องออกมา แต่เธอคิดว่าการเตรียมการเอาไว้ก่อนนั้นย่อมดีกว่าแน่นอน ฟู่หยุนชิงเลือกซื้อชุดคลุมท้องมาได้สามสี่ตัวในราคาไม่ถึงหนึ่งพันเหรียญเธอก็ดีใจไม่น้อย แม้เนื้อผ้าจะไม่ดีเท่าเสื้อผ้าแบรนด์ที่เธอเคยซื้อก็ไม่เป็นไร อย่างไรเธอแค่ใส่ได้ก็เพียงพอแล้ว หลังจ่ายเงินและรับถุงมาถือเอง ฟู่หยุนชิงก็ชวนอาหยงกับอาเหว่ยกลับห้องพักทันที ตอนนี้เธอไม่มีอะไรที่อยากซ
ฟู่หยุนชิงผู้ไม่รู้อะไรเลยว่าเสือร้ายที่จำศีลอยู่วางแผนจะรับกระต่ายน้อยอย่างเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน ฟู่หยุนชิงยังคงใช้ชีวิตตามปกติ เธอออกกำลังกายเพียงเบา ๆ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนลูกในท้องของเธอ ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น พวกอาหยงเป็นคนซื้อมาให้เธอที่ห้องทุกวันแทนการที่เธอจะออกไปซื้อด้วย พวกเขาบอกว่าเหอจิ้งเกาสั่งให้ดูแลเธอให้ดีกว่าเดิม พวกเขาจึงไม่อยากให้เธอต้องเหนื่อยเดินออกไปซื้ออาหารกับพวกเขา ฟู่หยุนชิงพอรู้ว่าเป็นคำสั่งของเหอจิ้งเกา เธอก็ไม่อยากดื้อรั้นจนทำให้พวกอาหยงต้องลำบาก ฟู่หยุนชิงจึงได้แต่รับความหวังดีของพวกเขาเอาไว้ สองวันที่ผ่านมา ฟู่หยุนชิงรู้สึกว่าเหอจิ้งเกาไม่ต้องการเธอกับลูก จึงได้ให้อาหยงกับอาเหว่ยดูแลเธอต่อไปเช่นนี้ ความจริงเธอเสียใจหน่อย ๆ ที่เขาดูเหมือนจะไม่ได้สนใจว่าเธอกำลังท้องอยู่ ฟู่หยุนชิงแอบตกใจกับความคิดของตัวเองอยู่ไม่น้อยว่าทำไมเธอถึงได้น้อยใจที่เหอจิ้งเกาไม่สนใจเธอกับลูกเลย คิดไปคิดมาฟู่หยุนชิงก็ได้แต่โทษว่าน่าจะเพราะฮอร์โมนของคนท้องเพื่อความสบายใจของต
เหอจิ้งเกาพาฟู่หยุนชิงไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ที่พักเธอเพื่อทานอาหารเที่ยงเสียก่อน บอดี้การ์ดทั้งสี่คนเดินตามหลังเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงไปอย่างรู้งาน รวมทั้งเลขาของเขาที่หิวไม่น้อยเช่นเดียวกัน เหอจิ้งเกาประคองฟู่หยุนชิงไปกินอาหารในร้านดังของห้าง เขาสั่งอาหารมาไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ รวมทั้งเลขาก็นั่งอีกโต๊ะหนึ่ง พวกเขายังรอบอดี้การ์ดอีกสามคนที่เอารถไปจอดอยู่ พวกเขาสั่งอาหารไปไม่นานก็มีอาหารมาวางเอาไว้ให้ที่โต๊ะทั้งสามโต๊ะจำนวนไม่น้อย เหอจิ้งเกาบอกให้ฟู่หยุนชิงกินอาหารได้แล้ว เพราะเธอมัวแต่ตกตะลึงกับอาหารจำนวนมากที่วางอยู่ตรงหน้าจึงยังไม่ได้หยิบช้อนส้อมขึ้นมาตักอะไรเลยสักอย่าง กลับเป็นเหอจิ้งเกาที่ตักอาหารลงไปวางบนชามข้าวของฟู่หยุนชิงแล้วเร่งให้เธอกิน เขายังบอกอีกว่าเจ้าตัวเล็กน่าจะหิวแล้ว พอฟู่หยุนชิงได้ยินแบบนี้จึงนึกได้ว่าเธอกับลูกหิวมากจริง ๆ จากนั้นคนตัวเล็กก็กินอาหารที่เหอจิ้งเกาคอยตักให้อยู่ตลอด ฟู่หยุนชิงบอกให้เขากินบ้าง เธอกลัวว่าเขาจะไม่ยอมกินข้าวจึงตักอาหาร
หลังส่งฟู่หยุนชิงเข้านอนแล้ว เหอจิ้งเกาก็ออกมาสั่งงานเลขานิดหน่อยก่อนจะปล่อยให้เขาลงไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง เหอจิ้งเกาเห็นว่าใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นเต็มที เขาจึงลงมือทำอาหารสี่ห้าอย่างเผื่อเอาไว้ให้ฟู่หยุนชิงกินด้วย แน่นอนว่าคราวนี้เขาตั้งใจทำอาหารสุดฝีมือ ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่บนเกาะร้างที่เขามีวัตถุดิบจำกัด คราวนี้ฟู่หยุนชิงจะได้รู้ว่าผู้ชายของเธอไม่ใช่แค่หาเงินเก่งเท่านั้น เกือบหนึ่งชั่วโมงที่เหอจิ้งเกายุ่งอยู่ในครัว หลังวางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะอาหารแล้ว เขาเห็นว่าฟู่หยุนชิงยังไม่ลุกขึ้นมากินข้าวจึงเป็นห่วงเธอกับลูก เหอจิ้งเกาล้างไม้ล้างมือแล้วเข้าห้องไปปลุกฟู่หยุนชิงให้มากินข้าวเสียก่อนค่อยนอนต่อ ฟู่หยุนชิงงัวเงียตื่นขึ้นมา เธอมองไปรอบ ๆ ห้องที่มีโทนสีดำแปลกตาอย่างงง ๆ สักพักเธอก็นึกได้ว่าเธอน่าจะอยู่ที่บ้านของเหอจิ้งเกาแล้ว ไม่นานนักฟู่หยุนชิงก็ตื่นเต็มตา เธอยังคงได้รับการประคองจากเหอจิ้งเกาเพื่อไปทานอาหารเย็นเหมือนเคย
เหอจิ้งเกาวางชามข้าวต้มชามใหญ่เอาไว้ที่โต๊ะแล้วจึงเดินเข้าไปดูว่าฟู่หยุนชิงตื่นนอนหรือยัง เมื่อเปิดเข้าไปในห้องเขาก็พบว่าฟู่หยุนชิงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เหมือนเดิม เหอจิ้งเกาจึงเรียกเธอให้ไปทานข้าวเช้าก่อนจะได้ทานยา ฟู่หยุนชิงที่เพิ่งใช้ลมปราณเป่าผมให้แห้งได้แต่พยักหน้าแล้วนำผ้าเช็ดตัวไปพาดไว้ที่ราวเช่นเคย ก่อนจะค่อย ๆ เดินตามเหอจิ้งเกาไปที่โต๊ะอาหารในห้องครัว ระหว่างที่กำลังทานอาหารอยู่นั้น เหอจิ้งเกาจะคอยถามตลอดว่าอาหารอร่อยถูกปากไหม หากไม่ถูกปากเขาจะทำให้เธอใหม่ ฟู่หยุนชิงจึงเพิ่งรู้ว่าเขาทำอาหารให้เธอทานตั้งแต่เมื่อเย็นวานและเช้าวันนี้อีก“อาหารอร่อยมาก คุณไม่ต้องคิดมากนักหรอก ฉันกับลูกกินอาหารได้ทุกอย่าง ไม่มีอาการแพ้ท้องเลย”“อย่างนั้นก็ดีแล้ว จากนี้ไปจนกว่าจะคลอด คุณไม่จำเป็นต้องรับงานนะรู้หรือเปล่า ผมเป็นห่วงคุณกับลูก ส่วนเรื่อ
หลังทานอาหารแล้วฟู่หยุนชิงที่กำลังเบื่อ ๆ จึงได้ฝึกฝนวรยุทธอย่างเบา ๆ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนท้องของเธอ ฟู่หยุนชิงรู้สึกว่าช่วงนี้เธอนอนบ่อยมากเกินไปก็ไม่ดีนัก หากร่างกายเธอยังไม่แข็งแรงกว่านี้ตอนคลอดเธออาจจะลำบากเอาได้ ฟู่หยุนชิงเคยอ่านบทความในอินเตอร์เน็ตเรื่องการดูแลตัวเองของคุณแม่มือใหม่ พวกเขายังบอกให้หมั่นเดินออกกำลังกายบ่อย ๆ เพื่อที่จะได้คลอดง่าย ๆ ฟู่หยุนชิงฝึกฝนเกือบสองชั่วโมงจึงหยุดพักล้างหน้าล้างตา และดื่มน้ำเปล่าเป็นจำนวนมากเพื่อทดแทนเหงื่อที่เสียไป เธอยังเอาอาหารเสริมและนมที่เคยซื้อมานั่งกินที่โซฟาอย่างสบายใจ หลายวันแล้วที่เธอไม่กล้าฝึกฝนวรยุทธเพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบกับลูกในท้อง แต่วันนี้ที่เธอฝึกฝนเบา ๆ เธอก็ไม่รู้สึกว่าจะปวดที่ท้องน้อยเหมือนที่หมอเคยเตือนจึงทำให้เธอดีใจมาก หลังจากวันนี้เธอสามารถฝึกฝนเบา ๆ แบบนี้จนกว่าท้องจะโตขึ้นได้แล้ว หลังจากพักจนหายเหนื่อยแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เปิดเว่ยป๋อและอัพเดทแฟนคลับว่าช่วงนี้
หลังอาหารเย็นวันต่อมา ฟู่หยุนชิงเตรียมขนมกับนมสำหรับนั่งกินไปดูละครของเธอไปที่โซฟาไม่น้อย ส่วนเหอจิ้งเกาเองก็เอาแต่นั่งลูบท้องป่อง ๆ ของฟู่หยุนชิงอย่างแสนรัก จนกระทั่งละครเริ่มตอนแรก เหอจิ้งเกาจึงหันไปดูทีวีเป็นเพื่อนฟู่หยุนชิง เขาชมภรรยาว่าเล่นดีไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนเรตติ้งต้องรอให้จบตอนของละครในวันนี้เสียก่อนจึงจะรู้ว่าเรตติ้งวันแรกดีหรือไม่ ฟู่หยุนชิงยังเปิดไลฟ์ในเว่ยป๋อถ่ายภาพในทีวีว่าเธอกำลังดูละครของตัวเองอยู่ บรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาโพสต์บอกเช่นกันว่าพวกเขาเองก็กำลังดูอยู่ ทุกคนต่างชมว่าฟู่หยุนชิงเล่นได้ดีมากสำหรับบทร้ายลึกเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงยิ้มกับโพสต์ต่าง ๆ ของแฟนคลับจนเหอจิ้งเกาต้องหันไปอ่านด้วย เขาพบว่าตัวเองไม่มีเว่ยป๋อของภรรยาเลยนี่นา เหอจิ้งเกาจึงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วขอเว่ยป๋อของฟู่หยุนชิงทันที เธอเองก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยบอกกับเขา เธอจึงให้ชื่อเว่ยป๋อของตัวเองไปพร้อมกับแอดเขาเป็นเพื่อนคนแรกของเธอในเว่ยป๋อ เ
ฟู่หยุนชิงนั่งฟังเหอจิ้งเกาบอกถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เขาซื้อมา เธอก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ“นี่คุณไม่คิดจะให้ฉันซักเสื้อผ้าเลยใช่ไหมถึงได้ซื้อชุดคลุมท้องมาเยอะขนาดนี้ ไหนจะอาหารเสริมอีกตั้งมาก เดือนนี้ทั้งเดือนฉันจะกินหมดไหม?”“โธ่ ภรรยา ผมเห็นว่ามีแต่ชุดสวย ๆ ที่เหมาะกับคุณก็เลยหนักมือไปหน่อย ก็ผมอยากเห็นคุณใส่ชุดสวย ๆ พวกนี้นี่นา อีกอย่างท้องคุณก็โตขึ้นทุกวันด้วย ส่วนอาหารเสริมคุณก็กินตอนหิวรองท้องก่อนถ้าผมยังไม่กลับมาทำกับข้าวให้ก็ได้ ของพวกนี้กว่าจะหมดอายุก็เป็นปีแน่ะ คุณค่อย ๆ กินไปเดี๋ยวก็หมดเองนั่นแหละ”“เฮ้อ คุณนี่นะ ทีหลังอย่าซื้อแบบนี้อีกนะ มันสิ้นเปลืองเปล่า ๆ ฉันเสียดายเสื้อผ้าที่ใส่ได้แค่ตอนท้องน่ะ ความจริงซื้อมาแค่นิดหน่อยก็พอแล้ว เสื้อผ้าเก่าที่เป็นชุดคลุมท้องก็ยังมีอีกตั้งหลายสิบตัวนะคุณ”“ตกลงครับคุณภรรยา เอาล่ะ ๆ เราไม่คุยเรื่องเครียด ๆ กันนะ เดี๋ยวลูกจะเครี
หลังจบเรื่องของเหอหว่านหลงแล้ว เหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปรกติสุข ตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มป่องออกมาแล้ว ทำให้เธอต้องใส่ชุดคลุมท้องที่เหอจิ้งเกาซื้อมาให้นับสิบตัว ส่วนที่เธอซื้อมาเองก็แทบไม่ได้ใส่ เนื่องจากเหอจิ้งเกาอ้างว่าเนื้อผ้าไม่ดีเท่ากับที่เขาซื้อให้ ซึ่งฟู่หยุนชิงที่ขี้เกียจเถียงกับเขาจึงได้แต่ใส่เสื้อผ้าที่เขาซื้อให้เท่านั้น เข้าสู่การตรวจครรภ์เดือนที่สาม เหอจิ้งเกาพาฟู่หยุนชิงไปตรวจครรภ์ตามปกติ แน่นอนว่าบอดี้การ์ดต่างล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้อย่างมิดชิดก่อนที่จะขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นแผนกสูตินรีเวช วันนี้หมอยังคงอัลตราซาวด์ดูการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์ก็พบว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดี ฟู่หยุนชิงขอให้หมอถ่ายรูปลูกให้ทุกเดือนเพื่อที่เธอจะได้ทำเป็นสมุดบันทึกเอาไว้ให้ลูกดูตอนที่เขาโตขึ้น หมอยิ้มและตอบรับคำขอของฟู่หยุนชิงที่ดูจะรักลูกไม่น้อย แม้แต่เหอจิ้งเกาเองก็เห็นด้วยกับภรรยา เขาไม่คิดว่าเธอจะรอบคอบถึงขนาดนี้ &nbs
เหอจิ้งเกาไปถึงที่ทำงานตามเวลาปกติ พอทำงานได้สักพักใหญ่กลับมีเสียงเอะอะโวยวายกันที่หน้าห้อง เขาส่งสัญญาณให้เลขาออกไปดู ไม่นานเขาก็เข้ามารายงานว่าเหอเซียวเซียวมาขอพบ เหอจิ้งเกาที่รำคาญเสียงดังด้านนอกจึงได้แต่บอกให้เธอเข้ามา“เธอมีอะไรถึงได้มาก่อความวุ่นวายที่นี่อีก”“พี่ชายต้องช่วยพ่อฉันนะคะ พ่อฉันถูกจับข้อหาจ้างวานฆ่า ฉันแน่ใจว่าพ่อฉันไม่ได้ทำ ท่านจะเอาเงินที่ไหนไปจ้างคนกัน”“หึ! นี่เธอไม่รู้เหรอว่าพ่อเธอจ้างฆ่าใคร เขาต้องการฆ่าฉันนี่ไง แล้วเธอยังมีหน้ามาให้ฉันช่วยคนที่คิดจะฆ่าฉันอีกเหรอ” เหอเซียวเซียวถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ฟังคำพูดของเหอจิ้งเกา เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าพ่อเธอจะสั่งฆ่าเหอจิ้งเกา เพราะพ่อไม่ได้บอกอะไรเธอเลย เขาเอาแต่บอกว่าให้รอเวลาอีกไม่นานก็จะได้เงินก้อนใหญ่แล้วเท่านั้น ตอนนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อเพื่อขอความเมตตาจากพี่ชายใจดำคนนี้แล้ว
เมื่อถึงช่วงบ่ายหลังทานอาหารเที่ยงแล้ว หมอเข้ามาตรวจเหอจิ้งเกาอีกครั้ง พอเห็นว่าเขาไม่มีอาการแทรกซ้อน หมอจึงบอกให้เลขาของเหอจิ้งเกาตามมาทำเรื่องเพื่อออกจากโรงพยาบาลและรับยาสำหรับทานในระหว่างที่เขารักษาตัวเองต่อที่บ้าน เลขาเดินตามหมอออกไป ส่วนเหอจิ้งเกาให้อาหยงมาช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลขานำมาให้ก่อนหน้านี้ ฟู่หยุนชิงความจริงอยากช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงแต่เธอรู้ดีว่าคงไม่ค่อยเหมาะสมนักเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย ฟู่หยุนชิงจึงไม่ดื้อรั้นที่จะดูแลเหอจิ้งเกาในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ครึ่งชั่วโมงต่อมา เลขาก็เข้ามาแจ้งว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถก็มีบอดี้การ์ดหน้าห้องรอรับเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงอยู่ที่ด้านล่างแล้ว อาหยงกับอาเหว่ยบอกฟู่หยุนชิงว่าพวกเขาจะขับตามหลังไป ทั้งเหอจิ้งเกาและฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับทราบ จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เป็นฝ่ายเดินประคองเหอจิ้งเกาออกไปจากห้องพักทันทีเพื่อลงไปขึ้นรถที่ด้านล่าง &
หลังจากให้ยาเหอจิ้งเกาแล้ว เขาก็เริ่มง่วงนอนเช่นเดียวกัน ฟู่หยุนชิงบอกเหอจิ้งเกาว่าเธอจะไปนอนที่ห้องรับแขกติดกัน หากเขามีอะไรให้เรียกเธอ เธอจะรีบมาดูเขาทันที จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เลื่อนสายออดมาไว้ใกล้มือของเหอจิ้งเกาเผื่อว่าเขาจะเป็นอะไรไปอีกตอนกลางดึก เหอจิ้งเกาบอกให้ภรรยารีบไปพักผ่อน เพราะเธอกำลังท้องกำลังไส้อยู่เช่นกัน ส่วนอาหยงกับอาเหว่ยก็ออกมานั่งเฝ้าเจ้านายกับนายหญิงที่โซฟาซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับเตียงของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงเห็นว่ามีอาหยงกับอาเหว่ยอยู่เธอจึงสบายใจขึ้นบ้าง จากนั้นเธอจึงบอกฝันดีกับเหอจิ้งเกาก่อนจะเดินเข้าห้องไปนอนพักผ่อนเสียที เหอจิ้งเกาเองก็นอนพักผ่อนเช่นกัน ตอนนี้เขายังไม่รู้สึกเจ็บแผลเพราะยาชาน่าจะยังไม่หมดฤทธิ์ น่าจะอีกสักพักใหญ่ยาชาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่เขาก็คงจะเจ็บแผลขึ้นมาเป็นแน่ โชคดีเรื่องที่เหอจิ้งเกาคิดไม่เกิดขึ้น เพราะว่าในยาหลังอาหารนั้นมียานอนหลับอยู่ด้วย จึงทำให้เขาหลับสนิทในตอนกลางคืนทั้งคืน
หลังจากหมอออกไปแล้ว ฟู่หยุนชิงก็สอบถามเหอจิ้งเกาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณเป็นห่วงผมเหรอภรรยา” เหอจิ้งเกาพูดพร้อมยิ้มล้อเลียนภรรยาตัวน้อยของเขา“ถ้าฉันไม่ห่วงคุณแล้วจะให้ฉันห่วงใครกัน คุณเป็นพ่อของลูกฉันนะเหอจิ้งเกา ทีหลังห้ามบาดเจ็บอีกรู้หรือเปล่า แล้วก็อย่าให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ด้วย มันทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดี” ฟู่หยุนชิงที่อัดอั้นความเป็นห่วงเขามานาน ในที่สุดเธอก็ได้ระบายออกมาเสียที แถมเธอที่เพิ่งนึกถึงพยาบาลสาวสวยคนเมื่อกี้ก็ยิ่งนึกเคืองขึ้นมาเสียเฉย ๆ“ขอบคุณนะครับภรรยา รับรองว่าผมจะไม่ให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้นอกจากคุณ ตกลงไหม นี่คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่หรือเปล่า”“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเป็นห่วงคุณเลยรีบออกมา แต่ระหว่างรอคุณผ่าตัด ฉันกินขนมกับอาหารเสริมไปนิดหน่อยแล้ว”“ถ้าอย่างนั้
เมื่อรถจอดที่หน้าประตูโรงพยาบาล เลขาของเหอจิ้งเการีบเปิดประตูและพยุงเขาออกมาจากรถ บรรดาทีมแพทย์ที่รออยู่สอบถามอาการจนทราบว่าเหอจิ้งเกาถูกยิง พวกเขาให้เหอจิ้งเกานอนบนเตียงพยาบาลเพื่อไปเอกซเรย์ดูก่อนว่ากระสุนอยู่ส่วนไหนของไหล่เขา และพวกเขาจะได้เตรียมห้องผ่าตัดก่อนจะนำกระสุนออกไป ขณะที่ที่โรงพยาบาลกำลังวุ่นวายกับลูกค้าวีวีไอพีอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงที่เห็นว่าเลยเวลาที่เหอจิ้งเกาจะกลับจากทำงานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว บอดี้การ์ดที่ไปกับเหอจิ้งเการีบโทรหาอาหยงเพื่อให้ไปบอกนายหญิงตามที่เจ้านายบอก ไม่อย่างนั้นนายหญิงคงกำลังเป็นห่วงแน่ อาหยงรีบตอบรับแล้ววางสาย เขารีบขึ้นไปที่เพนท์เฮ้าส์ทันทีและแจ้งฟู่หยุนชิงตามที่ได้รับข่าวมา ฟู่หยุนชิงมีหรือจะมีอารมณ์กินข้าว เมื่อเธอรู้ว่าเหอจิ้งเกาถูกยิง อาการยังไม่ทราบ ฟู่หยุนชิงตอนนี้กำลังโกรธมาก เธอไม่รู้ว่าใครกันกล้าทำร้ายพ่อของลูกเธอแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะหาตัวการ ฟู่หยุนชิงรีบบอกให้อาหยงเอารถออก เธอจะไปหาเขาที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าอาหยงบอกให้ฟู่หยุนชิงนำ
ระหว่างที่เหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงกำลังทานอาหารอย่างมีความสุข ในทางกลับกัน เหอหว่านหลงไม่มีอารมณ์แม้แต่จะกินอาหารเย็นในวันนี้ หลังอาหารเขาไปเข้าบ่อนเพื่อปรึกษาเจ้าของบ่อนเรื่องหาคนไปฆ่าเหอจิ้งเกาเสีย เพื่อที่เขาจะได้เข้ารับช่วงต่อบริษัทของเหอจิ้งเกาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อย่างไรเขาก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของเหอจิ้งเกา หากไม่ใช่เขาเป็นผู้รับมรดกแล้วจะเป็นใครกันเล่า ด้านเจ้าหนี้ของเหอหว่านหลงเห็นว่าความคิดของเขาไม่เลว อย่างไรเหอหว่านหลงก็ติดหนี้พนันเขาไม่น้อย ยิ่งถ้าเหอหว่านหลงสามารถครอบครองบริษัทของเหอจิ้งเกาได้จริง ๆ เขาเองก็จะได้ดูดเงินจากการเล่นพนันของเหอหว่านหลงมาได้อีกไม่น้อย ทั้งสองคนวางแผนการฆ่าเหอจิ้งเกาอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จากนั้นเจ้าของบ่อนก็สั่งลูกน้องให้ไปเตรียมการในทันที เขาเร่งให้คนของตนเองลงมือให้เร็วที่สุด เพื่อที่เหอจิ้งเกาจะได้ไม่ทันระวังตัวจนการฆ่าเขายากขึ้นไปอีก และยังเสี่ยงต่อการถูกจับอีกด้วย เจ้าของบ่อนยังบอกคนของเขาว่าถ้าถูกจับได้ให้บอกว่าเป็นเหอหว่านหลงที่จ้างพวก