เธอรีบเบือนสายตาหมายจะหลบเลี่ยงเขา แต่คราวนี้ฮั่วซุนกลับพูดขึ้นมาว่า “คุณเจียงอยู่ที่นี่แล้ว คุณอยากจะทักทายสักหน่อยไหมครับ?” น้ำเสียงของเขาดึงดูดความสนใจของคนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เมื่อเจียงเย่าจิ่งหันมามอง ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ไม่รู้ว่าจะไปหลบอยู่ตรงไหนดี เธอจึงได้แต่สบตาเขาพลางยิ้มให้ “ฉันมีเรื่องจะคุยกับฮั่วซุน” “เรื่องอะไรเหรอ?” เจียงเย่าจิ่งถาม ที่จริงเขารู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว แต่ก็ยังจะถาม หลัก ๆ ก็เพราะอยากรู้ว่าเธอจะตอบอย่างไร ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาระหว่างงานศพของซ่งลี่เฉิง เธอไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์บ่อยนักเพราะมัวแต่ยุ่งง่วน ทั้งยังไม่ยอมให้เขาไปร่วมงานศพอีกต่างหาก ราวกับว่าเธอเอาแต่เว้นระยะห่างอยู่ตลอดเวลา “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เธอตอบเสียงเบา เจียงเย่าจิ่งยังคงสงบนิ่งแล้วพูดว่า “มากับฉันหน่อย” หลังจากเขาพูดจบก็เดินไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ซ่งอวิ้นอวิ้นยืนนิ่งด้วยท่าทีลังเลและไม่ยอมตามไป เมื่อฮั่วซุนเห็นว่าเธอไม่ขยับตัว เขาจึงเอ่ยเตือนเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ถึงตอนนี้คุณเจียงจะทำดีกับคุณ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะโมโหไม่เป็น ดังนั้นคุณรีบไปจะดีกว่านะครับ” ซ่งอวิ้น
“เธอเดินมากับฮั่วซุน เพราะเธอไม่เข้าใจเรื่องการทำธุรกิจก็เลยไปขอคำแนะนำจากเขาไม่ใช่หรือไง?" เสียงของเขาเบามาก ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนสงบนิ่ง แต่กลับมีความบ้าคลั่งแฝงอยู่! ซ่งอวิ้นอวิ้นสบตาเขาโดยไม่หวั่นเกรง “พ่อยกบริษัทให้ฉันดูแลชั่วคราว แต่ฉันเรียนแพทย์มาเลยไม่มีประสบการณ์ด้านบริหารบริษัท ฉันก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากฮั่วซุน ฉันคิดว่าคุณคงจะยุ่ง ก็เลยไม่อยากรบกวน…” “งั้นเหรอ?” เจียงเย่าจิ่งหัวเราะเสียงเย็นจากในลำคอ “บอกฉันมา เกิดอะไรขึ้นกับเธออีก!” ซ่งอวิ้นอวิ้นยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน…” "ยังจะแกล้งทำไม่รู้อีกเหรอ?" เจียงเย่าจิ่งพูดขัดจังหวะขึ้นมาทันที “คุณปู่พูดอะไรกับเธอกันแน่?” ซ่งอวิ้นอวิ้นรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป จากนั้นก็ค่อย ๆ สลายหายไป “เขาสั่งให้เธอเลิกกัฉันใช่ไหม?” เจียงเย่าจิ่งถาม ซ่งอวิ้นอวิ้นก้มหน้าแล้วพูดว่า “เปล่า” “งั้นทำไมพักนี้เธอถึงได้เย็นชากับฉันนักล่ะ?” เขาเกือบจะถามออกไปอยู่แล้ว ซ่งอวิ้นอวิ้นรีบเงยดวงหน้าอันซีดเซียวขึ้นมา “เพราะฉันกลัว…” ฉันชอบคุณ แต่ก็เกรงว่าจะหลงรักคุณ “กลัวอะไร?” เจียงเย่าจิ่งก้าวเดินเข้ามาหา ส่วนซ่
“คุณอยู่กับเจียงเย่าจิ่งมานาน คุณน่าจะรู้ว่าเขาชอบกินอะไรใช่ไหม? คุณช่วยบอกฉันทีได้ไหมคะ?” หยางเชี่ยนเชี่ยนยิ้มให้ ฮั่วซุนกลับหวาดระแวงขึ้นมา เธอเรียกชื่อต้นของเขาแทนที่จะเป็นคุณเจียง “คุณเจียงแต่งงานแล้วนะครับ คุณเองก็ทราบเรื่องนั้นดี คุณซ่งที่คุณพูดคุยด้วยเมื่อสักครู่ยังไงล่ะครับ คุณจะถามเรื่องของชอบของคุณเจียงไปทำไมกัน?” ฮั่วซุนเองก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ทันทีที่หยางเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยคำถามนี้ขึ้นมา เขาก็รู้ว่าเธอมีจุดประสงค์แอบแฝง ขณะที่เขาพูดก็จงใจเน้นคำว่า “คุณเจียง” เพื่อเตือนสติเธอว่าในเมื่อทำงานอยู่ที่นี่ เธอก็ต้องรู้จักตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองและอย่าได้ล้ำเส้น! หยางเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า “ฉันก็แค่…” “ในเมื่อคุณมาทำงานที่นี่ ก็ขอให้ตั้งใจทำงานและอย่าได้ก่อเรื่องโดยไม่จำเป็น ผู้หญิงควรเคารพตัวเองและอย่าได้ปรารถนาในตัวผู้ชายที่แต่งงานแล้ว!” ฮั่วซุนกล่าวเตือนสติ หลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป! หยางเชี่ยนเชี่ยนหน้าเปลี่ยนสีครั้งแล้วครั้งเล่า หน้ากากใสซื่อไร้พิษภัยของเธอเกิดรอยร้าว เธอจ้องมองฮั่วซุนพลางรู้สึกว่าเขาจุ้นจ้านมากเกินไปแล้ว เป็นแค่ผู้ช่วยแท้ ๆ มีสิทธิ์อะ
“คุณซ่ง สิ่งที่นายท่านเจียงสั่งให้คุณทำไม่คืบหน้าเลยงั้นเหรอ? ผมได้ยินมาว่าวันนี้คุณไปหานายน้อยที่บริษัทด้วยไม่ใช่เหรอครับ?” หลังจากฮั่วซุนกลับไปแล้ว พ่อบ้านเฉียนก็เปลี่ยนคำเรียกขานชื่อของซ่งอวิ้นอวิ้น ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่า “ฉันไม่ได้ไปหาเขา แต่ฉันไปหาฮั่วซุนต่างหากล่ะ…” “ไม่ว่าคุณจะไปหาใครก็ช่าง คุณก็ยังทำสิ่งที่นายท่านเจียงสั่งไม่ได้อยู่ดี!” พ่อบ้านเฉียนเอ่ยตามตรง “ในเมื่อคุณจัดการไม่ได้ นายท่านเจียงก็จะลงมือด้วยตัวเอง สิ่งที่คุณต้องทำก็คือช่วยล่อนายน้อยออกมา ก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ” “ให้ล่อเขาไปที่ไหน?” “โรงแรมแลงตัน ห้องเพรซซิเดนเชิลสวีทชั้นบนสุด” พ่อบ้านเฉียนพูด ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย หรือว่านายท่านเจียงคิดจะเปลี่ยนเจียงเย่าจิ่งกับหยางเชี่ยนเชี่ยนให้กลายเป็นข้าวสุก? “ทำไมล่ะ ไม่เต็มใจงั้นเหรอ?” พ่อบ้านเฉียนเอ่ยถาม ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่เต็มใจส่งผู้ชายที่เธอชอบถึงเตียงของหญิงอื่นจริง ๆ หรือ? “คุณลืมสิ่งที่ให้สัญญากับนายท่านเจียงไปแล้วเหรอ?” พ่อบ้านเฉียนเอ่ยเตือนเธอ ดูเหมือนว่าจู่ ๆ เขาก็นึกอะไรสักอย่างขึ้นมาได้แล้วพูดว่า “ผมลืมบอกคุณไปเลยว่านายท่านเจียงจัดการ
ซ่งอวิ้นอวิ้นเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “คุณเจียง” เมื่อเจียงเย่าจิ่งได้ยินคำเรียกขานเช่นนี้ เขาก็หน้าตึงขึ้นมาทันที ตอนนี้ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่มีอารมณ์จะมาเอาอกเอาใจหรือสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา เธอจึงพูดอย่างไม่เป็นตัวเองว่า “คืนนี้คุณว่างหรือเปล่า?” เจียงเย่าจิ่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีไม่อนาทรร้อนใจ “เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?” "ฉันจองห้องที่โรงแรมเอาไว้แล้ว" มือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวเดี๋ยวกำเดี๋ยวคลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอพยายามอยู่หลายครั้งกว่าจะพูดด้วยท่าทีสงบนิ่งออกมาว่า “โรงแรมแลงตัน ชั้นบนสุด... ..” “ซ่งอวิ้นอวิ้น” ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบ เจียงเย่าจิ่งก็พูดขัดจังหวะเธอขึ้นมาว่า “เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ?” เขาสะกดกลั้นความตื่นเต้นในใจแล้วแสร้งทำทีไม่แยแส ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายเชิญชวนเขาก่อน เขาจะไม่ดีใจได้อย่างไรกันเล่า เพียงแต่เขาไม่แสดงออกต่อหน้าเธอก็เท่านั้น ซ่งอวิ้นอวิ้นจึงถามว่า “คืนนี้คุณสะดวกหรือเปล่า?” “สะดวกสิ” เขาตอบเร็วเกินไป ตอนนี้คำพูดเดียวทรยศหักหลังความรู้สึกที่แท้จริงของเขาเข้าแล้ว ซ่งอวิ้นอวิ้นหวังว่าเขาจะบอกว่าไม่ว่าง แต่เธอก็เกรงว่าเขาจะไม่ยอ
ตอนแรกเขาถูกความกระตือรือร้นของซ่งอวิ้นอวิ้นครอบงำ ทว่ายามนี้พอเขาคิดดูให้ดี ๆ แล้ว เมื่อก่อนเธอเย็นชากับเขามาก จู่ ๆ เธอจะกระตือรือร้นจนถึงขั้นชวนเขาเปิดห้องที่โรงแรมได้อย่างไรกัน? เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย “ฉันอยากจะขอบคุณ ผิดด้วยเหรอ?” ซ่งอวิ้นอวิ้นถาม “หืม?” “วันนี้ฮั่วซุนมาที่บริษัท เขาสอนงานฉันและตัดสินใจหลาย ๆ เรื่อง ฉันรู้ว่าเพราะคุณถึงทำให้เขาทุ่มเทขนาดนั้น ฉันก็เลยอยากจะขอบคุณก็เท่านั้น” เธออธิบายให้ฟัง “เพราะเรื่องนี้เหรอ?” เจียงเย่าจิ่งเสียงเข้มขึ้นบ้าง ราวกับว่าการที่เธอเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับเขา ก็เพียงเพื่อตอบแทนที่เขาช่วยเหลือเธอ ไม่ใช่เพราะรักใคร่ชอบพออะไรในตัวเขาเลยอย่างนั้นเหรอ? “ฮ่าฮ่า…” เสียงหัวเราะที่หลุดออกจากลำคอของเขาทั้งเย็นชาและไร้ความรู้สึก “เพื่อตอบแทนฉัน ถึงขนาดทำให้เธอต้องอุทิศตัวเองเลยเหรอ?” คำว่า “อุทิศตัว” ทำร้ายจิตใจของซ่งอวิ้นอวิ้นอย่างล้ำลึก เธอสะกดกลั้นความขมขื่นแล้วเป็นฝ่ายเริ่มเอนซบไหล่ของเขาก่อน “ฉันชอบคุณนะ” เจียงเย่าจิ่งรีบจอดรถเข้าข้างทาง ดูเหมือนว่าคำพูดของซ่งอวิ้นอวิ้นจะทรงอานุภาพมากเกินไป! เขาจึงตกตะลึงไ
เธอกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว! "ช่วย - อื้อ อื้อ -" เมื่อเธอโดนอุดปากก็ดิ้นรนเป็นบ้าเป็นหลัง! แต่คนที่อยู่ข้างหลังแข็งแรงเกินไปจนเธอถูกลากขึ้นรถมา ขณะที่กำลังดิ้นรนขัดขืนอยู่นั้น เธอก็เห็นว่าคนขับคือฮั่วซุน เธอดวงตาเบิกกว้างแล้วหันหน้าไปเห็นเจียงเย่าจิ่ง เป็น… เป็นไปได้อย่างไรกัน? ตอนนี้เขาควรจะอยู่กับหยางเชี่ยนเชี่ยนในโรงแรมไม่ใช่เหรอ? แถมเขาเองก็ดื่มไวน์แดงแก้วนั้นลงไปแล้ว ตอนนี้ก็น่าจะถูกวางยาแล้ว! เธอหยุดดิ้นรนแล้วพูดคุมเชิง “คุณ…” ไฟนีออนหลากสีสันกะพริบวูบวาบเร็ว ๆ อยู่นอกกระจกรถ โดยมีรถราเคลื่อนผ่านไปคันแล้วคันเล่า แต่เจียงเย่าจิ่งกลับซ่อนตัวอยู่ในความมืด สีหน้าของเขาแลดูมืดมนและเคลือบคลุม "ซ่งอวิ้นอวิ้น เธอผลักไสฉันให้ผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ?” น้ำเสียงอันเข้มจัดและไร้ซึ่งความอบอุ่นดังก้องอยู่ในความมืด ชวนให้ซ่งอวิ้นอวิ้นหนาวเหน็บถึงกระดูกจนต้องหายใจลึก ๆ "ฉันไม่ได้ตั้งใจ!" เจียงเย่าจิ่งไม่มีอารมณ์จะฟังคำอธิบายใด ๆ จากเธออีก เธอทำได้ เธอทำได้ลงคอ! ในเมื่อกล้าทำก็ต้องกล้าพอที่จะยอมรับสิ! เจียงเย่าจิ่งเอาแต่เงียบจนซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกไม่สบายใจ “ฉัน…” ในยามนี้เอง ฮั่ว
หลังจากเขาพูดจบก็เปิดประตูรถแล้วเดินออกไป ปัง! เมื่อประตูรถปิดลง ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ตัวสั่นสะท้าน “เจียงเย่าจิ่ง?” คืนนั้นเป็นเขาจริง ๆ เหรอ? เธอพยุงร่างกายอันเจ็บปวดรวดร้าวแล้วเปิดประตูลงจากรถหมายจะไล่ตามเขาไป แต่กลับพบว่าตนเองเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดติดกาย เธอรีบคว้าเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งมาปิดบังทรวงอกแล้วร้องตะโกนว่า “เจียงเย่าจิ่ง กลับมานะ!” ลานจอดรถชั้นใต้ดินช่างมืดมิดเหลือเกิน! เธอร้องตะโกนสุดเสียง ทว่ากลับมีเพียงความว่างเปล่าตอบกลับมา ทั้ง ๆ ที่ไฟฉุกเฉินเปิดอยู่ แต่เธอกลับมองไม่เห็นเจียงเย่าจิ่ง เขาจากไปแล้ว ซ่งอวิ้นอวิ้นยิ้มพร้อมน้ำตาอาบหน้า เธอไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน เธอมีผู้ชายเพียงคนเดียว! เจียงเย่าจิ่งเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอรักและอยากจะอยู่ด้วย! เธอสูดหายใจแรง ๆ ทีหนึ่ง เธอไม่นำพาต่อความเจ็บปวดตามร่างกายแล้วรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม เธอต้องไปหานายท่านเจียงและบอกเขาว่าเด็กไม่ใช่ลูกชู้ แต่เป็นลูกของเจียงเย่าจิ่ง! หลังจากสวมเสื้อผ้าแล้ว เธอก็ลงจากรถ แต่ยามที่เหยียบลงบนพื้นก็แขนขาอ่อนแรงจนเกือบล้ม โชคดีที่เธอคว้าประตูรถเอาไว้ได้ทัน เธอรวบผมยุ่ง ๆ ของตัว
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื