หมิงซีไม่เคยคิดเลยว่า ปฏิกิริยาแรกของฟู่ซือเยี่ยนคือ เธอกำลังสร้างปัญหาหมิงซีรู้สึกหัวใจถูกมีดแทงอย่างแรงนับไม่ถ้วน เธอรู้สึกเจ็บปวดแต่เธอไม่มีเวลาที่จะสงสารคนอื่น เพราะไม้หนามยังคงกดทับท้องของเธอ เธอต้องทำให้เขาเชื่อเธอหมิงซีดึงมุมริมฝีปากที่ฉีกขาด เลือดปนไปด้วยน้ำตา และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง "ฉันไม่ได้โกหกคุณ ฉันถูกลักพาตัวจริง ๆ"บางทีอาจเป็นเพราะเสียงอันเศร้าโศกของหมิงซีทำให้ฟู่ซือเยี่ยน อ่อนไหว ฟู่ซือเยี่ยนมองถุงเงินที่กำลังถูกรถแบตเตอรี่บังคับรีโมทส่งเข้าไปในโกดัง เขาพูดช้า ๆ "คุณอยู่เฉย ๆ นะ อย่าพูดเล่นอย่างนี้ ผมจะ-"“ ฟู่ซือเยี่ยน” หมิงซีอ้าปากอย่างอ่อนแรง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง“ฉันไม่เข้าใจ ทำไมไม่ว่าหลินเสวี่ยเวยจะพูดอะไร คุณเชื่อหมด แต่สิ่งที่ฉันพูด คุณกลับคิดว่าฉันงี่เง่าตลอด”สำหรับผู้ชายคนนี้ เสียงสำลักด้วยความโกรธของหมิงซีฟังเหมือนเธอกำลังระเบิดอารมณ์สถานการณ์ที่นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน และเขาได้ยินเสียงร้องอันน่าสมเพชของหลินเสวี่ยเวยจากด้านในเรื่อย ๆเขาเริ่มโกรธ “ หมิงซี คุณอย่างี่เง่าในตอนนี้ได้ไหม”งี่เง่าเหรอความจริงในสายตาของผู้ชายคนนี้ เส
พูดจบ เธอก็ยืนขึ้นและมองดูชายทั้งสองแล้วพูดว่า "ผู้หญิงคนนี้ฉลาดแกมโกงมาก เห็นไหม เมื่อกี้เธอยังบอกว่าสามีจะให้เงินแน่นอน สุดท้ายล่ะ คนที่ถูกสามีทอดทิ้งจะมีคุณค่าอะไรล่า พวกแกทำตามฉันสั่ง อย่าเชื่อคำพูดของนังนี้เข้าใจไหม”ผู้ชายสองคนนั้นพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาแอบรู้สึกตัวเองเกือบโดนเล่นงานแล้วหนึ่งในนั้นถึงรีบปลดเข็มขัดออกอย่างรวดเร็วซ่งซินเริ่งรู้สึกหมั่นไส้ ความจริงเธออยากเห็นนังเลวนี้ถูกรังแกด้วยตัวเองมากแต่วันนั้นเธอถูดรังแกหนักมากจนตอนนี้เธอเห็นผู้ชายเปลื่อยตัว เธออยากอ้วก“แกสองคนไม่ต้องอ่อนมือเลย แค่ทำตามที่ฉันพูด ทำให้เร็ว ๆ หน่อย”ซ่งซินพูดจบ เธอก็เปิดประตูแล้วไปรอที่ข้างนอก แต่เธอก็ไม่ได้ไปไกล แค่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และฟังชายร่างสูงและผอมคนหนึ่งหยิบเข็มขัดที่เขาถอดออกแล้วโยนตีหมิงซีทั้งหมดนี้ได้รับคำสั่งจากซ่งซินซ่งซินให้พวกเขาเอาเข็มขัดทุบตีผู้หญิงคนนี้แรงก่อน จากนั้น...โชคดีที่หมิงซีถูกมัดไว้กับเก้าอี้ และส่วนใหญ่ แข็มขัดถูกโยนลงบนเก้าอี้ แต่แขนของหมิงซียังคงโดนตีจนเป็นแผลเธอทนความเจ็บปวดแสนสาหัสไว้ กัดริมฝีปากแรงจนเลือดออก เธอพยายามตั้งสติไว้ เพื่อคิดหา
หัวของหมิงซีถูกกระแทกกำแพงอิฐอย่างแรง หนึ่ง สองครั้ง สามครั้ง...หมิงซีรู้สึกเหมือนโลกของเธอกำลังหมุนและวิญญาณของเธอหลุดออกจากร่างไปแล้วหนังศีรษะของหมิงซีมีของเหลวสีแดงเหนียว ๆ ไหลออก และหมิงซีไม่สามารถบอกได้ว่า นั่นเป็นงเลือดหรือน้ำหล่อสมองไขสันหลังจนกระทั่งผู้ชายอีกคนมาดึงชายร่างสูงและผอมลงมา หมิงซีจึงล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง“แกบ้าแล้ว เราแค่รับงานมารังแกเธอ ไม่ได้มาฆ่าเธอ”“การฆาตกรรมเป็นอาชญากรรมร้ายแรง เงินแค่นั้น แกโง่ทำไม”ทันใดนั้นชายร่างสูงและผอมจึงตั้งสติกลับมา เขาเอามือปาดเลือดและเหงื่อออกจากใบหน้าของเขา และพูดด้วยสีหน้าดุร้าย "ก็เพราะนังนี้ทำให้ฉันโกรธมาก""โอเค เราทำงานกันเถอะ"คนที่อ้วนกว่ามองผู้หญิงบนพื้น ซึ่งตอนนี้ศีรษะของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยเลือด และหายใจลำบาก ผู้ชายพึมพำ"หนู อย่าโทษเราใจร้ายเกินไปนะ เราแค่ใช้เงินทำอะไร ๆ ถ้าจะตำหนิใคร ก็โทษสามีที่ไม่น่าเชื่อถือของเธอเอง เขาเองแหละที่ไม่เอารเธอ ไม่อย่างนั้นจะถึงคิวของเราได้ยังไง "หมิงซีฟังเหตุผลที่ไร้สาระของคนสองคนนั้น เธอกลับไม่รู้จะเถียงกลับยังไงใช่สิ คนที่เธอคิดว่าใกล้ชิดกับเธอที่สุดในโลกนี้ไม่เอา
หมิงซีสังเกตความลังเลของพวกเขา เธอพูดต่อ "ถ้าพวกคุณอยากชดใช้ความผิด ตอนนี้ เตะโทรศัพท์ให้ฉันเลย!"“มึงเอาโทรศัพท์มือถือทำไม”หมิงซีไม่ได้พูดอะไร แต่เธอเอามือกดแก้วนั้นลงไปอีก และเลือดก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆชายร่างผอมยอมแล้ว เขาเตะโทรศัพท์มือถือให้หมิงซี เขาแอบซ่อนโทรสัพท์นี้โดยไม่บอกซ่งซินหมิงซีพยายามหยิบและกดเลขสามตัวด้วยมือเดียว แต่มืออีกข้างหนึ่งไม่ได้ผ่อนคลายความระมัดระวัง“ฮัลโหล ฉันโดนลักพาตัวไป ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน พวกคุณค้นหาตำแหน่งได้ไหม ฉันขอร้อง ช่วยเร่งหน่อย ฉันท้อง ลูกของฉัน...”หมิงซีสำลักและพูดต่อไม่ได้ น้ำตาหยดใหญ่ปนเลือดไหลลงมาหลังจากนั้นไม่นาน เธอจึงอ้าปากพูดต่อ "ลูกของฉันอาจจะอันตรายแล้ว ช่วยด้วย ช่วยลูกของฉันด้วย..."ดวงตาของของหมิงซีเริ่มพร่ามัวอีกครั้ง และทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอก็กลายเป็นสีขาวขุ่น และเธอไม่สามารถมองเห็นลักษณะของชายทั้งสองได้ชัดเจนด้วยซ้ำแต่เธอไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมาเลย แก้วที่แตกในมือของเธอถูกกดทับไปที่หลอดเลือดแดง และฝ่ามือของเธอก็ชา ไม่ว่าจะลึกแค่ไหนก็ตาม เธอล้วนไม่รู้สึกเจ็บ เลือดที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องสามารถทำให้เธอตื่นได้เธอ
นอกโกดังบอดี้การ์ดสองคนในชุดสีดำรายงานว่า "ท่านประธาน ตั้งด่านห้ามพวกเขาเรียบร้อยแล้วครับ""ดี"ตอนนี้เพียงรอให้พวกโจรออกมาฟู่ซือเยี่ยนมองไปที่ประตูที่ทรุดโทรม เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดูเบอร์แปลก ๆ ที่เพิ่งโทรเข้ามา แล้วโทรหาโจวมู่“ได้รับหมิงซีแล้วหรือยัง”“ผมยังไม่ได้รับคุณหญิงครับ แต่ผมไปถามคนทำความสะอาดในที่เกิดเหตุแล้ว พวกเขาบอกว่าเห็นคุณหญิงนั่งแท็กซี่ออกไปแล้วครับ”ฟู่ซือเยี่ยนไม่รู้ว่าทำไม มักรู้สึกไม่สบายใจในใจอยู่เสมอเขายื่นมือออกไปถูมุมคิ้วแล้วพูดอย่างเหนื่อยล้า"ไปดูที่เยว่จิ่ง เดี๋ยวนี้เลย ดูสิว่าหมิงซีกลับไปยัง"“ครับ ท่านประธาน”“อีกอย่าง มีสายที่ไม่ระบุชื่อเข้ามาในโทรศัพท์ของผมเมื่อห้านาทีที่แล้ว ตรวจสอบที่อยู่ IP ให้ผมหน่อย”ฟู่ซือเยี่ยนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรหาหมิงซี แต่เธอปิดเครื่องแล้วเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งข้อความ“เมื่อกี้มันเป็นความผิดของผม ถ้ากลับถึงบ้านแล้ว บอกผมด้วย”เวลาผ่านไปห้านาที แต่หมิงซียังไม่อ่านข้อความเขาโทรหาโทรศัพท์มือถือของหมิงซีอีกครั้ง แต่ยังคงปิดเครื่องอยู่ทันใดนั้น หัวใจของฟู่ซือเยี่ยนเก
ฟู่ซือเยี่ยนรู้สึกฝ่ามือชา มีอากาศเย็นพุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้า และหลังของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นในทันที“คุณฟู่...”โจวมู่ไม่เคยเห็นฟู่ซือเยี่ยนเป็นแบบนี้แม้แต่กรุ๊ปฟู่ก็เคยเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่สองครั้งมาก่อน และเรือก็จะล่มหากพวกเขาไม่ระวังเขาไม่เคยเห็นชายคนนี้หวาดกลัวหรือขมวดคิ้วด้วยซ้ำแต่ตอนนี้เขาตื่นตระหนกจริง ๆ และเขาก็ตื่นตระหนกมากจนแม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ยังมองออกได้โจวมู่รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเขา เมื่อเขาเห็นดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนหรี่ลง เขาก็เรียกผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง“คุณฟู่ คุณฟู่ครับ...”โจวมู่รู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเขารู้สึกว่าชายผู้นี้ดูเหมือนจระเข้ยักษ์ในโลกธุรกิจดูเหมือนจะตัวสั่นดูเหมือนเป็นภาพลวงตาอีกครั้ง เพราะฟู่ซือเยี่ยนผลักเขาออกไปในไม่กี่วินาทีเขาสั่ง “คุณรอที่นี่และดูแลคุณหลิน”จากนั้นเขาก็จากไปอย่างไม่ลังเลเขามาที่ห้องฉุกเฉินของหมิงซีซูเนี่ยนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทางเดิน เธอกำลังอธิษฐานโดยประสานมือเข้าด้วยกัน เมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้า เธอก็มองไปทันทีที่เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยน ดวงตาของเธอก็เฉียบคม และเธอก็ตัดเข้าใส่เขาราวกับใบมีด“ค
ซูเนี่ยนเห็นฟู่ซือเยี่ยนมีสีหน้าที่สำนึกผิดของเขาแล้ว เธอรู้สึกโล่งใจ และเธออดไม่ได้ที่ต้องพูด" ฟู่ซือเยี่ยน คุณทราบความแตกต่างระหว่างมนุษย์และสัตว์ไหม สมองของมนุษย์มีไว้เพื่อการคิด ไม่ใช่เพื่อความโง่เขลา โลกระหว่างคนสองคนจะรองรับบุคคลที่สามได้อย่างไร”เช่นเดียวกับโลกของลู่จิ่งสิงและเฉินเจียว ไม่มีที่ว่างสำหรับเธอแต่ไอ้สารเลวนั่น ลู่จิ่งสิ แค่อยากทรมานเธอ การดำรงอยู่ของเธอแตกต่างจากหมิงซีหมิงซีและฟู่ซือเยี่ยนเป็นคู่รักที่ถูกกฎหมาย และหมิงซีไม่ควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้"ถ้าคุณปล่อยดวงตาของคุณไม่ได้จริง ๆ ช่วยปล่อยหมิงซีไปเถอะ ทุกคนต่างอยู่ต่าวงสบายดี เธอเคยทำผิดอะไรกับคุณเหรอ ถ้าไม่รัก ก็อย่าทำร้ายเธอ มันทำได้ยากมากเหรอ"ริมฝีปากของฟู่ซือเยี่ยนขาวขึ้นเล็กน้อย และดวงตาฟีนิกซ์ลึก ๆ ของเขาก็กระชับขึ้นทันที "อย่าพูดมาก"แต่ซูเนี่ยนไม่ให้เขาสมหวัง เธอพูดทีละคำ เธอแทงหัวใจของเขาด้วยการเยาะเย้ย——“เธอจะไม่ยกโทษให้คุณ”เด็กจากไปแล้ว และความผูกพันระหว่างพวกเขาเพียงอย่างเดียวก็หายไปเธอรู้จักเสี่ยวซี และคราวนี้มันไม่สามารถย้อนกลับได้จริง ๆวินาทีแห่งความโกรธเกรี้ยวนี้ทำให้ลักษณะเชิ
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหมอ หัวใจของฟู่ซือเยี่ยนก็กระตุกอย่างรุนแรง ราวกับว่ามีใครบางคนทุบร่างกายของเขาอย่างแรงด้วยค้อน การทุบนั้นแรงกว่าเดิมเรื่อย ๆความเจ็บปวดทื่อที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้อวัยวะภายในของเขาขดตัวเป็นลูกบอล และไม่มีส่วนใดของเขาที่ไม่เจ็บปวดแพทย์เห็นว่าอาการของเขาไม่ค่อยดีนัก จึงปลอบใจ “คุณไม่ต้องกังวลมาก ตอนนี้คนไข้ยังแข็งแรงดี คุณไปพักผ่อนก่อน จะได้ดูแลคนไข้ได้” ”หลังจากหมอออกไปแล้ว ผู้ช่วยก็นำโทรศัพท์มือถือมาฟู่ซือเยี่ยนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหากู้เหยียนโจว เสียงของเขาแหบแห้งและแหบแห้ง "เหยียนโจว ช่วยฉันด้วย..."โทรศัพท์วางสายและโทรศัพท์เตือนมีข้อความเสียงฟู่ซือเยี่ยนคลิกมาฟัง เสียงแหบแห้งของหมิงซีก็ดังขึ้นในโทรศัพท์บรรยายถึงความสิ้นหวังของเธอทีละคำคำเดียวก็เหมือนมีดแทงหัวใจของเขาอย่างง่ายดายแต่มันเกือบจะฆ่าเขาดูเหมือนว่าเป็นเวลาหลายปีหลังจากที่เขาโตรู้เรื่อง ก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาร้องไห้แล้วแต่ในขณะนี้ ดวงตาของเขาแดงก่ำ และมีของเหลวอุ่น ๆ ไหลออกมาจากดวงตาของเขาเมื่อเขาได้ยินหมิงซีพูดว่า เธอไม่อยากเจอเขาในชาติหน้า เธอจะขอซุปชามเพิ่มจ
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ