อชิระเดินขึ้นตึกเรียนมายังห้องเรียนที่ขนมหวานกำลังเรียนอยู่ ร่างสูงยืนแอบดูคนที่ตั้งใจเรียนด้วยรอยยิ้มบาง ในมือของหญิงสาวมียาดมถือไว้และยกขึ้นดมเป็นครั้งคราว ไม่รู้เจ้าตัวเล็กแผลงฤทธิ์อะไรใส่คุณแม่กันนะถึงได้ยกยาดมขึ้นมาดมขนาดนี้ก่อนหน้านั้นเขาเคยคุยกับขนมหวานเรื่องการเรียนว่าหญิงสาวอยากจะพักการเรียนไว้ไหม รอให้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ เพราะเขาไม่อยากให้ขนมหวานเครียดหรือเป็นกังวลเกี่ยวกับการเรียนจนส่งผลกระทบถึงลูก พยายามหาเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลมาคุย แต่ขนมหวานกลับพูดกลับมาเพียงสามคำ“ฉันจะเรียน” เพียงแค่สามคำนี้จริงๆ จากนั้นก็เดินหนีไป สุดท้ายอชิระก็ต้องยอมตามใจขนมหวาน และคอยแอบมองเธออยู่แบบนี้บางทีก็มีส่งไลน์หาบัวใบบ้างเพื่อให้ใบบัวช่วยดูขนมหวานให้หน่อย หรือหากมีอะไรไม่โอเคหรือขนมหวานมีอาการแพ้ท้องก็ให้รีบบอกเขาทันทีอชิระยืนมองขนมหวานอยู่แบบนี้ ไม่รู้นานแค่ไหนมารู้ตัวอีกทีก็มีนิ้วเล็กมาสะกิดเข้าที่แขน“พี่อชิคะ” อลิสาเอ่ยเรียกพลางชะโงกหน้าเข้ามาหาอชิระ คนถูกเรียกหันกลับมามองและรีบขยับตัวถอยห่างไป เพราะใบหน้าของอลิสาอยู่ใกล้ตัวเองมากเกินไป หากขนมหวานเห็นเข้าคงไม่ดีแน่“มีอะ
ขนมหวานเฝ้าถามทุกเองทุกวันทุกเวลา ถึงสิ่งที่อชิระแสดงออกมาทั้งหมด ตั้งแต่วันแรกที่เธอฟื้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบสองเดือนที่เขาดูแลเอาใจใส่เธอดีทุกอย่าง ว่านั่นคือความรักที่เขามีต่อเธอและลูกจริงๆ ใช่ไหม เขาทำเพราะเขารักเธอและลูกจริงๆ ใช่หรือเปล่า... หากใช่เขาจะทำดีแบบนี้กับเธอตลอดไปไหม หรือทำแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อหลอกให้เธอตายใจอยู่ที่นี่กับเขาทุกครั้งที่เห็นอชิระทำดีดูแลเอาใจใส่ มีหรือที่เธอจะไม่หวั่นไหวและรู้สึกดี อีกอย่างทำไมเธอจะไม่รู้ว่าทุกคืนเขาแอบเข้ามาในห้องของเธอ แอบมาคุยกับลูก แอบมาสัมผัสหน้าท้องเธอขนมหวานเอนหลังพิงหัวเตียงยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองเบาๆ เอื้อมมือไปหยิบผลอัลตร้าซาวด์ขึ้นมาดูลูกน้อยพลางยิ้มออกมา ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้น ขยับตัวลงจากเตียงนอนเดินไปยังตู้เสื้อผ้าขนมหวานยืนมองเสื้อผ้าทั้งเก่าและใหม่ที่แขวนอยู่เต็มตู้อย่างใช้ความคิด หยิบเสื้อผ้าที่ซื้อมานานและไม่ค่อยได้ใส่ออกมา รวมทั้งตัวที่คิดว่าจะใส่ไม่ได้ก็รวบมากองไว้ที่เตียงนอน จากนั้นก็พับให้เรียบร้อยวางซ้อนๆ กัน หยิบกระเป๋าผ้าใบใหญ่ในตู้ออกมาเก็บเสื้อผ้าเรียงลงในกระเป๋านั้นก๊อก ก๊อก ก๊อกประตูห้องนอนถูก
ส่วนขนมหวานหลังจากอาบน้ำจนสบายตัวและผ่อนคลายก็สวมชุดคลุมออกมาจากห้องน้ำ เท้าบางชะงักไปเมื่อเห็นชุดวางเตรียมไว้ให้บนเตียง มองชุดนั้นอย่างชั่งใจว่าเธอควรจะหยิบมาสวมใส่หรือปล่อยผ่านไปดีหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ขนมหวานก็เดินออกมารับลมที่สวนหน้าบ้าน เงยขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดสนิท ไม่มีดวงดาวสักดวงให้เห็น สายลมพัดโชยมาแผ่วเบาพาให้ค่ำคืนนี้ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไปนักหลังจากจัดการทำความสะอาดในห้องครัวเสร็จ อชิระก็เดินออกมาหน้าบ้าน ยืนมองขนมหวานที่นั่งบนเก้าอี้ในสวนและลูบท้องตัวเองไปมา ใบหน้าของเธอก้มลงเล็กน้อยคล้ายกับกำลังพูดคุยอะไรสักอย่างกับลูกน้อย เขาก็อยากพูดคุยด้วยเหมือนกัน อยากจับ อยากลูบ อยากคุยกับลูกบ้าง ไม่ใช่ได้คุยแค่ช่วงกลางดึกและยังแอบคุยเบาๆ เสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ตอนนั้นลูกได้ยินเสียงเข้าบ้างไหมหรือว่าหลับไปแล้วก็ไม่รู้“เมื่อไหร่จะใจอ่อนสักทีนะขนม” พึมพำออกมา และหมุนตัวกลับเข้าบ้านไปเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั่งอยู่ท่ามกลางยุงมานานขนมหวานจึงเดินกลับเข้าบ้าน ร่างบางก้าวเข้ามาพร้อมกับดึงประตูบ้านปิดลง กำลังจะเดินขึ้นบันไดไป ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อถูกอชิระเรียกไว้“ขนมครับ อย่าเพิ่งไป” ร่าง
“นี่คุณแม่ หัวใจมันอ่อนลงหรือยัง ท่านอธิการสามารถเอาชนะใจแกได้ยัง” ใบบัวเอ่ยถามเมื่อถึงเวลาพักกลางวัน ทั้งคู่กำลังนั่งทานอาหารที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย และจากวันที่ขนมหวานออกจากโรงพยาบาลมาจนถึงวันนี้ก็จะครบสามเดือนกว่าไปแล้วที่อชิระตามง้อขนมหวานมือที่กำลังเปิดกล่องอาหารที่อชิระห่อมาให้ทานทุกวันชะงักไปเล็กน้อย ก่อนขนมหวานจะเปิดกล่องอาหารต่อ“ไม่รู้สิ”“ยังไงคือไม่รู้ยะ จะว่าไปท่านอธิการก็เอาใจใส่แกมากเลยนะ เดินมาส่งที่ห้องเรียนทุกเช้า ตอนเย็นมายืนรอรับใต้ตึก ตอนกลางวันยังแอบๆ โผล่มาดู รู้ว่าเมียแพ้ท้องทานอาหารฝีมือคนอื่นไม่ได้ ก็ทำกับข้าวห่อมาให้กินทุกวัน สงสัยหลานฉันคงจะรักพ่อมากแน่ๆ หรือไม่ก็ช่วยพ่อทำคะแนนเอาใจแม่” ขนมหวานฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มลูกเธอนะ รักพ่อจะตาย กลัวพ่อง้อแม่ไม่สำเร็จหรือไงก็ไม่รู้ ถึงได้ช่วยกันร่วมแรงร่วมใจขนาดนี้ส่วนเรื่องที่เขาเดินมาส่ง มารอรับและแอบแวะเวียนซื้อนั่นซื้อนี่มาให้กินตอนเที่ยงก็จริงทุกคำ เธอไม่เถียง“คงงั้นมั้ง ร้ายพอกันทั้งพ่อทั้งลูก”“แนะ! ยอมรับแล้วเหรอว่าเขาคือพ่อของลูก ใจอ่อนแล้วดิ ในเมื่อแกก็ยังรู้สึกดีกับท่านอธิการและเขาก็คือพ่อของลูก
แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา ทว่าใบบัวก็ไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าสองคนที่ว่านั้นหมายถึงใคร แต่ถึงอย่างนั้นใบบัวก็ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้ให้ขนมรู้เพราะกลัวเพื่อนไม่สบายใจ กำลังท้องกำลังไส้แบบนี้หากรู้เข้าคงทำให้เครียดไปกันใหญ่ ใบบัวจึงรีบกดแชร์ข่าวนี้ส่งให้อชิระดู อย่างน้อยๆ ให้อชิระได้ตั้งรับไว้ก็ยังดีกว่า‘บัวยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับขนม เพราะไม่อยากให้ขนมเครียด ท่านอธิการรีบจัดการด้วยนะคะ ก่อนเรื่องจะเข้าหูขนม’ “นี่แก ดูข่าวนี่หรือยัง”“ไหนๆ มาดูดิ”“ข่าวนี้ไง ทำไมฉันคิดว่ามันเป็น....” นักศึกษาสาวสองคนหันมองมายังขนมที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่และหลังจากนั้นไม่นานเสียงซุบซิบพร้อมทั้งสายตาแปลกๆ ก็มองมายังขนมหวานเป็นจุดเดียว เพราะการแชร์ต่อๆ กันในวงกว้าง จนคนถูกมองเริ่มรู้สึกตัวและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนถึงได้มองมาที่เธอแบบนี้“บัว มีอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า ทำไมทุกคนถึงมองฉันแปลกๆ และยังซุบซิบกันอีก” ใบบัวก็เริ่มจะทำหน้าไม่ถูกกับคำถามนี้“ยัยบัวเน่า แก่เห็นข่าวในกลุ่มไลน์หรือยัง” และยังไม่ทันที่ใบบัวจะได้คิดหาคำพูดเพื่อให้ขนมหวานไม่สนใจ เวลตันก็โผล่พรวดพราดเข้ามาในห้องเรียน มิหนำซ้ำยังร้
ขนมหวานอ่านข้อความก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา ใครกันนะที่เป็นคนปล่อยข่าวแบบนี้ออกมา เขากำลังต้องการสร้างกระแสเพื่อทำร้ายเธอหรืออชิระกันแน่ ลำพังทำร้ายเธอเธอไม่สนใจหรอก แต่อชิระนี่สิ ไหนจะชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยอีกล่ะ หากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปข้างนอก ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยคงด่างพร้อยเป็นแน่ ความน่าเชื่อถือจะลดลงไหม ภาพลักษณ์ที่สะสมมานานต้องเสียไปหรือเปล่าแม้เธอจะยังไม่คืนดีกับอชิระแต่เรื่องนี้คือเรื่องใหญ่ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของมหาวิทยาลัย จะให้เธอนิ่งเฉยอยู่แบบนี้คงไม่ได้ คิดแล้วขนมหวานก็ลุกพรวดขึ้น“ขนมจะไปไหน” ใบบัวที่เร็วกว่าคว้ามือเพื่อนสาวเอาไว้ได้ทันและขยับตัวลุกขึ้นตาม“ไปหาคุณอชิ”“ไปทำไม ฉันว่าเราใจเย็นๆ ก่อนดีไหม”“นี่มันคือเรื่องใหญ่ ฉันต้องไปคุยกับเขา”“ไม่ต้องไปหรอก” อชิระเอ่ยแทรก พร้อมกับเดินเข้ามาหาขนมหวานเสียงซุบซิบฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นบุคคลที่เป็นประเด็นในข้อความปรากฏตัวขึ้นด้วยกันถึงสองคน“ท่านอธิการมาถึงห้องเรียนแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ” อลิสาเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา พลางเอ่ยถามด้วยใบหน้าเป็นกังวล ดั่งกำลังไม่สบายใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น“ผมมีธุระที่ต้องจัดการ”
เมื่ออลิสาเข้ามาในห้องอชิระก็ผายมือเชิญหญิงสาว ให้นั่งบนเก้าอี้ทำงานหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง ส่วนขนมหวานก็ให้นั่งรอที่โซฟา“พี่อชิเรียกมิลล์มาทำไมเหรอคะ” เมื่ออยู่ในห้องลับตาคน อลิสาก็แสดงถึงความสนิทสนมอย่างเช่นเรียกอชิระว่าพี่ ไม่สนใจขนมหวานที่นั่งอยู่แต่อย่างใด“คุณจะพูดเองหรือจะให้ผมพูด” อลิสาเลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าฉายแววฉงนไม่เข้าใจ ทว่าในใจกลับเต้นรัวยิ่งกว่าอะไร มือที่วางอยู่บนตักก็จับกันแน่น“พูดเรื่องอะไรคะ มิลล์ไม่เข้าใจ พี่อชิอยากจะพูดอะไรกันแน่ พูดมาตรงๆ เลยดีกว่าค่ะ”“ได้ครับ ในเมื่อคุณเลือกที่จะให้ผมพูด งั้นผมก็จะเป็นฝ่ายพูดเองแล้วกัน...เรื่องข่าวที่ถูกปล่อยเข้าไปในกลุ่มไลน์ และถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็วถึงความสัมพันธ์ของผมและขนม มันคือฝีมือคุณใช่ไหมครับ” ขนมหวานหันขวับกลับมามองอชิระและอลิสาทันที ร่างบางลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่อชิระจึงขยับตัวลุกขึ้นและเดินเข้าไปจับมือขนมหวานให้มานั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ส่วนชายหนุ่มก็ยืนอยู่ด้านข้าง ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงรอฟังคำตอบจากคนที่นั่งเงียบอยู่ตรงหน้า“ว่าไงครับ ทำไมถึงเงียบล่ะ”“ที่เงียบก็เป็นเพราะมันไม่ใช่เรื่องจ
หลังจากเคลียร์เรื่องราวยุ่งเหยิงเสร็จเรียบร้อย รวมไปทั้งเรื่องข่าวคาวที่ทำให้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเสียหาย อชิระและขนมหวานก็ถูกคณะกรรมการของมหาวิทยาลัยลงความเห็นอย่างพร้อมเพรียงกันว่าให้ทั้งคู่พักงานและพักการเรียน รอให้ข่าวคราวและเงียบลงเสียก่อน อีกอย่างก็เพื่อเป็นตัวอย่างแก่อาจารย์และนักศึกษาคนอื่น ไม่ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างทั้งคู่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดียวกัน แต่นั่งชิดติดกันคนละมุม ต่างคนก็ต่างนั่งเงยหน้ามองเพดานอย่างใช้ความคิด และไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจทั้งคู่จึงเอ่ยออกมาพร้อมกัน“ขนม”“คุณอชิ”อชิระและขนมหวานหันมองหน้ากันในทันที ก่อนทั้งคู่จะพากันไปคนละทิศละทาง“ขนมเริ่มก่อนก็ได้”“ไม่ คุณเริ่มสิ”“ขนมนั่นแหละ พี่ให้ขนมเริ่มก่อน” ขนมหวานสูดลมเข้าแก้มจนแกมป่องขึ้นอย่างขัดใจ“ไม่ มีอะไรจะพูดก็ว่ามา ถ้าไม่พูดจะขึ้นห้องนอนแล้วนะ” อชิระที่ได้ยินก็รีบเด้งตัวขึ้นนั่งตัวตรง หันหน้ามาหาขนมหวาน“พี่ขอโทษ ขอโทษที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พี่ทำให้คนมองขนมไม่ดี พี่ทำให้ขนมถูกพักการเรียน” ขนมหวานขยับนั่งตัวตรงและหันมองอชิระเหมือนกัน นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้มองหน้าเขาเต็มตาแบบนี้พอวั
วันหยุดสุดสัปดาห์อชิระและครอบครัวพากันมาเที่ยวทะเล และเป็นการเที่ยวทะเลครั้งแรกของหนูน้อยอคิณที่ย่างเข้าสู่สองขวบ อชิระยืนล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้นมองดูภรรยาและลูกชายกำลังก่อปราสาททรายในเวลาช่วงเย็น บรรยากาศไม่ร้อนและมีลมโชยเย็นสบายเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของแก้วตาดวงใจของชายหนุ่มดังแว่วมาตามสายลมให้ได้ยิน เรียกรอยยิ้มจากอชิระตามไปด้วย อดไม่ได้ที่จะไม่เก็บภาพน่ารักแบบนี้ไว้ เมื่อถ่ายรูปภรรยาและลูกจนพอใจจึงเดินเข้าไปสมทบ แต่เท้าก็ต้องชะงักเมื่อมีชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาเก็บลูกบอลที่กลิ้งมาข้างภรรยาและลูก“ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่าบอลถูกคุณกับลูกหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางยิ้มให้ กลัวลูกบอลที่ตัวเองและเพื่อนเล่นนั้นจะมาถูกทั้งสองคนเข้า“ไม่ค่ะ” ขนมหวานตอบกลับตามมารยาท“นี่ลูกชายคุณเหรอครับ น่ารักจังเลยนะครับ”“ยับ น้อนคิณเป็นยูกคูมแม่ยะนม” เด็กน้อยที่กำลังเล่นทรายอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกชายหนุ่ม ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ฉายแววหล่อมาแต่ไกล มองผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยกับแม่ของตัวเองไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ จากนั้นก็ลุกเดินเข้ามากอดคอแม่ตัวเองไว้ ราวกับกำลังปกป้องแม่จากผู้ชายคนอื่นแทนพ่อชายหนุ่มท
ผ่านมาหนึ่งปีสำหรับชีวิตคู่ที่มีพยานรักมาหนึ่งคนของขนมหวานและอชิระ ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดเข้ามากวนใจทั้งคู่ ครอบครัวอบอุ่นไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นจะมีก็แต่อชิระเท่านั้นที่ดูเหมือนจะขี้น้อยใจเหลือเกินในช่วงนี้และยังติดเธอแจยิ่งกว่าอะไร เธอแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้มิหนำซ้ำยังแทบไม่ให้เธอออกไปนอกบ้านเลยด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองเธอ หวงเธอ หึงเธอ และที่สำคัญกลัวเธอเห็นผู้ชายที่หล่อกว่า หน้าตาดีกว่าแล้วจะทิ้งตัวเองไป ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งขนมหวานก็ส่ายหน้าและหัวเราะออกมาทุกทีและวันนี้ขนมหวานก็ขอแหกกฎเสียหน่อย ด้วยการพาลูกชายมาหาอชิระที่มหาวิทยาลัย อุ้มลูกชายออกจากลิฟต์ตรงมายังห้องทำงานของอชิระ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเห็นเธอกับลูกมาโผล่ที่นี่จะเป็นอย่างไร จะดุเธอไหม จะต่อว่าเธอหรือเปล่านะ หรืออาจจะงอนเธอก็เป็นได้ที่พาลูกมาหาโดยไม่บอกไม่กล่าวขนมหวานไม่เคาะประตูห้องให้เสียเวลา เมื่อมาถึงห้องทำงานก็จัดการเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปทันที“เซอร์ไพรส์!”อชิระที่กำลังนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้อง“ขนม อคิณ มาได้ยังไงเ
เสียงหวีดร้องดังขึ้นในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ร่างสองร่างเกี่ยวพันกันแนบแน่นด้วยความรัญจวน ร่างบอบบางน่าทะนุถนอมบัดนี้กำลังถูกความแข็งแกร่งทำร้ายด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง เรียวขายาวถูกยกพาดขึ้นบนบ่าหนาทั้งสองข้าง"อื้อ...อี้...พี่อชิขา...อื้ม..." เสียงหวานร้องครางออกมาไม่ขาดสาย ใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยความทรมาน"อ้า...ว่าไงครับที่รัก" เอวสอบควงวนเชื่องช้าแนบแน่นเพื่อยืดเวลาความเสียวออกไปอีกสักหน่อย มองภรรยาสาวแสนสวยที่นอนบิดเร่าอยู่ใต้ร่างด้วยความเสน่หา มือหนาลูบไล้เรียวขาสวยแผ่วเบา มองทรวงอกคู่ใหญ่ที่ใจปรารถนาอยากบีบขยำนับวันอชิระยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ่งหลงรักขนมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหลังจากที่ขนมหวานคลอดลูกออกมา ร่างบางก็ดูเหมือนจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา ผิวพรรณเปล่งปลั่งจนเขาหวงมากขึ้นกว่าเดิมไม่อยากให้เธอออกไปข้างนอกเสียด้วยซ้ำ อยากเก็บเธอไว้ดูคนเดียว อยากเห็นร่างอรชรสวยงามนี้คนเดียว"อื้อ..เร็วๆ ค่ะ ขนม อื้อ...ขนมเสียว""พี่ก็เสียวขนมจ๋า มันรัดแน่นมากพี่จะเสร็จแล้วครับ""งื้อ...เสร็จ...อื้อ...เสร็จเลยค่ะเดี๋ยวลูกตื่น" ขนมหวานเร่ง กลัวลูกน้อยที่เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจ
“คลอดหรือยังวะ ลูกครับอย่าให้แม่ปวดนานนะ รีบๆ ออกมาได้แล้ว พ่ออยากเห็นหน้าใจจะขาดแล้วเนี่ย” อชิระบ่นออกมา พลางเดินไปเดินมา เป็นห่วงขนมหวานก็เป็นห่วง ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ที่จะได้เจอหน้าลูกชายเสียทีเขายังจำวินาทีที่ขนมหวานบอกว่าปวดท้องได้ขึ้นใจ ตอนนั้นเขาทั้งตกใจและดีใจจนทำอะไรไม่ถูก แทบจะอุ้มขนมหวานจับยัดใส่รถมาด้วยซ้ำ ดีที่ขนมหวานวางแผนไว้เรียบร้อยเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ในรถไว้รอ ตั้งแต่รู้กำหนดการวันคลอดไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะเป็นยังไง คงทำอะไรไม่ถูกลนลานไปหมด สุดท้ายก็คงไม่ได้อะไรติดมือมาสักอย่าง“ญาติคุณขนมหวานเชิญด้านในค่ะ” เสียงที่ประกาศออกมาจากห้องคลอด เรียกสติของอชิระให้กลับเข้ามา รีบผลักประตูห้องเข้าไปด้วยความเร็วอชิระในชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาขนมหวานและลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงพักฟื้น นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำน้ำตารื้นขอบตา มองลูกชายตัวแดงจ้ำม้ำที่เห็นแค่ใบหน้าด้วยความตื่นตันและรักจนสุดหัวใจ จับมือขนมหวานมากุมไว้แน่น“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” เอ่ยถามเสียงสั่น ประคองใบหน้าของขนมหวานที่มีน้ำตาคลอไม่ต่างกัน“ไม่ค่ะ”“ลูกน่าชังมากเลย หน้าเหมือนขนมกับพี่เลย” ขนมหวาน
อชิระจับมือขนมหวานเดินออกมาจากวัด หลังจากที่ทั้งคู่มาเลี้ยงเพลพระที่วัดเป็นการทำบุญให้บิดามารดาที่จากไปในวันครบรอบวันเสียชีวิตของท่านทั้งสอง หลังจากที่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ต่างคนต่างมาไม่ได้มาด้วยกันเช่นวันนี้ทั้งคู่เดินมายังเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของท่านทั้งสอง ขนมหวานวางพวงมาลัยที่ซื้อมาลงด้านหน้า ตามด้วยอชิระก็วางพวงมาลัยลงข้างขนมหวานเช่นกัน"คุณพ่อคุณแม่ครับ วันนี้ผมกับน้องมาทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่นะครับ" อชิระมองรูปถ่ายของบุพการีทั้งสองท่านที่ยิ้มมาให้ ชายหนุ่มก็อดที่จะยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ แม้ท่านทั้งสองจะไม่เห็นก็ตาม หรือท่านอาจจะกำลังมองลงมาจากสวรรค์ก็เป็นได้"คุณพ่อคุณแม่คะ ขนมกับพี่อชิมีข่าวดีมาบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ" ขนมหวานส่งยิ้มให้บุพการีในรูปไม่ต่างจากอชิระ และหันมายิ้มให้กัน มือสองข้างกระชับกันไว้แน่น"ผมกับน้อง กำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะครับ คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะมีหลานแล้วนะครับ แถมยังเป็นหลานผู้ชายอีกด้วย คุณพ่อกับคุณแม่ว่าลูกจะหน้าตาเหมือนผมไหมครับ ถ้าเหมือนนี่คือหล่อมากๆ เลยนะ""แต่ถ้าเหมือนขนมก็คงเป็นผู้ชายที่น่ารักเหมือนกัน ขนมสัญญานะคะว่าจะเลี้ยงหลานของคุณปูคุณย่าให้ดีที่
เป็นอีกหนึ่งเช้าที่แสนสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อชิระนอนมองภรรยาที่ดูจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมเป็นไหนๆ เมื่อขนมหวานอายุครรภ์ได้เจ็ดเดือน นิ้วแกร่งประคองใบหน้างามของภรรยาสาวไว้เกลี่ยแก้มเนียนเล่นแผ่วเบา เลยมายังจมูกรั้นใช้นิ้วเขี่ยเล่นไปมา จนคนถูกรบกวนการนอนต้องยกมือขึ้นมาปัดมือของอชิระออกไปร้องประท้วงออกมาเบาๆ"อื้อ""ขี้เซาจังคุณแม่ ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน" คนที่ยังอยากนอนต่ออีกนิด ขยับตัวเล็กน้อยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มและหลับต่อ"ขออีกห้านาทีนะคะ" พึมพำออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้นอชิระเห็นความขี้เซาของขนมหวานก็อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนแก้มเนียนนั้นสักสองสามฟอด สูดความหอมเข้าไปเต็มปอดจนเสียงดังฟอดและยังหอมย้ำๆ ไปทั่วหน้า จนขนมหวานต้องปรือตาขึ้นมองและผลักหน้าของอชิระออกห่าง"พี่อชิอย่าแกล้ง""พี่ปลุกขนมต่างหาก ตื่นได้แล้วครับสายแล้วนะ" ขนมหวานยกมือขึ้นปิดปากหาวจนเมื่อยปาก ปรือตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นมองหน้าคนก่อกวน"คุณแม่ขี้เกียจ" บีบจมูกรั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว"ก็คนมันง่วงนี่น่า”“พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ดูซีรีส์จนดึกดื่น ช่วงนี้เราติดซีรีส์มากไปรู้หรือเป
หลังจากนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาหลายวัน วันนี้อชิระก็ได้กลับบ้านตามที่ขอร้องออกไป เพราะชายหนุ่มสงสารขนมหวานที่ต้องไปนอนที่โซฟาตัวเล็ก และยังทานอาหารไม่อร่อยถูกปาก แม้ขนมหวานจะไม่ได้แพ้ถึงขั้นอาเจียน แต่เท่าที่สังเกตก็ทานได้แค่อย่างละนิดอย่างละหน่อย จนเขาต้องขอร้องคุณหมอกลับมารักษาตัวที่บ้าน อย่างน้อยๆ ขนมหวานก็จะได้นอนเตียงนุ่มๆ และทานข้าวฝีมือเขาและก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อมื้อแรกหลังจากกลับมาอยู่บ้าน ขนมหวานก็ทานอาหารได้มากขึ้น จนเขาที่นั่งมองก็พลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อิ่มเอมใจ ที่เห็นภรรยาทานอาหารฝีมือตัวเองจนหมด“พี่อชิไปนั่งพักเถอะค่ะ เดี๋ยวขนมล้างจานเอง”“ครับ” อชิระขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินไปนั่งที่โซฟาตามที่ขนมหวานบอกแต่โดยดี ขนมหวานจึงจัดการเก็บล้างทำความสะอาดจานชามในครัวร่างบางยืนล้างจานอยู่หน้าอ่างล้างจานเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็มีวงแขนแกร่งเข้ามาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง บนไหล่ก็มีใบหน้าเจ้าของวงแขนวางคางเกยอยู่ มือหนาลูบหน้าท้องของขนมหวานเบาๆ“มากอดทำไมคะ ขนมบอกให้ไปนั่งไง แผลยังไม่หายดี”“หายดีแล้วครับ พี่ไม่เจ็บแล้ว” ขนมหวานฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ“พี่นี่จริงๆ เลยนะ”“พ
จากที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงที่ถูกพักงานพาขนมหวานไปนั่นไปนี่ ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกระชับความสัมพันธ์ เป็นอันต้องพับโครงการเก็บใส่กระเป๋า และหอบการกระชับความสัมพันธ์มาอยู่ที่โรงพยาบาลแทน“ขนมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟาเสียงอ้อน ขนมหวานเงยหน้าขึ้นมองคนป่วยที่รู้สึกว่าตั้งแต่เธอยอมยกโทษให้ จะออดอ้อนออเซาะเป็นพิเศษจนน่าหมั่นไส้ และยังกลายเป็นคนมือไวใจเร็วแตะนิดแตะหน่อยหาเศษหาเลยกับเธออยู่ร่ำไปเมื่อมีโอกาส“คะ”“ทำไมไปนั่งไกลจัง มานั่งใกล้พี่หน่อยสิครับ พี่คิดถึง” ทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตา ที่นอนหันหน้ากะพริบตาอ้อนมา ขนมหวานถึงกับส่ายหน้าให้“ไกลที่ไหนคะ จากเตียงมาโซฟาห่างกันไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ”“แค่ก้าวเดียว สำหรับพี่ก็ถือว่าห่างแล้วครับ มานั่งนี่นะ”“แต่ขนมปลอกแอปเปิลอยู่นะคะ เดี๋ยวขนมปลอกเสร็จค่อยไปนั่งก็ได้ค่ะ”“ใจร้าย” ว่าแล้วก็ขยับตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้ขนมหวานเสียอย่างนั้น คนถูกงอนใส่ถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปง้อเสียเมื่อไหร่ นั่งปลอกแอปเปิลต่อไปเรื่อยๆ จนลูกสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ถึงจัดการเดินนำจานแอปเปิลไปวางที่โต๊ะและเก็บกวาดเป
คนที่แสร้งตีหน้านิ่งและส่ายหน้าปฏิเสธในตอนแรก แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวัง แววตาเศร้าสร้อยของอชิระแค่ขอกอดมันจะไปเร้าใจอะไร กับความตื่นเต้นเร้าใจจนเธอหัวใจแทบวายที่อชิระมอบให้ในการวิ่งตามโจรกระชากกระเป๋าความลังเลของเธอก่อนหน้าระหว่างความสัมพันธ์ ความรู้สึก และการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปเรื่องของเธอกับเขานั้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอต้องทำเช่นไรต่อไป เธอควรตัดสินใจต่อไปอย่างไรนับจากนี้ขนมหวานโน้มใบหน้าเข้าใกล้คนหน้าเสีย แตะริมฝีปากลงบนเรียวปากหยักเบาๆ ขบเม้มหยอกเย้าทั้งริมฝีปากบนและล่าง จนคนถูกจูบตาเบิกกว้างตกใจ ตื่นเต้นและดีใจ ไม่คิดว่าขนมหวานจะจูบตัวเองแบบนี้ ส่วนขนมหวานเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้จึงผละริมฝีปากออกห่าง“ไม่อยากให้ขนมจูบเหรอ รังเกียจขนมหรือไง ไม่ชอบ...อื้อ”ยังไม่ทันที่ขนมหวานจะเอ่ยจบประโยค อชิระก็คว้าท้ายทอยเล็กโน้มใบหน้าของขนมหวานเข้ามารับจูบจากตัวเองด้วยความเร็ว แม้จะเจ็บแผลที่ต้องขยับตัวบ้าง แต่อชิระไม่สนใจ เพราะจุมพิตหวานนี่ต่างหากที่เขาสนใจมากกว่า เหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง ห่อเหี่ยวมานานแรมเดือนรู้สึกด