ขนมหวานตื่นเช้ากว่าทุกวันรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ลงมาเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าใส่กล่องไปทานที่มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งทำแซนด์วิชเป็นอาหารให้ทั้งเธอและอชิระไม่ใช่เธอเป็นห่วงเขานะ แต่เธอกำลังช่วยตัวเองประหยัดค่าใช้จ่ายอยู่ต่างหาก ด้วยการทำตัวเป็นคนดีมีน้ำใจ ทำแซนด์วิชให้เขาเพื่อจะขอนั่งรถไปเรียนด้วยเมื่อคืนเธอนอนครุ่นคิดทั้งคืนว่าพอจะมีทางไหนบ้างในการประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน และเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าอชิระให้ค่าใช้จ่ายเธอในแต่ละเดือนไว้จับจ่ายซื้อของ ทำไมเธอไม่เอาเงินตรงนี้มาซื้ออาหารทำไปรับประทานมื้อกลางวันเสียเลย อย่างน้อยก็ประหยัดได้อีกเกือบหนึ่งร้อยส่วนเรื่องรถที่ต้องขอนั่งไปกับเขา จากเมื่อก่อนต้องนั่งรถเมล์ไปเอง เธอก็มาคำนวณดูแล้ว จากหน้าบ้านไปปากซอยก็เสียค่าวินมอไซต์อีกยี่สิบบาทและเสียค่ารถไปที่มหาวิทยาลัยอีกล่ะ ทั้งขาไปขากลับก็เกือบร้อยเหมือนกันสู้ดีเก็บเงินที่ใช้จ่ายพวกนี้เอาไปหยอดพี่หมูตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมายังจะดีเสียกว่า เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ ยังไงมันก็ต้องได้ถึงจำนวนที่ตั้งไว้แหละ“คุณอชิขา” เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินลงมาจากบันได ขนมหวานก็รีบปรี่เข้ามาหาพ
อชิระยืนเท้าเอวมองประตูบ้านตัวเอง ลมหายใจกระแทกออกมาหนักๆ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นประตูบ้านปิดไว้ นั่นหมายความว่าคนที่ควรจะกลับมายังไม่กลับใช่ไหม แล้วไปไหน นี่มันเลยเวลาเลิกเรียนมาแล้วไม่ใช่หรือไง หรือว่าแอบไปรับงานพวกนั้นอีกคิดอย่างโมโหและหงุดหงิด ควานหากุญแจบ้านเพื่อเปิดประตู แต่เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาในบริเวณบ้านก็ดึงความสนใจให้หันไปมองความไม่พอใจก่อนหน้าทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นคนที่ตัวเองคิดว่าจะกลับมาบ้านก่อน ลงมาจากรถยนต์คันนั้น พร้อมกับผู้ชายที่ตนเคยเห็นว่านั่งทานอาหารอยู่ที่ห้างด้วยกัน คนที่ไปซื้อของวันนั้น และวันนี้ก็มาด้วยกันสองต่อสองซะด้วย“กลับมาแล้วเหรอคะ”“สวัสดีครับอธิการ” เวลตันยกมือไหว้ตามมารยาท อชิระจึงพยักหน้ารับตามมารยาทกลับไป“ไปไหนกันมา” หันมาถามขนมหวาน ที่กำลังขนของที่ตัวเองซื้อมาออกมาจากรถของเวลตัน โดยมีเวลตันเข้ามาช่วยถือ ช่างเป็นภาพที่มองแล้วอยากจะอวกออกมาเสียจริง“ไปซื้อของมาค่ะ เวลเขาใจดีพาไปซื้อมา รบกวนคุณอชิเปิดประตูบ้านให้หน่อยได้ไหมคะ พอดีมือไม่ว่าง” อชิระกระแทกลมหายใจออกมาหนักๆ หากไม่มีเวลตันยืนอยู่ตรงนี้ เขาบอกได้เลยว่าคงมีปากเสียงกับ
ไม่...คงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอีกต่อไป เพราะสิ้นคำว่าไม่เรียวปากหนาก็ฉกลงมาปิดเสียงพูดของขนมหวานไว้ ไม่มีคำว่านุ่มนวล ไม่มีคำว่าอ่อนโยน มีแต่คำว่าดิบเถื่อน รุนแรงตามอารมณ์ที่คุกรุ่นของคนจูบ“อื้อ...อ่อย” ขนมหวานพยายามสะบัดหน้าหนีเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสจาบจ้วงรุนแรง ไม่มีความทะนุถนอมร่างบอบบางพยายามดิ้นหนีให้หลุดพ้นจากร่างหนาที่ทาบทับและทิ้งน้ำหนักลงมา แต่ยิ่งพยายามดิ้นหนีและทำเหมือนรังเกียจ อชิระก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเรียวปากบางถูกบดขยี้ลงมาจนรู้สึกเจ็บ แม้พยายามจะเบี่ยงหน้าหนีแต่คงไม่ได้ เพราะอชิระไม่ปล่อยโอกาสให้เธอหนีเพียงนิด เรียวปากที่พยายามเม้มเข้าหากันถูกอชิระดูดดุนและสอดแทรกปลายลิ้นเข้ามามือหนาเริ่มทำหน้าที่สำรวจร่างงามที่ชายหนุ่มรู้ดีว่าส่วนไหนของร่างงามใต้ร่างนี้คือจุดอ่อนไหว ที่พาหญิงสาวอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างครั้งแล้วครั้งเล่า“อื้อ” เสียงหวานร้องออกมา ไม่ใช่ร้องเพราะความดื้อดึงอยากขัดขืน ทว่าครั้งนี้กลับร้องครางออกมาด้วยความกระสันเสียว เมื่อยอดอกของเธอถูกนิ้วแกร่งวนคลึง ปราศจากความดิบเถื่อนหรือรุนแรง มีเพียงความอ่อนโยนหยอกล้อ จนขนมหวานขนลุกซู่ชูชันไปทุกอณูของร่างกายอชิระลอบยิ
“คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ต่อรองขนาดนั้นเลยหรือไง เด็กดื้อ” รวบผมยาวไว้และดึงเบาๆ จนใบหน้าสวยเงยขึ้น“คุณทำให้ฉันต้องดื้อ”“จะพยศกับฉันว่างั้น ไม่คุ้มมั้งจากที่เสียอยู่แล้วก็ยิ่งเสียมากขึ้นนะ เอ๊ะ! หรือว่าอยากมีร่องรอยบนคอไปโชว์ไอ้นั่น ว่าเธอก็ฮอตเหมือนกัน”“ไม่ อย่าทำนะ ฉันขี้เกียจทารองพื้นทับ”“แล้วฉันต้องฟัง” พูดจบอชิระก็รวบร่างบางบนตักไว้แน่น มืออีกข้างก็รวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างไปด้านหลัง ริมฝีปากชื้นจูบลงบนซอกคอขาวและขบเม้มลงไปแรงๆ“อ้ะ...อย่านะ อย่าทำรอยนะ คนบ้าฉันบอกว่าอย่า” พยายามดิ้นหนีให้หลุดพ้น แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกรัด ริมฝีปากของอชิระก็ยิ่งย้ายไปที่อื่นและขบกัดลงไปซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้ง ก่อนที่ริมฝีปากชื้นจะมาหยุดอยู่ที่ทรวงคู่งาม ฝังใบหน้าฟัดเต้างามทั้งสองข้างอย่างรุนแรงโดยเฉพาะยอดอกสีหวานที่หายเข้าไปในโพรงปากหนา ทั้งถูกกัดและดูดกินจนขนมหวานเสียวซ่านและเจ็บแปลบในเวลาเดียวกัน แต่กลับแอ่นหน้าอกรับริมฝีปากปล่อยเสียงร้องครางออกมา“อื้อ...คุณ”“อย่าดื้อน่าขนม เก็บแรงไว้ร่อนเอวบนตัวฉันดีกว่า เอามันเข้าไปเร็วๆ” สั่งเสียงแหบพร่า ย้ายริมฝีปากมาหาเต้างามอีกข้าง กัดลงบนยอดอกที่แข็งเป็นไตเบา
เมื่ออาบน้ำเสร็จหน้าที่ต่อไปของขนมก็คือการแต่งตัวให้อชิระ มือบางจัดเสื้อยืดให้เข้าที่เข้าทาง ขยับตัวออกห่างเล็กน้อย ยกมือขึ้นมากอดอกมองชายหนุ่ม จนคนถูกมองขมวดคิ้วใส่“มองหา...” มือบางยกขึ้นหมายจะตีปากหากอชิระพูดจาไม่เข้าหูออกมา“อะๆ พูดไม่ดีตีปากนะ” อชิระถอนหายใจออกมายาวเหยียด ปัดมือขนมหวานลง“แล้วเธอมองฉันทำไม”“ก็มองเฉยๆ ไม่ได้เหรอหรือไง จะว่าไปคุณก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย หล่อแล้วทำไมต้องใจร้ายด้วยล่ะ ทำตัวน่ารักๆ กับฉันบ้างไม่ได้เหรอ เวลาคุณร้ายมันเหมือนหมาบ้าอะ ทำไมไม่ลองเป็นหมาชิสุน่ารักดูบ้าง” ว่าแล้วก็เดินนำผ้าเช็ดตัวไปตาก คนถูกหลอกด่ามองตามอย่างเอือมระอาและหมั่นไส้ขนมหวานในรูปแบบนี้เสียจริง“เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ” ขนมหวานยิ้มตาใส หลังจากด่าอชิระได้ดั่งใจ เดินกลับมายืนยิ้มแป้นตรงหน้าตามเดิม เป็นรอยยิ้มที่อชิระมองว่ามันหาความจริงใจไม่ได้สิ้นดี“วันนี้ฉันเหนื่อย คุณช่วยทำกับข้าวให้กินหน่อยได้ไหม ข้าวผัดไข่ง่ายๆ ก็ได้ ฉันไม่ได้กินฝีมือคุณมานานแล้ว” สวมหมับเข้าที่เอวสอบเงยหน้ากะพริบตาปริบๆ เป็นการอ้อนที่มองยังไงก็รู้ว่าเสแสร้ง แต่แปลกที่คนถูกอ้อนดันใจเต้นแรงขึ้นมา“ฉันต้องทำ” เลิกคิ้ว
วันหยุดแทนที่จะได้พักผ่อนนอนหลับสบายตื่นสายๆ ทว่าขนมหวานต้องตื่นแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวันเพื่อมาทำงานบ้านที่ต้องทำเป็นประจำทุกอาทิตย์ จัดการทำความสะอาดบ้าน ปัด กวาด เช็ด ถู รวมทั้งซักเสื้อผ้าที่ใส่มาร่วมอาทิตย์ทั้งของตัวเองและของอชิระสภาพของขนมหวานตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง หน้ามันแผล็บผมที่รวบรัดเป็นมวยไว้บนศีรษะก็ร่วงลงมาคลอเคลียใบหน้า ร่างบางที่เร่งมือรีดผ้าตัวสุดท้ายเสร็จถึงกับถอนหายใจออกมา ผ่านมาแล้วค่อนวันแต่เธอยังไม่ได้พักเลยสักนิดผิดกับเจ้าของบ้านที่พอตื่นมาก็มีอาหารเสิร์ฟรอบนโต๊ะ กินเสร็จก็มีคนล้างถ้วยล้างชาม มิหนำซ้ำยังมีคนชงกาแฟไปเสิร์ฟให้ถึงสวนหน้าบ้าน ตอนเที่ยงก็มีอาหารร้อนๆ ไว้รอ สบายกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว“เห้อ! เสร็จสักที” เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง หมดแรงจริงๆ ในวันนี้ร่างบางเอนตัวลงนอนให้แผ่นหลังได้สัมผัสฟูกนิ่มๆ บ้าง เพราะตอนนี้หลังเธอแข็งเหลือเกิน ปวดระบมไปหมด เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่เธอจะรวยสักที จะได้ไม่ต้องมานั่งทำงานบ้านงกๆ แบบนี้แต่จะว่าไปถ้ารวยจริงๆ เธอก็คงไม่จ้างคนใช้อยู่ดี เสียดายตังค์แย่ กว่าจะหามาได้แต่ละบาทเลือดตาแทบกระเด็น“มานอนอืดอะไรอยู่ตรงนี้ ทำงาน
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในเวลาสี่นาฬิกาของวันจันทร์ ขนมหวานรีบยื่นมือไปกดปิดเสียงและลุกขึ้นพลางบิดขี้เกียจสองสามครั้ง จัดการพับผ้าห่มเก็บเตียงนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปล้างหน้าล้างตาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ใช้เวลาก็ออกมาจัดการหวีผมที่ยุ่งเหยิงและรวบรัดให้เรียบร้อย และเดินออกจากห้องนอนลงมายังด้านล่างตรงไปยังห้องครัวเพื่อทำแซนด์วิชร่างบางหมุนตัวไปมาในครัวอย่างคล่องแคล่ว หยิบอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานออกมาวางลงบนโต๊ะ และเริ่มลงมือทำแซนด์วิชอย่างตั้งใจ ใส่ใจทุกรายละเอียด เครื่องแน่นๆ กับขนมปังแสนนุ่ม ทุกอย่างที่ทำล้วนเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพขนมหวานตัดสินใจทำไปทั้งหมดสี่สิบสี่ชิ้น มีทั้งหมดด้วยกันสี่ไส้ คือไส้ทูน่า ไส้ปูอัด ไส้พริกเผาไข่ดาวแฮม และไส้ทูน่าข้าวโพด เธอตั้งใจจะเอาไปฝากขายที่ร้านของพี่สาวเวลตันยี่สิบชิ้นและร้านกาแฟในมหาวิทยาลัยอีกยี่สิบชั้นหลังจากที่วันศุกร์เวลตันพาเธอไปคุยกับทั้งสองร้านมา ส่วนอีกสี่ชิ้นที่เหลือเธอก็จะแบ่งให้ตัวเองหนึ่งชิ้น เวลตัน ใบบัว และคนใจร้ายอีกหนึ่งชิ้น ก็ครบตามจำนวนพอดีขนมหวานมองผลงานน่ารับประทานของตัวเองที่วางเรียงบนโต๊ะด้วยรอยย
อชิระเข็นรถเข็นเดินตามขนมหวานไปเรื่อยๆ มองดูหญิงสาวหยิบนั่นจับนี่ใส่รถก็เพลินดีเหมือนกัน เพลินจนไม่รู้ว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมา มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ขนมหวานหันกลับมามองและชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนเขาตกใจผงะไปด้านหลัง“อะไรของเธอเนี่ย เข้ามาใกล้อะไรนักหนา”“ก็เห็นยืนยิ้มเหมือนคนบ้า ก็เลยสงสัย เป็นอะไร ทำไมยิ้ม”“แล้วฉันต้องหัวเราะหรือร้องไห้หรือไงล่ะ” เมื่อถูกจับได้ก็แถออกไปจนรู้สึกว่าแสบที่สีข้าง ไม่น่าเลยเรา ไม่น่าเผลอเลยจริงๆ“ก็จะไปรู้เหรอ ว่าแต่คุณอยากได้อะไรเพิ่มไหม ถ้าไม่ เราไปคิดเงินกันเถอะ เดินมากๆ ฉันปวดขาชะมัด”“เธอหน้าจะเมื่อยปากมากกว่าปวดขานะ เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้เธอพูดมากชะมัด ฉันแค่ฟังยังรู้สึกเมื่อยแทนเลย” ขนมหวานไม่เอ่ยอะไรกลับ เดินไปยังโซนขนมปังเพื่อใช้สำหรับทำแซนด์วิชวันพรุ่งนี้วันนี้จากที่เธอทำไปทั้งหมดสี่สิบชิ้น เธอได้กำไรเกือบสามร้อยบาท ไม่อยากจะคิดเลยหากร้านกาแฟทั้งสองร้านที่เธอนำไปฝากขายขอเพิ่มจำนวนขึ้นอีกเธอจะได้กำไรวันละกี่บาทกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข แสงสว่างเรืองรองรออยู่ไม่ไกล“พี่อชิคะ “เสียงเรียกหวานหูจนน่าขนลุก ดับความคิดแสนหวานของขนมหวานลง หันไปมองเจ้าของเส
วันหยุดสุดสัปดาห์อชิระและครอบครัวพากันมาเที่ยวทะเล และเป็นการเที่ยวทะเลครั้งแรกของหนูน้อยอคิณที่ย่างเข้าสู่สองขวบ อชิระยืนล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้นมองดูภรรยาและลูกชายกำลังก่อปราสาททรายในเวลาช่วงเย็น บรรยากาศไม่ร้อนและมีลมโชยเย็นสบายเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของแก้วตาดวงใจของชายหนุ่มดังแว่วมาตามสายลมให้ได้ยิน เรียกรอยยิ้มจากอชิระตามไปด้วย อดไม่ได้ที่จะไม่เก็บภาพน่ารักแบบนี้ไว้ เมื่อถ่ายรูปภรรยาและลูกจนพอใจจึงเดินเข้าไปสมทบ แต่เท้าก็ต้องชะงักเมื่อมีชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาเก็บลูกบอลที่กลิ้งมาข้างภรรยาและลูก“ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่าบอลถูกคุณกับลูกหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางยิ้มให้ กลัวลูกบอลที่ตัวเองและเพื่อนเล่นนั้นจะมาถูกทั้งสองคนเข้า“ไม่ค่ะ” ขนมหวานตอบกลับตามมารยาท“นี่ลูกชายคุณเหรอครับ น่ารักจังเลยนะครับ”“ยับ น้อนคิณเป็นยูกคูมแม่ยะนม” เด็กน้อยที่กำลังเล่นทรายอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกชายหนุ่ม ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ฉายแววหล่อมาแต่ไกล มองผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยกับแม่ของตัวเองไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ จากนั้นก็ลุกเดินเข้ามากอดคอแม่ตัวเองไว้ ราวกับกำลังปกป้องแม่จากผู้ชายคนอื่นแทนพ่อชายหนุ่มท
ผ่านมาหนึ่งปีสำหรับชีวิตคู่ที่มีพยานรักมาหนึ่งคนของขนมหวานและอชิระ ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดเข้ามากวนใจทั้งคู่ ครอบครัวอบอุ่นไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นจะมีก็แต่อชิระเท่านั้นที่ดูเหมือนจะขี้น้อยใจเหลือเกินในช่วงนี้และยังติดเธอแจยิ่งกว่าอะไร เธอแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้มิหนำซ้ำยังแทบไม่ให้เธอออกไปนอกบ้านเลยด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองเธอ หวงเธอ หึงเธอ และที่สำคัญกลัวเธอเห็นผู้ชายที่หล่อกว่า หน้าตาดีกว่าแล้วจะทิ้งตัวเองไป ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งขนมหวานก็ส่ายหน้าและหัวเราะออกมาทุกทีและวันนี้ขนมหวานก็ขอแหกกฎเสียหน่อย ด้วยการพาลูกชายมาหาอชิระที่มหาวิทยาลัย อุ้มลูกชายออกจากลิฟต์ตรงมายังห้องทำงานของอชิระ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเห็นเธอกับลูกมาโผล่ที่นี่จะเป็นอย่างไร จะดุเธอไหม จะต่อว่าเธอหรือเปล่านะ หรืออาจจะงอนเธอก็เป็นได้ที่พาลูกมาหาโดยไม่บอกไม่กล่าวขนมหวานไม่เคาะประตูห้องให้เสียเวลา เมื่อมาถึงห้องทำงานก็จัดการเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปทันที“เซอร์ไพรส์!”อชิระที่กำลังนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้อง“ขนม อคิณ มาได้ยังไงเ
เสียงหวีดร้องดังขึ้นในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ร่างสองร่างเกี่ยวพันกันแนบแน่นด้วยความรัญจวน ร่างบอบบางน่าทะนุถนอมบัดนี้กำลังถูกความแข็งแกร่งทำร้ายด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง เรียวขายาวถูกยกพาดขึ้นบนบ่าหนาทั้งสองข้าง"อื้อ...อี้...พี่อชิขา...อื้ม..." เสียงหวานร้องครางออกมาไม่ขาดสาย ใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยความทรมาน"อ้า...ว่าไงครับที่รัก" เอวสอบควงวนเชื่องช้าแนบแน่นเพื่อยืดเวลาความเสียวออกไปอีกสักหน่อย มองภรรยาสาวแสนสวยที่นอนบิดเร่าอยู่ใต้ร่างด้วยความเสน่หา มือหนาลูบไล้เรียวขาสวยแผ่วเบา มองทรวงอกคู่ใหญ่ที่ใจปรารถนาอยากบีบขยำนับวันอชิระยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ่งหลงรักขนมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหลังจากที่ขนมหวานคลอดลูกออกมา ร่างบางก็ดูเหมือนจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา ผิวพรรณเปล่งปลั่งจนเขาหวงมากขึ้นกว่าเดิมไม่อยากให้เธอออกไปข้างนอกเสียด้วยซ้ำ อยากเก็บเธอไว้ดูคนเดียว อยากเห็นร่างอรชรสวยงามนี้คนเดียว"อื้อ..เร็วๆ ค่ะ ขนม อื้อ...ขนมเสียว""พี่ก็เสียวขนมจ๋า มันรัดแน่นมากพี่จะเสร็จแล้วครับ""งื้อ...เสร็จ...อื้อ...เสร็จเลยค่ะเดี๋ยวลูกตื่น" ขนมหวานเร่ง กลัวลูกน้อยที่เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจ
“คลอดหรือยังวะ ลูกครับอย่าให้แม่ปวดนานนะ รีบๆ ออกมาได้แล้ว พ่ออยากเห็นหน้าใจจะขาดแล้วเนี่ย” อชิระบ่นออกมา พลางเดินไปเดินมา เป็นห่วงขนมหวานก็เป็นห่วง ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ที่จะได้เจอหน้าลูกชายเสียทีเขายังจำวินาทีที่ขนมหวานบอกว่าปวดท้องได้ขึ้นใจ ตอนนั้นเขาทั้งตกใจและดีใจจนทำอะไรไม่ถูก แทบจะอุ้มขนมหวานจับยัดใส่รถมาด้วยซ้ำ ดีที่ขนมหวานวางแผนไว้เรียบร้อยเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ในรถไว้รอ ตั้งแต่รู้กำหนดการวันคลอดไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะเป็นยังไง คงทำอะไรไม่ถูกลนลานไปหมด สุดท้ายก็คงไม่ได้อะไรติดมือมาสักอย่าง“ญาติคุณขนมหวานเชิญด้านในค่ะ” เสียงที่ประกาศออกมาจากห้องคลอด เรียกสติของอชิระให้กลับเข้ามา รีบผลักประตูห้องเข้าไปด้วยความเร็วอชิระในชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาขนมหวานและลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงพักฟื้น นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำน้ำตารื้นขอบตา มองลูกชายตัวแดงจ้ำม้ำที่เห็นแค่ใบหน้าด้วยความตื่นตันและรักจนสุดหัวใจ จับมือขนมหวานมากุมไว้แน่น“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” เอ่ยถามเสียงสั่น ประคองใบหน้าของขนมหวานที่มีน้ำตาคลอไม่ต่างกัน“ไม่ค่ะ”“ลูกน่าชังมากเลย หน้าเหมือนขนมกับพี่เลย” ขนมหวาน
อชิระจับมือขนมหวานเดินออกมาจากวัด หลังจากที่ทั้งคู่มาเลี้ยงเพลพระที่วัดเป็นการทำบุญให้บิดามารดาที่จากไปในวันครบรอบวันเสียชีวิตของท่านทั้งสอง หลังจากที่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ต่างคนต่างมาไม่ได้มาด้วยกันเช่นวันนี้ทั้งคู่เดินมายังเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของท่านทั้งสอง ขนมหวานวางพวงมาลัยที่ซื้อมาลงด้านหน้า ตามด้วยอชิระก็วางพวงมาลัยลงข้างขนมหวานเช่นกัน"คุณพ่อคุณแม่ครับ วันนี้ผมกับน้องมาทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่นะครับ" อชิระมองรูปถ่ายของบุพการีทั้งสองท่านที่ยิ้มมาให้ ชายหนุ่มก็อดที่จะยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ แม้ท่านทั้งสองจะไม่เห็นก็ตาม หรือท่านอาจจะกำลังมองลงมาจากสวรรค์ก็เป็นได้"คุณพ่อคุณแม่คะ ขนมกับพี่อชิมีข่าวดีมาบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ" ขนมหวานส่งยิ้มให้บุพการีในรูปไม่ต่างจากอชิระ และหันมายิ้มให้กัน มือสองข้างกระชับกันไว้แน่น"ผมกับน้อง กำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะครับ คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะมีหลานแล้วนะครับ แถมยังเป็นหลานผู้ชายอีกด้วย คุณพ่อกับคุณแม่ว่าลูกจะหน้าตาเหมือนผมไหมครับ ถ้าเหมือนนี่คือหล่อมากๆ เลยนะ""แต่ถ้าเหมือนขนมก็คงเป็นผู้ชายที่น่ารักเหมือนกัน ขนมสัญญานะคะว่าจะเลี้ยงหลานของคุณปูคุณย่าให้ดีที่
เป็นอีกหนึ่งเช้าที่แสนสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อชิระนอนมองภรรยาที่ดูจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมเป็นไหนๆ เมื่อขนมหวานอายุครรภ์ได้เจ็ดเดือน นิ้วแกร่งประคองใบหน้างามของภรรยาสาวไว้เกลี่ยแก้มเนียนเล่นแผ่วเบา เลยมายังจมูกรั้นใช้นิ้วเขี่ยเล่นไปมา จนคนถูกรบกวนการนอนต้องยกมือขึ้นมาปัดมือของอชิระออกไปร้องประท้วงออกมาเบาๆ"อื้อ""ขี้เซาจังคุณแม่ ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน" คนที่ยังอยากนอนต่ออีกนิด ขยับตัวเล็กน้อยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มและหลับต่อ"ขออีกห้านาทีนะคะ" พึมพำออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้นอชิระเห็นความขี้เซาของขนมหวานก็อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนแก้มเนียนนั้นสักสองสามฟอด สูดความหอมเข้าไปเต็มปอดจนเสียงดังฟอดและยังหอมย้ำๆ ไปทั่วหน้า จนขนมหวานต้องปรือตาขึ้นมองและผลักหน้าของอชิระออกห่าง"พี่อชิอย่าแกล้ง""พี่ปลุกขนมต่างหาก ตื่นได้แล้วครับสายแล้วนะ" ขนมหวานยกมือขึ้นปิดปากหาวจนเมื่อยปาก ปรือตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นมองหน้าคนก่อกวน"คุณแม่ขี้เกียจ" บีบจมูกรั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว"ก็คนมันง่วงนี่น่า”“พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ดูซีรีส์จนดึกดื่น ช่วงนี้เราติดซีรีส์มากไปรู้หรือเป
หลังจากนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาหลายวัน วันนี้อชิระก็ได้กลับบ้านตามที่ขอร้องออกไป เพราะชายหนุ่มสงสารขนมหวานที่ต้องไปนอนที่โซฟาตัวเล็ก และยังทานอาหารไม่อร่อยถูกปาก แม้ขนมหวานจะไม่ได้แพ้ถึงขั้นอาเจียน แต่เท่าที่สังเกตก็ทานได้แค่อย่างละนิดอย่างละหน่อย จนเขาต้องขอร้องคุณหมอกลับมารักษาตัวที่บ้าน อย่างน้อยๆ ขนมหวานก็จะได้นอนเตียงนุ่มๆ และทานข้าวฝีมือเขาและก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อมื้อแรกหลังจากกลับมาอยู่บ้าน ขนมหวานก็ทานอาหารได้มากขึ้น จนเขาที่นั่งมองก็พลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อิ่มเอมใจ ที่เห็นภรรยาทานอาหารฝีมือตัวเองจนหมด“พี่อชิไปนั่งพักเถอะค่ะ เดี๋ยวขนมล้างจานเอง”“ครับ” อชิระขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินไปนั่งที่โซฟาตามที่ขนมหวานบอกแต่โดยดี ขนมหวานจึงจัดการเก็บล้างทำความสะอาดจานชามในครัวร่างบางยืนล้างจานอยู่หน้าอ่างล้างจานเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็มีวงแขนแกร่งเข้ามาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง บนไหล่ก็มีใบหน้าเจ้าของวงแขนวางคางเกยอยู่ มือหนาลูบหน้าท้องของขนมหวานเบาๆ“มากอดทำไมคะ ขนมบอกให้ไปนั่งไง แผลยังไม่หายดี”“หายดีแล้วครับ พี่ไม่เจ็บแล้ว” ขนมหวานฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ“พี่นี่จริงๆ เลยนะ”“พ
จากที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงที่ถูกพักงานพาขนมหวานไปนั่นไปนี่ ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกระชับความสัมพันธ์ เป็นอันต้องพับโครงการเก็บใส่กระเป๋า และหอบการกระชับความสัมพันธ์มาอยู่ที่โรงพยาบาลแทน“ขนมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟาเสียงอ้อน ขนมหวานเงยหน้าขึ้นมองคนป่วยที่รู้สึกว่าตั้งแต่เธอยอมยกโทษให้ จะออดอ้อนออเซาะเป็นพิเศษจนน่าหมั่นไส้ และยังกลายเป็นคนมือไวใจเร็วแตะนิดแตะหน่อยหาเศษหาเลยกับเธออยู่ร่ำไปเมื่อมีโอกาส“คะ”“ทำไมไปนั่งไกลจัง มานั่งใกล้พี่หน่อยสิครับ พี่คิดถึง” ทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตา ที่นอนหันหน้ากะพริบตาอ้อนมา ขนมหวานถึงกับส่ายหน้าให้“ไกลที่ไหนคะ จากเตียงมาโซฟาห่างกันไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ”“แค่ก้าวเดียว สำหรับพี่ก็ถือว่าห่างแล้วครับ มานั่งนี่นะ”“แต่ขนมปลอกแอปเปิลอยู่นะคะ เดี๋ยวขนมปลอกเสร็จค่อยไปนั่งก็ได้ค่ะ”“ใจร้าย” ว่าแล้วก็ขยับตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้ขนมหวานเสียอย่างนั้น คนถูกงอนใส่ถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปง้อเสียเมื่อไหร่ นั่งปลอกแอปเปิลต่อไปเรื่อยๆ จนลูกสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ถึงจัดการเดินนำจานแอปเปิลไปวางที่โต๊ะและเก็บกวาดเป
คนที่แสร้งตีหน้านิ่งและส่ายหน้าปฏิเสธในตอนแรก แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวัง แววตาเศร้าสร้อยของอชิระแค่ขอกอดมันจะไปเร้าใจอะไร กับความตื่นเต้นเร้าใจจนเธอหัวใจแทบวายที่อชิระมอบให้ในการวิ่งตามโจรกระชากกระเป๋าความลังเลของเธอก่อนหน้าระหว่างความสัมพันธ์ ความรู้สึก และการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปเรื่องของเธอกับเขานั้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอต้องทำเช่นไรต่อไป เธอควรตัดสินใจต่อไปอย่างไรนับจากนี้ขนมหวานโน้มใบหน้าเข้าใกล้คนหน้าเสีย แตะริมฝีปากลงบนเรียวปากหยักเบาๆ ขบเม้มหยอกเย้าทั้งริมฝีปากบนและล่าง จนคนถูกจูบตาเบิกกว้างตกใจ ตื่นเต้นและดีใจ ไม่คิดว่าขนมหวานจะจูบตัวเองแบบนี้ ส่วนขนมหวานเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้จึงผละริมฝีปากออกห่าง“ไม่อยากให้ขนมจูบเหรอ รังเกียจขนมหรือไง ไม่ชอบ...อื้อ”ยังไม่ทันที่ขนมหวานจะเอ่ยจบประโยค อชิระก็คว้าท้ายทอยเล็กโน้มใบหน้าของขนมหวานเข้ามารับจูบจากตัวเองด้วยความเร็ว แม้จะเจ็บแผลที่ต้องขยับตัวบ้าง แต่อชิระไม่สนใจ เพราะจุมพิตหวานนี่ต่างหากที่เขาสนใจมากกว่า เหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง ห่อเหี่ยวมานานแรมเดือนรู้สึกด