อาหยงที่รับสายของฟู่หยุนชิงได้แต่กังวลว่าเธอเป็นอะไรมากหรือไม่ถึงกับต้องให้พวกเขาพาไปโรงพยาบาล อาเหว่ยรีบลงไปด้านล่างเพื่อสตาร์ทรถรออาหยงที่ขึ้นไปรับฟู่หยุนชิงที่ห้อง ไม่นานนักอาเหว่ยก็เห็นฟู่หยุนชิงที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยมีอาหยงเดินตามด้วยสีหน้ากังวลเช่นกัน ทุกคนขึ้นรถแล้ว อาเหว่ยก็ไม่รอช้า เขารีบค้นหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วตอนรอฟู่หยุนชิง เขาจึงออกรถไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พักของฟู่หยุนชิงนัก อาหยงรีบไปเปิดประตูให้กับฟู่หยุนชิง ก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินตามหลังฟู่หยุนชิงเข้าไปในโรงพยาบาล ด้านอาเหว่ยก็รีบเอารถไปจอดก่อนจะตามพวกเขาเข้าไปในโรงพยาบาลทีหลัง
ฟู่หยุนชิงไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเคาเตอร์เพื่อบอกว่าเธอต้องการมาตรวจการตั้งครรภ์ทันที อาหยงได้ยินเข้าถึงกับตกใจ เขาก็ลืมไปว่าเธอกับเจ้านายเขามีอะไรกันตั้งแต่เกือบสองเดือนก่อนแล้ว เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าฟู่หยุนชิงจะ
กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ฟู่หยุนชิงเดินเลือกซื้อสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ เธอยังสอบถามพวกอาหยงว่าอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมเธอจะได้ซื้อให้พวกเขาด้วย ซึ่งอาหยงกับอาเหว่ยก็บอกว่าพวกเขาไม่มีอะไรอยากได้ ให้ฟู่หยุนชิงจ่ายแค่สินค้าที่เธอเลือกมาเท่านั้นก็พอ ฟู่หยุนชิงจึงพยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไรมากมายนัก หลังจ่ายค่าสินค้าจำนวนไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นนมและอาหารบำรุงของคุณแม่ตั้งครรภ์เสร็จแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เดินนำพวกเขาลงไปยังชั้นล่างเพื่อซื้อชุดคลุมท้องราคาไม่แพงสำหรับใส่ในอนาคต จริงอยู่ว่าตอนนี้ท้องของเธอยังไม่ป่องออกมา แต่เธอคิดว่าการเตรียมการเอาไว้ก่อนนั้นย่อมดีกว่าแน่นอน ฟู่หยุนชิงเลือกซื้อชุดคลุมท้องมาได้สามสี่ตัวในราคาไม่ถึงหนึ่งพันเหรียญเธอก็ดีใจไม่น้อย แม้เนื้อผ้าจะไม่ดีเท่าเสื้อผ้าแบรนด์ที่เธอเคยซื้อก็ไม่เป็นไร อย่างไรเธอแค่ใส่ได้ก็เพียงพอแล้ว หลังจ่ายเงินและรับถุงมาถือเอง ฟู่หยุนชิงก็ชวนอาหยงกับอาเหว่ยกลับห้องพักทันที ตอนนี้เธอไม่มีอะไรที่อยากซ
เสียงกลองศึกดังไปทั่วสนามรบ ทหารมากมายของทั้งแคว้นเหอและแคว้นอู่ต่างสู้รบกันอย่างดุเดือดนานถึงสามวันสามคืนแล้ว พวกเขาเริ่มอ่อนล้าและหิว เพียงแต่หากพวกเขาเผลอแสดงออกว่าอ่อนแรงเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ศัตรูก็คงจะใช้จังหวะนี้สังหารพวกเขาเป็นแน่ ฟู่หยุนชิง แม่ทัพหญิงแห่งแคว้นเหอเองก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อยล้า ตอนนี้นางกับหยางไป่เฉียวแม่ทัพของแคว้นอู่สู้รบกันมาโดยต่างคนต่างมีบาดแผลเต็มตัวกันไปหมดแล้ว เพียงแต่พวกเขาสองคนเป็นผู้นำทัพ ต่างฝ่ายจึงต่างไม่ยอมที่จะเพลี่ยงพล้ำให้คนของตนเองหมดสิ้นกำลังใจ รองแม่ทัพของพวกเขาก็ต่อสู้กันใกล้ ๆ กับท่านแม่ทัพของตนเอง ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเทกายใจใช้วรยุทธของตนเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้รองแม่ทัพของแคว้นเหอเป็นฝ่ายได้เปรียบรองแม่ทัพของแคว้นอู่แล้ว เขามาเป็นรองแม่ทัพโดยที่ทางบ้านไม่ยินยอม แต่ด้วยความรักแว่นแคว้น เขาจึงอาสาฮ่องเต้ออกรบพร้อมกับฟู่หยุนชิงซึ่งเป็นแม่ทัพ ตัวเขาเองไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นทหารจะต้องโหดร้ายกับศัตรูมากมายถึงขนาดนี้ เห็นได้จากการที่ต่างฝ่ายต่างตัดคอศัตรูของตนเองจนตกตายไป มีน้อยคนนักที่ตายโดยร่างยังสมบูรณ์ บางคนขาขาดแขน
เทพแห่งดวงชะตาที่เมตตาสงสารโชคชะตาของฟู่หยุนชิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีแล้ว แต่กลับถูกเหล่าขุนนางที่ไม่ยอมรับนางถวายฎีกาให้สังหารนางอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้ เทพแห่งดวงชะตาจึงฝืนกฎของตนเองช่วยนำวิญญาณของฟู่หยุนชิงไปที่อีกภพหนึ่งซึ่งมีคนชื่อเดียวกับนางเพิ่งเสียชีวิตลงเช่นกัน ฟู่หยุนชิงที่เป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วได้แต่แปลกใจที่ได้ยินเสียงเหมือนผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดกับนางแต่นางมองไม่เห็นตัวเขา เขาบอกนางว่าจะพานางไปยังภพอื่นและยังขอให้นางใช้ชีวิตใหม่ในภพนั้นให้ดี อย่าได้คิดถึงเรื่องราวในภพนี้อีกเลย จากนั้นเสียงนั้นก็หายไปพร้อมกับสติของนาง ฟู่หยุนชิง นักแสดงปลายแถวที่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นนักแสดงสมทบเพราะคนเก่าบาดเจ็บก็ซุ่มซ่ามจนตกลงไปในสระน้ำลึกสองเมตรทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นจนเธอต้องตายลง เธอได้แต่มองร่างไร้วิญญาณของตนเองที่ถูกคนช่วยขึ้นมาพร้อมกับปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เธออย่างดี เธอรู้ดีว่าเธอหมดบุญในชาตินี้แล้วจึงไม่ได้เสียใจอะไร อย่างไรในภพนี้เธอก็ไม่มีครอบครัวให้กังวลแต่แรกแล้ว เธอต้องปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่ยังเด็ก การตายของเธอครั้งนี้ทำให้เธอหลุดพ้นจากชีวิตที่ต้อ
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงรีบอาบน้ำแต่งตัว เธอทาครีมต่าง ๆ ที่อยู่ในความทรงจำของร่างเดิมเพื่อรักษาผิวให้ดี ไม่แห้งกร้านเหมือนตัวเธอเองในภพชาติก่อน ฟู่หยุนชิงพยายามหาเสื้อผ้าที่มิดชิดที่สุดที่ร่างเดิมนำมา แต่เธอกลับพบว่าร่างเดิมนั้นมีแต่เสื้อผ้าเปิดหน้า เปิดหลังทั้งนั้น แถมรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่เมื่อวานนี้ก็เดินยากลำบากเสียเหลือเกิน แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอมีสิ่งของให้เลือกใช้เพียงเท่านี้ ฟู่หยุนชิงจึงได้แต่สุ่มเสื้อผ้ามาสักตัวแล้วใส่รองเท้าพร้อมถือบทเตรียมลงไปทานอาหารเช้าที่ล็อบบี้โรงแรม วันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าหนาเตอะอย่างที่ร่างเดิมทำ เพราะฟู่หยุนชิงรู้สึกว่าการปล่อยให้หน้าเธอเป็นธรรมชาติสวยกว่าการแต่งหน้าเป็นไหน ๆ ฟู่หยุนชิงปิดล็อคประตูก่อนที่จะเดินไปขึ้นลิฟท์เหมือนกับเมื่อวานที่ทีมงานพาเธอมาส่ง เรื่องพวกนี้ร่างเดิมมีความทรงจำเก่าทำให้เธอไม่ลำบากในการใช้สิ่งของแปลก ๆ หลายอย่างในภพชาตินี้ เมื่อลงลิฟท์ไปถึงล็อบบี้แล้ว ฟู่หยุนชิงเห็นทีมงานไปตักอาหารมานั่งกินกันบ้างแล้ว นับว่าเธอไม่ได้ลงมาสายนัก ฟู่หยุนชิงคนเก่ามีนิสัยร่าเริง แต่เธอเป็นคนเงียบ ๆ ฟู่หยุนชิงท
เดินไปไม่นานนัก ฟู่หยุนชิงก็มาถึงสถานที่ถ่ายทำ เธอถูกทีมงานเรียกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ไหนเธอจะต้องทำผมและแต่งหน้าอีก กว่าจะเสร็จก็คงจะใช้เวลามากพอสมควร ฟู่หยุนชิงได้แต่พยักหน้ายิ้มรับและเดิมตามทีมงานคนนั้นไปอย่างช้าๆ ตามความเคยชิน ทีมงานที่นำทางเธอได้แต่คิดในใจว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนได้อย่างไรกัน ปกติฟู่หยุนชิงจะเดินเร็ว ๆ เพื่อมาพูดคุยกับพวกเขาเรื่องต่าง ๆ บ่อย ๆ แต่วันนี้เธอกลับเดิมตามมาอย่างเรียบร้อยเหมือนกับผ้าพับไว้ จะไม่ให้เธอคิดว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปได้อย่างไรกัน เดินกันไม่นานนักก็ถึงห้องแต่งตัว ฟู่หยุนชิงสอบถามว่าจะให้เธอใส่ชุดไหน ทีมงานชี้และบอกว่าวันนี้ให้เธอใส่ชุดสีเหลืองที่แขวนอยู่ ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับแล้วเดินไปเอาชุดที่ว่าเข้าไปเปลี่ยนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งทำเพียงใช้ฉากกั้นเอาไว้เท่านั้น ซึ่งการทำเป็นฉากกั้นเช่นนี้ตัวเธอเองเคยชินไปเสียแล้วกับชาติภพก่อน นับว่าเรื่องนี้ไม่แตกต่างจากการอยู่ในภพเดิมของเธอมากนัก หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ไปนั่งรอให้ทีมงานมาแต่งหน้าและทำผมให้เธอ อีกไม่นานเธอจะต้องเข้าร่วมแสดงฉากใน
ผู้กำกับสั่งให้นักแสดงเริ่มฉากแรกในเวลาไม่นานนักหลังจากทุกคนซ้อมบทกันแล้ว เหล่านักแสดงทั้งนักแสดงนำและตัวประกอบแสดงในฉากก่อนเริ่มงานเลี้ยงได้อย่างไม่ผิดพลาด ไม่นานนักผู้กำกับก็พอใจกับผลงานและสั่งคัตทันที ฟู่หยุนชิงพอได้ยินเสียงคัตแล้วก็รู้ว่าตอนนี้ต้องถึงคราวเธอเข้าฉากแล้ว เธอเดินอย่างช้า ๆ เข้าไปรอก่อนเข้าฉากตามบทบาทที่เธอได้รับ เหล่านักแสดงทั้งหมดที่ต้องเข้าฉาก รวมทั้งทีมงานต่างตกตะลึงกับเพียงแค่ท่าเดินของฟู่หยุนชิง พวกเขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะแสดงเข้าถึงบทบาทได้เสียขนาดนี้ แม้แต่ตัวนางเอกอย่างหวงเหมยหงยังไม่สามารถแสดงท่าเดินตามมารยาทได้ดีเท่ากับฟู่หยุนชิงเลย ผู้กำกับกับผู้เขียนบทที่เห็นเช่นนี้ต่างก็พยักหน้าอย่างพอใจ ผู้กำกับเห็นว่าทุกคนพร้อมที่จะถ่ายฉากต่อไปแล้วจึงได้สั่งให้เริ่มการแสดงทันที เขาไม่อยากทิ้งเวลาให้เสียเปล่า ในเมื่อนักแสดงต่างพร้อมแล้วเขาก็สั่งแอคชั่น ฟู่หยุนชิงที่ได้ยินเสียงให้เริ่มการแสดง เธอเดินไปตามบทบาทที่ได้รับเข้าไปยังงานเลี้ยงซึ่งมีเหล่าขุนนางและครอบครัวมากมายมารวมกันอยู่ ต่างคนต่างเกาะกลุ่มกันเพื่อพูดคุย ยกเว้นนางที่ไม่สนิทกับใครในท
ก่อนที่จะได้ถ่ายทำฉากต่อไป เหอจิ้งเกาที่เพิ่งจะมีเวลาว่างเดินทางมาดูการแสดงอย่างไม่ได้บอกทีมงานล่วงหน้า พวกเขาต่างวิ่งวุ่นหาที่นั่งให้กับเหอจิ้งเกากันใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขาต้องดูแลเทพองค์นี้ให้ดี เพราะเขาคือสปอนเซอร์ใหญ่ที่ลงทุนกับหนังเรื่องนี้นั่นเอง เหอจิ้งเกาสั่งบอดี้การ์ดไม่ให้ทุกคนวุ่นวายกับเขา เขาแค่มาดูเฉย ๆ พอทีมงานและผู้กำกับมาทักทายเหอจิ้งเกาแล้วได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ได้แต่เดินจากไป ใครจะไม่รู้บ้างว่าเหอจิ้งเกาไม่สนิทกับใครง่าย ๆ อีกทั้งยังมีนิสัยเย็นชาไม่สนใครหน้าไหนอีกต่างหาก สิ่งที่เขาทำและลงทุนต่างได้กำไรกลับมามากมายเสียทุกครั้ง จนทำให้คู่แข่งต่างอิจฉาที่หนังและละครของเหอจิ้งเกาได้รับความนิยมมากกว่าของพวกเขา เหอจิ้งเกาจึงต้องมีบอดี้การ์ดจำนวนไม่น้อยเวลาต้องไปไหนมาไหน และวันนี้ก็เช่นกัน บอดี้การ์ดสิบคนพร้อมทั้งเลขาคนสนิทของเขาเดินทางมากันครบทีมเลยทีเดียว หลังจากนั่งแล้ว เหอจิ้งเกาก็มองไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังซ้อมการแสดงอยู่บนเวทีอย่างตั้งใจ เขากระซิบถามเลขาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เลขามองไปที่เวทีแล้วตอบกลับเจ้านายของเขาอย่างดูถูกว่า เธอเป็นแค่นักแสดงป
หวงเหมยหงที่แสดงเป็นนางเอกของเรื่องนี้นั้นเพิ่งจะมองเห็นเหอจิ้งเกาหลังจากที่ผู้กำกับสั่งคัต เธอรีบปรี่เข้าไปเพื่อทักทายเขาทันที“สวัสดีค่ะคุณเหอ ไม่คิดว่าวันนี้คุณจะมาดูเหมยหงแสดงเลยนะคะ” หวงเหมยหงได้แต่พูดเข้าข้างตนเอง ทั้งที่ความจริงแล้วเหอจิ้งเกามาดูภาพรวมทั้งหมดของหนังว่าถ่ายทำไปถึงไหนแล้วต่างหาก ยิ่งพอเขาได้ฟังผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักตรงหน้าพูดจาเหมือนกับว่าเขาสนใจเธอก็ยิ่งขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปถึงกระดูก“อย่าหลงตัวเองให้มันมากนัก คุณเป็นใครผมยังไม่รู้จักสักนิด แต่กลับมาพูดจาเหมือนตัวเองสวยมากจนผมต้องมาดูคุณเนี่ยนะ ทีหน้าทีหลังรู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูหัวตัวเองก่อนที่จะเข้ามาทักทายคนอื่นแบบนี้ด้วยก็แล้วกัน และผมของเตือนไว้ก่อนว่าผู้หญิงแบบคุณผมเจอมาเยอะแล้ว ผมรังเกียจคนที่ชอบใช้ทางลัดในการทำงานมากที่สุด หากคุณไม่อยากถูกถอดออกจากบทนางเอกก็รีบไปให้ไกลจากผมซะ!!!” บรรดาบอดี้การ์ดและเลขาได้แต่มองผู้หญิงไม่เจียมตัวตรงหน้าพวกเขา ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ยังทำเป็นน้ำตาคลออีกต่างหาก นี่เธอคิดว่าการเสแสร้งแบบนี้จะทำให้เจ้านายของพวกเขาใจอ่อนเหร
กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ฟู่หยุนชิงเดินเลือกซื้อสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ เธอยังสอบถามพวกอาหยงว่าอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมเธอจะได้ซื้อให้พวกเขาด้วย ซึ่งอาหยงกับอาเหว่ยก็บอกว่าพวกเขาไม่มีอะไรอยากได้ ให้ฟู่หยุนชิงจ่ายแค่สินค้าที่เธอเลือกมาเท่านั้นก็พอ ฟู่หยุนชิงจึงพยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไรมากมายนัก หลังจ่ายค่าสินค้าจำนวนไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นนมและอาหารบำรุงของคุณแม่ตั้งครรภ์เสร็จแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เดินนำพวกเขาลงไปยังชั้นล่างเพื่อซื้อชุดคลุมท้องราคาไม่แพงสำหรับใส่ในอนาคต จริงอยู่ว่าตอนนี้ท้องของเธอยังไม่ป่องออกมา แต่เธอคิดว่าการเตรียมการเอาไว้ก่อนนั้นย่อมดีกว่าแน่นอน ฟู่หยุนชิงเลือกซื้อชุดคลุมท้องมาได้สามสี่ตัวในราคาไม่ถึงหนึ่งพันเหรียญเธอก็ดีใจไม่น้อย แม้เนื้อผ้าจะไม่ดีเท่าเสื้อผ้าแบรนด์ที่เธอเคยซื้อก็ไม่เป็นไร อย่างไรเธอแค่ใส่ได้ก็เพียงพอแล้ว หลังจ่ายเงินและรับถุงมาถือเอง ฟู่หยุนชิงก็ชวนอาหยงกับอาเหว่ยกลับห้องพักทันที ตอนนี้เธอไม่มีอะไรที่อยากซ
อาหยงที่รับสายของฟู่หยุนชิงได้แต่กังวลว่าเธอเป็นอะไรมากหรือไม่ถึงกับต้องให้พวกเขาพาไปโรงพยาบาล อาเหว่ยรีบลงไปด้านล่างเพื่อสตาร์ทรถรออาหยงที่ขึ้นไปรับฟู่หยุนชิงที่ห้อง ไม่นานนักอาเหว่ยก็เห็นฟู่หยุนชิงที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยมีอาหยงเดินตามด้วยสีหน้ากังวลเช่นกัน ทุกคนขึ้นรถแล้ว อาเหว่ยก็ไม่รอช้า เขารีบค้นหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วตอนรอฟู่หยุนชิง เขาจึงออกรถไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พักของฟู่หยุนชิงนัก อาหยงรีบไปเปิดประตูให้กับฟู่หยุนชิง ก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินตามหลังฟู่หยุนชิงเข้าไปในโรงพยาบาล ด้านอาเหว่ยก็รีบเอารถไปจอดก่อนจะตามพวกเขาเข้าไปในโรงพยาบาลทีหลัง ฟู่หยุนชิงไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเคาเตอร์เพื่อบอกว่าเธอต้องการมาตรวจการตั้งครรภ์ทันที อาหยงได้ยินเข้าถึงกับตกใจ เขาก็ลืมไปว่าเธอกับเจ้านายเขามีอะไรกันตั้งแต่เกือบสองเดือนก่อนแล้ว เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าฟู่หยุนชิงจะ
ฟู่หยุนชิงหลังจากเข้าห้องแล้วก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ เหมือนปกติของเธอ ก่อนที่ฟู่หยุนชิงจะขึ้นไปนอนพักที่เตียงอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเมื่อคืนนี้กว่าที่เธอจะหมดฤทธิ์ยาก็เกือบจะเช้าแล้ว ถึงแม้เธอจะมีพลังลมปราณแต่การพักผ่อนอย่างถูกต้องก็ยังคงจำเป็นอยู่ บอดี้การ์ดทั้งสองเองก็ไปตรวจสอบห้องพักแล้วเห็นว่าพอจะอยู่ได้ พวกเขาคิดว่าฟู่หยุนชิงไม่น่าจะออกไปไหนอีกจึงพากันออกไปหาซื้อเสื้อผ้าเพิ่มเติม รวมทั้งอาหารที่ฟู่หยุนชิงยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าด้วย พวกเขาเองก็ไม่มีฝีมือการทำอาหารเหมือนเจ้านาย จึงได้แต่ซื้อสิ่งของจำเป็นมาไว้อุ่นให้กับฟู่หยุนชิงกินในช่วงเย็นแทน พวกเขารู้แต่แรกว่าฟู่หยุนชิงน่าจะนอนพักผ่อนเป็นแน่เพราะเมื่อคืนนี้กว่าเสียงในห้องจะหยุดไปก็เกือบเช้าแล้ว กว่าที่อาหยงกับอาเหว่ยจะซื้อของใช้จำเป็นกลับมาก็เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว ฟู่หยุนชิงที่นอนเต็มอิ่มและท้องร้องจ๊อก ๆ ได้แต่ลุกขึ้นมาเพื่อที่จะออกไปซื้อของกินเธอนึกถึงบอดี้
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเหอจิ้งเการู้สึกได้ว่าตัวเองร่างกายเปลือยเปล่าก็ได้แต่นึกถึงวิธีการช่วยของเขาเมื่อคืนนี้ เธอรู้ดีว่าเขาทะนุถนอมเธอมากขนาดไหน ทำให้เช้านี้เธอไม่ถึงกับเจ็บมากมายนักกับครั้งแรกของเธอ เหอจิ้งเการู้สึกว่าคนในอ้อมแขนตื่นแล้วเขาจึงลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองเธอด้วยตาเป็นประกาย เมื่อคืนนี้จะบอกว่าเขาช่วยเธอด้วยความเต็มใจก็ไม่ผิดนัก เขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะบริสุทธิ์อยู่จริง ๆ จนกระทั่งเมื่อคืนนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นของเขาคนเดียว ทำให้เหอจิ้งเกายิ่งรู้สึกหวงคนตัวเล็กในอ้อมแขนมากขึ้นไปอีก ฟู่หยุนชิงเงยหน้าขึ้นมองเหอจิ้งเกา พอเธอเห็นว่าเขาตื่นแล้วจึงได้แต่ดิ้นอยากออกจากอ้อมแขนของเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ใช่ว่าเธอไม่อาย แต่เพราะเป็นเขาคนที่เธอเชื่อใจ ฟู่หยุนชิงจึงได้ปล่อยตัวให้เขาอย่างเต็มใจเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้ฟู่หยุนชิงต้องตื่นจากฝันแล้ว เธอไม่กล้าคิดว่าจะได้อะไรจากเรื่องนี้
คนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมเห็นฟู่หยุนชิงลุกจากโต๊ะจึงรีบตามเธอไปที่หน้าห้องน้ำทันที ส่วนเหอจิ้งเกาที่เดินมาหาฟู่หยุนชิงจากโต๊ะแล้วไม่เจอก็ได้แต่ร้อนรนและสอบถามคนในโต๊ะว่าฟู่หยุนชิงไปไหน พอรู้ว่าเธอไปที่ห้องน้ำ เขาและบอดี้การ์ดก็รีบตามไปทันที ระหว่างทางเหอจิ้งเกายังบอกให้บอดี้การ์ดเรียกบอดี้การ์ดที่รออยู่ฟร้อนหน้าโรงแรมจองห้องสวีทที่ดีที่สุดเอาไว้ก่อน เมื่อเหอจิ้งเกาไปถึงหน้าห้องน้ำหญิงเขาก็เห็นคนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมกำลังยื้อยุดอยู่กับฟู่หยุนชิง ฟู่หยุนชิงที่ถูกฤทธิ์ยาจนไร้เรี่ยวแรงได้แต่ฝืนตัวต่อสู้กับชายแปลกหน้าที่อยู่ ๆ ก็มาจับแขนของเธอแล้วบอกว่าจะพาเธอไปหาหมอ ฟู่หยุนชิงมองหน้าชายร่างใหญ่ที่กำลังดึงแขนเธออยู่มีหรือจะเชื่อ เธอจำได้ว่าชายคนนี้เป็นคนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมที่กระซิบกันตอนเธอไปแนะนำตัว ฟู่หยุนชิงรู้ได้ทันทีว่าคงเป็นชายคนนั้นที่สั่งคนของเขาวางยาเธอ เธอพยายามกัดฟันต่อสู้กับชายร่างใหญ่เพื่อจะสลัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม ฟู่หยุนชิงมีใจต่อสู้แต่กลับไร้เรี่ยวแรง
วันต่อมาฟู่หยุนชิงทานอาหารเช้าและเที่ยงตรงเวลา ก่อนที่เธอจะเริ่มแต่งตัวหลังจากทานอาหารเที่ยงไปได้สองชั่วโมง ฟู่หยุนชิงไม่อยากเร่งรีบมากเกินไป การที่เธอจะไปถึงงานสายสักหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะนี่เป็นเพียงงานเลี้ยงของทีมงานเท่านั้น เธอไม่คิดที่จะไปเลียแข้งเลียขาใครแต่แรก อย่างไรการทำงานของเธอแต่ละงานจะต้องได้มาด้วยความสามารถของตัวเองมากกว่าการได้รับบทมาด้วยหนทางอื่น กว่าที่ฟู่หยุนชิงจะแต่งตัว แต่งหน้าและทำผมเสร็จก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว ฟู่หยุนชิงไม่ลืมที่จะถ่ายรูปตัวเองแล้วโพสต์ลงเว่ยป๋อพร้อมกับข้อความว่าเธอกำลังจะเดินทางไปงานเลี้ยงให้กับเหล่าผู้ติดตามได้ดู หลังปิดเว่ยป๋อแล้ว ฟู่หยุนชิงสำรวจของในกระเป๋าสีขาวของเธอว่าลืมอะไรหรือไม่ เมื่อพบว่าเธอไม่ลืมสิ่งใดแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ออกจากห้องเพื่อไปหาแท็กซี่ที่ป้ายรถเมล์เช่นเคย ฟู่หยุนชิงรออยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มีแท็กซี่ว่างผ่านมาพอดี เธอเดินไปโบกแท็กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทาง ก่อนจะเข้าไป
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฟู่หยุนชิงได้รับโทรศัพท์จากทีมงานเพื่อแจ้งสถานที่เลี้ยงฉลองรายได้หนังที่ตอนนี้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศแล้วด้วยรายได้มากกว่าห้าร้อยล้านเหรียญ ฟู่หยุนชิงที่ทราบว่ารายได้หนังที่เธอแสดงได้มากถึงขนาดนี้ก็ถึงกับเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ฟัง ทีมงานได้แต่เตือนฟู่หยุนชิงว่าอย่าลืมเวลานัดงานเลี้ยงซึ่งจะถูกจัดขึ้นในวันมะรืนนี้ที่โรงแรมกลางเมืองอีกเช่นเคย ฟู่หยุนชิงตอบรับคำเชิญและบอกว่าไปถึงแล้วเธอจะโทรหาทีมงานเอง หลังนัดแนะกันแล้วทั้งคู่ต่างวางสายไป ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ฟู่หยุนชิงไม่ได้ตามข่าวเรื่องหนังของตัวเองมากนัก มีเพียงเหล่าแฟนคลับที่บอกเธอว่ารายได้เปิดตัวหนังวันแรกก็เกือบหนึ่งร้อยล้านเหรียญแล้ว ฟู่หยุนชิงจึงไม่ได้ตามต่อว่าหนังของเธอจะมีรายได้เพิ่มอีกมากแค่ไหนภายในหนึ่งสัปดาห์ ฟู่หยุนชิงมัวแต่สนุกอยู่กับการฝึกฝนร่างกายของเธอให้แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าตอนที่ไปติดเกาะร้าง เธอรู้ดีว่าร่างเดิมไม่ชอบออกกำลังกายจึงทำให้ร่างกายนี้อ่อนแอไม่น้อย แน่นอนว่าระหว่
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงนำถุงต่าง ๆ ที่ได้รับจากแฟนคลับมาเปิดดู เธอยังถ่ายรูปการ์ดและสิ่งของที่แฟนคลับให้มาเอาไว้ทุกอันก่อนจะโพสต์รูปทั้งหมดลงในหน้าหลักเว่ยป๋อของเธอพร้อมคำขอบคุณอีกครั้ง ฟู่หยุนชิงไล่ดูรูปภาพที่เหล่าแฟนคลับแชร์มาให้เธอในเว่ยป๋อ เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะถ่ายภาพแทบจะทุกมุมตอนเธออยู่บนเวทีและด้านล่างหลังจากหนังฉายจบจนกระทั่งเธอได้ถ่ายรูปกับพวกเขาทุกคน ชาวเน็ตที่ไม่ได้ไปในเว่ยป๋อก็ได้แต่ชื่นชมฟู่หยุนชิงมากยิ่งขึ้นไปอีกที่เธอเป็นกันเองกับเหล่าแฟนคลับ ไม่เหมือนกับนักแสดงคนอื่นที่ต้องให้บอดี้การ์ดหรือทีมงานคอยกันเหล่าแฟนคลับเอาไว้ พวกเขาจะทำแค่ยื่นมือมาให้ลายเซ็นหรือทำเพียงแค่ยืนโพสต์ท่าให้แฟนคลับถ่ายรูปเท่านั้น แต่ในรูปที่แฟนคลับที่ไปงานเมื่อวานนี้นั้น มีรูปคู่ระหว่างฟู่หยุนชิงกับทุกคนที่ไปอย่างครบถ้วน ไม่ตกหล่นแม้แต่คนเดียว ทำเอาคนอื่น ๆ ได้แต่อิจฉาที่พวกเขาได้ใกล้ชิดกับฟู่หยุนชิงตัวจริง
สองชั่วโมงต่อมาหลังจากการฉายหนังจบลง เหล่านักข่าวและอินฟลูเอ็นเซอร์ทั้งหลายต่างปรบมือให้กับนักแสดงและทีมงานอย่างล้มหลาม พวกเขาดูหนังเรื่องนี้ซึ่งทั้งนักแสดงและผู้กำกับต่างทำออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ เพราะส่วนใหญ่แล้วหนังบู๊พีเรียดส่วนมากมักจะทำได้ไม่เหมือนจริงถึงขนาดนี้ ยิ่งฉากต่อสู้ของฟู่หยุนชิงด้วยแล้ว ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสมแล้วที่เหอจิ้งเกากับผู้กำกับจะชื่นชมเธอมากตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ดูหนังเต็มเรื่องเสียอีก นักข่าวต่างอยากสัมภาษณ์ฟู่หยุนชิงกันทั้งนั้น พวกเขาขอทีมงานซึ่งทางทีมงานเองก็อนุญาตให้สัมภาษณ์ได้หลังจากทุกคนออกจากโรงหนังไปที่สถานที่ที่จัดเตรียมการสัมภาษณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เหล่าแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเองก็เตรียมตัวรอฟู่หยุนชิงอยู่บริเวณที่พวกเขาเห็นทีมงานจัดเตรียมพื้นที่เพื่อให้สัมภาษณ์เช่นกัน พวกเขาอยากใกล้ชิดกับนักแสดงที่พวกเขาชื่นชอบมากขึ้นเท่านั้นจึงได้อดทนรอกันอยู่เช่นนี้ ส่วนแฟนคลับของนักแสดงคนอื่นท