ซ่งอวิ้นอวิ้นตะลึงผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สังเกตว่ามีคนอยู่ เธอยังคงลูบไล้โต๊ะไปมาในใจก็จินตนาการว่าเจียงเย่าจิ่งอยู่ในห้องทำงาน!“อุแว้…”จู่ ๆ ซวงซวงก็ร้องขึ้นมาเลขาที่อยู่ในจินตนาการอยู่ก็ถูกดึงกลับมาด้วยเสียง หันกลับไปมองก็ไม่เห็นว่ามีคนอยู่ ประตูที่ถูกปิดไว้ มีการขยับ! เธอค่อย ๆ เดินไปดึงประตู ไม่มีคนอยู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอจัดเสื้อผ้า เงยหน้าขึ้นเดินออกไป แล้วปิดประตู!ซ่งอวิ้นอวิ้นที่ซ่อนตัวอยู่ตรงมุม สีหน้ายังประหลาดใจไม่หาย ยังคงตกใจกับพฤติกรรมของเลขาอยู่!เธอก้มลงไปมองลูกชาย หายใจเข้าลึก ๆ ให้ตัวเองผ่อนคลายซวงซวงกะพริบตา ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย เอาแต่มองไปที่ซ่งอวิ้นอวิ้น!ซ่งอวิ้นอวิ้นก้มหน้าลงค่อย ๆ จูบไปที่หน้าผากของลูกชาย กอดเขาไว้ หันหลังกลับตรงไปที่ลิฟต์แล้วกดลงไปเข้าไปนั่งในรถ เธอก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเธอคิดถึงเลขาของเจียงเย่าจิ่ง พฤติกรรมนั้น…ซ่งอวิ้นอวิ้นก็รู้สึกหนาวขึ้นมาร่างกายของเธอก็ขนลุกขึ้นมา และเธอก็สั่นไปทั้งตัว!บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหน้าถามขึ้น “พวกเราจะกลับกันเลยใช่ไหมครับ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า “อืม กลับกันเลย”ระหว่างทางซ่งอวิ้นอ
ช่างเถอะขอแค่เจียงเย่าจิ่งหายโกรธก็พอแล้ว“หมอคนนั้นยอมเป็นหมอประจำตัวของซวงซวงแล้วเหรอ?”เจียงเย่าจิ่งพูด “ไม่นะ”ไม่ว่าเจียงเย่าจิ่งจะจ่ายเงินมากแค่ไหน หมอคนนั้นก็ปฏิเสธ เขามีความฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับซวงซวง เขาก็จะรีบมาทันทีเสิ่นจือเชียนนึกถึงไคล์ สาเหตุหลักมาจากไคล์กำลังเตรียมตัวที่จะพัฒนาอาชีพของเขาในประเทศจีน โดยเฉพาะ แฟนสาวของเขามาจากประเทศจีน และสำหรับแฟนสาวของเขา เขาจึงละทิ้งอาชีพการงานของเขา อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มีความสามารถเท่าเขาไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม เขาสามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้!ดังนั้นไคล์ก็เลยไม่ได้ตอบรับเป็นหมอประจำตระกูล เพราะเขาต้องการที่จะช่วยรักษาเด็กมากมายนี่คือจรรยาบรรณในวิชาชีพซ่งอวิ้นอวิ้นคิด คนที่เลือกเป็นหมอ ต้องมีจิตสาธารณะคำตอบนั้นไม่ได้ทำให้เธอแปลกใจครืดครืด…โทรศัพท์ของซ่งอวิ้นอวิ้นดังขึ้น เธอเดินไปรับสายข้างนอกเป็นครูหลี่ที่โทรมา “ฉันอยากจะให้เธอช่วยงานฉันหน่อย”“อะไรเหรอคะ?”“เมืองของเราจัดการแข่งเต้นนี่ ที่ศูนย์กีฬาน่ะ ฉันคัดเลือกเป็นผู้ตัดสินแล้ว แต่ฉันมีธุระไปไม่ได้ ฉันอยากจะให้เธอไปแทน”ซ่งอวิ้นอวิ้นปฏิเสธ
เจียงเย่าจิ่งขมวดคิ้วเมื่อถูกถาม คำถามของเธอมันกะทันหันเกินไป กะทันหันมาก ๆทำไมถึงถามเกี่ยวกับเลขา?หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว“เขาเป็นเลขา” เจียงเย่าจิ่งไม่เคยสังเกตพฤติกรรมของเลขาเลย “ทำไมเธอถึงถามคำถามนี้ล่ะ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นนึกถึงท่าทางของเลขาที่ทำในห้องทำงานเขา ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “ฉันไปหาคุณที่บริษัท เห็นเธออยู่ในห้องทำงานของคุณ”เธอพูดอย่างครอบคลุมบางทีเลขาก็เข้าไปในห้องทำงานของเขา เจียงเย่าจิ่งก็ฟังไม่ออกว่ามีอะไรไม่เหมาะสม “แล้วทำไมเหรอ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นเม้มปาก หรือเป็นเพราะเธอคิดมากเกินไป?แต่เธอเห็นว่าเลขานอนอยู่บนโต๊ะทำงานของเจียงเย่าจิ่งจริง ๆ แล้วท่าทางของเธอนั้น… หรือว่า เธอจะตาฝาดเหรอ? แต่เธอจำได้ ตัวเองไม่ได้ตาฝาด!“อวิ้นอวิ้น เธอหึงเหรอ? เธอคิดว่าฉันมีผู้หญิงคนอื่น ถ้าเธอไม่วางใจ ฉันหาคนมาแทนเขาได้นะ” ใบหน้าของเจียงเย่าจิ่งที่มืดมน จู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาซ่งอวิ้นอวิ้นกระพริบตาปริบ ๆ แล้วถาม “คุณคิดว่าฉันหึงเหรอ?”“แล้วคิดว่าไงล่ะ?” เจียงเย่าจิ่งยิ้มแล้วถามซ่งอวิ้นอวิ้นยอมรับว่าตอนที่เธอเห็นท่าทางของเลขา เธอก็ตกใจ แล้วก็รู้สึกหนาวขึ้นมา แต่ไม่ได้หึงเลย
เจียงเย่าจิ่งทนท่าทางออดอ้อนของเธอไม่ไหว เขาทำอะไรไม่ถูกพลางยิ้ม “แล้วแต่เธอ”ซ่งอวิ้นอวิ้นยิ้มอย่างมีความสุข“ทำไมถึงมีความสุขขนาดนี้?”เจียงเย่าจิ่งเลิกคิ้ว“ฉันก็แค่อยากจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าเธอจะทำอะไร” ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดเจียงเย่าจิ่งหันไปมองเธอ เธอมีนิสัยที่ชอบสังเกตคนอื่นและชอบเอาชนะ แต่เขาก็ชอบเขาไม่ชอบผู้หญิงที่อ่อนแอ ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอนั้นแข็งแกร่ง และฉลาดเธอไม่ได้ไม่อ่อนโยน แต่ว่าร่างกายของเธอนั้นอ่อนนุ่มเขากอดเธอไว้จนไม่อยากจะปล่อยเลย เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งแข็งแกร่งและนุ่มนวลไม่นานก็ถึงห้าง รถก็หยุดลง พวกเขาลงจากรถ ซ่งอวิ้นอวิ้นหาเหรียญในกระเป๋าเพื่อใช้กับรถเข็น เสื้อผ้าและอาหารของเจียงเย่าจิ่งนั้นมีคนจัดการให้อยู่แล้ว เขาไม่เคยมาซื้อของที่ห้างด้วยตัวเองเลยอาหารที่อยู่ในบ้านก็มีป้าหวู่เป็นคนเตรียม ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ตนเองไม่ถนัดเลย เขาไม่ได้ออกความเห็นใด ๆ แค่เดินตามซ่งอวิ้นอวิ้นไปเงียบ ๆ ไม่ได้กลัวว่าเธอจะหายแต่แค่อยากอยู่ใกล้ ๆ เธอมือข้างที่ว่างของซ่งอวิ้นอวิ้นก็จูงมือเขาไว้ แล้วถามเสียงเบา “ไม่เคยมาเดินห้างใช่ไหม?”เจียงเย่าจิ่งค่อย ๆ
เธอจ้องมองแผ่นหลังของหลินหรุ่ยแล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ตอนนี้เธอแทบจะแน่ใจได้แล้วว่าหลินหรุ่ยคิดจะทำอะไร พิธีกรยังคอยตรวจดูเวลา ส่วนเธอกำลังรอคอยอยู่ในส่วนพักผ่อน มีคนเดินเข้ามาคุยกับเธอ "คุณใช่ครูสอนเต้นหรือเปล่าครับ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นส่ายหน้า "เปล่าค่ะ" "งั้นคุณก็เป็นกรรมการใช่ไหมครับ?" ชายหนุ่มถามขึ้นมา เขาเป็นกรรมการชาย ปกตินักเต้นจะมีรูปร่างผอมเพรียว แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับแลดูสะอาดสะอ้านและหวีผมเรียบแปล้ การแต่งตัวแบบนี้ทำให้เขาไม่แลดูมันเยิ้ม สิ่งนี้จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาแลดูสดชื่นแจ่มใส! ซ่งอวิ้นอวิ้นกำลังจะตอบ แต่เมื่อเธอเห็นหลินหรุ่ยเดินเข้ามาก็รีบแสร้งทำเป็นรู้สึกผิดแล้วพูดว่า "ฉันเป็นกรรมการค่ะ แต่ฉันมาที่นี่แทนคนอื่น" "โอ้ งั้นทำไมผมถึงไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยล่ะ ผมเห็นกรรมการในการแข่งเต้นแต่ละรอบมาหมดแล้วก็รู้จักอยู่หลายคน เพียงแต่ว่าดูเหมือนจะไม่คุ้นหน้าคุณเลย" ซ่งอวิ้นอวิ้นก้มหน้า "ฉันมาที่นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ฉันก็เลยไม่เข้าใจอะไรนักน่ะค่ะ" "ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวคุณมานั่งข้างผมก็ได้" ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบเสียงเบา
ก่อนที่พิธีกรจะทันได้พูดให้จบ จู่ ๆ ข้างล่างก็บังเกิดความโกลาหล บรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ ต่างไม่ยินยอมพร้อมใจ อย่างไรเสียพวกเขาก็ยุ่งตัวเป็นเกลียวกันถึงครึ่งค่อนวัน แต่กลับไม่นับผลการแข่งขันงั้นเหรอ? "ทำไมล่ะ? ลูก ๆ ของพวกเราพยายามมาทั้งวัน อีกอย่างพวกเราก็รออยู่ที่นี่ตั้งนานขนาดนั้นแล้ว จะไม่นับผลการแข่งขันได้ยังไงเล่า?" "ใช่ ฉันถึงขั้นลางานมาเพื่อลูกโดยเฉพาะเลยนะ" "ทำไมถึงไม่นับผลการแข่งขันล่ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? พวกเราสมควรได้รับคำอธิบายหรือเปล่า?" บรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ ท่ามกลางเหล่าผู้ชมดูอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเริ่มทยอยเดินลงมาทีละคน จากนั้นก็รู้สึกสับสนอยู่ชั่วขณะ ผู้เข้าร่วมการแข่งขันเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน "ทุกท่านโปรดใจเย็นก่อน พอดีเกิดเรื่องขึ้น พวกเราเพิ่งจะได้ข่าวมาว่ามีคนแอบอ้างเป็นกรรมการ ดังนั้นพวกเราจึงยกเลิกผลการแข่งขันครั้งนี้" น้ำเสียงไม่พอใจทางด้านล่างกลับดังขึ้นกว่าเก่า "เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? จะมีคนแอบอ้างเป็นกรรมการได้ยังไงกัน?" "เกิดช่องโหว่ในองค์กรของคุณงั้นเหรอ?" "..." น้ำเสียงไม่พอใจสารพัดรูปแบบดังขึ้นไร้ที่สิ้นสุด! ดูเหมือนชายหนุ่มที่เพิ่งจะ
หลินหรุ่ยราวกับจับจุดสำคัญได้จึงเอ่ยด้วยท่าทีอวดดีขึ้นมาว่า "ฉันรับรองได้เลยว่าเธอมันก็แค่หญิงเจ้ามารยาที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่กลับมาที่นี่เพื่อแอบอ้างตัวเป็นกรรมการ เธอทำให้ความพยายามของผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องสูญเปล่าและทำให้บรรดาผู้ปกครองต้องเสียเวลา ฉันอยากจะรู้เสียจริงว่าเธอได้ตำแหน่งมาได้ยังไงกันแน่?" เธอพูดจาส่อนัยบางอย่าง "เธอจะอาศัยอะไรได้อีกล่ะ? ดูท่าทางอ่อนแอเปราะบางของเธอสิ เธอคงจะขาย..." ก่อนที่คนผู้นั้นจะทันได้พูดให้จบ ซ่งอวิ้นอวิ้นก็จ้องเขม็งด้วยสายตาคมกริบ เมื่อคนผู้นั้นสบตากับซ่งอวิ้นอวิ้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที แม้แต่กรรมการชายที่คอยช่วยเหลือซ่งอวิ้นอวิ้น ก็สะดุ้งตกใจกับแววตาอำมหิตของเธอ ก่อนหน้านี้ซ่งอวิ้นอวิ้นทั้งพูดเสียงเบาและอ่อนแอเปราะบาง แต่จู่ ๆ แววตากลับแข็งกร้าว แตกต่างไปจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง "เธอบอกว่าฉันเต้นไม่เป็น แล้วถ้าฉันเต้นได้ล่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นถามขึ้นมา หลินหรุ่ยไม่เชื่อ "เธอไม่มีทางเต้นได้หรอก ถ้าเธอเต้นได้จริงล่ะก็ ฉันจะใช้มือเปล่าเช็ดถูเวทีให้ทั่วเลย" ซ่งอวิ้นอวิ้นถามเสียงเบา "เธอหมายความตามที่พูดใช่ไหม?" เมื่อเห็นท
หลินหรุ่ยโมโหจนตัวสั่น มิหนำซ้ำน้ำเสียงยังสั่นเครือไปด้วย "เพราะเธอตั้งใจทำแบบนี้ ไม่ถือว่านับ" เวทีใหญ่โตเสียขนาดนั้น ต่อให้เธอเช็ดถูสองวันก็คงทำได้ไม่หมดหรอก เธอไม่ยอมเสียหน้าเช่นนี้หรอก วันข้างหน้าเธอจะอยู่ในสังคมได้อย่างไร? คนอื่นจะมองเธออย่างไรกันเล่า? เธอมีส่วนพัวพันในการใส่ร้ายซ่งอวิ้นอวิ้น โดยเฉพาะนับแต่ครั้งแรกที่เธอถูกซ่งอวิ้นอวิ้นหลอกใช้ให้ทำร้ายเจียงเย่าเทียน เพราะเธอเชื่อว่าอีกฝ่ายหลอกง่าย เธอไม่อาจกล้ำกลืนเรื่องนี้ลงไปได้เลย เดิมทีเธออยากจะทำให้ซ่งอวิ้นอวิ้นต้องอับอายขายหน้า แต่... หลายครั้งที่เธอแทบอยากจะวิ่งเข้าไปบีบคอซ่งอวิ้นอวิ้นให้ตาย! ซ่งอวิ้นอวิ้นเดินเข้ามาหาอีกฝ่ายแล้วพูดว่า "เธอไม่ต้องทำความสะอาดเวทีก็ได้ ขอเพียงตอบคำถามฉันมาตามตรงก็พอ" "คำถามอะไร?" เมื่อหลินหรุ่ยรู้ว่ามีทางเลือกอื่นอยู่ เธอก็คิดว่ายังพอมีช่องทางให้หลบหลีกได้ "เธอได้ส่งข้อความไปหาซ่งรุ่ยเจี๋ยหรือเปล่า? เธอพาไป๋ซิ่วฮุ่ยออกมาจากคุกแล้วซ่อนตัวเขาเอาไว้ใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นถามเรื่องด้วยเจตนาอันเด่นชัด หลินหรุ่ยสีหน้าสับสนงุนงง "ซ่งรุ่ยเจี๋ย? ไป๋ซิ่วฮุ่ย ใครกัน?" ซ่งอวิ้นอวิ้นหรี่ต
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื