หลังจากคุยกับแฟนคลับพักใหญ่แล้ว ฟู่หยุนชิงก็ขอตัวไปพักผ่อน เธอยังบอกให้พวกเขาอย่านอนดึกเพื่อสุขภาพที่ดีด้วย ฟู่หยุนชิงจบการสนทนาในเว่ยป๋อแล้วจึงไปนั่งเดินลมปราณหลังจากอาบน้ำอยู่สองสามรอบก่อนเข้านอน พรุ่งนี้เธอคงจะต้องแต่งตัวดีหน่อยเพื่อไปห้างสรรพสินค้า ไม่อย่างนั้นพนักงานขายคงจะดูถูกเธอไม่น้อยเป็นแน่ งานที่จะถึงในอีกสี่วันนี้ เธอจะต้องทำให้ดีที่สุดเหมือนกับตอนแสดงหนังอย่างแน่นอน
หลังทานอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น ฟู่หยุนชิงที่หาแบบเสื้อผ้าเอาไว้ล่วงหน้าแล้วก็รอเวลาที่ห้างจะเปิดตอนสิบโมงเช้า เธอยังลองดูราคาเสื้อผ้าแบบที่เธอเห็นนักแสดงส่วนใหญ่ใส่กันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เธอไม่คิดว่าเสื้อผ้าน้อยชิ้นพวกนี้จะราคาแพงมากเสียจริง ๆ อย่างไรเธอก็ต้องให้เกียรติงานที่จะไปอยู่ดี แบรนด์พวกนี้น่าจะมีเสื้อผ้าที่เหมาะกับเธอมากกว่าแบบที่นักแสดงคนอื่นใส่อยู่แน่นอน
ฟู่หยุนชิงแจ้งข่าวทางเว่ยป๋อว่าวันนี้เธอจะออกไปห้างแถวที่พักเพื่อเตรียมตัวสำหรับออกงานในอีกส
ฟู่หยุนชิงออกจากห้างสรรพสินค้ากลับห้องทันที เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสบาย ๆ สำหรับอยู่ห้องของเธอ ฟู่หยุนชิงทำตามที่บอกกับแฟนคลับว่าเธอจะถ่ายรูปชุดและรองเท้าส่งให้ทุกคนในเว่ยป๋อดูว่าจะเหมาะกับเธอหรือไม่ ฟู่หยุนชิงจัดชุดกับเสื้อคลุมวางเอาไว้บนเตียง ข้าง ๆ ยังมีรองเท้าวางบนกล่องและกระเป๋าใบใหม่ที่วางบนกล่องเช่นกัน เธอใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ซื้อมาถ่ายรูปตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้วจึงโพสต์ลงในเว่ยป๋อ ฟู่หยุนชิงใส่ข้อความใต้รูปว่าชุดที่จะใส่ออกงานในอีกสามวัน บรรดาแฟนคลับของฟู่หยุนชิงที่รอดูกันอยู่นานแล้วพอเห็นรูปที่ฟู่หยุนชิงลงแล้ว พวกเขาต่างกดไลค์และแชร์ภาพออกไปเพื่ออวดสไตล์การแต่งตัวของนักแสดงที่พวกเขาชื่นชอบเป็นอย่างไร พวกเขาต่างส่งข้อความลงในโพสต์นั้นว่าเหมาะกับฟู่หยุนชิงมาก เพราะชุดนี้ทั้งเรียบหรูและดูดี พวกเขาอยากเห็นเธอใส่ในวันงานจริง ๆ ฟู่หยุนชิงขอบคุณท
เมื่อเวลาเริ่มงานมาถึง ทีมงานก็ขอให้เหอจิ้งเกากับผู้กำกับออกไปนั่งที่โต๊ะบนเวทีซึ่งจัดเอาไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นค่อยถึงคิวของนักแสดงเดินตามออกไปนั่งทีหลังก่อนที่เหอจิ้งเกาจะกล่าวเปิดตัวหนังในครั้งนี้ ฟู่หยุนชิงได้ลำดับการเดินออกไปเป็นคนที่สามตามบทบาทในหนังของเธอซึ่งมีความสำคัญไม่น้อย เพียงแค่เหล่าแฟนคลับเห็นฟู่หยุนชิงออกมา พวกเขาก็ต่างร้องเรียกฟู่หยุนชิงเสียงดัง ทำเอาแฟนคลับของนักแสดงคนอื่นได้แต่มองตามเสียงที่พวกเขาเรียก ฟู่หยุนชิงเห็นคนนับร้อยร้องเรียกชื่อเธอที่ด้านล่างเวที เธอยิ้งบางแล้วโบกมือให้พวกเขาอย่างเป็นกันเอง เหล่าแฟนคลับยิ่งกรีดร้องดังขึ้นไปอีกเมื่อพวกเขาเห็นนักแสดงในดวงใจโบกมือให้อย่างสนิทสนม ทำเอารอยยิ้มบางตอนแรกของฟู่หยุนชิงนั้นกว้างขึ้นอีกนิดหน่อย เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะมากันมากถึงขนาดนี้ พิธีกรในรายการเปิดตัวหนังครั้งนี้ได้แต่พูดแซวฟู่หยุนชิงเพื่อที่แฟนคลับขอ
สองชั่วโมงต่อมาหลังจากการฉายหนังจบลง เหล่านักข่าวและอินฟลูเอ็นเซอร์ทั้งหลายต่างปรบมือให้กับนักแสดงและทีมงานอย่างล้มหลาม พวกเขาดูหนังเรื่องนี้ซึ่งทั้งนักแสดงและผู้กำกับต่างทำออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ เพราะส่วนใหญ่แล้วหนังบู๊พีเรียดส่วนมากมักจะทำได้ไม่เหมือนจริงถึงขนาดนี้ ยิ่งฉากต่อสู้ของฟู่หยุนชิงด้วยแล้ว ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสมแล้วที่เหอจิ้งเกากับผู้กำกับจะชื่นชมเธอมากตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ดูหนังเต็มเรื่องเสียอีก นักข่าวต่างอยากสัมภาษณ์ฟู่หยุนชิงกันทั้งนั้น พวกเขาขอทีมงานซึ่งทางทีมงานเองก็อนุญาตให้สัมภาษณ์ได้หลังจากทุกคนออกจากโรงหนังไปที่สถานที่ที่จัดเตรียมการสัมภาษณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เหล่าแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเองก็เตรียมตัวรอฟู่หยุนชิงอยู่บริเวณที่พวกเขาเห็นทีมงานจัดเตรียมพื้นที่เพื่อให้สัมภาษณ์เช่นกัน พวกเขาอยากใกล้ชิดกับนักแสดงที่พวกเขาชื่นชอบมากขึ้นเท่านั้นจึงได้อดทนรอกันอยู่เช่นนี้ ส่วนแฟนคลับของนักแสดงคนอื่นท
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงนำถุงต่าง ๆ ที่ได้รับจากแฟนคลับมาเปิดดู เธอยังถ่ายรูปการ์ดและสิ่งของที่แฟนคลับให้มาเอาไว้ทุกอันก่อนจะโพสต์รูปทั้งหมดลงในหน้าหลักเว่ยป๋อของเธอพร้อมคำขอบคุณอีกครั้ง ฟู่หยุนชิงไล่ดูรูปภาพที่เหล่าแฟนคลับแชร์มาให้เธอในเว่ยป๋อ เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะถ่ายภาพแทบจะทุกมุมตอนเธออยู่บนเวทีและด้านล่างหลังจากหนังฉายจบจนกระทั่งเธอได้ถ่ายรูปกับพวกเขาทุกคน ชาวเน็ตที่ไม่ได้ไปในเว่ยป๋อก็ได้แต่ชื่นชมฟู่หยุนชิงมากยิ่งขึ้นไปอีกที่เธอเป็นกันเองกับเหล่าแฟนคลับ ไม่เหมือนกับนักแสดงคนอื่นที่ต้องให้บอดี้การ์ดหรือทีมงานคอยกันเหล่าแฟนคลับเอาไว้ พวกเขาจะทำแค่ยื่นมือมาให้ลายเซ็นหรือทำเพียงแค่ยืนโพสต์ท่าให้แฟนคลับถ่ายรูปเท่านั้น แต่ในรูปที่แฟนคลับที่ไปงานเมื่อวานนี้นั้น มีรูปคู่ระหว่างฟู่หยุนชิงกับทุกคนที่ไปอย่างครบถ้วน ไม่ตกหล่นแม้แต่คนเดียว ทำเอาคนอื่น ๆ ได้แต่อิจฉาที่พวกเขาได้ใกล้ชิดกับฟู่หยุนชิงตัวจริง
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฟู่หยุนชิงได้รับโทรศัพท์จากทีมงานเพื่อแจ้งสถานที่เลี้ยงฉลองรายได้หนังที่ตอนนี้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศแล้วด้วยรายได้มากกว่าห้าร้อยล้านเหรียญ ฟู่หยุนชิงที่ทราบว่ารายได้หนังที่เธอแสดงได้มากถึงขนาดนี้ก็ถึงกับเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ฟัง ทีมงานได้แต่เตือนฟู่หยุนชิงว่าอย่าลืมเวลานัดงานเลี้ยงซึ่งจะถูกจัดขึ้นในวันมะรืนนี้ที่โรงแรมกลางเมืองอีกเช่นเคย ฟู่หยุนชิงตอบรับคำเชิญและบอกว่าไปถึงแล้วเธอจะโทรหาทีมงานเอง หลังนัดแนะกันแล้วทั้งคู่ต่างวางสายไป ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ฟู่หยุนชิงไม่ได้ตามข่าวเรื่องหนังของตัวเองมากนัก มีเพียงเหล่าแฟนคลับที่บอกเธอว่ารายได้เปิดตัวหนังวันแรกก็เกือบหนึ่งร้อยล้านเหรียญแล้ว ฟู่หยุนชิงจึงไม่ได้ตามต่อว่าหนังของเธอจะมีรายได้เพิ่มอีกมากแค่ไหนภายในหนึ่งสัปดาห์ ฟู่หยุนชิงมัวแต่สนุกอยู่กับการฝึกฝนร่างกายของเธอให้แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าตอนที่ไปติดเกาะร้าง เธอรู้ดีว่าร่างเดิมไม่ชอบออกกำลังกายจึงทำให้ร่างกายนี้อ่อนแอไม่น้อย แน่นอนว่าระหว่
วันต่อมาฟู่หยุนชิงทานอาหารเช้าและเที่ยงตรงเวลา ก่อนที่เธอจะเริ่มแต่งตัวหลังจากทานอาหารเที่ยงไปได้สองชั่วโมง ฟู่หยุนชิงไม่อยากเร่งรีบมากเกินไป การที่เธอจะไปถึงงานสายสักหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะนี่เป็นเพียงงานเลี้ยงของทีมงานเท่านั้น เธอไม่คิดที่จะไปเลียแข้งเลียขาใครแต่แรก อย่างไรการทำงานของเธอแต่ละงานจะต้องได้มาด้วยความสามารถของตัวเองมากกว่าการได้รับบทมาด้วยหนทางอื่น กว่าที่ฟู่หยุนชิงจะแต่งตัว แต่งหน้าและทำผมเสร็จก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว ฟู่หยุนชิงไม่ลืมที่จะถ่ายรูปตัวเองแล้วโพสต์ลงเว่ยป๋อพร้อมกับข้อความว่าเธอกำลังจะเดินทางไปงานเลี้ยงให้กับเหล่าผู้ติดตามได้ดู หลังปิดเว่ยป๋อแล้ว ฟู่หยุนชิงสำรวจของในกระเป๋าสีขาวของเธอว่าลืมอะไรหรือไม่ เมื่อพบว่าเธอไม่ลืมสิ่งใดแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ออกจากห้องเพื่อไปหาแท็กซี่ที่ป้ายรถเมล์เช่นเคย ฟู่หยุนชิงรออยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มีแท็กซี่ว่างผ่านมาพอดี เธอเดินไปโบกแท็กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทาง ก่อนจะเข้าไป
คนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมเห็นฟู่หยุนชิงลุกจากโต๊ะจึงรีบตามเธอไปที่หน้าห้องน้ำทันที ส่วนเหอจิ้งเกาที่เดินมาหาฟู่หยุนชิงจากโต๊ะแล้วไม่เจอก็ได้แต่ร้อนรนและสอบถามคนในโต๊ะว่าฟู่หยุนชิงไปไหน พอรู้ว่าเธอไปที่ห้องน้ำ เขาและบอดี้การ์ดก็รีบตามไปทันที ระหว่างทางเหอจิ้งเกายังบอกให้บอดี้การ์ดเรียกบอดี้การ์ดที่รออยู่ฟร้อนหน้าโรงแรมจองห้องสวีทที่ดีที่สุดเอาไว้ก่อน เมื่อเหอจิ้งเกาไปถึงหน้าห้องน้ำหญิงเขาก็เห็นคนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมกำลังยื้อยุดอยู่กับฟู่หยุนชิง ฟู่หยุนชิงที่ถูกฤทธิ์ยาจนไร้เรี่ยวแรงได้แต่ฝืนตัวต่อสู้กับชายแปลกหน้าที่อยู่ ๆ ก็มาจับแขนของเธอแล้วบอกว่าจะพาเธอไปหาหมอ ฟู่หยุนชิงมองหน้าชายร่างใหญ่ที่กำลังดึงแขนเธออยู่มีหรือจะเชื่อ เธอจำได้ว่าชายคนนี้เป็นคนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมที่กระซิบกันตอนเธอไปแนะนำตัว ฟู่หยุนชิงรู้ได้ทันทีว่าคงเป็นชายคนนั้นที่สั่งคนของเขาวางยาเธอ เธอพยายามกัดฟันต่อสู้กับชายร่างใหญ่เพื่อจะสลัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม ฟู่หยุนชิงมีใจต่อสู้แต่กลับไร้เรี่ยวแรง
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเหอจิ้งเการู้สึกได้ว่าตัวเองร่างกายเปลือยเปล่าก็ได้แต่นึกถึงวิธีการช่วยของเขาเมื่อคืนนี้ เธอรู้ดีว่าเขาทะนุถนอมเธอมากขนาดไหน ทำให้เช้านี้เธอไม่ถึงกับเจ็บมากมายนักกับครั้งแรกของเธอ เหอจิ้งเการู้สึกว่าคนในอ้อมแขนตื่นแล้วเขาจึงลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองเธอด้วยตาเป็นประกาย เมื่อคืนนี้จะบอกว่าเขาช่วยเธอด้วยความเต็มใจก็ไม่ผิดนัก เขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะบริสุทธิ์อยู่จริง ๆ จนกระทั่งเมื่อคืนนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นของเขาคนเดียว ทำให้เหอจิ้งเกายิ่งรู้สึกหวงคนตัวเล็กในอ้อมแขนมากขึ้นไปอีก ฟู่หยุนชิงเงยหน้าขึ้นมองเหอจิ้งเกา พอเธอเห็นว่าเขาตื่นแล้วจึงได้แต่ดิ้นอยากออกจากอ้อมแขนของเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ใช่ว่าเธอไม่อาย แต่เพราะเป็นเขาคนที่เธอเชื่อใจ ฟู่หยุนชิงจึงได้ปล่อยตัวให้เขาอย่างเต็มใจเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้ฟู่หยุนชิงต้องตื่นจากฝันแล้ว เธอไม่กล้าคิดว่าจะได้อะไรจากเรื่องนี้
ระหว่างที่ฟู่หยุนชิงกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น เหอจิ้งเกาก็ให้ลูกน้องนำงานมาให้ทำที่บ้าน เพราะเขาอยากดูแลลูกกับภรรยาด้วยตัวเอง กระทั่งสามวันต่อมาที่เป็นวันนัดของหมอเพื่อตรวจครรภ์ของฟู่หยุนชิงมาถึง ทั้งสามคนต่างเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังอาหารเช้าพวกเขาจึงออกจากบ้านเพื่อไปที่ รพ. ระหว่างนั่งรถอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงก็คุยกับสามีเรื่องลูกคนที่สอง“คุณคะ ครั้งนี้เรามาลุ้นกันดีไหมคะว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิง ฉันไม่อยากรู้ก่อนเหมือนตอนเสี่ยวหมิงน่ะค่ะ ดีไหมลูก”“ได้จ๊ะ ผมตามใจคุณอยู่แล้ว เรารอลุ้นก็สนุกดีเหมือนกันนะ”“ดีครับแม่ ผมอยากลุ้นว่าน้องของผมจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง อีกตั้งหลายเดือนกว่าที่แม่จะคลอดน้องอ่ะ ยังไงผมจะช่วยแม่ดูแลน้องหลังคลอดนะครับ”“ขอบใจมากจ๊ะลูก แล้วลูกอยากไปโรงเรียนตอนกี่ขวบ แม่เห็นส่วนใหญ่เด็กสามขวบก็เข้าเรียนอนุบาลกันแล้วนะ”
เมื่อพวกเขามาถึงร้านนาฬิกา พนักงานในร้านรีบออกมาต้อนรับฟู่หยุนชิงเช่นกันกับพนักงานร้านก่อนหน้านี้ พวกเขาได้รับข่าวมาก่อนหน้าจากร้านเสื้อผ้าแล้วว่าภรรยาของท่านประธานกับนายน้อยมาเดินเล่นที่นี่ ด้วยการข่าวอันฉับไว ทุกร้านในห้างจึงเตรียมพนักงานเอาไว้ต้อนรับกันแต่แรกแล้ว“ไม่ทราบว่าคุณมีนาฬิกาคู่รักหรือเปล่าคะ? กับนาฬิกาของเด็กขนาดเดียวกับแขนลูกชายของฉัน”“มีทั้งสอบแบบเลยค่ะ เชิญคุณลูกค้าตามดิฉันมาดูนาฬิกาคู่รักก่อนนะคะ พอดีเพิ่งมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เผื่อว่าคุณลูกค้าถูกใจ” ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับคำและเดินตามพนักงานไปพร้อมอาหยงที่อุ้มเหอเสี่ยวหมิงอยู่ ส่วนอาเหว่ยก็เดินตามหลังฟู่หยุนชิงไปไม่ไกลเช่นกัน อาเหว่ยได้แต่คิดว่าตอนนี้ทั้งห้างคงรู้แล้วว่านายหญิงมา ดูจากการบริการที่รวดเร็วและไม่ถามที่มาที่ไปแบบนี้ นับว่าผู้จัดการห้างมีความสามารถไม่น้อยที่แจ้งข่าวให้ร้านต่าง ๆ ทราบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโม
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที
เหอจิ้งเกาใช้เวลาไม่นานในการซื้อของ เขาอยากรีบกลับไปทำอาหารให้ฟู่หยุนชิงจะแย่แล้ว บอดี้การ์ดเองก็รีบขับรถกลับบ้านให้เจ้านายตามที่พวกเขาเห็นว่าเจ้านายดูเร่งรีบไม่น้อย เมื่อถึงบ้านแล้ว เหอจิ้งเกาก็เห็นพ่อบ้านมายืนรออยู่แล้ว บอดี้การ์ดช่วยถือวัตถุดิบอาหารเข้าไปยังห้องครัวให้กับเหอจิ้งเกา เขาบอกพ่อบ้านว่ามื้อเย็นเขาจะทำอาหารเอง ให้แม่บ้านทำอาหารให้กับพวกบอดี้การ์ดกับพวกเขาก็พอ พ่อบ้านรับคำเหอจิ้งเกาแล้วเดินไปบอกกับแม่บ้านทั้งสองคนให้ไปทำอาหารที่ครัวของอีกตึกหนึ่งซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ คราแรกแม่บ้านทั้งสองคิดว่าเจ้านายไม่พอใจอาหารของพวกเธอก็พากันตกใจไม่น้อย แต่พอพ่อบ้านบอกว่าเจ้านายอยากทำอาหารให้นายหญิงด้วยตัวเองเท่านั้น พวกเธอจึงได้เบาใจลง พวกเธอไม่อยากหางานใหม่เพราะอายุที่มากแล้วและที่นี่ก็ให้ค่าตอบแทนสูงมากอย่างน่าตกใจแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการต้องพักที่นี่และทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ช่วยกันทั้งสี่คน  
หวงเหมยหงกับลี่ลี่ที่ถูกเหอจิ้งเกาจัดการไม่ให้มีงานในวงการก่อนหน้านี้พอได้ข่าวเรื่องเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ได้แต่คิดอิจฉาและแค้นใจที่เหอจิ้งเกาทำกับพวกเธอแบบนี้ ทั้งสองคนไม่อยากให้พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุขง่าย ๆ จึงได้จ้างโกสต์เพื่อแพร่ข่าวว่าฟู่หยุนชิงวางยาเหอจิ้งเกาจนต้องรับผิดชอบในปีนั้น แถมยังสร้างข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของฟู่หยุนชิงมากมายอีกด้วย เลขาที่ให้คนคอยติดตามข่าวอยู่ตลอดรู้ในทันทีที่มีข่าวแพร่ออกมา เขารีบแจ้งให้เจ้านายทราบอย่างเร่งด่วนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง“ให้คนสืบว่าใครเป็นคนทำ และปิดข่าวอย่าให้ฟู่หยุนชิงรู้ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายใจ”“ได้ครับเจ้านาย แล้วถ้ารู้ตัวคนทำแล้วจะให้ทำยังไงต่อไปดีครับ”“ค้นหาเรื่องราวของคนทำที่ทำเรื่องสกปรกออกมาให้หมด แล้วส่งให้สำนักข่าวทุกสำนัก รวมทั้งให้คนกระจายข่าวออกไปตามสื่อโซเชียลด้วย หลังจากได้หลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างข่าวเสีย
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เหอจิ้งเกาให้พ่อบ้านพาเขาไปดูห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เขากับฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิง พ่อบ้านรีบรับคำและเดินนำเจ้านายทั้งสามไปอย่างช้า ๆ เขารู้มาก่อนแล้วว่านายหญิงกำลังท้องอยู่จึงไม่กล้าเดินเร็วเกินไปนักด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะจับมือนายหญิงอยู่ก็เถอะ เขาก็ควรจะต้องระวังเอาไว้ให้มากจะดีที่สุด พ่อบ้านพาทุกคนไปดูห้องใหญ่ของเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก่อนที่ปีกซ้ายชั้นสองของบ้าน ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำกว้างขวางในตัว รวมทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินที่กว้างพอ ๆ กับห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำและมีประตูเปิดเข้าไปได้ อีกด้านหนึ่งของห้องมีระเบียงกว้าง โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ด้านหลังบ้านซึ่งมองเห็นทะเลสาบและสวนดอกไม้อยู่ ฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงที่เห็นทุกอย่างตามที่พ่อบ้านอธิบายก็พอใจมากกับห้องที่เขาเลือกให้เธอและเหอจิ้งเกา หลังจากที่สำรวจดูคร่าว ๆ แล้ว ฟู่หยุนชิงจึงบอกพ่อบ้า
เลขารีบลงจากรถมาแนะนำชื่อของพ่อบ้าน แม่บ้านทั้งสองคนและคนสวนให้กับเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิงรู้จัก เหอจิ้งเกาทำเพียงพยักหน้าให้กับทั้งสี่คน ส่วนฟู่หยุนชิงเองก็ทำเพียงแค่มองพวกเขาด้วยสายตานิ่งเรียบเท่านั้น เหอเสี่ยวหมิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเหอจิ้งเกาได้แต่กระซิบถามพ่อของเขาว่าเขาจะต้องเรียกคนเหล่านี้ว่าอย่างไร“ลูกก็เรียกคุณลุงพ่อบ้าน คุณป้าแม่บ้านกับคุณอาคนสวนสิครับ ตกลงไหม?”“ตกลงครับพ่อ สวัสดีครับลุงพ่อบ้าน ป้าแม่บ้านกับอาคนสวน ผมชื่อเหอเสี่ยวหมิงเป็นลูกชายของคุณพ่อกับคุณแม่ครับ” เหอเสี่ยวหมิงแนะนำตัวเองอย่างน่ารักให้กับผู้อาวุโสกว่าที่ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพียงลูกจ้างของเหอจิ้งเกา แต่เขาก็สอนลูกให้รู้จักเคารพผู้ที่มีอายุมากกว่า ฟู่หยุนชิงได้แต่ลูบหัวของลูกด้วยความรัก เธอดีใจที่เหอจิ้งเกาไม่สอนให้ลูกถือตัวว่าร่ำรวยจนไม่เห็นหัวใคร ยิ่งอยู่กับเหอจิ้งเกานานเข้า ฟู่หยุนชิงก็พบแต่ข้อดีของเขามากขึ้นทุก
เหอจิ้งเกาที่ทำอาหารเสร็จแล้วก็เรียกสองแม่ลูกมาทานข้าว ฟู่หยุนชิงจึงได้บอกลาเหล่าผู้ติดตามในเว่ยป๋อว่าเธอต้องไปทานอาหารเย็นแล้ว และฟู่หยุนชิงยังบอกให้พวกเขาไปทานอาหารด้วยเช่นเดียวกันก่อนจะปิดเว่ยป๋อแล้วลุกขึ้นเดินจูงมือลูกชายไปที่ห้องครัว“รีบนั่งกันเร็วเข้า วันนี้ผมทำของชอบคุณกับลูกเยอะแยะเลย”“ขอบคุณมากนะคะ”“ขอบคุณครับพ่อ” สองแม่ลูกรีบนั่งตรงที่ประจำของตัวเอง เหอเสี่ยวหมิงปีนเก้าอี้ขึ้นไปอย่างชำนาญ เหอจิ้งเกาเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ดีใจที่เจ้าตัวเล็กสามารถดูแลตัวเองได้แล้วในอายุเพียงเท่านี้ ระหว่างทานข้าว ฟู่หยุนชิงขออนุญาตเหอจิ้งเกาถ่ายกิจวัตรประจำวันหลังจากย้ายบ้านใหม่ทางเว่ยป๋อ เธออยากอวดพัฒนาการของลูกชายและลูกในท้องให้เหล่าแฟนคลับได้เห็นบ้างหลังจากข่าวออกไปแล้ว“ได้สิ คุณถ่าย
หลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้ว ช่วงบ่าย เหอจิ้งเกาก็พาลูกกับภรรยาไปซื้อเสื้อผ้าครอบครัวต่อทันที แน่นอนว่าผู้จัดการแนะนำร้านที่ชั้นสองให้กับเหอจิ้งเกา ซึ่งมีเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำมากมายจัดจำหน่ายอยู่ เหอจิ้งเอาจึงพาทุกคนเดินลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นดังกล่าว เสียงเล็ก ๆ ของเหอเสี่ยวหมิงแสดงออกว่าดีใจที่จะได้เลือกเสื้อผ้าเองสักที หลังจากที่เขาจะต้องสวมเสื้อผ้าที่พ่อเลือกให้เท่านั้น“นี่ลูกไม่ชอบชุดที่พ่อเลือกให้หรือยังไง หืม?”“ก็ผมโตแล้วนี่ครับ พ่อยังจะให้ผมใส่ชุดนอนพวกหมี หมู วัว กระต่าย พวกนั้นอีกเหรอครับ ขอชุดนอนแบบธรรมดาเหมือนที่พ่อใส่บ้างสิครับ” ฟู่หยุนชิงพอฟังลูกชายบอกว่าตัวเองโตแล้วก็ถึงกับหัวเราะเบา ๆ เจ้าตัวเล็กนี่นะที่โตแล้วยังให้พ่ออุ้มอยู่เลย“ถ้าลูกโตแล้วก็ต้องนอนคนเดียวได้แล้วนะเสี่ยวหมิง ลูกยังอยากโตแล้วอยู่หรือเปล่าล่ะ? อีกอย่างแม่ก็เห็นว่าชุดนอนที่พ่อเลือกให้ก็น่ารักสมวัยกับลูกแล้วนะ”“โธ่ แ