เวลานี้เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่าเจียงเย่าจิ่งเป็นนักลงทุนของสามีครูหลี่วันนี้ต้องมาด้วยแน่นอนเธอกุมหน้าผาก เธอลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?“เร็วสิ!”ทางนั้นออกคำสั่งเธอตอบ “ฉันรู้แล้ว”เธอวางสายแล้วบอกผู้ชายใส่แว่น “ขอโทษนะคะ ฉันมีธุระ คงต้องไปก่อน”พูดเสร็จก็รีบสาวเท้าไปที่รถริมถนนมือของเธอเพิ่งจะแตะที่ประตูรถด้านหลัง เจียงเย่าจิ่งก็พูดขึ้นมา “นั่งข้างหน้า”ซ่งอวิ้นอวิ้นจึงไปนั่งที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่เต็มใจเธอเพิ่งจะนั่งลง เจียงเย่าจิ่งก็เอ่ยปากทันที ด้วยน้ำเสียงจนใจ“ซ่งอวิ้นอวิ้น เธอจะอยู่อย่างสงบหน่อยไม่ได้หรือไง?”ซ่งอวิ้นอวิ้นขมวดคิ้ว คิดว่าเขาเป็นบ้าหรือเปล่าเธอไม่สงบตรงไหน?เธอไปหาเรื่องอะไรให้เขาไม่พอใจอีก?“คุณอย่ามาหาเรื่อง” เธอคาดเข็มขัดเจียงเย่าจิ่งไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร พอเจอกับเธอ บวกกับเสียงที่เธอพูด เขาก็โกรธขึ้นมาได้ง่าย ๆ เลยตั้งแต่ที่รู้จักผู้หญิงคนนี้ เขาก็ไม่ค่อยจะดีเลย!“ต่อไปห้ามคุยกับคนอื่น เธอยังไม่ได้หย่า”เขาพยามควบคุมความโกรธซ่งอวิ้นอวิ้นก็ไม่อยากจะทำให้เขาโกรธ อย่างไรเธอก็จะไปอยู่แล้ว ก็อยากจะทิ้งความทรงจำดี ๆ ไว้ให้เขา“ค่ะ ฉันจะ
เจียงเย่าจิ่งรู้ว่าผิวของเธอขาว แต่พอได้สัมผัสถึงรู้ว่ามันนุ่มและเนียนละเอียดขนาดนี้ใจของเขาราวกับมีขนนกมาแตะเบา ๆความลุ่มหลงแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกหลงใหลซ่งอวิ้นอวิ้นตกใจเบิกตาโพลง รูม่านตาสั่นเขา… กำลังทำอะไรกัน?ไม่ไม่ได้สภาพร่างกายของเธอตอนนี้ ทำเรื่องแบบนั้นกับใครไม่ได้แต่เจียงเย่าจิ่งในตอนนี้กลับรุกล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ!เธอดึงมือที่เขารวบเอาไว้ออกไม่ได้ หัวใจเต้นรัว แล้วกัดริมฝีปากของเขาที่กำลังสร้างความวุ่นวายอยู่บนปากของเธอ!เจียงเย่าจิ่งเจ็บจึงคลายแรง เธอจึงถือโอกาสผลักเขาออกเธอจ้องด้วยสายตาโกรธแล้วถาม “เจียงเย่าจิ่ง นี่มันหมายความว่าอะไร? คุณเห็นฉันเป็นอะไร? คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่จะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนก็ได้เหรอ?”เจียงเย่าจิ่งมองเธอ แล้วตั้งสติออกจากความลุ่มหลงแล้วพูด “หรือว่าไม่ใช่?”ซ่งอวิ้นอวิ้นเกือบจะง้างมือขึ้นมาตบหน้าเขาแต่เธออดทนไว้เธอทำไม่ได้ และไม่กล้าด้วย!“ไม่ใช่ ฉันผ่านผู้ชายมาก่อนก็จริง แต่ก็แค่คนเดียว ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะขึ้นเตียงกับใครก็ได้” เวลานี้เธอใจเย็นมากแล้วน้ำเสียงก็สงบมากถ้าเธอโกรธ แล้วตะโกนโวยวาย เจียงเย่าจิ่งอาจจ
ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงสายตากลับมา แล้วก้มหน้าลง มีความรู้สึกบางอย่างในสายตาของเธอแต่ไม่นานก็หายไปครึ่งชั่วโมงผ่านไป เธอทำอาหารเสร็จแล้วอาหารบ้าน ๆ ที่ทำง่าย ๆไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเจียงเย่าจิ่งนั่งลงหน้าโต๊ะอาหาร มองอาหารที่มีแค่สำหรับคนเดียวแล้วถาม “เธอไม่กินเหรอ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบ “ฉันไม่หิวค่ะ”เธอเองก็นั่งลง ไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน แม้ว่าจะไม่กินแต่ก็อยู่เป็นเพื่อนเขาพวกเขาก็นับว่าเป็นสามีภรรยากันนี่นะ?แม้ว่าจะมีเพียงแค่ทะเบียนสมรส แต่อย่างอื่นไม่มีอะไรที่ดูคล้ายสามีภรรยากันเลยวันนี้พวกเขาปรองดองกันอย่างน่าประหลาดทีเดียว......วันรุ่งขึ้น พวกเขากินข้าวเช้าด้วยกันเจียงเย่าจิ่งพูด “ฉันจะไปบริษัท เลยจะแวะไปส่งเธอที่โรงพยาบาลด้วย”ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้บอกเขาว่าตัวเองไม่ได้ทำงานที่โรงพยาบาลแล้วเธอก้มหน้ากินข้าวไปพร้อมกับตอบเขาไปด้วย “วันนี้ฉันไม่ไปโรงพยาบาลค่ะ”เจียงเย่าจิ่งคิดว่าสุขภาพเธอยังไม่ค่อยดี จึงไม่ได้พูดอะไรมาก“ฉันทำให้เธอได้เป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลกลางได้นะ...”“ไม่ต้องหรอกค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มเจียงเย่าจิ่งดีเกินไป เธอยังไม่คุ้นชินถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอจะต
เลขาโทรเข้ามา เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว “ไม่มีบันทึกการซื้อตั๋วและการเดินทางค่ะ”ซ่งอวิ้นอวิ้นให้หานซินเดินทางไปก่อน แน่นอนว่าเธอจะไม่ใช้ชื่อจริงในการเดินทาง หรือแม้แต่การเดินทางที่ต้องซื้อตั๋วซึ่งสามารถสาวมาถึงเธอได้ เธอเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เธอเพิ่งซื้อรถมือสองมาเมื่อไม่นานมานี้ จอดอยู่ที่ลานจอดรถใต้ห้างสรรพสินค้า เส้นทางที่จะหลบหนีก็วางแผนไว้เรียบร้อย เลี่ยงทางที่มีกล้องวงจรปิด พยายามหนีออกไปอย่างไร้ร่องรอย เธอเลือกเดินทางจากห้างสรรพสินค้า เพราะอย่างแรกที่ห้างมีคนจำนวนมาก และเธอจะปลอมตัวเพื่อเลี่ยงการตามตัวเจอเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบร่องรอยของเธอแม้ว่าจะอยากตามหาแค่ไหน ก็ไร้แม้แต่จุดเริ่มต้นให้เริ่ม เจียงเย่าจิ่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าแล้ว ไม่พบร่องรอยของเธอแม้แต่น้อย ทั้งเลขาและคนขับรถไม่มีใครกล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียว พากันก้มหน้าสีหน้าของเจียงเย่าจิ่งเยือกเย็นเขาไม่พูดอะไรสักคำ แต่รังสีที่แผ่ออกมา คล้ายกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้ามา ทำให้คนอื่นพากันหายใจไม่ถนัด “ไม่ว่าจะต้องใช้เส้นสายมากขนาดไหน ยังไงก็ต้องนำตัวเธอกลับมาให้ได้!” เขาตะโกน “ค
เธอเม้มริมฝีปาก “หนูท้องค่ะ”หานซินตกตะลึงทานข้าวได้ไม่กี่คำ เธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อว่า “ลูกท้องเหรอลูก?” ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้ารับ “ลูกของเจียงเย่าจิ่งใช่ไหม?” หานซินรู้ดีว่าลูกสาวของเธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน ซ่งลี่เฉิงค่อนข้างเข้มงวดกับซ่งอวิ้นอวิ้นมาก อีกทั้งลูกสาวของเธอยังเป็นเด็กดีรักนวลสงวนตัว จะมีก็แต่แต่งงานกับเจียงเย่าจิ่งคนที่หานซินพอนึกได้ก็มีเพียงแค่เจียงเย่าจิ่งซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร ซ้ำยังพูดไม่ออก จะพูดออกมาได้อย่างไรกันว่าไม่รู้ว่าพ่อเด็กคือใคร?ถ้าอย่างนั้นหานซินจะคิดเช่นไร?เป็นเพราะหานซินนึกว่าเด็กเป็นลูกของเจียงเย่าจิ่ง เธอจึงพอรับได้อย่าบอกว่าไม่รู้เสียจะดีกว่า เพราะมันจะทำให้เธอเป็นกังวล “อืม” เธอก้มศีรษะลง ไม่กล้าสบตาหานซินเพราะว่าเธอพูดโกหกคำโตออกไป หานซินคีบอาหารให้เธอ พร้อมถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ตอนท้องน่ะต้องกินเยอะ ๆ นะลูก แพ้ท้องไหม? ท้องกี่เดือนแล้ว?”ซ่งอวิ้นอวิ้นเงยหน้า จ้องมองผู้เป็นแม่ “แม่ แม่จะว่าอะไรไหมถ้าหนูจะเก็บเด็กคนนี้ไว้?”เธอเริ่มเป็นกังวล กังวลว่าหานซินจะมองว่าเพราะเธอหย่าแล้ว จะขอ
“พี่” ซ่งอวิ้นอวิ้นยิ้มพร้อมกับเดินไป กอดเธอคนนั้น“รบกวนพี่หน่อยนะคะ” เธอเลือกมาที่นี่เพราะอันลู่อาศัยอยู่ที่นี่ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลที่เลือกมาที่นี่ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เธอเห็นจากอินเทอร์เน็ตว่าที่นี่มีการประกาศขายสตูดิโอวาดภาพด้วย เธออยากซื้อต่อซ่งลี่เฉิงบังคับให้เธอเรียนอะไรตั้งมากมาย นอกจากการเป็นหมอแล้ว การวาดภาพเป็นเรื่องเธอชอบมากที่สุดเธอคุยกับผู้ขายผ่านทางออนไลน์มาเรียบร้อยแล้ววันนี้ที่มาพบอันลู่ ก็เพื่อพูดคุยเจรจา “รบกวนอะไรกัน” อันลู่ส่ายมือบอกเธอ และพูดอย่างเกรงใจว่า “พี่แค่ไปรับแม่เธอตอนมาถึงก็เท่านั้นเอง”เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ทำไมถึงอยากมาที่นี่ล่ะ? ครอบครัวเธออยู่ที่เมืองอวิ๋นนี่”ซ่งอวิ้นอวิ้นยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องมันยาวน่ะค่ะ”อันลู่ไม่ถามต่อ ใคร ๆ ก็ต่างมีเรื่องยากลำบากกันทั้งนั้น เธอไม่อยากพูด แน่นอนว่าเธอมีเหตุผลที่ไม่อยากพูดออกมา “เธออยากกินอะไร สั่งได้ตามสบายเลยนะ พี่เลี้ยงเอง” ถึงแม้ว่าอันลู่จะแก่กว่าซ่งอวิ้นอวิ้นแค่สองปี แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่หลังจากที่อันลู่ย้ายออกจากเมืองอวิ๋น พวกเขาก็ยังคง
ตอนนี้ในหัวของเจียงเย่าจิ่งมีแค่ความคิดเดียวที่ว่า ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน เขาจะต้องหาซ่งอวิ้นอวิ้นให้เจอ หลังจากนั้นค่อยเฉือนเธอเป็นชิ้น ๆ สำหรับเจียงเย่าจิ่งแล้ว การที่เธอทิ้งหนังสือสัญญาหย่าไว้ แล้วหนีหายไปเงียบ ๆ มันคือการทรยศหักหลังเขา!ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้มีความรู้สึกต่อกัน!แต่พวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน!เธอจะมาหนีไปแบบไม่บอกไม่กล่าวได้อย่างไร?คำว่าโกรธไม่อาจนิยามความขุ่นมัวในใจของเจียงเย่าจิ่งได้อีกต่อไป ครึ่งเดือนผ่านไป ฮั่วซุนไม่พบอะไรเลย ถึงแม้ว่าแทบกินทะเบียนราษฎร์ของซ่งอวิ้นอวิ้นแล้วก็ไม่พบว่าเธอมีการติดต่อกับชายใดเลย “หาไม่เจออย่างนั้นเหรอ?”เจียงเย่าจิ่งยืนอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ของคฤหาสน์เขายืดตัวตรง หันกลับมาพร้อมกับสูดลมหายใจเย็น ๆ ฮั่วซุนตอบตามจริงว่า “หาไม่พบครับ ไม่ว่าจะตอนเรียน หรือ ตอนทำงานแล้ว เธอไม่เคยคบผู้ชายคนไหนเลยครับ”เจียงเย่าจิ่งเลิกคิ้ว เขาคิดว่าฮั่วซุนอาจจะตรวจสอบไม่รอบคอบ เขาเห็นมากับตาว่าซ่งอวิ้นอวิ้นกินยาคุมกำเนิด ถ้าสาเหตุไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอย่างว่า แล้วจะกินของพรรค์นั้นไปทำไมกัน?เว้นเสียแต่ว่าเธอกำลังท้อง ถ้าไม่มีผู้ชา
ซ่งอวิ้นอวิ้นเองก็คาดไม่ถึงเลยว่าเจียงเย่าจิ่งจะ ‘บ้าระห่ำ’ได้ถึงขนาดนี้ เสนอเงินรางวัลตั้งขนาดนั้นเพื่อตามล่าตัวเธอ!เธออุตส่าห์คิดหาทางที่เจียงเย่าจิ่งจะหาเบาะแสของเธอไม่เจอแล้วได้แล้วแต่ไม่เคยคิดเลยว่าเจียงเย่าจิ่งจะใช้ประโยชน์จากความโลภของมนุษย์!ในท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็ว่อนไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ตราบใดที่ทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อสร้างแรงกระตุ้น การจะหาคนคนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก! “อวิ้นอวิ้น ทำยังไงดี? พวกเราต้องไปตั้งแต่ตอนนี้เลยไหมลูก?” หานซินถามออกมาอย่างร้อนใจ ซ่งอวิ้นอวิ้นส่ายหน้ามองผู้เป็นแม่ “แม่ อย่าพึ่งตื่นตูมไปเลยค่ะ”เธอเองก็กำลังบังคับให้ตัวเองใจเย็น ๆ “พูดมาเถอะ เขาตามหาลูกทำไม? ไม่ใช่ว่าหย่ากันด้วยดีหรอกเหรอ?” หานซินถามอย่างสงสัยซ่งอวิ้นอวิ้นเอามือปิดหน้า “หนูแอบหนีออกมาค่ะ”หานซิน “...”ทว่าเธอกลับเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่า คนเป็นลูกอยากจะหนีจากการแต่งงานที่เธอไม่ได้เป็นคนเลือก เธอเข้าใจลูกสาวดี เมื่อหานซินใจเย็นลงจึงพูดว่า “โลกออกจะกว้าง ยังไงเราก็หาที่พักใหม่ได้เสมอลูก”ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น เมื่อมองจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เธอคงทำ
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื