ปกติแล้วป้าหวู่ถือว่าเป็นคนสงบทำไมถึงลนลานขนาดนี้ล่ะ?ซ่งอวิ้นอวิ้นวางสิ่งที่ทำอยู่ แล้วถาม “ป้าหวู่เป็นอะไรไปคะ?”ป้าหวู่ยื่นมือถือไปตรงหน้าเธอ “ดูนี่สิคะ”สายตาของซ่งอวิ้นอวิ้นมองไปที่หน้าจอมือถือ มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า มีคนเอาไปโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต แล้วตัดเอาบางส่วนออก แล้วบอกเล่าให้เธอกลายเป็นผู้หญิงไม่ดีที่ชั่วร้ายมากไม่ต้องคิดเธอก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือใคร!เรื่องที่ไป๋ซิ่วฮุ่ยก่อความวุ่นวายเมื่อเช้า ก็เพื่อตอนนี้น่ะเหรอ?เพราะว่าตอนนี้อินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนาแล้ว อยากจะทำลายภาพลักษณ์ใครมันง่ายมาก ขอแค่ยอมจ่ายเงินซื้อความนิยม คนในเน็ตตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีหัวคิดกันอยู่แล้วด้วย เห็นอะไรก็เชื่อตามนั้นไปซะหมด ไม่เคยไปสืบหาความเป็นจริงของเรื่องเลยยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพวกทัศนคติผิดเพี้ยนที่สามารถกดดันคนดี ๆ คนหนึ่งจนตายได้เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเห็นข่าวหนึ่ง เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้ผู้ชายส่งพัสดุไปส่งอาหารให้พ่อเธอเด็กผู้หญิงคนนั้นขอบคุณคนส่งพัสดุสำหรับความช่วยเหลือ ก็ให้ซองแดงกับคนส่งพัสดุ แต่คนส่งพัสดุไม่เอา จิตใจที่อยากช่วยเหลือคนทำให้เขาบอกปฏิเสธไป แต่เด็
ตอนเย็นเจียงเย่าจิ่งไม่ได้กลับมาซ่งอวิ้นอวิ้นก็ไม่ได้สนใจ เธอไม่มีงานทำ จึงอยู่แต่ในคฤหาสน์ ทำงานแพทย์ให้คำปรึกษาแบบพาร์ทไทม์ไปพลาง ขณะที่พักฟื้นไปด้วยไม่ได้ออกจากห้อง และไม่ได้ไปสนใจข่าวนั่นด้วยยิ่งไม่ได้สนใจเลยว่าเรื่องมันไปถึงขั้นไหนแล้วเจียงเย่าจิ่งไม่ได้กลับมาหลายวันติดต่อกันแล้วซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีในการหนี จึงบอกกับป้าหวู่ “เอาใบรับชุดมาให้ฉันหน่อยสิคะ ฉันจะไปเอาชุดกลับ”“เดี๋ยวป้าไปเอาให้ดีกว่าค่ะ” ป้าหวู่พูดซ่งอวิ้นอวิ้นพูด “ฉันอยากออกไปสูดอากาศน่ะค่ะ เลยถือโอกาสจะไปเอากลับมาด้วยเลย”ที่จริงแล้วเธอเตรียมจะไปเอาชุดแล้วก็ไปเลยป้าหวู่เอาใบรับชุดมาให้เธอ เธอมองป้าหวู่ แล้วยื่นมือออกไปกอดเธอ “ป้าหวู่ ฉันทำใจไปจากป้าไม่ได้เลยค่ะ”ป้าหวู่ยิ้ม “คุณพูดอะไรกันคะเนี่ย? ใช่ว่าเราจะไม่เจอกันแล้วสักหน่อย”ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่สามารถพูดให้มันชัดได้ ทำได้แค่ยิ้มให้เธอแล้วออกไปเธอเพิ่งจะมาถึงร้านซักแห้ง มือถือก็ดังขึ้น เธอจึงรับโทรศัพท์ก่อน ยังไม่เข้าไปในร้าน“อวิ้นอวิ้น เธอยังจำฉันได้ไหม?”ซ่งอวิ้นอวิ้นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงจำได้ “ครูหลี่”“ใช่ ฉันเอง เธอรู้นี่ว่
เดิมทีเจียงเย่าจิ่งไม่ได้สนใจ แต่พอหวางเหยาชิ่งเตือน ถึงได้มองไปที่เวทีแสงไฟสว่างขึ้น ร่างที่สวยงามนั่งอยู่หน้าเปียโนเขาขมวดคิ้ว ประหลาดใจมากคาดไม่ถึงว่าซ่งอวิ้นอวิ้นจะปรากฏตัวที่นี่คาดไม่ถึงว่าเธอเล่นเปียโนได้หวางเหยาชิ่งพูด “คุณซ่งนี่มีความสามารถมากเลยนะ ได้ยินภรรยาผมบอกว่าเต้นก็เก่งด้วย”สายตาของเจียงเย่าจิ่งจ้องไปบนเวทีนิ้วเรียวของซ่งอวิ้นอวิ้นวางลงบนเปียโนเบา ๆ ร่างกายเธอผ่อนคลาย ปลายนิ้วนั้นกดลงที่คีย์เปียโน เสียงตัวโน้ตแรกดังขึ้น จากนั้นจังหวะช้า ๆ ก็บรรเลงขึ้นมา เป็นท่วงทำนองที่ไพเราะ...หวางเหยาชิ่งไม่รู้เรื่องเปียโน จึงคิดแค่อยากจะแบ่งปันความสุขกับเจียงเย่าจิ่ง “ผมใช้ความคิดไปเยอะมาก เพื่อการคิดค้นพัฒนายานี้ ในช่วงหลังถ้าไม่มีเงินทุนก้อนใหญ่จากคุณ ก็คงไม่สามารถคิดค้นมาได้เร็วขนาดนี้”การปรากฏตัวของเจียงเย่าจิ่งวันนี้ ก็เพราะว่าเขาเป็นนักลงทุนนั่นเองมีสิทธิ์ในการถือครองและสิทธิ์ในการออกเสียง“หลังจากนี้ เรื่องการตั้งราคาขายก็จะต้องมีการประชุมกัน ไม่ทราบว่าวันมะรืนคุณมีเวลามาเข้าร่วมไหมครับ?”เจียงเย่าจิ่งไม่มีกะจิตกะใจฟังคำพูดของเขาจิตใจและสายตาของเขาอยู่บ
เวลานี้เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่าเจียงเย่าจิ่งเป็นนักลงทุนของสามีครูหลี่วันนี้ต้องมาด้วยแน่นอนเธอกุมหน้าผาก เธอลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?“เร็วสิ!”ทางนั้นออกคำสั่งเธอตอบ “ฉันรู้แล้ว”เธอวางสายแล้วบอกผู้ชายใส่แว่น “ขอโทษนะคะ ฉันมีธุระ คงต้องไปก่อน”พูดเสร็จก็รีบสาวเท้าไปที่รถริมถนนมือของเธอเพิ่งจะแตะที่ประตูรถด้านหลัง เจียงเย่าจิ่งก็พูดขึ้นมา “นั่งข้างหน้า”ซ่งอวิ้นอวิ้นจึงไปนั่งที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่เต็มใจเธอเพิ่งจะนั่งลง เจียงเย่าจิ่งก็เอ่ยปากทันที ด้วยน้ำเสียงจนใจ“ซ่งอวิ้นอวิ้น เธอจะอยู่อย่างสงบหน่อยไม่ได้หรือไง?”ซ่งอวิ้นอวิ้นขมวดคิ้ว คิดว่าเขาเป็นบ้าหรือเปล่าเธอไม่สงบตรงไหน?เธอไปหาเรื่องอะไรให้เขาไม่พอใจอีก?“คุณอย่ามาหาเรื่อง” เธอคาดเข็มขัดเจียงเย่าจิ่งไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร พอเจอกับเธอ บวกกับเสียงที่เธอพูด เขาก็โกรธขึ้นมาได้ง่าย ๆ เลยตั้งแต่ที่รู้จักผู้หญิงคนนี้ เขาก็ไม่ค่อยจะดีเลย!“ต่อไปห้ามคุยกับคนอื่น เธอยังไม่ได้หย่า”เขาพยามควบคุมความโกรธซ่งอวิ้นอวิ้นก็ไม่อยากจะทำให้เขาโกรธ อย่างไรเธอก็จะไปอยู่แล้ว ก็อยากจะทิ้งความทรงจำดี ๆ ไว้ให้เขา“ค่ะ ฉันจะ
เจียงเย่าจิ่งรู้ว่าผิวของเธอขาว แต่พอได้สัมผัสถึงรู้ว่ามันนุ่มและเนียนละเอียดขนาดนี้ใจของเขาราวกับมีขนนกมาแตะเบา ๆความลุ่มหลงแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกหลงใหลซ่งอวิ้นอวิ้นตกใจเบิกตาโพลง รูม่านตาสั่นเขา… กำลังทำอะไรกัน?ไม่ไม่ได้สภาพร่างกายของเธอตอนนี้ ทำเรื่องแบบนั้นกับใครไม่ได้แต่เจียงเย่าจิ่งในตอนนี้กลับรุกล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ!เธอดึงมือที่เขารวบเอาไว้ออกไม่ได้ หัวใจเต้นรัว แล้วกัดริมฝีปากของเขาที่กำลังสร้างความวุ่นวายอยู่บนปากของเธอ!เจียงเย่าจิ่งเจ็บจึงคลายแรง เธอจึงถือโอกาสผลักเขาออกเธอจ้องด้วยสายตาโกรธแล้วถาม “เจียงเย่าจิ่ง นี่มันหมายความว่าอะไร? คุณเห็นฉันเป็นอะไร? คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่จะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนก็ได้เหรอ?”เจียงเย่าจิ่งมองเธอ แล้วตั้งสติออกจากความลุ่มหลงแล้วพูด “หรือว่าไม่ใช่?”ซ่งอวิ้นอวิ้นเกือบจะง้างมือขึ้นมาตบหน้าเขาแต่เธออดทนไว้เธอทำไม่ได้ และไม่กล้าด้วย!“ไม่ใช่ ฉันผ่านผู้ชายมาก่อนก็จริง แต่ก็แค่คนเดียว ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะขึ้นเตียงกับใครก็ได้” เวลานี้เธอใจเย็นมากแล้วน้ำเสียงก็สงบมากถ้าเธอโกรธ แล้วตะโกนโวยวาย เจียงเย่าจิ่งอาจจ
ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงสายตากลับมา แล้วก้มหน้าลง มีความรู้สึกบางอย่างในสายตาของเธอแต่ไม่นานก็หายไปครึ่งชั่วโมงผ่านไป เธอทำอาหารเสร็จแล้วอาหารบ้าน ๆ ที่ทำง่าย ๆไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเจียงเย่าจิ่งนั่งลงหน้าโต๊ะอาหาร มองอาหารที่มีแค่สำหรับคนเดียวแล้วถาม “เธอไม่กินเหรอ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบ “ฉันไม่หิวค่ะ”เธอเองก็นั่งลง ไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน แม้ว่าจะไม่กินแต่ก็อยู่เป็นเพื่อนเขาพวกเขาก็นับว่าเป็นสามีภรรยากันนี่นะ?แม้ว่าจะมีเพียงแค่ทะเบียนสมรส แต่อย่างอื่นไม่มีอะไรที่ดูคล้ายสามีภรรยากันเลยวันนี้พวกเขาปรองดองกันอย่างน่าประหลาดทีเดียว......วันรุ่งขึ้น พวกเขากินข้าวเช้าด้วยกันเจียงเย่าจิ่งพูด “ฉันจะไปบริษัท เลยจะแวะไปส่งเธอที่โรงพยาบาลด้วย”ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้บอกเขาว่าตัวเองไม่ได้ทำงานที่โรงพยาบาลแล้วเธอก้มหน้ากินข้าวไปพร้อมกับตอบเขาไปด้วย “วันนี้ฉันไม่ไปโรงพยาบาลค่ะ”เจียงเย่าจิ่งคิดว่าสุขภาพเธอยังไม่ค่อยดี จึงไม่ได้พูดอะไรมาก“ฉันทำให้เธอได้เป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลกลางได้นะ...”“ไม่ต้องหรอกค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มเจียงเย่าจิ่งดีเกินไป เธอยังไม่คุ้นชินถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอจะต
เลขาโทรเข้ามา เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว “ไม่มีบันทึกการซื้อตั๋วและการเดินทางค่ะ”ซ่งอวิ้นอวิ้นให้หานซินเดินทางไปก่อน แน่นอนว่าเธอจะไม่ใช้ชื่อจริงในการเดินทาง หรือแม้แต่การเดินทางที่ต้องซื้อตั๋วซึ่งสามารถสาวมาถึงเธอได้ เธอเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เธอเพิ่งซื้อรถมือสองมาเมื่อไม่นานมานี้ จอดอยู่ที่ลานจอดรถใต้ห้างสรรพสินค้า เส้นทางที่จะหลบหนีก็วางแผนไว้เรียบร้อย เลี่ยงทางที่มีกล้องวงจรปิด พยายามหนีออกไปอย่างไร้ร่องรอย เธอเลือกเดินทางจากห้างสรรพสินค้า เพราะอย่างแรกที่ห้างมีคนจำนวนมาก และเธอจะปลอมตัวเพื่อเลี่ยงการตามตัวเจอเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบร่องรอยของเธอแม้ว่าจะอยากตามหาแค่ไหน ก็ไร้แม้แต่จุดเริ่มต้นให้เริ่ม เจียงเย่าจิ่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าแล้ว ไม่พบร่องรอยของเธอแม้แต่น้อย ทั้งเลขาและคนขับรถไม่มีใครกล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียว พากันก้มหน้าสีหน้าของเจียงเย่าจิ่งเยือกเย็นเขาไม่พูดอะไรสักคำ แต่รังสีที่แผ่ออกมา คล้ายกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้ามา ทำให้คนอื่นพากันหายใจไม่ถนัด “ไม่ว่าจะต้องใช้เส้นสายมากขนาดไหน ยังไงก็ต้องนำตัวเธอกลับมาให้ได้!” เขาตะโกน “ค
เธอเม้มริมฝีปาก “หนูท้องค่ะ”หานซินตกตะลึงทานข้าวได้ไม่กี่คำ เธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อว่า “ลูกท้องเหรอลูก?” ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้ารับ “ลูกของเจียงเย่าจิ่งใช่ไหม?” หานซินรู้ดีว่าลูกสาวของเธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน ซ่งลี่เฉิงค่อนข้างเข้มงวดกับซ่งอวิ้นอวิ้นมาก อีกทั้งลูกสาวของเธอยังเป็นเด็กดีรักนวลสงวนตัว จะมีก็แต่แต่งงานกับเจียงเย่าจิ่งคนที่หานซินพอนึกได้ก็มีเพียงแค่เจียงเย่าจิ่งซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร ซ้ำยังพูดไม่ออก จะพูดออกมาได้อย่างไรกันว่าไม่รู้ว่าพ่อเด็กคือใคร?ถ้าอย่างนั้นหานซินจะคิดเช่นไร?เป็นเพราะหานซินนึกว่าเด็กเป็นลูกของเจียงเย่าจิ่ง เธอจึงพอรับได้อย่าบอกว่าไม่รู้เสียจะดีกว่า เพราะมันจะทำให้เธอเป็นกังวล “อืม” เธอก้มศีรษะลง ไม่กล้าสบตาหานซินเพราะว่าเธอพูดโกหกคำโตออกไป หานซินคีบอาหารให้เธอ พร้อมถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ตอนท้องน่ะต้องกินเยอะ ๆ นะลูก แพ้ท้องไหม? ท้องกี่เดือนแล้ว?”ซ่งอวิ้นอวิ้นเงยหน้า จ้องมองผู้เป็นแม่ “แม่ แม่จะว่าอะไรไหมถ้าหนูจะเก็บเด็กคนนี้ไว้?”เธอเริ่มเป็นกังวล กังวลว่าหานซินจะมองว่าเพราะเธอหย่าแล้ว จะขอ
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื