แต่ตอนนี้คนนี้อยู่ไม่ได้แล้วฟู่ซือเยี่ยนเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเย็นชา หลินเสวี่ยเวยต้อนรับเขาเขาด้วยรอยยิ้ม แต่เธอก็ยังอ่อนแอมากและไอหลายครั้ง“ พี่อาเยี่ยน หนูเตรียมอาหารไว้ให้ค่ะ หนูทำเองอยู่ 2 อย่าง นั่งลงชิมดูค่ะพี่”ฟู่ซือเยี่ยนยืนนิ่งและพูดว่า "ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่กลับแล้วจ้ะ"สีหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อ เธอพูดด้วยความผิดหวัง " พี่อาเยี่ยน ชิมกับข้าวพวกนี้ไม่นานหรอก พี่ทานเป็นเพื่อนหนูไม่ได้หรอคะ"ฟู่ซือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้งและพยักหน้า "พี่กินไปแล้ว หนูกินเองเลย พี่จะนั่งเป็นเพื่อนหนู"หลินเสวี่ยเวยแอบดีใจ อย่างที่เธอคิดไว้เลย เธอแสดงสีหน้าที่น่าสงสารสักหน่อย พี่อาเยี่ยนจะไม่ยอมให้เธอน้อยใจแน่ ๆไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตราบใดที่เธอร้องไห้ พี่อาเยี่ยนจะไม่สืบเรื่องต่อหลังทานกับข้าวเสร็จ เธอสั่งคนรับใช้เสิร์ฟชา แต่ฟู่ซือเยี่ยน ปฏิเสธเขาปรบมือ โจวมู่ก็พาชายคนหนึ่งมา มือและเท้าของชายคนนั้นถูกมัดไว้และเขาล้มในลานบ้านฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองหลินเสวี่ยเวย เขาถาม " เสวี่ยเวย หนูจะอธิบายไหม"หลินเสวี่ยเวยตกตระลึง ทันใดนั้นเธอไม่รู้จะทำยังไงดี เธอไม่รู้ฟู่ซือเยี่ยนหมายถึงอะไรเธอ
หลินเสวี่ยเวยหวาดกลัว ดวงตาของเธอเบิกกว้างและเธอก็ร้องออกมา " พี่อาเยี่ยน ป้าหลินเธอโง่เป็นชั่วครู่หนึ่ง เธอแก่มากแล้ว และถ้าให้เธอติดคุก ร่างกายเธอต้องไม่ไหวแน่ ๆ "ฟู่ซือเยี่ยนเหลือบมองหลินเสวี่ยเวย และสิ่งที่เขาพูดก็ยิ่งทำให้คนหวาดกลัวขึ้น“ ป้าหลินให้ซ่งไป๋สองล้าน เธอเอาเงินมาจากไหน เข้าคุกแล้วเธอต้องสารภาพทุกอย่าง”เงินสองล้านไม่ใช่จำนวนน้อยสำหรับแม่บ้านอย่างป้าหลิน เงินก้อนนี้น่าจะเป็นเงินที่ใช้ตอนเธอแก่ ๆใครจะเอาเงินก้อนทั้งหมดของตัวเองไปทำร้านคนอื่นดังนั้นแหล่งที่มาของเงินก้อนนี้ยังคงชี้ไปที่หลินเสวี่ยเวยนั่นหมายความว่า ฟู่ซือเยี่ยนไม่เชื่อเรื่องไร้สาระของเจ้านายและคนรับใช้คู่นี้เลยทันใดนั้น หลินเสวี่ยเวยก็รู้สึกแย่ไปทั้งตัวน้ำตาของเธอยังคงไหลต่อเนื่อง จนเครื่องแต่งหน้าของเธอเปื้อนหมด เธอคว้ากางเกงของฟู่ซือเยี่ยน แล้วพูดว่า " พี่อาเยี่ยน หนูไม่รู้เรื่องนี้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับหนูเลยจริง ๆ หนูสุขภาพไม่ดีขนาดนี้ จะมีแรงไปทำร้ายใครได้ล่ะ”ในเวลานี้ ป้าหลินคุกเข่าและคลานไปหาหลินเสวี่ยเวยไม่กี่ก้าวแล้วร้องไห้ "คุณหนู ป้าขอโทษนะคะ ป้าแอบเอาเครื่องประดับของคุณหนูไปแลกเป
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนเย็นชา และเขาก็กดไหล่ของเธอแล้วผลักเธอออกไป " เสวี่ยเวย พี่ติดต่อศาสตราจารย์ของประเทศ L ให้แล้ว เขาสามารถรักษาหนูได้หาย"หลินเสวี่ยเวยตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของฟู่ซือเยี่ยน เพราะอาการป่วยของเธอหายขาดไปนานแล้วต่อมาเธอได้รับการฉีดยาชนิดใหม่ในประเทศ L เพื่อให้ดูเหมือนป่วยปลอมเพื่อได้รับความไว้วางใจจากฟู่ซือเยี่ยนถ้าเปลี่ยนแพทย์ในประเทศ L เธอแน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถตรวจพบปัญหาได้ทันทีเธอร้องไห้และพูดว่า " พี่อาเยี่ยน หนูว่าโรงพยาบาลในเมืองเป่ยเฉิงนั้นดีมาก การรักษาที่นี่อ่อนโยนและร่างกายไม่เจ็บปวด หนูยอมรับได้ดีกว่า... "ฟู่ซือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา " เสวี่ยเวย พี่อยากให้หนูได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด เรื่องนี้ หนูต่อรองไม่ได้"หลินเสวี่ยเวยหยุดชะงักงัน เมื่อเธอมองสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน เธอรู้เลยว่าเรื่องนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเธอทำได้เพียงทำตามคำพูดของฟู่ซือเยี่ยน จากนั้นค่อย ๆ วางแผนเองแต่นั่นไม่เป็นไรในช่วงเวลาที่พี่อาเยี่ยนพาเธอไปรักษาโรคที่ต่างประเทศ เธอฉวยโอกาสนี้กำจัดหมิงซี ได้อย่างสมบูรณ์เธอเงยหน้าขึ้น ดาวตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอพูดอย่างอ่อนโยน "
หลินเสวี่ยเวยตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่งไม่...ไม่...เป็นไปไม่ได้เอทำเรื่องเหล่านั้นอย่างลับ ๆ ดังนั้นเขาต้องไม่สังเกตแน่ ๆพี่อาเยี่ยนกำลังหลอกเธอ เขาหลอกเธอเพื่อเอาความจริงแน่นอนเธอส่ายหัวและร้องไห้ " พี่อาเยี่ยน หนูไม่ได้ทำร้ายพี่เลยจริง ๆ หนูชอบพี่มาก หนูจะทำร้ายพี่ได้ยังไงคะ"ฟู่ซือเยี่ยนเห็นเธอยังคงปฏิเสธยอมรับผิด เขาจึงพูดอย่างเย็นชา "ครั้งที่พี่กลับจากเหรินเซี่ย โรงพยาบาลที่ตรวจสุขภาพให้หมิงซี ผู้อำนวยการเป็นเพื่อนเก่าของคุณลุง และรูปถ่ายนิรนามที่พี่ได้รับ ใครเป็นผู้ส่ง..อยากให้พี่พูดต่อไหม”ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยซีดเขียว เธอไม่คิดว่า ฟู่ซือเยี่ยนจะสอบสวนได้ชัดเจนขนาดนี้แต่ถ้าเธอสารภาพความผิด ทุกอย่างก็จะจบลงเธอร้องไห้อย่างหนัก และจับแขนของชายคนนั้นไว้ให้แน่น " พี่อาเยี่ยน หนูไม่รู้ว่าพี่กำลังพูดอะไร มันไม่เกี่ยวอะไรกับหนูเลย ไม่เกี่ยวกับหนูเลยจริง ๆ พี่เชื่อหนูนะ หนูจะไม่ทำร้ายพี่ค่ะ"ฟู่ซือเยี่ยนดึงแขนของเขาออกอย่างไม่แยแสและอยู่ห่างจากเธอตอนที่เขาฟังรายงานจากโจวมู่ เขาก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าสีหน้าของหลินเสวี่ยเวยในตอนนี้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาแ
แต่วินาทีต่อมา เธอก็ถูกความจริงตบหน้าอย่างแรงฟู่ซือเยี่ยนหยุดและหันศีรษะ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาปกคลุมไปด้วยความเย็นชา“คนเรามีชีวิตเพียงครั้งเดียว หนูจะเลือกยังไง พี่ก็จะไม่ห้ามหนู แต่การผ่าดัดครั้งนี้เป็นการดูแลครั้งสุดท้ายที่พี่มีต่อหนู”กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไม่ว่าเธอจะทำการผ่าตัดหรือไม่ก็ตาม การตัดสินใจของเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง"อะไรนะ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยเปลี่ยนเป็นสีเทาทันทีเธอเงยหน้าขึ้นและมองดูชายผู้ที่ถูกแสงจันทร์สาดส่อง ใบหน้าของเขายังคงละเอียดอ่อนและโดดเด่นมาก ในคิ้วอันหล่อเหลาของเขา แต่ไม่มีความเมตตาที่คุ้นเคยอีกต่อไปในขณะนี้เขามองเธอเหมือนคนแปลกหน้าวินาทีต่อมา ฟู่ซือเยี่ยนก้าวท้าวเดินออก และเขาค่อย ๆ หายไปจากสายตาของเธอโดยสิ้นเชิง"อ๊า ๆ "ข้างหลังของชายผู้นี้คือ เสียงร้องไห้อันน่าสมเพชและเสียงแหบแห้งของหลินเสวี่ยเวยเธอมีกิริยาที่บ้าคลั่ง เธอดูเหมือนจะประสาท เธอพูดพึมพำ “ไม่จริง ไม่จริงทั้งนั้น พี่อาเยี่ยนจะไม่ทำอย่างนี้กับหนูหรอก เขารักหนู เขารักหนูมาก...”“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนังหมิงซีและเด็กเลวในท้องของเธอ”ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยอำมหิต นิ้วของเธอบีบเข้าใ
หมิงซีถูกเขากดจนขยับตัวไม่ได้เมื่อเธอจำได้ว่าเขากลับมาจากบ้านของหลินเสวี่ยเวย เธอก็เกิดความโกรธขึ้นมา ทันใดนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นและกัดเขาทันทีที่เขาสัมผัสริมฝีปากของเธอเธอกัดอย่างแรงจนผิวหนังของปากแตกฟู่ซือเยี่ยนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาหัวเราะเบา ๆหมิงซีเดาไม่ออกรอยยิ้มนั้นมีความหมายอะไรเขาเลิกคิ้วอย่างอ่อนโยน และแสงสว่างสาดส่องใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและประณีตของเขา ควบคู่ไปกับสีเลือดจาง ๆ บนริมฝีปากของเขา ซึ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูดยิ่งขึ้นถูกเสน่ห์ของผู้ชายโจมตีอย่างรุนแรงในระยะใกล้ และหมิงซีก็หันหน้าไปทางอื่นโดยไม่รู้ตัวใบหน้านี้เหมาะกับคุณลักษณะที่ชอบกิ๊กกับผู้หญิงของเขาจริง ๆ ทำให้ผู้คนหลงไหลจนมองไม่เห็น“คุณไม่ดีใจเหรอ” เขาถาม“เปล่าค่ะ” หมิงซีรู้สึกเขารำคาญ ทำไมเขาถึงคิดว่าตัวเองถูกต้องตลอดล่ะเขาใช้ปลายจมูกสัมผัสเธอเบา ๆ ไม่แรงแต่คลุมเครือมาก“อีกสามวัน ผมจะส่งเสวี่ยเวยไปต่างประเทศ” เขากล่าว"นั่นคือการตัดสินใจของคุณ"หมิงซีไม่ได้แสดงความดีใจใด ๆ และไม่ได้คาดหวังกับคำพูดของเขาแม้ว่าในชั่วขณะ เธอแทบจะถามเขากลับ คุณเชื่อคำพูดของตัวเองไหมฟู่ซือเย
มีเสื้อผ้าสกปรกและมีกลิ่นเหม็นวางอยู่บนศีรษะของเธอแล้วมัดเธอให้แน่นเสียงตะโกนของซ่งซินถูกห่อหุ้มอยู่ในเสื้อผ้าตัวนี้มือของเธอถูกมัดไว้ และเธอก็คุกเข่าลงข้างถังขยะ ในท่ามกลางสายฝน เธอราวกับของเล่นมนุษย์ที่มีราคาถูกชายเลวทรามสองคนนั้นทำร้ายเธออย่างรุนแรงเสียงที่ถูกเข็มขัดฟาดผสมกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิงขณะที่ปากของเธอถูกปิด ในตรอกมืดและสกปรกนั้น เสียงนั้นดังอย่างต่อเนื่องในที่สุด ชายสองคนนั้นก็ถ่มน้ำลายใส่เธอสองสามครั้งและสาปแช่ง "ไอ้นังสารเลว ข้างล่างหลวมขนาดนั้น ยังทำตัวเหมือนไม่เคยโดนผู้ชายมาก่อน"ชายสองคนนั้นค่อย ๆ เดินจากไป และซ่งซินก็ได้ยินเสียงของหนึ่งในนั้นโทรหาใครอยู่“ผู้ช่วยโจวครับ เสร็จแล้ว หมายังรังเกียจผู้หญิงคนนี้เลย”หลังจากวางสายแล้ว ผู้ชายสองคนนี้ก็หัวเราะอย่างหยาบคายและคุยกันว่า "จริง ๆ แล้วกูไม่เคยคิดเลยว่า จะมีของดีขนาดนี้ ได้เล่น ได้เงิน 555..."“ได้ยินมาว่าเพื่อให้ผู้หญิงใครสักคนดีใจ สมัยนี้ไม่ค่อยเห็นผู้ชายเอาใจผู้หญิงขนาดนี้นะ...”ซ่งซินกำลังนอนอยู่ข้างถังขยะ เธอตัวสั่น ร่างกายและปากของเธอเต็มไปด้วยเลือด และเสื้อผ้าของเธอก็ยุ่งเหยิงราวกับเนื้อตายที
เพราะถึงอย่างไร ถ้าไม่มีคำสั่งจากฟู่ซือเยี่ยน ผู้ช่วยที่มีตำแหน่งต่ำอย่างเขาจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไรและคำพูดนั้น 'เพื่อให้ผู้หญิงใครสักคนดีใจ'...จะเป็นใครได้อีกนอกจากนังหมิงซีคนนี้ผู้หญิงเลวคนนี้แหละที่ต้องการชีวิตของตัวเองหลินเสวี่ยเวยสั่งเกตสีหน้าของซ่งซิน เธอรู้แล้วว่าซ่งซินรู้แล้วว่าใครเป็นคนสั่งทำเรื่องนี้ ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือต้องยัวยุซ่งซินเกิดการแก้แค้นมากยิ่งขึ้นเธอพูดอย่างอ่อนโยน " ซินซิน สองวันนี้หนูรักษาบาดเจ็บในห้องนี้ก่อนนะ อย่าเพิ่งออกไปนะรู้ไหม""ทำไม?"“หมิงซีพักที่โรงพยาบาลแห่งนี้เหมือนกัน พี่กลัวเดี๋ยวหนูเจอหน้าเธอ ถ้าเธอพูดอะไรกับพี่อาเยี่ยน หนูจะทนไม่ไหวค่ะ”“อะไรนะพี่ นังเลวนั่นอยู่โรงพยาบาลนี้ด้วยเหรอพี่”ซ่งซินโกรธจนต้องกัดฟัน น้ำเสียงของเธอดูเหมือนอยากกินใครซักคนหลินเสวี่ยเวยพยักหน้าและพูดทั้งน้ำตา "พี่น่ะ คงไม่สามารถช่วยหนูได้อีกต่อไปแล้ว เพราะหมิงซีไม่ชอบพี่ พี่อาเยี่ยนจะส่งพี่ไปต่างประเทศ หนูอยู่ที่นี่ ต้องระวังให้มากขึ้น อย่ายุ่งกับเธอนะ”คำพูดเหล่านี้ทำให้ซ่งซินตกใจและทำให้เธอโกรธมากยิ่งขึ้นขนาดหลินเสวี่ยเวยที่เคยช่วยชีวิตเขา เขายัง
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ