“อาจจะใช่… รู้ไหมตั้งแต่เรามีอะไรกันคืนนั้น พี่ไม่มีความสุขในการมีเซ็กส์เลยให้ตาย ผู้หญิงทุกคนที่นอนด้วย ต้องมีสักวินาทีที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเป็นยี่หวา” นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาบ่อยครั้งมาก จนคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วแน่ๆ
“สมน้ำหน้า”“พอได้ขึ้นเตียงกับเจ้าของใบหน้าที่แท้จริง มันต้องเอาคืนจัดหนักไปเลย” “อีตาบ้า ลามก” พัฒน์ชนะปลุกปล้ำภัทรานิษฐ์อีกครั้ง เธอจึง ปัดป้อง เรื่องวาบหวามพึ่งหยุดลง แต่ตอนนี้เหมือนเขาจะเริ่มมันอีกแล้ว “อีกครั้งนะ” คำพูดแบบตรงไปตรงมาของพัฒน์ชนะ ทำให้ภัทรานิษฐ์หน้าแดงก่ำ อายแสนอาย “ไม่… ปล่อยนะ”“นะเมียจ๋า นะที่รัก” เสียงอ้อนๆ ของพัฒน์ชนะเอ่ยขอภัทรานิษฐ์จึงเอาเรื่องแผลผ่าตัดไส้ติ่งมาเป็นข้ออ้างอีก “ไม่… หวาปวดท้องแล้ว”“ครั้งนี้ยี่หวาของพี่ก็อยู่เฉยๆ สิครับ อย่าขี่ม้าแรง เดี๋ยวพี่จัดการส่งถึงสวรรค์เอง”“อีตาบ้า โรคจิต” คนฟังแหวใส่คนหน้าไม่อา“รู้ด้วยเหรอ” คำว่าวันนั้นของพัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์พอจะเดาออกว่ามันคือวันไหน ถึงตอนนี้เธอไม่มีความคิดที่จะหนีอีกแล้วเพราะต่อให้หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว แต่ถ้าในใจเธอมีแต่พัฒน์ชนะ มันก็เปล่าประโยชน์“พอจะเดาได้”“คิดไว้ว่าจะไปจริงๆ นั่นแหละค่ะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป”“แล้วจะไปอีกไหม” น้ำเสียงของพัฒน์ชนะกังวล เพราะกลัว ภัทรานิษฐ์จะระแวงว่าความรักที่เขามีให้เธอมันไม่จริงจังอีก“ถ้าพี่แพทไม่ต้องการหวากับลูก เราก็จะไป”“ต้องการสิ ใครบอกว่าไม่ต้องการ มีเมีย มีลูกน่ารักแบบนี้ทิ้งได้ไง” ชายหนุ่มเอื้อมมืออีกข้างขึ้นมาลูบใบหน้าของเธอเบาๆ“ขอบคุณนะคะ”“พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณ ที่ยี่หวาอภัยให้พี่”“ขอบคุณที่รักหวา รักน้องพลอย” ภัทรานิษฐ์สัมผัสมือของ พัฒน์ชนะที่ลูบใบหน้าของเธอเบาๆ รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากที่มีวันนี้ ก่อนหน้ามันคือความฝันลมๆ แล้งๆ ของเธอที่อยากให้พัฒน์ชนะหันมามองและรักเธอบ้าง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เป็นเพียงความฝันอีกแล้ว
หลังจากนั้นศิรดาก็ตรงไปยังร้านเวดดิ้งของภัทรานิษฐ์ทันที ขณะนั่งรถไปก็คิดหาทางว่าจะวัดสัดส่วนของเพื่อนได้ยังไงไม่ให้ผิดสังเกต ถ้าลักขณาอยู่ด้วยก็คงง่าย จะได้ช่วยกันคิดหาทาง ขืนทำแผนแตกพัฒน์ชนะต้องแย่แน่นอน แต่พอนึกถึงลักขณาได้ ศิรดาก็รีบหยิบโทรศัพท์โทร ออกไปบอกข่าวดีที่ได้รู้มาให้เพื่อนรู้ทันที“จริงเหรอฝน” ลักขณาเอ่ยอย่างตื่นเต้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากศิรดา เธอดีใจมากที่ได้ยินข่าวนี้“เออ… เบาๆ หูฉันจะแตกแล้ว” ศิรดาเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทัน เพราะลักขณาเล่นอุทานซะเต็มเสียงแบบนั้น“ก็คนมันดีใจ ยายหวากับพี่แพท ปรับความเข้าใจกันได้เสียที ฉันนะลุ้นอยู่ตั้งนาน”“ฉันก็ดีใจเหมือนกัน ที่พี่แพทรักยายหวาจนอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยแบบนี้”“โล่งอกไปเป็นกอง แล้วแกอยากให้ฉันช่วยอะไรไหม” ลักขณาเอ่ยถาม เพราะอยากช่วยงานนี้ และเต็มใจช่วยสุดกำลังที่มี แต่เท่าที่ ศิรดาเล่ามา พัฒน์ชนะดูอยากจะเตรียมงานเองเสียมากกว่า“ช่วยเคลียร์งานของแกให้ว่าง แล้วลงมาสิ้นเดือนด้วย&rdquo
“มี… เขาบอกว่าถ้าฉันพร้อม ก็จะไปหาพ่อแม่ด้วยกัน”“ก็ดีนี่นะ” ได้ฟังแบบนี้ศิรดาก็โล่งอก“หวังว่าจะไม่มีเรื่องยุ่งยากนะ เราเองก็รู้สึกผิดที่ปิดพ่อกับแม่เรื่องนี้มาตลอด รู้สึกผิดต่อลูกด้วย”“อย่าคิดมากนะแก ทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ๆ เชื่อฉัน” ศิรดาเอ่ยอย่างมั่นใจ เพราะเธอเชื่อว่าพัฒน์ชนะต้องทำให้เรื่องนี้คลี่คลายไปในทางที่ดีแน่ๆ“ภาวนาให้มันเป็นอย่างที่แกพูดนะฝน”“เออน่ะ ฉันพูดอะไรแล้ว ไม่เคยผิด”“จ้ะ… แม่คุณนักทำนาย” คนฟังยิ้มให้คำชมนั้น เท้าเล็กๆ ของศิรดา ก้าวเข้าไปหาภัทรานิษฐ์ ก่อนจะเอ่ยบอก เพราะนี่คือสิ่งที่เธอได้รับมอบหมายมา“นี่หวา… ลุกขึ้นหน่อย”“อะไร” คนสงสัยเอ่ยถาม พร้อมส่งสีหน้างงๆ มาให้“จะขอวัดสัดส่วนแกน่ะสิ”“วัดไปทำไม” คำถามนี้ศิรดาคิดเอาไว้แล้วว่าต้องได้ยิน เธอจึงยิ้มกริ่ม เพราะเตรียมคำตอบมาแล้วเหมือนกัน“ก็ญาติห่างๆ ของ
แต่ครั้งนี้เธอจะได้พบพี่ชาย พี่สะใภ้และหลานๆ ของชายหนุ่มด้วย ความเกร็งจึงมีมากเป็นสองเท่า ผิดกับพลอยไพลินที่ยิ้ม เพราะมีความสุข พอทุกคนได้พบหน้า พัฒน์ชนะก็แนะนำภัทรานิษฐ์ให้รู้จักกับครอบครัวเขา พิพัฒน์ยิ้มให้ เพราะน้องเขาตาถึงไม่เบา แต่คนที่ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมีสีสัน และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะนั่นคือพลอยไพลินที่มีแต่คนเอาใจ ตอนนี้เด็กหญิงมีพี่ชายเพิ่มมาสองคน เด็กๆ ดูจะเข้ากันได้ดี“น้องพลอย ย่าจ๋าขอโทษนะคะลูก” นุชรีย์เอ่ยบอกหลานรักอีกคน ที่วันนี้ย่าทำตัวเป็นกลาง ไม่เอาใจหลานคนไหนมาก จนพ่อแม่น้อยใจ“ค่ะ… ย่าจ๋า” พลอยไพลินตอบกลับ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่นุชรีย์เอ่ยขอโทษด้วยเรื่องอะไร เพราะจำไม่ได้แล้ว นุชรีย์หยิบสร้อยเส้นเล็กๆ และมีจี้รูปหัวใจออกจากกระเป๋า มาสวมให้พลอยไพลิน“ย่าให้รับขวัญน้องพลอยนะ”“คุณแม่คะ ยี่หวาว่า…” ภัทรานิษฐ์ทำท่าจะค้าน แต่นุชรีย์ก็ขัดขึ้นเหมือนกัน“ไม่เป็นไร แม่เต็มใจให้ ถือว่ารับขวัญหลานนะ”“รับไปเถอะหนูยี่หวา” บรรพตเอ่ยขึ้นอีกคน
วันเวลาแต่ละวันผ่านไปเร็วมาก เร็วแบบที่พัฒน์ชนะไม่คิดว่ามันจะเร็วแบบนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าวันๆ หนึ่งเขาทำงานได้ตั้งหลายอย่าง แต่ตอนนี้แค่เงยหน้าขึ้นมาก็เที่ยง เย็นและค่ำแล้ว งานช่วงนี้แม้จะไม่ยุ่ง ทุกอย่างลงตัวแล้ว แต่การตัดชุดให้ภัทรานิษฐ์นี่สิที่พัฒน์ชนะกังวลเพราะกลัวมันจะไม่ทันการ ถึงอย่างนั้นเขาก็ทุ่มสุดตัว ข้าวปลาไม่กิน หมกตัวอยู่กับจักรเย็บผ้าทั้งวันตัวเนื้อผ้าเขาตัดเสร็จแล้ว เหลือแค่เก็บรายละเอียดและตกแต่งชุดให้สวยงาม พัฒน์ชนะปักมุกเองกับมือ รายละเอียดทุกอย่างมีนงนุชคอยช่วย แต่เธอก็แค่คนเตรียมอุปกรณ์ให้เท่านั้น คนที่ลงมือเองคือพัฒน์ชนะ คนที่ได้มองเห็นความตั้งใจของชายหนุ่มถึงกับปลื้ม และยินดีกับ ภัทรานิษฐ์ไปล่วงหน้าที่มีสามีที่รักมากแบบนี้ เพราะผู้ชายน้อยคนที่จะตัดชุดให้เจ้าสาว แม้จะเป็นมือใหม่ แต่พัฒน์ชนะก็ทำได้ดี ไม่แพ้ใคร เพราะเขาตั้งใจนั่นเอง“งานหนักเหรอคะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยถามพัฒน์ชนะหลังจากส่งพลอยไพลินเข้านอนแล้วก็เดินมาหาเขาที่ห้องทำงานซึ่งใช้ห้องนั่งเล่นบนชั้นสองของบ้านดัดแปลงให้ เพราะพักนี้เห็นชายหนุ่มดูอิดโรยมาก“เปล่าครับ&r
ครอบครัวของภัทรานิษฐ์กำลังวุ่นอยู่กับการจัดของ เพราะงานของวสุวัสเสร็จเร็ว จึงได้ลงไปหาภัทรานิษฐ์ได้เร็วขึ้นตามไปด้วย แม้จะเพียงแค่วันเดียวก็ตามของส่วนใหญ่ที่เอาขึ้นรถ ล้วนเป็นของฝากที่จะเอาไปให้ภัทรานิษฐ์ทั้งนั้น ลูกสาวเธอชอบกินกล้วยไข่ ทวีจึงไปซื้อมาเป็นเครือ เพราะจะได้เอาไปฝากลูกน้องของภัทรานิษฐ์ที่ร้านด้วย“เสร็จหรือยังแม็ค” เสียงจรรยาเอ่ยถามลูกชาย เพราะเห็นเก็บของนานแล้ว แต่ยังไม่ยอมลงจากบ้านเสียทีเธอก็ยิ่งร้อนใจ เพราะอยากลงไปหาภัทรานิษฐ์จะแย่แล้ว พองานของวสุวัสเรียบร้อย จึงลงไปก่อนกำหนดหนึ่งวัน“ครับๆ” วสุวัสเอ่ยตอบกลับมา เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มก็ดังติดต่อกันจากชั้นบน รีบลงบันไดมายืนรอหน้าบ้าน ตามคำเรียกของแม่“ช้าจริงเชียว”“โถ่แม่ เดี๋ยวผมซิ่งรถให้” ลูกชายเอ่ยอาสา แต่ผู้เป็นแม่กลับปฏิเสธ“ไม่เอา ขับช้าๆ จะได้ปลอดภัย”“รับทราบ ครับผม” ชายหนุ่มทำท่าขึงขังเหมือนตำรวจ ก่อนจะวิ่งอ้อมไปขึ้นรถ ทำหน้าที่คนขับ คนที่นั่งด้านหน้าเป็นเพื่อนคือทวีผู้เป็นพ่อ ส่วนแม่นั้นนั่
“ถ้าโทร มาบอก พี่จะทำหน้าแบบนี้เหรอครับ ตกใจล่ะสิจริงไหมแม่”“เลิกแกล้งพี่เขาได้แล้ว ไปเอาของฝากลงจากรถด้วยแม็ค” จรรยาตีต้นแขนลูกชายที่ไม่รู้จักโตของเธอเบาๆ“ครับๆ” วสุวัสเอ่ยรับ ก่อนจะเดินออกไปจากร้าน ขนของฝากเข้าไปไว้ที่ด้านหลัง แปลกใจกับรองเท้าเด็ก ของเล่น พวกตุ๊กตา อุปกรณ์ขุดดิน บ้านตุ๊กตาที่เก็บอยู่หลังบ้านเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร“พ่อ แม่ นั่งก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวหวาไปเอาน้ำมาให้”“จ้ะ” จรรยาและทวีลงไปนั่งบนโซฟา ไม่ว่าจะมาสักกี่ครั้ง ก็รู้สึกไม่ชินกับร้านเวดดิ้งของภัทรานิษฐ์ เพราะมันมีแต่กระจก ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาก็เอาแต่มองนงนุชไม่มีโอกาสเดินไปบอกเรื่องอะไรกับภัทรานิษฐ์ทั้งนั้น สุดท้ายก็ไม่ทันการณ์ ภัทรานิษฐ์กังวลและเครียดกับเรื่องนี้ เธอจะทำยังไงดี แต่ถ้าให้หนีก็คงทำไม่ได้แล้ว คงต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เธอปิดบังครอบครัวมาตลอดหลายปี นงนุชใช้จังหวะที่ภัทรานิษฐ์เดินเข้าไปเอาน้ำในครัว เข้าไปหา สีหน้าเป็นกังวล เพราะรู้ว่าภัทรานิษฐ์ปกปิดเรื่องอะไรกับที่บ้านไว้&ldqu
“ตอนนี้อยู่ไหน ตามเขามาพบแม่ เดี๋ยวนี้”“แม่… ใจเย็นก่อน” ทวีเอ่ยปรามภรรยา พยายามทำให้อารมณ์เย็นลง“พ่อ แม่คะ หวารู้ตัวเองดี ว่าทำให้พ่อกับแม่เสียใจและผิดหวัง ในตัวหวา ขอโทษจริงๆนะคะ”“ผ่านมาตั้งหลายปี ทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้แม่รู้ จะปิดไปอีกนานแค่ไหน ถ้าแม่ไม่มาวันนี้ คงไม่รู้ไปอีกนานใช่ไหมยี่หวา” คำพูดของแม่ทำให้ภัทรานิษฐ์สะอื้นอยู่ในอก ท่าทางแม่ตอนนี้โกรธมาก“ปะ… เปล่า แต่หวาท้องก่อนแต่ง กลัวพ่อกับแม่เสียหน้าอายญาติพี่น้องที่มีลูกอย่างหวา ก็เลยปิดไว้” พอได้ฟังลูกพูดแบบนี้ จรรยาก็ยิ่งเสียใจ เพราะเธอเป็นแม่ แต่กลับช่วยลูกไม่ได้ ภัทรานิษฐ์มัวแต่ห่วงหน้าตาของเธอ ทั้งๆ ที่เธอห่วงลูกมากกว่าเรื่องพวกนั้น“ลูกกี่ขวบแล้ว”“สองขวบกว่าจ้ะ”“มีลูกกันจนโตป่านนี้แล้ว ผัวเรามันไม่คิดจะแต่งงานด้วยหรือไง”“เอ่อ… เรื่องนั้น” ภัทรานิษฐ์เองก็ไม่รู้จะตอบแม่ยังไงเหมือนกัน เพราะไม่เคยพูดคุยกับ
“ดีมากจ้ะ” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าพลอยประภัสเบาๆ เด็กหญิงจึงได้ทีถามแม่เรื่องการแต่งตัว เพราะอยากให้ชม“แม่จ๋า… น้องพราวแต่งตัวเสร็จแล้ว เก่งไหมคะ”“เก่งค่ะ ว่าแต่วันนี้ใครแต่งตัวให้น้องพราวของแม่นะ” ภัทรานิษฐ์มองชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ ไม่มีอะไรเกินความคาดหมายวันนี้พลอยประภัสมาในชุดเสื้อยืดเท่ๆ กางเกงยีนส์ขายาว คาดเข็มขัด ผมยาวเลยบ่าไปแล้ว มัดสูงขึ้นรวบตึงที่ด้านหลัง ใส่หมวกอีกใบคงเท่ขึ้นเป็นกอง“พี่พลอย”“ขอบคุณพี่หรือยังคะ”“ยังค่ะ”“หนูต้องทำยังไง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูก พลอยประภัสหันมองหาพลอยไพลิน เมื่อเห็นว่ากำลังเดินลงมาจากบันไดก็เข้าไปกอดและเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้ม ก่อนจะเอ่ยบอก“ขอบคุณค่ะ พี่สาวของน้องพราว” พลอยไพลินที่ลงมาช้า เพราะพึ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจับน้องจอมซนใส่เสื้อผ้าแล้ว เด็กหญิงยิ้มให้น้องทันที ก่อนจะจูงมือไปยังโต๊ะอาหารที่พ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งภัทรานิษฐ์และพัฒน์ชนะยิ้มให้ เพราะทั้งสองคนมักจะบอกลูกๆ ว่าใ
ห้าปี ต่อมาครอบครัวของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ สมบูรณ์แบบตามคำว่าครอบครัว มีความรักลอยอบอวลอยู่รอบข้างของเหล่าสมาชิกที่ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสี่คนและอีกหนึ่งคนกำลังเติบโตอยู่ในท้องของภัทรานิษฐ์รอเวลาลืมตาดูโลก ภาพตอนนี้ คือทั้งสี่คนกำลังยืนแปรงฟันหน้ากระจกและอ่างล่างหน้าที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดไปตามความสูง เริ่มที่พัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์ พลอยไพลินและพลอยประภัส สมาชิกคนที่สี่ที่ตอนนี้อายุได้สามขวบแล้ว ส่วนพลอยไพลินเป็นพี่ใหญ่อายุเจ็ดขวบครึ่ง“แปรงให้สะอาดนะคะ” เสียงอบอุ่นของแม่เอ่ยบอก ทั้งสามีและลูกๆ ของเธอ“ค่ะ/ค่ะแม่” เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวทั้งสองคนเอ่ยตอบภัทรานิษฐ์กลับไป ยิ่งนานวันครอบครัวนี้ก็ยิ่งมีแต่ความสุขและความน่ารักของสมาชิก“ไหน… อ้าปากให้พ่อดูหน่อย น้องพลอย น้องพราว” พัฒน์ชนะที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ลงไปนั่งยองๆ มองหน้าลูกทั้งสองคน“อ้า...” พลอยไพลินและพลอยประภัสอ้าปากให้ผู้เป็นพ่อดูความสะอาด ก่อนจะยิ้มแฉ่งอวดฟันซี่เล็กๆ สีขาวที่ดูแลเป็นอย่างดี“โอ้โห้...ฟันขาวสะอาดกั
“คุณเก๋!” น้ำเสียงตึงๆ ของศุภวุฒิดังขึ้นไปอีก ชายหนุ่มกำลังโกรธเพราะหึงอยู่นั่นเอง ลักขณาจึงเอ่ยดักทางไว้“ทำเสียงเข้มๆ แบบนั้นทำไมคะ หึงหรือไง”“เปล่า ไม่ได้หึง” ศุภวุฒิรีบปฏิเสธทันที ก่อนจะกลับไปทำ หน้าตาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ลักขณาส่ายหน้าให้ผู้ชายปากแข็ง ลักขณาขี้เกียจจะซักต่อ จึงเอ่ยถามถึงที่หลับที่นอนของเขาแทน“เปล่าก็เปล่า แล้วนี่คุณวุฒิจะพักที่ไหน”“ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตอบแบบไม่รีรอ คนฟังอุทานเสียงดังทันที“เอ๋…ได้ไงคะ”“ทำไมจะไม่ได้ ผมจะนอนที่นี่”“เก๋…พึ่งรู้ว่าคุณวุฒิเอาแต่ใจ”“อืม จะว่าไปที่นี่มีโรงเรียนอนุบาลหรือยังนะ” ศุภวุฒิไม่ตอบคำถามนั้นของลักขณา ก่อนจะทำท่าคิด เรื่องที่เขาต้องการจะทำอีกอย่าง“ถามทำไมคะ”“คงต้องสำรวจตลาดกันสักหน่อย เผื่อจะมีคู่แข่ง” สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังมาก ก่อนจะควานหาอะไรในกระเป๋
หลังเสร็จงานแต่งงานของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนล้ำค่า พอเห็นลูกมีความสุขจรรยาและทวี รวมทั้งวสุวัสก็ขอตัวกลับบ้าน ภัทรานิษฐ์อยากให้ครอบครัวเธออยู่ต่ออีกหน่อย แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าให้ เพราะสามสี่วันที่ได้อยู่ดัวยกันมันก็มีค่ามากพอแล้ว อีกอย่างกรุงเทพฯ - ตราดก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ไปมาหาสู่ได้สบาย อนุภพมีงานก็ขอตัวกลับด้วยเหมือนกันส่วนศิรดาและรัชยศก็ขอตัวกลับกรุงเทพฯ เพราะศิรดามีนัดตรวจครรภ์ ลักขณาเองก็ต้องกลับโดยมีศุภวุฒิขับรถไปส่งเธอใจจริงหญิงสาวอยากอยู่นานๆ แต่ด้วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ที่ชะอำในตอนนี้จึงมีแต่เหล่าสมาชิกของบ้านสุนทรโรจน์อยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาจะอยู่ต่ออีกวัน พรุ่งเช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ ศุภวุฒิขับรถมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มเข้าไปรับตั๋วเครื่องบินให้ลักขณา เพราะเขาจองตั๋วไว้แล้ว แต่ในมือศุภวุฒิลับมีตั๋วถึงสองใบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้เธอ“คุณวุฒิ… จะบินไปไหนคะ”“ผมมีงานน่ะครับ” ศุภวุฒิ ไม่ได้บอกว่าเขามีงานที่ไหน ลักขณาออกอาการงง
“พี่รักยี่หวา”“ยี่หวาก็รักพี่แพทค่ะ”“เราจะรักกันไปจนวันตาย”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยรับคำพูดนั้น ทุกคนที่ได้ยินทั้งสองเอ่ยคำรักกันและกัน ถึงกับยิ้มอย่างตื้นตัน เมื่อสวมแหวนเรียบร้อย บ่าวสาวก็เดินไปนั่งตรงซุ้มที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ให้ทุกคนได้รดน้ำสังข์ แต่น้ำสังข์ของงานแต่งงานครั้งนี้เป็นทรายสีชมพูที่ผ่านการอวยพรมาจากทุกคนที่ทั้งสองรักบรรยากาศรดน้ำสังข์ทำเอาน้ำตาของภัทรานิษฐ์ไหลนองหน้า คำอวยพรจากพ่อแม่ของเธอ รวมทั้งพ่อและแม่ของพัฒน์ชนะ มันทำให้หญิงสาวมีความสุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนอวยพรให้เธอและพัฒน์ชนะมีความสุขทั้งนั้น ลักขณาและศิรดาก็แอบปาดน้ำตาเหมือนกัน เธอดีใจที่ภัทรานิษฐ์มีวันนี้ วันที่เพื่อนเธอมีความสุข และคนรอบข้างก็อวยพรให้อย่างจริงใจและปรารถนาดีเมื่อผ่านการรดน้ำสังข์และได้รับคำอวยพรจากทุกคน ภัทรานิษฐ์ก็โยนช่อดอกไม้ โดยมีบรรดาสาวโสดที่เป็นพนักงานของรีสอร์ตมายืนรอกันไม่น้อย แต่กลับไม่มีลักขณา เพราะเธอเขินจึงยืนหลบอยู่กลังศุภวุฒิ แต่โชคชะตาก็ได้กำหนดให้ช่อกอดไม้ของภัทรานิษฐ์ มาหล่
“หวา… อย่าพึ่งร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ศิรดาเอ่ยบอกเพื่อน ซึ่งมันดูยากที่จะห้ามเหลือเกิน เพราะเธอเคยผ่านอารมณ์การแต่งงานมาแล้ว จึงพอเข้าใจว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน แถมพัฒน์ชนะยังทำเซอร์ไพรส์ใหญ่แบบนี้ ไม่ตกใจก็ให้มันรู้ไปสิ“ก็คนมันอดไม่ได้ แกสองคนรู้เรื่องนี้กันตั้งแต่ตอนไหน”“เรื่องอะไร ฉันไม่รู้” ลักขณาปฏิเสธตาใส ภัทรานิษฐ์จึงคาดคั้น“ฝน เก๋ เล่ามา”“เสร็จงานก่อน แล้วพวกฉันจะสารภาพนะเพื่อน” ศิรดายิ้มให้ ก่อนจะบรรจงแต่งหน้าภัทรานิษฐ์ให้สวยที่สุด ลักขณาหยิบดอกไม้สีขาวขึ้นมาปักบนเส้นผมที่จัดแต่งอย่างสวยงามของเพื่อน ตามด้วยมงกุฎเพชร ที่เข้ากับชุดแต่งงานสีขาวนั่นเป็นที่สุดเมื่อหน้าผมพร้อม ภัทรานิษฐ์ก็เปลี่ยนชุด เธอยืนมองตัวเองหน้ากระจกเป็นนาน ลูบชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมอยู่อย่างเบามือ มุกและคริสตัลทุกเม็ด รวมทั้งลูกไม้ที่ปักอยู่สวยงามไม่มีที่ติ ที่สำคัญเธอใส่มันได้พอดี จึงชวนให้คิดวันที่ศิรดาขอวัดตัวเธอ แล้วบอกว่าจะตัดชุดส่งไปให้ญาติที่ต่างประเทศ ที่แท้ก็เ
“พี่แพท” ภัทรานิษฐ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มไม่เต็มเสียงนัก ตาปรือๆ มองสบตากันผ่านกระจก ท่วงท่ายั่วยวนของภัทรานิษฐ์แบบนี้ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มได้ดี พัฒน์ชนะเริ่มทำให้เธอครางไม่หยุด เขาขยับเข้าออกรัวเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นช้าๆ เนิบๆ จนภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ บอกว่าไม่ไหวแล้ว“ในน้ำ” พัฒน์ชนะกระซิบข้างหูภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพาเธอไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ชายหนุ่มลงไปนอนในนั้นโดยมีภัทรานิษฐ์นั่งคร่อมหันหลังให้อยู่ด้านบน เธอได้จังหวะขยับเข้าออก ยิ่งอยู่ในน้ำ ความคับแน่นก็ยิ่งมีมากขึ้น พัฒน์ชนะถึงกับกำขอบอ่างแน่น“ที่รักคะ”“ครับ… สุดยอด” ชายหนุ่มขานรับ ก่อนจะเอ่ยบอกความรู้สึก ภัทรานิษฐ์ได้ใจขยับเร่งจังหวะของสะโพกขึ้นลงหนักหน่วงขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการแบบไหน รวมทั้งตอบสนองความต้องการของพัฒน์ชนะด้วย รสเซ็กส์แม้จะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวอยู่ที่คนเล่นว่าจะพัฒนาฝีมือ ทำให้คู่ครองชอบได้มากแค่ไหนพัฒน์ชนะรั้งตัวภัทรานิษฐ์ให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกข
“อากาศดีจังเลยนะคะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก คนที่ยืนกอดซ้อนหลังเธออยู่ ทั้งสองคนออกมายืนรับลมตรงระเบียงของรีสอร์ต เสียงคลื่นซัดทราย ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะมาก“ใช่…” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ภัทรานิษฐ์เอียงใบหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะได้ถามอะไร พัฒน์ชนะก็หอมแก้มเธอหนักๆ“จริงสิคะ หวาจะถามตั้งแต่มาถึงแล้ว ข้างหน้าเขาจะมีงานอะไรหรือเปล่า เห็นจัดสถานที่ไว้”“เห็นทางรีสอร์ตบอกจะมีงานแต่งงาน” พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แต่บอกไม่หมดว่ามันคืองานแต่งงานของเขากับเธอ“จริงเหรอคะ ไม่น่าละ บรรยากาศดูสวย และอบอุ่นขึ้นเป็นกอง”“ยี่หวาละ อยากมีงานแต่งงานแบบไหน”“ไม่เคยคิดค่ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำให้ภัทรานิษฐ์รู้สึกแปลกๆ เธอไม่เคยพูดเรื่องที่จะให้เขามาแต่งงานด้วย เพราะกลัวเขาจะหลงตัวเอง คิดว่าเธออยากแต่งงานด้วยมาก แต่เรื่องานแต่งงานของตัวเอง เธอยังไม่ได้คิดจริงๆ ไม่มีแผนในสมองสักนิด เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ชุดแต่งงานเธอก็ไม่เคยคิดว่าอยากใส่แบบไหนอะไรยังไงด้วยซ้ำ คงเป็นเพ
“พี่แพท เป็นยังไงบ้างคะ”“ไม่มีปัญหาครับ พ่อและแม่ของยี่หวาถึงจะไม่พอใจที่พี่ทำแบบนั้นลงไป แต่พี่ก็สู้ไม่ถอย จนท่านสองคนใจอ่อนลงไปมากแล้ว” พัฒน์ชนะกุมมือของภัทรานิษฐ์ไว้ เพราะรู้ว่าเธอกังวล แต่ตัวของชายหนุ่มกลับลงไปกองบนโซฟา เมื่อถูกวสุวัสปล่อยหมัดใส่แบบไม่ทันตั้งตัว“แม็ค… ทำอะไร” ภัทรานิษฐ์ผลักอกน้องชายให้ออกห่างจากพัฒน์ชนะ ไม่รู้ว่าไปใจร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นยังดีๆ อยู่เลย ศิรดาเองก็ออกอาการอึ้ง ไม่แพ้พลอยไพลิน“ต่อยไงพี่หวา อยากทำแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เจอหน้าแล้ว”“ไม่เป็นไร” คนถูกต่อยเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หมัดแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก“คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมถึงทำกับพี่สาวผมแบบนี้ ห๊า…หน้าตัวเมีย” คำพูดของวสุวัส ทำให้ภัทรานิษฐ์ตกใจ เพราะท่าทางน้องชายของเธอโกรธมาก ศิรดาดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงเข้าไปรั้งแขนของวสุวัสไว้“แม็ค ใจเย็น…”“จะต่อยอีกไหม พี่ให้