หลังจากเขาพูดจบก็เปิดประตูรถแล้วเดินออกไป ปัง! เมื่อประตูรถปิดลง ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ตัวสั่นสะท้าน “เจียงเย่าจิ่ง?” คืนนั้นเป็นเขาจริง ๆ เหรอ? เธอพยุงร่างกายอันเจ็บปวดรวดร้าวแล้วเปิดประตูลงจากรถหมายจะไล่ตามเขาไป แต่กลับพบว่าตนเองเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดติดกาย เธอรีบคว้าเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งมาปิดบังทรวงอกแล้วร้องตะโกนว่า “เจียงเย่าจิ่ง กลับมานะ!” ลานจอดรถชั้นใต้ดินช่างมืดมิดเหลือเกิน! เธอร้องตะโกนสุดเสียง ทว่ากลับมีเพียงความว่างเปล่าตอบกลับมา ทั้ง ๆ ที่ไฟฉุกเฉินเปิดอยู่ แต่เธอกลับมองไม่เห็นเจียงเย่าจิ่ง เขาจากไปแล้ว ซ่งอวิ้นอวิ้นยิ้มพร้อมน้ำตาอาบหน้า เธอไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน เธอมีผู้ชายเพียงคนเดียว! เจียงเย่าจิ่งเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอรักและอยากจะอยู่ด้วย! เธอสูดหายใจแรง ๆ ทีหนึ่ง เธอไม่นำพาต่อความเจ็บปวดตามร่างกายแล้วรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม เธอต้องไปหานายท่านเจียงและบอกเขาว่าเด็กไม่ใช่ลูกชู้ แต่เป็นลูกของเจียงเย่าจิ่ง! หลังจากสวมเสื้อผ้าแล้ว เธอก็ลงจากรถ แต่ยามที่เหยียบลงบนพื้นก็แขนขาอ่อนแรงจนเกือบล้ม โชคดีที่เธอคว้าประตูรถเอาไว้ได้ทัน เธอรวบผมยุ่ง ๆ ของตัว
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่เชื่อสักนิด เพราะพ่อบ้านเฉียนบอกอยู่ชัด ๆ ว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เธอพยายามสงบสติอารมณ์อย่างสุดความสามารถ “เด็กคนนั้นเป็นลูกของเจียงเย่าจิ่ง ถ้าคุณไม่เชื่อก็จะตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ก็ได้” นายท่านเจียงขมวดคิ้วราวกับไม่อยากเชื่อ “เธอว่ายังไงนะ?” “เด็กเป็นลูกของเจียงเย่าจิ่งค่ะ” ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเน้นทีละคำ นายท่านเจียงแทบล้มทั้งยืน แต่คนรับใช้สายตาว่องไวจึงรีบยื่นมือเข้าไปประคองก่อนที่เขาจะล้มลง “ไปเรียกพ่อบ้านเฉียนมาหาฉันเดี๋ยวนี้!” นายท่านเจียงออกคำสั่งเสียงเคร่ง! “ครับ” คนรับใช้ประคองให้เขานั่งลงแล้วรีบไปตามหาคน คราวนี้ถึงทีซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายสับสนบ้าง “คุณไม่ได้จับตัวลูกของฉันไปจริง ๆ เหรอ?” คุณเจียงพูดว่า “ฉันจะหลอกเธอไปทำไมกัน? ฉันหวังว่าเธอจะทำให้เชี่ยนเชี่ยนกับเย่าจิ่งได้ลงเอยกัน แต่ฉันไม่รู้เรื่องเด็กจริง ๆ ถ้าฉันคิดจะจับตัวลูกของเธอ คราวก่อนที่อยู่ในคฤหาสน์ ฉันก็คงจะสั่งให้ใครสักคนพาตัวไปแล้ว ยังไงซะ ปู่ของเธอก็เคยช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันไม่มีทางลืมเลือนมิตรภาพเมื่อครั้งเก่าก่อนหรอกน่า” “งั้นพ่อบ้านเฉียนจะยกชื่อคุณขึ้นมาอ้างแล้วพาตัวเด็กไปทำไมกัน?”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็ไม่อาจนิ่งดูดายรอคอยความตาย! นายท่านเจียงขึ้นรถไปบ้านของเหล่าเอ้อร์ ซ่งอวิ้นอวิ้นเองก็เดินออกจากบ้านพลางยืนอยู่ตรงประตู สมองของเธอกำลังค้นหาไม่หยุดหย่อนว่ามีใครที่น่าจะจับตัวลูกของเธอไปได้บ้าง ครืด ครืด… จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเธอรับสายก็ได้ยินเสียงของหานซินดังขึ้นจากปลายสาย จากนั้นอีกฝ่ายก็รีบพูดว่า “อวิ้นอวิ้น รีบกลับมาเร็วเข้า” ซ่งอวิ้นอวิ้นจึงถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?” “มีคนมาหาลูก แถมเด็กก็อยู่ในมือของเขาด้วย” เมื่อเธอรู้ว่าซวงซวงอยู่ที่ไหน เธอพลันมีกำลังวังชาขึ้นมาทันทีแล้วตอบว่า “หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” เธอรีบโทรเรียกแท็กซี่ ในตอนนี้เอง ก็มีรถมาจอดแล้วฮั่วซุนก็ลงมาจากรถ เมื่อเขาเห็นซ่งอวิ้นอวิ้นก็หลบหน้าหลบตา ซ่งอวิ้นอวิ้นเองก็รู้สึกประหลาดใจที่เขามาที่นี่ในเวลานี้ ดังนั้นเธอจึงถามว่า “คุณมาที่นี่ทำไม?” ฮั่วซุนจึงพูดว่า “ผมมารับของน่ะครับ” หลังจากเขาพูดจบก็เดินเข้าไป ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ทำอะไรอีก ตอนนี้เธอไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น เธอมุ่งความสนใจไปที่เรื่องของซวงซวง ไม่มีอะไรสำคัญเท่าลูกของเธออีกแล้ว ไม่นานฮั่วซุนก็ถือกล่องใบ
ตอนนั้นเองซ่งอวิ้นอวิ้นถึงได้สังเกตว่ามีใครสักคนอยู่ในห้องรับแขก “เป็นคุณเองงั้นเหรอ?” เธอลืมตาขึ้นแล้วชั่วไม่กี่อึดใจต่อมา เธอก็คว้าคอเสื้อของกู้ฮว๋ายแล้วแผดเสียงร้อง “คุณจับตัวลูกของฉันไปทำไม? รีบคืนลูกมาให้ฉันนะ!” “ฉันคืนลูกให้เธอก็ได้ แต่เธอต้องให้สัญญากับฉันเรื่องหนึ่ง” กู้ฮว๋ายมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นมา “เรื่องอะไร?” “แต่งงานกับฉันสิ” “คุณมันบ้าไปแล้ว!” ซ่งอวิ้นอวิ้นดวงตากลัดเลือด กู้ฮว๋ายยังคงสงบนิ่งและพูดขึ้นมาทีละคำ ๆ “เจียงเย่าจิ่งทำเอาชีวิตฉันน่าสังเวชขนาดนั้น ขืนฉันไม่ทำอะไรเลยก็คงน่าเสียดายแย่!" ซ่งอวิ้นอวิ้นยิ้มเยาะ “เขาก่อเรื่องให้คุณก็ไปหาเขาสิ! ทำไมต้องจับตัวลูกของฉันไปด้วยล่ะ? ช่างน่าตลกสิ้นดีที่คุณใช้เรื่องนี้มาบังคับให้ฉันแต่งงานกับคุณ กู้ฮว๋าย คุณกินยาผิดหรือสมองมีปัญหากันแน่?” “ฉันไม่ได้กินยาผิดหรือว่าสมองมีปัญหาหรอก ตอนนี้ ไม่สิ ตั้งแต่ตอนที่ฉันจับลูกเธอไว้ ฉันก็ครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียจนรู้แจ้งแก่ใจแล้ว” ขณะที่กู้ฮว๋ายพูดต่อไป อารมณ์ของเขาก็ปั่นป่วนอยู่บ้าง “ตั้งแต่เจียงเย่าจิ่งทุ่มเงินซื้อภาพเขียนนั่น ฉันก็รู้แล้วว่าเขาชอบเธอ ถ้าหากผู้หญิงที่เขาช
เพราะความอ่อนแอของเธอเมื่อครั้งอดีต ทำให้เธอรู้สึกติดค้างลูกสาวตัวเองมากมายเหลือเกิน ตอนนี้เธอไม่อาจอ่อนแอได้อีกต่อไป เธอต้องยืนหยัดต่อหน้าลูกสาวตนเองแล้วคอยบังลมบังฝนให้อีกฝ่าย ซ่งอวิ้นอวิ้นดวงตาแดงก่ำ “แม่คะ” เธอสูดหายใจแรง ๆ แล้วพูดว่า “อย่าวู่วาม” ฆ่าคนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ถ้ากู้ฮว๋ายตายไป หานซินก็ต้องติดคุก เธอไม่อยากให้แม่ต้องติดคุก ในตอนนี้เอง กู้ฮว๋ายก็ฉวยโอกาสพูดขึ้นมาว่า “คุณป้าครับ ผมไม่ทำร้ายเด็กหรอก แล้วผมก็ชอบลูกสาวของคุณป้าด้วย ถ้าผมแต่งงานกับอวิ้นอวิ้น ผมจะดูแลเธอให้ดี ผมจะดูแลเธอให้ดีกว่าเจียงเย่าจิ่งอย่างแน่นอน” หานซินเองก็สะอึกสะอื้น “อย่ามาโกหกฉันนะ ถ้าเธอชอบอวิ้นอวิ้นจริง ๆ เธอคงไม่บีบบังคับเธอหรอก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่จับตัวลูกของเธอมาข่มขู่เลย เธอมันก็แค่ไอ้คนเห็นแก่ตัวที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง ยังมีหน้ามาพูดว่าชอบอวิ้ยอวิ้่นอีกเหรอ?” กู้ฮว๋ายตะลึงงันไปชั่วขณะ เขาไม่อาจโต้แย้งสิ่งที่หานซินว่ามาได้เลย เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อธิบายอะไรอีกต่อไป “คุณป้าครับ ถ้าคุณป้าฆ่าผมก็จะไม่ได้เห็นหน้าหลานชายอีก แถมคุณป้ายังต้องติดคุกด้วย แ
”ผมรู้ว่าลูกของพี่ถูกจับตัวไป พี่อยากให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า?” ซ่งรุ่ยเจี๋ยรั้งเธอไว้ ซ่งอวิ้นอวิ้นจึงบอกว่า “ไม่ล่ะ นายควรจะตั้งใจศึกษาเรื่องการบริหารบริษัทให้หนัก ๆ” “พี่สาว ซวงซวงเองก็เป็นหลานของผมนะ ไม่ว่าพี่อยากจะยอมรับหรือเปล่าก็ช่าง แต่ผมก็เป็นน้าของซวงซวง ตอนนี้เขาถูกจับตัวไป ผมเองก็เป็นห่วงมากแล้วก็อยากช่วยพี่ด้วย” น้ำเสียงของเขาฟังดูจริงใจมากเสียจนซ่งอวิ้นอวิ้นปฏิเสธน้ำใจของเขาไม่ลง เธอจึงพูดอย่างมีน้ำอดน้ำทนว่า “แค่นายตั้งใจเรียนรู้เรื่องบริหารบริษัท ก็ถือว่าช่วยฉันได้ดีที่สุดแล้ว” ซ่งรุ่ยเจี๋ยมองเธอด้วยแววตาที่สื่ออารมณ์ต่าง ๆ “งั้นผมจะทำสุดความสามารถ” “ฉันยังมีเรื่องต้องรีบไปจัดการ ช่วยปล่อยฉันสักทีเถอะ” ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดด้วยท่าทีร้อนใจ ซ่งรุ่ยเจี๋ยค่อย ๆ ปล่อยมือเธอ ซ่งอวิ้นอวิ้นรีบเดินออกไป ทันใดนั้นเธอก็หยุดฝีเท้าแล้วหันมามองซ่งรุ่ยเจี๋ย “พ่อไม่ได้ยกบริษัทให้นายทันที ไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจนาย เขาเองก็รู้ว่านายยังไม่โตพอที่จะเข้ารับช่วงบริษัทได้ ดังนั้นเขาจึงฝากเอาไว้กับฉันก่อน พ่อรักและเป็นห่วงนายมากนะ ส่วนเรื่องแม่ของนาย เธอทำเรื่องผิด ๆ เอาไว้มากมายก็จริง แต่
ถึงกู้ฮว๋ายจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาวางแผนอะไรอยู่กันแน่ นายท่านจียงถอนหายใจแล้วพูดด้วยท่าทีจนใจว่า “อ่า เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ทันสังเกตว่าพ่อบ้านเฉียนมีท่าทีแปลก ๆ ไป ไม่งั้นก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก” ซ่งอวิ้นอวิ้นถามว่า “พ่อบ้านเฉียนถูกเอาเงินฟาดหัวเหรอคะ?” นายท่านเจียงส่ายหน้า “เขาอยู่กับฉันมาหลายปี ฉันก็เชื่อใจเขาและไม่เคยปฏิบัติกับเขาไม่ดีเลยสักครั้ง เงินซื้อเขาไม่ได้หรอก กู้ฮว๋ายจับตัวภรรยาของเขาไปแล้วข่มขู่ให้แพร่ข่าวลือให้ฉันฟัง เพื่อบีบฉันให้จัดการเรื่องหย่าของเธอกับเย่าจิ่ง จากนั้นก็จับตัวลูกของเธอไปแล้วบังคับให้เธอแต่งงานกับกู้ฮว๋าย เรื่องนี้เธอคิดว่ายังไง? ตอนนี้ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเจียงอีกต่อไปแล้ว เช่นนั้นจากไปเสียดีกว่า “ยังไงคุณก็ไม่พอใจในตัวฉันอยู่แล้ว ตอนนี้เจียงเย่าจิ่งสนใจในตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ฉันไม่มีเหตุผลให้อยู่ในตระกูลเจียงอีกแล้วค่ะ ส่วนเรื่องลูก ฉันจะช่วยตัวเองค่ะ” น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่ง ไม่มีทั้งความโกรธหรือความขุ่นแค้น เมื่อเธอคิดได้เช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจ “เธอบอกว่าเป็นลูกขิงเย่าจิ่งไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเป็นลู
หยางเชี่ยนเชี่ยนเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางสง่างาม เธอสวมรองเท้าส้นสูงพลางถือกล่องอาหารเอาไว้ในมือ จากนั้นก็ยื่นให้ป้าหวู่ “ฉันทำอาหารกล่องนี้มาให้เย่าจิ่งเป็นพิเศษ ป้ายกเข้าบ้านไปทีสิ” ป้าหวู่ไม่ยอมยื่นมือออกมารับ หยางเชี่ยนเชี่ยนจึงยิ้มแล้วพูดว่า “ป้าหวู่ วันหน้าฉันจะมาเป็นคุณผู้หญิงของคฤหาสน์หลังนี้ ถ้าป้าไม่เป็นมิตรขนาดนั้น วันข้างหน้าพวกเราจะอยู่ด้วยกันได้ยังไงล่ะคะ?” ป้าหวู่ฝืนใจยื่นมือออกไปรับสิ่งที่หยางเชี่ยนเชี่ยนยื่นมาให้ จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยสีหน้าหม่นหมอง เมื่อป้าหวู่เดินจากไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางเชี่ยนเชี่ยนก็เลือนหายไปทีละนิด ๆ เธอเหลือบมองกระเป๋าเดินทางที่ถูกโยนเอาไว้กับกำแพงแล้วค่อยหันมามองซ่งอวิ้นอวิ้น “หลังจากเธอออกไปแล้ว ฉันหวังว่าเธอจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเย่าจิ่งอีกนะ เขาคงจะเกลียดชังเธอเข้ากระดูกจนสั่งให้ป้าหวู่โยนข้าวของของเธอออกมาเลยใช่ไหมล่ะ?” คำว่า “เกลียดชังเข้ากระดูก” ทิ่มแทงใจของซ่งอวิ้นอวิ้นอย่างสุดซึ้ง ใช่สิ เจียงเย่าจิ่งคงจะเกลียดเธอมากเสียจนสั่งให้ป้าหวู่โยนข้าวของของเธอออกมาเลยใช่ไหมล่ะ? เธอเงยหน้าขึ้นพลางผุดรอยยิ้มงดงามขึ้นบน
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื