เขาไม่สบายอยู่แท้ ๆ แต่เธอกลับเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นคอยให้เขามาปลอบโยน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นายท่านเจียงรู้สึกว่าเธอด้อยกว่าซ่งอวิ้นอวิ้น ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะอ่อนไหวและน้ำตาคลอเบ้าจะชวนให้คนรู้สึกสงสาร แต่ถ้าหากอ่อนไหวมากเกินไปก็ทำให้คนรู้สึกรำคาญได้ โดยเฉพาะยามที่รู้สึกไม่สบาย แต่กลับต้องมาปลอบโยนคนอื่น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีความอดทนขนาดนั้นหรอก! “คุณปู่คะ คุณปู่เป็นฝ่ายบอกว่าอยากจะจับคู่ให้ฉันกับเย่าจิ่งก่อนไม่ใช่เหรอคะ?” หยางเชี่ยนเชี่ยนสำลักก้อนสะอื้น นายท่านเจียงพูดอย่างมีน้ำอดน้ำทนว่า “นั่งลงก่อนเถอะ” พ่อบ้านเฉียนเตือนสติเธอว่า “ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะครับ คุณมัวแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่แบบนั้น ก็ไม่ได้ยินสิ่งที่คุณพูดกันพอดีน่ะสิ” หยางเชี่ยนเชี่ยนเหลือบมองพ่อบ้านเฉียนแล้วค่อยหันมามองนายท่านเจียง ถึงแม้ว่านายท่านเจียงจะไม่โกรธ แต่เขาก็ไม่ใช่คนสุภาพอ่อนโยนเช่นเคย เธอฉลาดพอที่จะเข้าใจถึงเจตนาดีของพ่อบ้านเฉียน จากนั้นก็เช็ดน้ำตาแล้วพูดออกมา เมื่อเธอมั่นใจว่าสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “คุณปู่รู้ไหมคะ? เย่าจิ่งจะโยกย้ายฉันไปที่บริษัทสาขา ถ้าเกิดเร
ตอนนี้เจียงเย่าจิ่งชักจะเริ่มตีตัวออกหากจากเขามากขึ้นทุกที ๆ! “คุณปู่หมายความว่ายังไงกันคะ? คุณปู่จะไม่สนใจเรื่องของฉันอีกต่อไปแล้วเหรอคะ?” หยางเชี่ยนเชี่ยนสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามคาด “ฉันแก่แล้ว เรื่องที่พอจะช่วยเธอได้ก็มีอยู่จำกัด เธอจะเอาชนะใจเย่าจิ่งได้หรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้ว ถ้าเธออยากจะอยู่กับเขาไปชั่วชีวิตและทำให้เขาหลงรักเธอล่ะก็ เธอต้องแสดงความสามารถของตัวเองออกมา เธออยากให้เขาชอบเธอหรือเปล่าล่ะ?” นายท่านเจียงถอนหายใจ “เธอว่าถ้าเธอเจอปัญหาอะไรก็มาหาฉัน แล้วฉันจะแก้ปัญหาอะไรได้เล่า?” หยางเชี่ยนเชี่ยนกัดริมฝีปาก รู้สึกเจ็บใจนัก! “ถ้าเธอบังเอิญประสบอันตรายหรือได้รับบาดเจ็บระหว่างทางไปบริษัทสาขา เธอก็จะถ่วงเวลาไปได้สักระยะไม่ใช่หรือไง? เธอซื้อเวลาเอาไว้แล้วค่อยมาปะติดปะต่อเรื่องราวดูสิ!” นายท่านเจียงอธิบายชัดเจนมากแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่ตัวเธอเอง “ฉันเหนื่อยแล้ว กลับไปเถอะ” หยางเชี่ยนเชี่ยนค่อยตระหนักได้ทีหลังว่า “วันนี้ฉันมารบกวนการพักผ่อนของคุณปู่แล้ว ฉันมาที่นี่ก็เพราะฉันรู้สึกร้อนใจ คุณปู่คะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ถ้าฉันเจอเรื่องแบบนั้นอีกล่ะก็ ฉันจะจ
พ่อบ้านเฉียนอยู่กับเขามาหลายปีและเขาก็เชื่อใจอีกฝ่ายมาก แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาก็รู้สึกขุ่นแค้นอยู่บ้าง คราวนี้ก็เป็นการทดสอบอีกฝ่ายเช่นกัน! เขาหวังว่าพ่อบ้านเฉียนจะโดนบีบบังคับจริง ๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น …… ณ โรสการ์เด้น! เมื่อยานอนหลับหมดฤทธิ์ลง ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ตื่นขึ้นมา แต่กลับถูกมัดมือเท้าเอาไว้จนขยับไม่ได้ ประกอบกับผลข้างเคียงของยานอนหลับ ทำให้เธอไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ดังนั้นเธอจึงเอาแต่ร้องตะโกนว่า “มีใครอยู่ไหม? ฉันหิวแล้ว” ทว่ากลับไม่มีใครตอบกลับมาเลย! ตอนที่เจียงเย่าจิ่งออกไป เขาสั่งคนเฝ้าประตูเอาไว้ว่าหากเธอตื่นเมื่อไหร่ ก็ให้โทรบอกเขาด้วย ถ้าเธออยากจะตะโกนก็ปล่อยให้เธอตะโกนไป ห้ามใครเข้าไปทั้งนั้น เมื่อคนเฝ้าประตูได้ยินเสียงก็โทรหาเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งกำลังประชุมอยู่ ห้องประชุมที่สามารถจุคนได้นับร้อยเต็มไปด้วยบรรดาผู้บริหารและหัวหน้าสาขา วันนี้เป็นการสรุปไตรมาส ดังนั้นทุกคนจึงมาที่นี่ เจียงเย่าจิ่งที่นั่งตำแหน่งประธานเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เล็กน้อย แขนข้างหนึ่งเท้าโต๊ะ ปลายนิ้วคีบปากกาเอาไว้แล้วหมุนอย่างไม่เป็น
ผู้ชายคนนั้นเอาแต่วางท่าโอหังอยู่ตลอดเวลา เขาจะสร้างความอับอายขายหน้าให้ตัวเองด้วยการไล่ตามรังควานผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานได้อย่างไรกัน? เขาย่อมไม่ทำเรื่องแบบนั้นใช่ไหม? ตอนนี้ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกว่าคนที่ลักพาตัวเธอมาน่าจะเป็นรั่วเช่อ พวกเขาไม่เคยมีเรื่องแค้นเคืองกันมาก่อน แต่เท่าที่กู้ฮว๋ายว่ามา คราวที่แล้วเจียงเย่าจิ่งทำร้ายเฉินเวินเหยียน เขาก็เลยอยากจะแก้แค้นเจียงเย่าจิ่ง เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มขมขื่นออกมา เธอหย่ากับเจียงเย่าจิ่งแล้ว เจียงเย่าจิ่งเองก็มีคนรักใหม่แล้ว ถ้าหากรั่วเช่ออยากจะแก้แค้น เขาก็ควรจะไปลักพาตัวหยางเชี่ยนเชี่ยนสิ จะมาลักพาตัวเธอไปทำไมกันเล่า? เธอกวาดสายตามองไปทั่วห้อง แต่กลับไม่มีความทรงจำและนึกไม่ออกว่าเคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน หน้าต่างก็ปิดสนิทเช่นกัน เหลือเพียงช่องว่างตรงหน้าต่างขนาดหนึ่งฝ่าเท้าที่ยอมให้แสงสว่างจากข้างนอกลอดเข้ามา ทำให้ทั้งห้องแลดูสว่างไสว เธอกะพริบตาและไม่คิดจะขยับตัว เธอรู้สึกกระหายน้ำจนปากคอแห้งผากไปหมดแล้ว! เธอหลับตาแล้วปล่อยให้ตัวเองผล็อยหลับไป บางทีพอเธอหลับไปแล้วก็คงจะไม่กระหายน้ำอีก ผ่านไปสักพัก เธอก็ตาพร่าเสียจนค่อย ๆ หลับไป
ยามเช้า เมื่อซ่งอวิ้นอวิ้นตื่นขึ้นมาก็เห็นใบหน้าหนึ่งอยู่ใกล้ตนเองมาก ๆ จากนั้นเธอก็ดวงตาเบิกกว้าง “เจียงเย่าจิ่ง?!!” ถึงแม้ว่าเธอจะดูประหลาดใจ แต่น้ำเสียงกลับแผ่วเบาเพราะสิ้นไร้เรี่ยวแรง เจียงเย่าจิ่งยังไม่ตื่น เขานอนไม่หลับจนเกือบสว่าง ดังนั้นตอนนี้จึงหลับลึก ซ่งอวิ้นอวิ้นพบว่าเชือกบนตัวถูกแก้ออกไปแล้ว มิหนำซ้ำยังสวมแค่ชุดชั้นในเท่านั้น... ซ่งอวิ้นอวิ้น “???” เขาถอดชุดเธอออกงั้นเหรอ? เธออดไม่ได้ที่จะสบถอยู่ในใจว่า 'คนสารเลว! ’ ดีแต่เอาเปรียบเธออยู่ตลอดเวลา! ยิ่งไปกว่านั้น เขาจับเธอมาทำไมกัน?! กินอิ่มจนไม่มีอะไรจะทำหรือไง?!! หรืออาจจะเป็นเพราะเธอรังแกง่าย? เธออยากจะยื่นมือออกไปบีบคอเขาให้ตายนัก แต่เพราะเธอไม่มีเรี่ยวแรงและตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะลงมือ ระหว่างที่เขาไม่ทันระวังตัว เธอต้องทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง! เธอค่อย ๆ ตลบผ้าห่มแล้วลุกขึ้น เพื่อไม่ให้รบกวนเจียงเย่าจิ่ง เธอจึงหายใจให้เบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วใช้เท้าเปล่าเปลือยเดินลงบนพื้น จากนั้นเธอก็กวาดสายตามอง แต่กลับไม่พบอะไรที่จะปกปิดร่างกายของตัวเองได้เลย นอกเสียจากเสื้อผ้าของเจียงเย่
ไม่ชอบเอามาก ๆ เลย! “อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ เรียกชื่อฉันซะ” เขาออกคำสั่ง “ฉันไม่…” ก่อนที่ซ่งอวิ้นอวิ้นจะทันได้พูดปฏิเสธให้จบคำ เจียงเย่าจิ่งก็จูบผนึกริมฝีปากจอมคัดค้านของเธอ เธอกัดฟันแน่นไม่ยอมให้เขาได้ครอบครองอีก! เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลงเผชิญกับสายตาท้าทายของซ่งอวิ้นอวิ้น “เธอไม่อยากให้ฉันจูบเหรอ? งั้นเธออยากให้ใครจูบล่ะ?” เขายิ้มเยาะ “กู้ฮว๋ายงั้นเหรอ?” ซ่งอวิ้นอวิ้นฝืนใจเอ่ยสวนทางกับความรู้สึกที่แท้จริงว่า “ใช่” เจียงเย่าจิ่งสีหน้าหม่นคล้ำ แลดูไม่พอใจสุดขีด ไม่พอใจสุด ๆ ไปเลย! เขาแค่นยิ้มเย็นชา “เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย!” เมื่อเขาพูดจบก็กดจูบใส่เธออีกครั้ง แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ยังขัดขืน เขากัดริมฝีปากของเธออย่างแรงจนทำให้ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกเจ็บ “อ๊ะ…” เธอสะดุ้งหนีพร้อมดวงตาไหวระริก ทั้ง ๆ ที่เธอรู้สึกอับอายสุดขีดแต่กลับแสร้งตอบรับ เจียงเย่าจิ่งตะลึงงันไปชั่วขณะเพราะเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ก่อนที่เขาจะทันได้เพลิดเพลิน วินาทีต่อมา ซ่งอวิ้นอวิ้นก็กัดริมฝีปากของเขาแรงสุดขีด มิหนำซ้ำยังกัดแรงยิ่งกว่าตอนที่เขากัดเธอมากมายนัก เจียงเย่าจิ่งไม่ขัดขืน ถึงขนาดไม่ขมวดคิ้วแล
“หยางเชี่ยนเชี่ยนถูกทำร้ายระหว่างที่เดินทางไปบริษัทสาขา” เจียงเย่าจิ่งพูดว่า “นายก็จัดการไปสิ” “เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและยืนกรานว่าจะพบคุณให้ได้ ไม่งั้นเธอจะไม่ยอมรักษาครับ” เจียงเย่าจิ่งขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ฉันเข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็วางสาย! ฮั่วซุนไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร แต่หยางเชี่ยนเชี่ยนเอาแต่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่ที่นี่ หลังจากนึกถึงเรื่องนั้น เขาก็ส่งที่อยู่ผ่านข้อความตัวอักษรให้เจียงเย่าจิ่ง! บางทีพอเขาเห็นที่อยู่อาจจะมาก็ได้ ไม่ใช่ว่าเขาทำอะไรไม่ได้ แต่เป็นเพราะเขารับมือไม่ไหว ตอนนี้เขามั่นใจว่าเจียงเย่าจิ่งไม่ได้ชอบหยางเชี่ยนเชี่ยน มิฉะนั้นอีกฝ่ายคงไม่โยกย้ายเธอไปที่บริษัทสาขาหรอก การที่ปล่อยให้เธออยู่ที่นี่น่าจะเป็นเพราะความเชื่อมโยงกับจี้หยกเสียมากกว่า! ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรได้และต้องให้เจียงเย่าจิ่งมาจัดการเอง! เจียงเย่าจิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วบอกซ่งอวิ้นอวิ้นว่า “ทำตัวดี ๆ ล่ะ พอดีฉันต้องออกไปจัดการเรื่องบางอย่าง” ซ่งอวิ้นอวิ้นได้ยินคำว่า หยางเชี่ยนเชี่ยน ตอนนี้เขากำลังจะออกไปหาหยางเชี่ยนเชี่ยนอย่างนั้นเหรอ? เธอไ
เจียงเย่าจิ่งถอยหลังไปสองก้าวเพื่อหลบเลี่ยงเธอ เมื่อหยางเชี่ยนเชี่ยนโดนสลัดทิ้งอย่างไม่ไยดีก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมา เธอถามเจียงเย่าจิ่งพร้อมดวงตาแดงก่ำ “ทำไมคุณต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วยคะ?” เจียงเย่าจิ่งยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ “อย่างน้อยฉันก็เคยช่วยชีวิตคุณไว้ไม่ใช่เหรอคะ? คุณรู้ไหมว่าฉันเกือบโดนคนพวกนั้นข่มขืนแล้ว” หยางเชี่ยนเชี่ยนร้องไห้ด้วยท่าทีระทมทุกข์ เจียงเย่าจิ่งขมวดคิ้วด้วยความดูถูกดูแคลน “ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ไม่ไปบริษัทสาขาหรอกค่ะ!” เธอตีโพยตีพาย “เธอโตในต่างประเทศ ฉันจัดหางานอื่นให้เธอที่นั่นได้” เจียงเย่าจิ่งเอ่ยขึ้นมา แม้หยางเชี่ยนเชี่ยนจะทำแบบนี้ เขาก็ยังไม่ยอมผ่อนปรน หยางเชี่ยนเชี่ยนไม่อยากเชื่อเลย เขาไม่มีหัวใจหรืออย่างไร? เธอมีบาดแผลบนใบหน้า เขามองไม่เห็นเลยเชียวเหรอ? ทำไมเขาต้องตีตัวออกหากด้วย? “ทำไมฉันถึงทำงานอยู่ในบริษัทต่อไปไม่ได้คะ? มีเรื่องอะไรที่ฉันทำได้ไม่ดีหรือเปล่าคะ? ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงได้…” “ฉันจัดหางานให้เธอเพราะปู่ และเป็นเพราะเธอเป็นเจ้าของจี้หยก ไม่งั้นเธอคิดว่าตัวเองจะได้มาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? ฉันจัดการงานให้เธอก็นับว่าไว้หน้าเธ
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื