วันรุ่งขึ้นภายในตำหนักรับรอง“แค่ก! แค่ก! แค่ก!” เสียงไอติดต่อกันดังเอ็ดอึงไปทั่วห้องบรรทม บ่งบอกว่าผู้ที่อยู่ในห้องดังกล่าวกำลังเจ็บป่วย“องค์หญิงยังไม่ดีขึ้นอีกเลยรึ!” รัชทายาทจื่อถงรับสั่งถามด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่งยวดนางกำนัลมู่อิงและองครักษ์ลู่เหอที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องบรรทมได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้แก่พระองค์“องค์หญิงยังทรงมีไข้และไอหนักมากเพคะ รับสั่งกำชับเอาไว้ว่าช่วงนี้อย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้พระนางจะพาลติดไข้และเกิดอาการเจ็บป่วยเอาได้ พระนางยังฝากมาบอกอีกว่า ทรงเป็นห่วงพระองค์ยิ่งนัก ด้วยเกรงว่าจะติดไข้กลับไปและจะทำให้ทรงพระประชวร ซึ่งไม่ดีอย่างยิ่งกับองค์รัชทายาทเลยเพคะ” นางกำนัลมู่อิงกราบทูลกลับไปตามที่องค์หญิงของนางกำชับเอาไว้ไม่ขาดตกบกพร่องสักประโยคครั้นรัชทายาทรูปงามทรงได้ยินคำฝากที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเช่นนั้น พระองค์ซาบซึ้งในน้ำใจของว่าที่พระชายาเอกยิ่งนัก ทรงทอดพระเนตรหน้าประตูห้องบรรทมด้วยสายพระเนตรละห้อยโหยหาอย่างน่าสงสารเสียนี่กระไร“โธ่! เจ็บป่วยถึงเพียงนี้ยังห่วงใยข้าอีก เจ้าช่างน้ำใจงามเสียนี่กระไรวาวา” รับสั่งพระนามของว่าที่พระชายาอย่างสนิทชิดเชื้อ พร้อมหันกลับ
ภายในศาลากลางน้ำ ร่างระหงของเฉินวาวาถือจานขนมเดินกินไปตามทางเดินที่ทอดยาว หญิงสาวค่อยๆ เดินทอดน่องมาตามทางเชื่อมต่อไปยังศาลากลางน้ำด้วยความสบายใจ ในเวลานี้ไม่มีผู้ใดคอยตามมู่อิงและลู่เหอออกนอกวังเพราะเธอไหว้วานให้ไปซื้อของที่จำเป็นในการแปลงโฉม อีกทั้งยังไม่ใช่เวลาที่รัชทายาทจื่อถงจะเสด็จมาหาที่ตำหนักรับรอง จึงทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายและปลอดโปร่งอย่างยิ่งยวด ร่างอรชรค่อยๆ ก้าวเข้าไปหยุดยืนมองโต๊ะที่วางกระดานหมากล้อมเอาไว้ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาทันทีก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอกเมื่อเห็นหมากบนกระดานที่ถูกอีกฝ่ายแก้เกมจนสามารถเอาชนะได้อีกแล้ว อีกทั้งวางกลหมากท้าทายจงใจเปิดศึกการประลองหมากเห็นได้อย่างชัดเจน “จุ๊!จุ๊!จุ๊!” หญิงสาวส่งเสียงพลางส่ายหน้าไปมาวางจานขนมลงข้างๆ ตัว “เจ้าของหมากท้าประลองแล้วหรือนี่! ฝีมือการวางหมากเยี่ยมยอดมากเลย แบบนี้รอยหยักในสมองของฉันต้องพากันทำงานหนักอีกแล้วล่ะสิ” หญิงสาวกล่าวพร้อมทรุดกายลงนั่งบนตั่งที่ประทับหันหลังให้ตำหนักใหญ่ มือเรียวสวยเอื้อมหยิบตัวหมากมาถือเอาไว้ในมือพร้อมเริ่มแก้กลหมากบนกระดานด้วยความเพลิดเพลิน ในขณะที่พระวรกายใหญ่ของจอมมารเ
ร่างงามระหงรีบลุกออกจากตั่งที่ประทับเดินอ้อมมายืนอยู่ตรงพระพักตร์ของจอมมารด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด มือเรียวสวยคว้าพระหัตถ์ใหญ่ของพระองค์มากุมเอาไว้ด้วยความตื่นเต้นยินดี “พี่ชายจริงๆ ด้วย! ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับท่านที่นี่” หญิงสาวฉีกยิ้มหวานส่งให้พี่ชายใจดีของเธอ ในขณะที่จอมมารชินซางทรงทอดพระเนตรคู่ชะตาของพระองค์ด้วยความรู้สึกที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้ พระวรกายสูงใหญ่ลุกจากตั่งที่ประทับก่อนจะลงมายืนเต็มความสูง สายพระเนตรจับอยู่ที่ใบหน้าแสนสวยของคู่ชะตาที่ถูกกำหนดให้เป็นของพระองค์ “ข้าควรจะถามเจ้าว่าเพราะเหตุใดจึงมิบอกว่าเป็นสตรีหาใช่บุรุษ... ช่างน่าน้อยใจเสียนี่กระไร” รับสั่งพร้อมยกพระหัตถ์อีกข้างขึ้นประคองลำคอขาวผ่องนวลเนียนพลางลูบไล้ขึ้นลงอย่างแสนเสน่หายิ่งนัก “ข้าขอโทษที่ปิดบังพี่ชาย ตอนนั้นสถานการณ์มันบังคับทำให้ข้าต้องปลอมตัวเป็นบุรุษ...อย่าโกรธข้าเลยนะ...ท่านเป็นผู้อาวุโสให้อภัยผู้น้อยเช่นข้าไม่ได้เหรอ นะนะนะนะ...เรามาดีกันเถอะ” เฉินวาวาปล่อยหมัดเด็ดส่งสายตาวิงวอนออดอ้อนน่าเอ็นดูให้แก่พี่ชายที่มีพระคุณกับเธอ “สายตาแบบนี้ของเจ้าแสนจะทรมานข้ายิ่งนักล่วงรู้ไม่”จอมมารรับสั่งสุรเ
เฉินวาวาชูนิ้วนางและนิ้วชี้ขึ้นพร้อมกันพลางชี้ไปที่ดวงตาของเธอก่อนจะหันไปชี้พระเนตรของจอมมารสลับไปมา เป็นกิริยาซึ่งคนในยุคอนาคตนิยมใช้กันเป็นสัญลักษณ์ว่าทั้งสองต่างอยู่ในสายตาซึ่งกันและกัน ในขณะที่จอมปีศาจมีพระอาการงงงันและเต็มไปด้วยความแปลกพระทัยยิ่งนักกับกิริยาดังกล่าวของเธอ “กิริยาเช่นนี้ของเจ้าหมายถึงสิ่งใดรึ ช่างแปลกประหลาดชอบกลนัก” รับสั่งถามด้วยความสงสัย “ลักษณะอาการแบบนี้หมายถึงท่านเห็นข้า… และข้าก็เห็นท่าน แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อยจะได้เสมอภาคกัน อีกอย่างข้าก็ไม่ปวดคอด้วยเพราะท่านสูงเกินไปต้องแหงนหน้ามองท่านตลอด... คราวนี้ท่านเข้าใจหรือยัง” เฉินวาวาบ่นกระปอดกระแปดท่ามกลางเสียงพระสรวลของจอมมารเมื่อได้ยินถ้อยเจรจาพร่ำบ่นของโฉมตรู “เป็นเช่นนี้เอง… อ่อ... ยังไม่ตอบคำถามเมื่อครู่นี้ของข้าเลย... เจ้าคิดเช่นไรหากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา” รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรใบหน้าแสนสวยงามลึกล้ำด้วยสายพระเนตรที่เต็มไปด้วยแรงพิศวาสอย่างยิ่งยวด “คำตอบของข้าก็ยังเหมือนเดิม ต่อให้ชินอ๋องผู้นั้นต้องการที่จะแต่งงานกับข้าเชื่อเถอะต้องเปลี่ยนใจแน่นอน หากจะต้องมีพระชายาสุดแสนอัปลักษณ์ ขึ้นชื่อว่าบุรุษย่อมปร
ตำหนักที่ประทับชินอ๋องร่างงามระหงหมุนไปโดยรอบเมื่อเข้ามาอยู่ภายในตำหนักที่ประทับส่วนพระองค์ของชินอ๋องผู้เลื่องลือ ในเวลานี้มีเพียงเฉินวาวาและจอมมารอยู่เพียงลำพังสองต่อสองในห้องดังกล่าวเท่านั้น ในขณะที่จอมมารหนุ่มทรงประทับนั่งอยู่บนตั่งเสวยน้ำชาอย่างสบายพระทัย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณมุมห้องตรงข้ามกับแท่นพระบรรทม “โอ้โฮ! ตำหนักนี้กว้างจังเลยพี่ชาย ท่านพาข้ามาหลบอยู่ในนี้แน่ใจนะว่าองค์รัชทายาทจะไม่มาค้นหาข้าถึงที่นี่” หญิงสาวกล่าวพลางเดินสำรวจไปทั่วบริเวณ“รัชทายาทผู้นั้นไม่กล้าเดินเพ่นพ่านภายในพระตำหนักบูรพาหรอก อีกทั้งไม่สามารถออกคำสั่งให้ค้นหาเจ้าได้อีกด้วย เพราะชินอ๋องเป็นเจ้าของตำหนักบูรพาทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำหนักนี้แค่เห็นก็ไม่กล้าเข้าแล้ว” จอมมารรับสั่งตอบกลับไป“โห! ขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วตกลงตำหนักนี้เอาไว้รับรองผู้ใดกัน กว้างขวาง ใหญ่โต ตกแต่งสวยมากเลยข้าวของแต่ละชิ้นสูงค่าทั้งนั้น” หญิงสาวกล่าวพลางสำรวจตรวจตราอย่างละเอียด ก่อนจะได้ยินเสียงพี่ชายใจดีตอบกลับมา“ข้าพาเจ้ามาหลบอยู่ในตำหนักที่ประทับของชินอ๋อง” รับสั่งตอบกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ“หา!” เฉินวาวาอุทานเสียงหลงครั้นได้ยิน
ตำหนักรับรอง พระวรกายสูงโปร่งของรัชทายาทจื่อถงเสด็จพระดำเนินกลับไปกลับมาด้วยความร้อนพระทัย เมื่อพระองค์เสด็จมาเยี่ยมว่าที่พระชายาเอกแต่กลับไม่พบแม้เพียงเงาพาดผ่าน อีกทั้งนางกำนัลและองครักษ์คนสนิทขององค์หญิงแคว้นฉู่ก็หายไปเช่นเดียวกัน ความอลหม่านจึงบังเกิดขึ้นทันทีเมื่อทรงมีพระบัญชาสั่งให้ค้นหาให้ทั่วตำหนักรับรอง“พวกเจ้าหาองค์หญิงพบหรือยัง!” รับสั่งสุรเสียงเต็มไปด้วยความกังวลบรรดาทหารองครักษ์ต่างพากันส่ายหน้าไปมาติดๆ กันหลังจากพยายามค้นหาจนทั่วตำหนัก“ค้นจนทั่วตำหนักรับรองแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่ปรากฏว่าองค์หญิงทรงประทับอยู่ที่ไหนเลย ค้นหาไปจนถึงศาลากลางน้ำที่พระนางทรงโปรดไปประทับบ่อยครั้งก็ไม่พบเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” ทหารองครักษ์กราบทูลรายงาน“อะไรกัน! องค์หญิงจะหายไปได้อย่างไร พื้นที่ก็มีเพียงแค่นี้เท่านั้น แล้วเข้าไปค้นที่ตำหนักใหญ่ก็ไม่พบอย่างนั้นเลยรึ” รับสั่งถามถึงตำหนักที่ประทับส่วนพระองค์ของชินอ๋องเสด็จอาของพระองค์บรรดาทหารองครักษ์ต่างหันกลับมามองหน้ากันทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น“กระหม่อมมิกล้าเข้าไปค้นตำหนักที่ประทับของชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เกรงกลัวจะถูกลงพระราชอาญาสถานหนักเพราะเป็นที่ประทับส
ตำหนักที่ประทับชินอ๋องภายในห้องบรรทมยามซวี ร่างงามระหงของเฉินวาวานอนเหยียดยาวบนแท่นบรรทมตั้งแต่ยามโหยว่ จนกระทั่งถึงยามซวีด้วยฝีพระหัตถ์ของจอมมารทรงจัดการให้เสี่ยววาวาของพระองค์พำนักอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา มิยอมให้นางไกลห่างจากพระองค์แม้แต่น้อย ทว่าในเวลานี้เปลือกตาที่ปิดสนิทเริ่มกลอกกลิ้งไปมา พร้อมปานไฟอัคคีรูปหยดน้ำตรงกลางหน้าผากทอแสงเรืองรองเลื่อมวาววับขึ้นมาโดยพลัน พร้อมปรากฏภาพเหตุการณ์ให้หญิงสาวได้เห็นขึ้นมาทันใด เมื่อเธอเห็นตำหนักบูรพาประดับด้วยผ้าแดงมงคลไปทั่วทั้งด้านนอกและด้านใน ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยผ้าแดงมงคลละลานตาเต็มไปหมด ภายในห้องบรรทมขนาดใหญ่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม เจ้าสาวในชุดขาวสูงค่าปักลวดลายหงส์กางปีกผงาดไปทั่วตัวชุดผ้าคลุมและชุดด้านใน สวมมงกุฎหงส์ทำจากทองคำแท้ ชุดเจ้าสาวสีขาวและมงกุฎหงส์ดังกล่าวล้วนเป็นของนางร้ายหน้าสวยจากยุคอนาคตที่สวมใส่ติดกายมาด้วย ร่างระหงนั่งอยู่บนแท่นบรรทม ในมือเรียวสวยถือพัดสีขาวขลิบปลายสีแดง ยกขึ้นบังใบหน้างามลึกล้ำที่สวมหน้ากากทองคำปิดบังอำพรางใบหน้าซีกขวาอย่างมิดชิด ดวงตากลมโตมองลอดผ่านพัดหงส์ที่กำลังยกขึ้นปิดหน้าพร้อมบานประตูใหญ่ถ
ในขณะเดียวกันในขณะที่หญิงสาวให้คำมั่นสัญญากับจอมมาร เสียงฝีเท้าคนพลันปรากฏขึ้นให้ได้ยินก่อนจะพากันวิ่งกรูมาถึงหน้าห้องพระบรรทม“องค์หญิงเพคะ! ทรงประทับอยู่ในนี้ใช่ไหม” เสียงนางกำนัลมู่อิงดังอยู่หน้าห้อง“องค์หญิงทรงเป็นอะไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ ทรงเปิดประตูให้พวกกระหม่อมเข้าไปภายในห้องด้วยเถิด” เสียงองค์รักษ์ลู่เหอเอ่ยขึ้นตามติดมาด้วยความเป็นห่วงและนั่นทำให้ดวงตากลมโตของเฉินวาวาเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่ามาหลบอยู่ในห้องพระบรรทมของชินอ๋องและเผลอหลับใหลไปเสียนี่“แย่แล้วพี่ชาย เห็นทีข้าต้องขอตัวกลับตำหนักรับรองก่อนแล้ว... ขืนอยู่นานกว่านี้ข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อน คนสนิทของข้ามาตามแล้วคงหาข้าอยู่นานเลยเชียวแหละ ฟังเสียงก็รู้” หญิงสาวกล่าวพร้อมหันหลังกลับเดินจากไปทันที“หมับ!” พระหัตถ์หนาตรงเข้าคว้าแขนเรียวของหญิงสาวเอาไว้อย่างรวดเร็วพร้อมลากกลับมาหาพระองค์ดั่งเดิม“เจ้าไม่ต้องกลับไปตำหนักรับรองแล้วเสี่ยววาวา ชินอ๋องมีรับสั่งให้ปิดตำหนักที่เจ้าพำนักอยู่ แล้วให้ย้
พระราชวังจำลองพิธีอภิเษกสมรสในซีรีส์เรื่องดัง ถ่ายทำฉากกราบไหว้ฟ้าดินระหว่างนางมารร้ายตัวเอกของเรื่องและชินอ๋องแห่งแคว้นเทียนโจว ปรากฏขึ้นต่อสายตาของเฉินวาวาด้วยความรู้สึกยากเกินจะบรรยายออกมาได้ ด้วยทุกอย่างตรงกับพิธีที่การทุกอย่างในยุคอดีต ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสถานที่โดยรอบ บรรดาข้าราชบริพารที่ยืนประจำจุดของตน รวมไปถึงตำแหน่งที่ประทับขององค์ฮ่องเต้ล้วนเหมือนกันทุกอย่าง“อะ... อะไรกันนี่!” หญิงสาวในชุดเจ้าสาวโบราณในพิธีเตรียมพร้อมเข้าฉากถึงกับยืนตะลึงไปโดยพลันในขณะที่อู๋ชิงเหยียนก็มีอาการไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย ไม่คาดคิดว่าพิธีแต่งงานในยุคโบราณจะยิ่งใหญ่อลังการถึงขนาดนี้“โอ้โฮ! วาวาเธอนี่โคตรโชคดีเลยให้ตายสิ! ได้เข้าฉากแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการแบบนี้ ราวกับว่าเข้าไปมีชีวิตในซีรีส์เรื่องนี้เลยนะ” แม่ผู้จัดการสาวกล่าวออกมาตามความรู้สึก“ฉันเคยเข้าพิธีแบบนี้มาแล้วกับชินอ๋องแห่งเทียนโจว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ฉันจะได้เข้าพิธีแบบนี้อีก แตกต่างตรงที่คนที่ฉันจะเข้าพิธีในครั้งนี้ไม่ใช่ท่านอ๋องของฉัน”
งานแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรเฉินวาวานั่งเงียบงันอยู่บนรถ SUV ของบริษัทฯ ซึ่งเธอเดินทางมาร่วมงานในฐานะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ของ JCS GOLD MASTER ใบหน้างดงามลึกล้ำถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนเฉิดฉายน่ามองชวนหลงใหลอย่างยิ่งยวด หากแต่ดวงตาคู่สวยกลับมีแต่ความหม่นหมอง ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนก่อน“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากแม่ผู้จัดการสาว บ่งบอกให้รู้ว่าเธอกลุ้มใจกับอาการของเพื่อนรัก“วาวา! ถึงงานแล้วไม่ลงเหรอ นั่งเหม่อมาตลอดทาง ไม่ใช่สิ นั่งเหม่อมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นแบบนี้จะสองอาทิตย์แล้วนะ ถามจริงเถอะ! เมื่อไรอาการแบบนี้จะหายไปจากตัวแกเสียที” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดให้เพื่อนรัก“ไม่หาย! ไม่มีใครรักษาฉันหายหรอกเหยียนเหยียน ป่วยกายรักษาด้วยยาหายได้ แต่ป่วยใจคนที่รักษาได้คือคนรักของฉันเท่านั้น มีเพียงท่านอ๋องคนเดียวที่ทำได้” กล่าวพร้อมหยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาทันที“แปะ!” น้ำตาร่วงหล่นลงมาทันใด“อั้ยยะ! อย่าร้องนะ! อย่าร้อง... ห้ามร้องเด็ดขาดเลย จะต้องเข้าไปในงาน
มณฑลเสฉวน ณ โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องคนไข้พิเศษพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารชินซางยังคงอยู่ในห้วงญาณหลับใหลมาโดยตลอด พระพักตร์หล่อเหลาตราตรึงรัญจวนจิต รับกับขนตางามงอนเป็นแพยาวสวย พระนาสิกโด่งสันสวยขึ้นเป็นสันคม ภายใต้เกศาสีเงินยาวสยายเต็มหมอนที่กำลังถูกนางพยาบาลใช้แปรงหวีพระเกศาสีเงินยาวสยายอย่างเบามือ“ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังอีกเลยเนอะ พระเอกบางคนยังหล่อสู้ไม่ได้เลย เป็นลูกครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ถึงมีเส้นผมสีบลอนด์เงินแบบนี้ สีเงินสม่ำเสมอไม่ใช่สีขาวเพราะผมหงอกก่อนวัยด้วย แถมสูงเกือบสองเมตร หุ่นก็ดี๊ดี... กล้ามเนื้อแน่นไปทุกส่วนเลย เช็ดตัวให้ทีไรมีความสุขจริงๆ เลยนะเธอ” นางพยาบาลสองคนที่ช่วยกันดูแลคนไข้ปริศนา ต่างคุยกันอยู่ใกล้เตียงด้วยความเคลิบเคลิ้มอย่างยิ่งยวดตั้งแต่จอมมารถูกช่วยขึ้นจากน้ำตกในอุทยานแห่งชาติที่เดียวกันกับเฉินวาวา หากแต่พบพระองค์ห่างไกลออกไปนอนหมดสติอยู่ทางต้นน้ำ หลังจากนั้นได้ถูกช่วยจากเจ้าหน้าที่อุทยานนำส่งโรงพยาบาลเฉิงตู หลังพระชายาเข้าทำการรักษาไปแล้วหนึ่งวัน นับ
ร่างระหงตรงดิ่งเข้าสวมกอดนางพยาบาลที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด ในขณะที่อีกฝ่าย อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมนางร้ายหน้าสวยจึงรู้จักชื่อของเธอ สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“คุณเฉินวาวารู้จักชื่อของฉันด้วยเหรอคะ” นางพยาบาลที่เหมือนมู่อิงราวเป็นคนเดียวกันถามทำลายความเงียบหญิงสาวที่กำลังสวมกอดด้วยความดีใจ ยิ้มกว้างพร้อมหยาดน้ำตาก่อนจะปล่อยร่างนั้นออกจากอ้อมกอดของเธอเพื่อสำรวจใบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ครั้นยิ่งมองยิ่งเหมือนมู่อิงในยุคอดีตทำให้เฉินวาวายิ่งหลั่งน้ำตามากขึ้นไปกว่าเดิม“ขอโทษด้วยคะ พอดีคุณเหมือนกับคนที่ฉันรู้จักมากๆ เธอมีชื่อและหน้าตาเหมือนกับคุณพยาบาลไม่มีผิดเพี้ยน ก็เลยทำให้นึกถึงและคิดถึงมากด้วย”หญิงสาวตอบพลางส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมาทันทีนางพยาบาลสาวถึงกับน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที เธอเอื้อมมือไปจับมือเรียวสวยของนางร้ายที่เธอชื่นชอบ พร้อมเอ่ยปลอบโยน“อย่าร้องไห้เลยนะคะ เดี๋ยวคนที่คุณรู้จักถ้ารู้ว่าร้องไห้เพราะคิดถึงแบบนี้จะไม่สบายใจเอาได้ ร้องไห้มากตาบวมเดี๋ยวไม่สวยนะคะ”หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาทันทีเม
ยุคอนาคตมณฑลเสฉวน ณ.โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องพิเศษบัดนี้ร่างงามระหงของเฉินวาวา กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาล หญิงสาวได้กลับคืนสู่ยุคอนาคต และยังคงอยู่บนผืนแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ เธอหลับใหลตั้งแต่อยู่ในอดีตกาลจนกระทั่งกลับมาสู่อนาคตอย่างไม่คาดฝันร่างของเธอถูกพบอยู่บริเวณน้ำตกในอุทยานแห่งชาติในชุดเกราะและสวมหน้ากากทองคำอยู่ด้วยในขณะนั้น แผลจากคมธนูที่ถูกฮ่องเต้แคว้นเยว่ยิงปักถูกร่างนั้น ถูกเย็บและได้รับรักษาเป็นอย่างดีจากแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีใครล่วงรู้ว่าเธอมาปรากฏกายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเพราะเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ในขณะที่การพบนางร้ายหน้าสวยเฉินวาวาเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง เพราะหญิงสาวหายสาบสูญไปนานกว่าหนึ่งเดือน อันเป็นระยะเวลาของโลกอนาคตที่ดำเนินอยู่ ซึ่งแตกต่างจากยุคอดีตที่จากมากาลเวลาในยุคอดีตผ่านไปแล้วหนึ่งปีในขณะที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนักข่าวต่างรอทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น เมื่อข่าวการค้นพบของเฉินวาวา นางร้ายหน้าสว
ฉับพลันสุรเสียงของจอมมารชินซางดังกระหึ่มท่ามกลางทะเลเพลิง“มันผู้ใดหาญกล้าแตะต้องราชินีของข้า!” สุรเสียงของจอมมารดังกึกก้อง พร้อมพระวรกายค่อยๆ ปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลเพลิงที่ลุกโชนท่วมสูงทิวเขาต่อหน้ากองทัพของทั้งสามแคว้นท่ามกลางสายตาของมนุษย์ที่มีมากมายเป็นเรือนแสนของสองฝั่งแม่น้ำ ต่างยืนมองอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นบุรุษสวมอาภรณ์สีนิลกาฬ เกศาสีเงินปลิวยายสยาย ในขณะที่รองแม่ทัพซึ่งล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อเห็นชินอ๋องทรงฟื้นขึ้นดั่งเดิมและปรากฏอยู่ตรงหน้าท่ามกลางทะเลเพลิงอยู่ในขณะนี้“ชินอ๋องทรงฟื้นแล้ว! พระองค์ช่วยพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ฮ่องเต้โฉดผู้นี้กำลังจะจับพระชายาถ่วงน้ำ!” รองแม่ทัพตะโกนแทรกออกไปทันทีและนั่นทำให้ชิงอวิ้นฮ่องเต้ถึงกับชะงักงันเมื่อบุรุษสูงใหญ่ตรงพระพักตร์แท้จริงแล้วคือชินอ๋องผู้วายชนม์ไปแล้วเมื่อสามเดือนก่อนแต่บัดนี้กลับมาปรากฏพระวรกายด้วยร่างที่ยังคงรูปมิเน่าเปื่อยแต่อย่างใด“เป็นไปไม่ได้! คนตายแล้วฟื้นคืนกลับมาอย่างนั้นรึ!” รับสั่งรำพึงรำพันในขณะเดียวกันพระวรกายสูงใหญ่ทะ
ในขณะเดียวกันตำหนักลับทันทีที่เฉินวาวาราชินีปีศาจของจอมมาร ปลดปล่อยไอปีศาจจนทำลายแคว้นเยว่พินาศวอดวาย พระวรกายของจอมมารที่ตกอยู่ในห้วงญาณแห่งการหลับใหลมีความรู้สึกขึ้นมาโดยพลัน“ตึก ตึก ตึก” พระวรกายใหญ่เริ่มกระตุกติดต่อกันอย่างไม่รู้สาเหตุแรงกระตุกดังกล่าวราวกับทรงสัมผัสได้ว่าราชินีของพระองค์ตกอยู่ในห้วงอันตราย และทันทีที่ร่างระหงล้มลงหมดสติจอมมารชินซางก็ทรงตื่นจากห้วงญาณแห่งการหลับใหลขึ้นมาทันที“พรึ่บ!” เปลือกพระเนตรเปิดขึ้นทันใดพระเนตรสีเลือดวาววับขึ้นมาทันที พระวรกายใหญ่ลุกพรวดพราดจากฟูกบรรทมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“วาเอ๋อร์! วาเอ๋อร์ของข้า!” รับสั่งเพรียกหาพระชายาพระวรกายใหญ่ลุกจากแท่นพระบรรทมโดยพลัน ก่อนจะซวนเซไปมาเมื่อพระองค์หลับใหลไปนานเกือบสามเดือนแต่ต้องตื่นก่อนกำหนดเพราะความรักที่ทั้งสองมอบให้แก่กันสื่อสัมผัสให้จอมมารชินซางออกจากญาณหลับใหลก่อนกำหนดที่ควรจะเป็น ทำให้การรวบรวมพลังเวทและตบะขั้นที่แปดหวนคืนกลับมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นบัดนี้พระเนตรสีเล
แคว้นเยว่เมืองหลวงมี่โจแผนผังวางระเบิดตามจุดถูกกางออกอยู่ตรงหน้านางร้ายจากยุคอนาคตในขณะนี้ หญิงสาวนั่งอยู่บนหลังม้ามองตรงไปจากเนินเขาสูง เบื้องล่างคือเมืองหลวงแคว้นเยว่ นามว่ามี่โจเป็นเมืองที่มีอาณาเขตกว้างขวาง แต่มีสิ่งปลูกสร้างไม่แออัดหรือสร้างติดต่อกัน ด้วยเป็นเมืองที่เพิ่งจะผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ ซึ่งสิ่งปลูกสร้างเดิมถูกเผาทำลายเมืองครั้งผลัดเปลี่ยนราชวงศ์และการแย่งชิงความเป็นใหญ่ดังกล่าวจึงทำให้แคว้นเยว่มิได้เจริญเติบโตเท่าที่ควรจะเป็น เจ้าผู้ครองแคว้นฝักใฝ่ในการทำสงครามโดยมิประมาณตนว่ากองทัพมีศักยภาพมากน้อยเพียงใด พื้นที่กว้างใหญ่แต่ไม่มีบุรุษลงมือทำการเกษตรเพราะถูกเกณฑ์เข้ากองทัพเพื่อไปรบทำสงครามจนหมด“จุดชนวนแล้วระเบิดกำแพงเมืองที่โอบล้อมให้พังทลายลงทั้งหมด ระเบิดคลังแสงของทหาร ตัดกำลังอาวุธ ระเบิดพระราชวังหลวงเพื่อข่มขวัญฮ่องเต้แคว้นเยว่ ระเบิดวังหลวงให้หมดทุกตำหนักและทุกที่ สุดท้ายระเบิดคลังเสบียงแล้วนำไปแจกจ่ายให้กับชาวเมือง หลังจากนั้นสายน้ำดำที่ฝังอยู่นอกตัวเมืองทุกจุด ให้ระเบิดขึ้นพร้อมก
แคว้นเยว่ ในขณะเดียวกันท่ามกลางทะเลเพลิงที่ลุกโชนท่วมสูงดั่งขุนเขาต่อหน้ากองทหารของราชินีปีศาจ และกองทหารแคว้นเยว่ที่ควบคุมตัวเฉินวาวาเอาไว้ตั้งแต่คราแรก หากแต่ในเวลานี้ต่างยอมจำนนกันหมดสิ้นทุกสายตาต่างยืนมองทะเลเพลิงเบื้องหน้าอย่างตื่นตะลึง ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าม้าคล้ายกองกำลังทหารกลุ่มใหญ่วิ่งมาหยุดอยู่ด้านหลัง พร้อมกำลังทหารกระจายล้อมรอบไปทั่วบริเวณ“อะไรกันนี่! แคว้นเยว่ถูกทำลา