“เดิมตระกูลเอ่อ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพิษ นางเอกก็สามารถปรุงยาพิษและยาถอนพิษด้วยตัวเองเพราะสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น แปลกใจว่าครั้งนี้ทำไมนางไม่ปรุงยาด้วยตัวเองเพื่อถอนพิษให้กับตัวเอง” ฉินเกอหลงตั้งข้อสังเกต“อาจเป็นเพราะนางไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องพิษเพราะวางใจผู้อื่นมากไปด้วยวัยของนางเพียงแค่18ปีกว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว”“วันนั้นนางมาขอกับย่าเพื่อจะพบจวิ้นหวังที่วังหลวงแล้วนางก็หายไปย่าคิดว่านางพบกับจวิ้นหวังแล้วแต่ผิดคาดไม่กี่วันต่อจากนั้นก็ได้ข่าวว่านางถวายตัวในตำแหน่งสนม ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ นางมีศัตรูไม่น้อยทั้งคนเก่าก่อนที่โกรธเคืองการกระทำของเอ่อถูหวังซวน ส่งผลมาถึงนาง เอ่อต้าเหนิงนางจึงต้องรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ น่าสงสารจริงๆ”ไทฮองไทเฮา ส่งยาถอนพิษเข้าไปในปากให้ต้าเหนิง ดวงตากลมโตกลับปรือตามอง ฉินเกอหลงใบหน้าหล่อเหลาลอยใกล้แค่เอื้อมราวกับฝันพรรณราย คนอะไรจะหล่อขนาดนั้น นี่คือเทวดาหรือไรหันมองรอบๆ ตัว วิหารเทียมฟ้าที่สูงเสียดฟ้ามองเหมือนสวรรค์ หรือนี่คือสวรรค์บรรดา นางฟ้า แต่เอนางฟ้าทำไมชรา แล้วก็ร่างท้วม นางฟ้าไม่แก่ไม่ตายไม่ใช่หรือ ใช่สินางฟ้านั่นแหละแต่คงเป็นหัวหน้านางฟ้า กับเทวด
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ออกไปแล้วต้าเหนิงนอนตัวแข็งทื่อไม่มีคนอื่นแล้วหรือทำไมต้องให้เทวดารูปหล่อคนนี้ฮืออออฉันเสียวท้องน้อยเลยนะโว๊ย“มาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ยกน้ำเข้ามาวางฉินเกอหลงโบกมือให้นางถอยออกไปหยิบผ้ามาชุบน้ำบิดพอหมาดกำลังจะเช็ดหน้าให้ต้าเหนิง ใบหน้าหล่อเหลาแดงถึงใบหูจ้องมองใบหน้างดงามที่หลับตาพลิ้มของต้าเหนิงด้วยความรู้สึกประหลาดสาวใช้มองท่าทีของฉินเกอหลงยิ้มๆ“ไต้ซือหากไม่ว่าอะไรให้ข้าน้อยได้ช่วยท่าน ที่ครองเำศบรรพชิตๆ ไทฮองไทเฮาบอกว่าให้ข้าน้อยได้แบ่งเบาเรื่องที่ทำให้ไต้ซืออึดอัด” ต้าเหนิงถอนหายใจโล่งอกเมื่อสาวใช้ของไทฮองไทเฮาพูดแบบนั้น “เช่นนั้นเจ้าจัดการให้นางเสร็จแล้วเรียกข้า” รีบลนลานออกจากห้องไปต้าเหนิงเกือบจะเผลอถอนหายใจด้วยความโล่งอก“หวางซื่อ ท่านหนีอะไรมา” หานจงเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าฉินเกอหลงที่ก้มหน้าหลบตาอีกทั้งหน้ายังแดงแปร๊ด อากาศก็ไม่ร้อนแต่หน้าแดงราวกับสาวรุ่น“ไม่ได้หนีอะไรมา” หานจงพยักหน้ายิ้มๆ“ติดต่อท่านหมอเยียนฉือได้หรือยัง”“ยังขอรับเพิ่งจะผ่านไปแค่วันเดียวท่านอ๋องอย่าเพิ่งใจร้อนตอนนี้สนมเอ่อก็ไม่ได้สติสิ่งที่เราต้องการให้หมอเยี่ยนฉือมาดูแลก็คือเรื่องการฟื้นฟูห
วิหารเทียมฟ้า“พระสนม ฟื้นแล้วหรือเจ้าค่ะ” หลังจากที่นอนนิ่งเป็นผักอยู่ที่สามวันต้าเหนิงก็รู้แล้วว่าทุกคนที่เข้ามา ทุกคนที่พบในตอนนี้ ไม่ได้มาร้าย ยอมที่จะใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาหลังจากที่คิดๆ ดูแล้วว่าตัวเองที่กำลังจะตายอาจได้โอกาสให้มีชีวิตอีกครั้งแต่ในที่ที่แปลกไปว่าแต่มีปมอะไรนะถึงต้องให้ต้าเหนิงมาแก้ไข“ยินดีที่รู้จัก อุอะอุอะอะอะอะ” ไม่มีเสียงพูดลืมไปว่าพูดไม่ได้นี่ เป็นใบ้หรืออะไรกันแน่ สาวใช้ยิ้มกว้างวิ่งออกไปจากวิหารเทียมฟ้าตะโกนลั่น“แอ่กกกแค่กกกก” ต้าเหนิงพยายามเปล่งเสียงแต่เปล่าประโยชน์นี่ฉันพูดไม่ได้จริงๆ หรือแล้วฉันจะพูดไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม ฮือๆๆๆๆๆ ทำอย่างไรดี ส่งเสียงอุอะอยู่ในลำคอตั้งนานก็ไม่มีเสียงพูดเล็ดลอดออกมา“พระสนมเอ่อฟื้นแล้วพระสนมฟื้นแล้ว” ฉินเกอหลงลืมตาขึ้นจากประคำที่นับในมือ ดวงตาเปล่งประกายตั้งใจจะลุกขึ้นไปดูต้าเหนิงแต่เหมือนมีบางอย่างมาดึงไว้ว่าควรจะสำรวมกว่านี้นางเป็นสนมและเขาเองยังบวชเป็นพระอีกด้วย“ไม่เข้าไปดูหรือขอรับช่วยกันดีใจที่เราทำสำเร็จแล้วพระสนมเอ่อ ป่วยเจียนตายแต่เราสามารถช่วยชีวิตให้ฟื้นขึ้นมาได้” ฉินเกอหลงถอนหายใจ“เพราะเจ้าพูดแบบนี้หรอกนะข้าถึ
เฉินอี้เหมยนั่งบรรเลงเพลงกู้เจิ้ง ด้วยท่วงทำนองที่ดุดัน“คุณหนูเจ้าขา ระวังเจ้าค่ะ” หาได้สนใจไม่เฉินอี้เหมยยังคงบรเลงเพลงกู้เจิ้งชวนให้อารมณ์ขุ่นมัว“เป็นอะไรน้องพี่ เพลงที่บรรเลงใยจึงชวนให้ขุ่นเคืองเสียจริง” เฉินซือกวานเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาที่ศาลาริมน้ำ“พี่ใหญ่ เขาจะดีกับน้องเหมือนเดิมไหม” เฉินซือกวานยิ้มอ่อนโยน“น้องของพี่ดีกับเขาเพียงนี้ หว่งใยท่านอ๋องเพียงนี้ทำไมเขาจะไม่ดีกับน้องของพี่เล่า”“แต่ แต่เขาชิงตัวสนมเอ่อ ทั้งที่นางเป็นสนมของฝ่าบาทไปแล้ว พี่ใหญ่ข้าหวั่นใจเหลือเกินว่าเขาจะลืมคำสัญญาก่อนนหน้า” เฉินซือกวานอมยิ้ม“เจ้ายึดมั่นคำสัญญาเมื่ออายุได้ห้าขวบกระนั้นหรือ น้องพี่ช่างใส่ใจรายละเอียดเสียจริง”“พี่ใหญ่แต่คำพูดนี้ก็หลุดออกจากปากเขานะจะแต่งข้าเป็นไท่จือเฟยคนเดียว แล้วก่อนหน้านั้นพระสนมฉีก็เคยพูดกับข้าเรื่องที่จะสู่ขอข้าในตำแหน่งไท่จือเฟยเพื่อท่านอ๋องหากไม่เกิดเรื่องวุ่นๆ ในวังหลวงเสียก่อนป่านนี้ตำแหน่งฮองเฮาคงเป็นของข้าไปแล้ว พี่ใหญ่รู้ไหมว่าข้าคาดหวังเพียงใด” เฉินซือกวานนั่งลงข้างๆ เฉินอี้เหมยขยับกู้เจิ้งมาข้างหน้าบรรเลงเพลงกู้เจิ้งทำนองเพลงหวานอี้เหมยถอนหายใจยาว“เห็
“นี่เจ้า” ฉินเกอหลงผลักร่างผอมลงไปนอนกับแท่นนอนตามเดิม ต้าเหนิงอมยิ้มปากนุ่มเป็นบ้า5555 แม่สาวน้อยทำไมเขินขนาดนั้นยกมือขึ้นเช็ดที่ปากตัวเอง ผิดกับต้าเหนิงที่ยิ้มแก้มปริ“บังอาจ”ต้าเหนิงเลิกคิ้วสูงทำตาโตเหมือนจะบอกว่า ไม่ได้สนใจคำกล่าวนั้น“เจ้าช่างไม่สำนึกรู้ได้เลยหรือเจ้าเป็นสนมของฝ่าบาท เจ้าอย่าได้ทำแบบนี้อีกนะ ข้าในฐานะจวิ้นหวังขอสั่งเจ้าว่าอย่าทำแบบนี้อีกหากใครมาเห้นเข้าหรือหากเจ้าเผลอไปทำกิริยาแบบนี้ต่อหน้าใครเข้าคนที่ลำบากคือเจ้า” ต้าเหนิงยกเอาหมอนขึ้นมาปิดหูไว้“นี่เจ้า ได้ยินแต่แสร้งว่าไม่ได้ยินใช่หรือไม่ ลุกขึ้นมาก่อนข้าที่มาเพื่อมาดูว่าเจ้าเรียบร้อยดีปลอดภัยดีไหมไม่ได้ตั้งมา …ทำอะไรแบบนั้นโปรดเข้าใจด้วยเพราะเจ้าคือสนมของฝ่าบาท”ต้าเหนิงเบ้ปากก่อนจะหันมาส่งภาษามือด้วยนิ้วกลางให้ ไปให้สุด“? นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ต้าเหนิงถอนหายใจ หันกลับมายกมินิฮาร์ทให้อีกคนแล้วหันหลังให้เหมือนเดิม“นี่บอกมาหมายความว่าอย่างไร” ต้าเหนิงกลั้นขำแต่ไม่ยอมหันไปฉินเกอหลงบ่นอีกยาวซึ่งต้าเหนิงไม่ได้สนใจง่วงเต็มทนเอาเสียงบ่นเป็นเสียงกล่อมนอน ทีนี้จากคนที่ไม่พูดด้วยกลายเป็นคนที่พูดมาก แต่ต้าเหนิ
ต้าเหนิงค่อยๆ หย่อนตัวลงบันไดไม้สูงลิบอย่างยากลำบากเพื่อที่จะได้มานั่งที่กองไฟกับฉินเกอหลงอากาศเย็นจนหนาวดีที่หิมะไม่ตก ตั้งใจมาขอโทษเขาที่ส่งนิ้วกลางให้เขาไปเมื่อรุ่งสาง ตอนนี้แดดสีทองส่องฟ้าอำไพทำให้อุ่นขึ้นมาบ้าง วิหารเทียมฟ้างดงามร่มรื่นเหมาะแก่การเร้นกายยามที่ไม่อยากพบปะผู้คน ต้าเหนิงเกาะราวบันไดสุดกลิ่นอายของความบริสุทธิ์ เหมือนมาพักร้อน อยากให้คุณปทุมได้มาเห็นอะไรแบบนี้บ้างจัง ภูเขาสูงวิหารสวยและธรรมชาติที่งดงาม และคนหล่ออีกคนที่ ที่ที่อะไรดีวะ ที่ซื่อบื้อที่ไม่ค่อยพูดที่ ๆๆๆ คงจะเกลียดต้าเหนิงแหละ ก็ธรรมดาอะนะเคยเป็นแฟนกันแต่อีกคนดันไปเป็นสนมฮ่องเต้เป็นใครๆ ก็โกรธ ต้าเหนิงคิดถึงงานแต่งที่ถูกเท ป่านนี้คงมีคนคิดว่าต้าเหนิงฆ่าตัวตายเพราะถูกเทงานแต่ง พวกคู่กรณีทั้งหลายคงหัวเราะจนกรามหัดสินะ เชอะช่างเถอะคนอย่างต้าเหนิงอะนะ คู่แท้ไม่มีคู่กรณีเป็นร้อยหานจงกับฉินเกอหลงมองต้าเหนิงที่ยืนเกาะราวบันไดสูดดมกลิ่นพิสุทธิ์นั้นด้วยความรู้สึกที่ต่างกันออกไป“มาแล้วขอรับพระสนมของกัวกั๋วฮ่องเต้ ร่างกายซูบผอมนั่น เป็นเพราะอยู่กับกัวกั๋วฮ่องเต้ หวางซื่อไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ ก่อนนั้นสนมเอ่อในตอนที่ย
วังหลวง“ฝ่าบาท” ซุ่ยเอ่อร์ก้มหน้าคุกเข่าจรดพื้น กัวกั๋วฺฮ่งเต้ยกมือเชยคางมนขึ้นสบตา ยิ้มมุมปาก“เจ้า นะหรือที่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับข้า” ซุ่ยเอ่อร์แลบลิ้นออกมาเลียที่ปลายนิ้วของกัวกั๋วฮ่องเต้ทั้งดูดทั้งเลียด้วยท่าทีที่ยั่วยวน“พูดมา ถึงจะบอกว่าสิ่งที่เจ้าทำข้าพอใจไม่น้อยแต่เรื่องที่บอกว่าจะพูดรีบพูดมาก่อนที่ข้าจะโมโห”“ฝ่าบาท ซุยเอ่อร์เป้นสาวใช้ของพระสนมเอ่อ” กัวกั๋วฮ่องเต้ถอนหายใจ“แล้วอย่างไรพูดมา” เริ่มรำคาญกับท่าทีเรื่องเยอะของซุยเอ่อร์“ที่ผ่านมา เป็นซุยเอ่อร์ที่อุ่นเตียงให้กับฝ่าบาทยามค่ำคืนหาใช่พระสนมอย่างที่ฝ่าบาททรงเข้าใจไม่”“พูดจาเหลวไหล นางกำนัลซุยเอ่อร์เจ้าคิดว่าจะหลอกลวงฝ่าบาทได้หรือ” ตั่วเค๋อที่สันหลังหวะกำลังกลัวว่าความจะแตก“เจ้ามีอะไรมาพิสูจน์” ซุ่ยเอ่อร์ยิ้มหวานหยด“ไม่มีเจ้าค่ะมีเพียงการอุ่นเตียงให้กับฝ่าบาทเท่านั้นที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ได้” กัวกั๋วฮ่องเต้ยิ้ม“กงกงปิดตำหนัก” ยิ้มร่า ตั๋วเค่อกงกงถอนหายใจยาว“ซุยเอ่อร์เจ้าควรจะรู้นะว่าต้องปรนนิบัติฝ่าบาทเช่นไร ข้าคงต้องไม่แนะนำ ทางข้างหน้าข้ายังเป็นขันทีข้างกายเจ้าอาจจะได้อยู่สูงกว่าตำแหน่งนางกำนัล” ยกมือขึ้นต
โรงเตี๊ยมกลางหุบเขาก่อนถึงด่านเผยจ๋ายผู้คนนั่งลงบนเก้าอี้ดื่มกินกลางแจ้งใต้ร่มไม้ไร้ชายคาตามประสาโรงเตี๋ยมบ้านป่าเยี่ยนฉือยืนกอดกระบี่ดี ด้านหน้าจนท้อใจป่านนี้เจ้าหานจงคนนั้นทำไมยังไม่มาถอนหายใจหรือเขาตื่นเต้นที่จะได้พบหานจงเลยคิดว่าช่วงเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ถอนหายใจยาวจะทำทีว่ารออยอู่นานแล้วเจ้าหานจงก็จะหัวเราะเยาะเอาได้ไม่สู้เข้าไปร่ำสุราให้สบายใจรอคนที่เขาเฝ้าคิดถึงทุกเวลาจะดีกว่า“เสี่ยวเอ้อ สุราดีหนึ่งไห”เยี่ยนฉือวางก้อนทองลงบนโต๊ะ เสี่ยวเอ้อนำสุรามาวางพร้อมกับจอกสัราและกับแกล้มจำพวกถั่ว“เยี่ยนฉือยิ้มเอื้อมมือคว้าไหสุราแต่ทว่าช้าไปหานจงคว้าไหสุรา มายกขึ้นกระดกลงคอเสียจนอิ่ม“อ่าาาาาาสุราดีสุราดี”“เฮอะสุราดีหรือคนร่วมดื่มรู้ใจกันแน่ พูดความจริงมาเสียว่า ข้าคือสหายสุราที่ร่วมดื่มด้วยไม่มีเบื่อ” แย่งสุราในไหมาดื่มเสียเอง หานจงยิ้ม“เสี่ยวเอ่อสุราอีกไห” วันนี้ไม่เมาไม่เลิกลายิ้มร่าส่งความรุ้สึกออกมาทางสีหน้าและดวงตา“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” หานจงพูดด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ ทั้งที่พยายามกดน้ำเสียงไว้แล้วแต่ก็ไม่อาจกระทำได้“ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง” เยี่ยนฉือเอ่ยปากถามหานจงยิ้มๆ“ทุ
ฉินเกอหลงก้มลงจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วพูดติดตลก “อย่าทำแบบนี้บ่อยนะ เดี๋ยวใจฉันจะละลาย”ต้าเหนิงกลั้นยิ้มหลังอาหารเย็น ฉินเกอหลงยืนล้างจานอยู่ในครัวโดยมีเด็กแฝดทั้งสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยส่งจาน พ่อบ้านคนเก่งพูดคุยกับลูก ๆ ไปด้วย เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสามคนทำให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น ต้าเหนิงยืนพิงขอบประตูดูภาพตรงหน้า แอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ใครจะเชื่อว่าผู้ชายเย็นชาจากโลกเดิม จะกลายมาเป็นคนที่อบอุ่นจนสามารถละลายกำแพงในใจเธอได้ทั้งหมดฉินเกอหลงคนนนี้งดงามกลางใจต้าเหนิงไม่มีเสื่อมคลายทุกเช้า เขาจะตื่นก่อนเพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางวันมีซาลาเปาไส้หมูฉ่ำ ๆ ที่เขานวดแป้งเอง บางวันก็มีข้าวต้มร้อน ๆ กับไข่เยี่ยวม้าราดซอสขิง เธอแค่ลุกมาก็เจอกลิ่นหอมลอยมาจากครัว พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย “ต้าเหนิงที่รัก ตื่นได้แล้ว กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยนอนต่อก็ได้”เขาไม่เคยปล่อยให้ต้าเหนิงต้องทำงานอะไรในบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะซักผ้า ทำสวน พาเด็กไปหาหมอ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเปิดฝาน้ำปลาที่ว่ายาก ๆ เขาก็จะโผล่มาทันที พร้อมกับสายตาห่วงใยที่ไม่เคยจางไป เขาใส่ใจ
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังเบา ๆ เมื่อต้าเหนิงผลักประตูบ้านเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นขิงและน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทันที ฉินเกอหลงคงวุ่นอยู่ในครัวเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา แค่ก้าวเข้าไปยังไม่ทันได้วางกระเป๋าถือ มือของใครบางคนก็คว้าสัมภาระไปจากเธออย่างแผ่วเบา“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังเมื่อไรก็อบอุ่นใจเสมอดังขึ้นจากข้างหลัง ฉินเกอหลง สวมผ้ากันเปื้อนผืนบาง ทับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนพับขึ้นถึงข้อศอกทำไมเขาดูน่ารักในตอนที่สวมผ้ากันเปื้อนนะ ดวงตาหยีเมื่อยิ้ม“ทำกับข้าวอีกแล้วเหรอ คงจะยุงสินะวันนี้” ต้าเหนิงยิ้มพลางถอดรองเท้า “เหนื่อยนิดหน่อย...แต่เห็นหน้าคุณแล้วหายเนื่อยทันที”ต้าเหนิงอมยิ้ม “พูดแบบนี้ จะหวานเกินไปแล้วนะคุณสามี” “อยากจะให้หวานกว่านี้ไหมไปที่ห้องนอนกันสิ” เขากระซิบใกล้หู ทำเอาหัวใจต้าเหนิงเต้นตุ้บ ๆทันใดนั้น เสียงเท้าเล็ก ๆวิ่งลงบันได ฉินเกอหลงถอนหายใจก่อนจะยิ้มกว้างส่ายหน้าไปมา “หม่าม๊าาาาาาาาา~” เสียงใสของ หนูน้อยต้าเล่อ วิ่งมากอดขาแม่แน่น ตามหลังมาด้วยน้องชายฝาแฝด ต้าโย่ว ที่ถือของเล่นไม้ในมือ “คุณแม่กลับมาแล้ว! ”ต้าเหนิงย่อตัวลงกอดลูกทั้งสองแน่น
หนึ่งปีผ่านไปที่คลินิกใหญ่แห่งหนึ่งของย่านที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาต้าเหนิงหอบหิ้วข้าวของมากมายเดินเข้าไปข้างใน ที่นั่นหมอดนัยนั่งไขว่ห้างพนิงพนักเก้าอี้หานจงกำลังเดินออกมาพร้อมกับของว่างได้เวลาของว่างพอดีสินะ“กำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณกับหลานๆ” หมอดนัยกล่าวทักแล้วรีบมาช่วยต้าเหนิงรับเอาของพรุงพะรังไปวางที่โต๊ะตัวกลางหน้าโซฟา หันมองสบตากับหานจงยิ้มๆ ต้าเหนิงเบ้ปาก“ฮันนีมูนมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ต้าเหนิงพูดไปด้วยวางขนมลงบนโต๊ะทำงานของหมอดนัย “ดีที่สุดดีมากและดีจริงๆ” หันไปยิ้มกับหานจงอีกครั้งโกลมันเปลี่ยนไปแล้วความรักคือสิ่งสวยงาม หานจงรีบกุลีกุจอนำจานมาแกะห่อขนมวางตรงหน้าหมอดนัย “หือน่ากินจังต้าเหนิงเก่งจริงๆ ทำขนมเป็นด้วยหรือ” ต้าเหนิงส่ายหน้ายิ้มๆ“ทายสิว่าใครทำ” หมอดนัยอ้าปากค้าง“เมืองจีนนี้เขาสอนลูกหลานเขาอย่างไรน้าาา ผู้ชายสุภาพทุกคนและยังเอาใจเก่งอีกด้วยอิจฉาต้าเหนิงจังมีคนทำกับข้าวให้เลี้ยงลูกให้แล้วยังนอนกล่อมกลางคืนด้วย” ต้าเหนิงส่ายหน้าไปมายิ้มๆ“แล้วคนของหมอเล่า” พยักหน้าไปทางหานจง“ผมไม่เกี่ยวนะ ผมไม่สุภาพตรงไหนผมเอาใจคุณหมอทั้งคืน” หานจงพูดตามแบบที่เข้าใจภาษาไทยได้เล
“เราจะรักกันตลอดไป” ฉินเกอหลงกระซิบเบาๆ ข้างหูขย่มเขย่าร่างเล็กใต้ร่างเขา เร่งจังหวะพาอีกคนไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมกัน“ข้ารักเจ้าต้าเหนิง” คำรักที่ส่งผ่านริมฝีปากออกมาแล่นเข้าสู่หัวใจของต้าเหนิงบทรักหวานฉ่ำในคืนเข้าหอและจากนี้ตลอดไปยังวนเวียนคำรักไม่สำคัญแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขแล้วความเข้าใจเช้าสดใส“คุณชอบกินกุ้งผมสั่งกุ้งย่างมาให้คุณ” ฉินเกอหลงแกะกล่องหยิบกุ้งมาวางในจานเช็ดมือใกับผ้ากันเปื้อนตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาเป็นคนทำอาหารที่ตรงเวลาและใส่ใจอย่างที่สุด เลื่อนจานกุ้งย่างไปตรงหน้าต้าเหนิง“ต้าวแมวอ้วนของผมจะต้องกินกุ้งอร่อยๆ จนหมดแน่เลย” ต้าเหนิงยิ้มรับเอาจานกุ้ง…แต่“อะอะ โอ๊กกกกกกโอ๊กกกกกอ้วกๆๆๆๆ” วิ่งเข้าห้องน้ำโก่งคออาเจียนออกมาทั้งที่ยังไม่ด้กินอะไรตั้งแต่เช้า ฉินเกอหลง วิ่งมาลูบหลังไหล่ให้อย่างอ่อนโยน“เป็นอะไรต้องไปหาหมอแล้วไหม” ต้าเหนิงส่ายหน้าอีกคนโอบไหล่กดหัวให้ซบลงบนอกกว้าง แล้วอุ้มต้าเหนิงไปที่เตียงนอน“อือ แย่จริงผมอยากจะทำอีกแล้วสิบ้าจริงคุณไม่ค่อยสบายแต่ผมกลับอยากจะนอนกับคุณอีกแล้ว” ต้าเหนิงยิ้มบางๆ“เวียนหัวค่ะอยากจะนอน แล้วกุ้งนั่นเหม็นจังเลยค่ะ”“ผมก็เห็
ทุกอย่างหมุนวนไปตามครรลองของมันต้าเหนิงเคียงข้างฉินเกอหลงในโบสถ์ชุดแต่งงานสีขาวสะอาด สายตาจับจ้องที่เจ้าบ่าวที่พูดตามบาทหลวงด้วยคำสัญญาจะรักมั่นเพียงต้าเหนิงคนเดียวน้ำตาไหลริน ไม่สายไป ยังไม่สายไปที่จะรักกันใหม่แหวนทองถูกสวมลงบนนิ้วนางของต้าเหนิงต้าเหนิงเองก็บรรจงสวมแหวนทองให้กับฉินเกอหลงใบหน้ายิ้มแย้มของคุณปทุมกับคุณพ่อของต้าเหนิงราวกับว่ายกภูเขาออกจากอกท่านประธานอี้ตวนคนหล่อยิ้มสมใจต่อนี้ไปจะกุมมือต้าเหนิงไว้ไม่ยอมปล่อยช่อดอกไม้ถูกโยนออกไป ร่างสูงของใครบางคนคว้าช่อดอกไม้ช่อสีขาวสะอาดไว้ในอ้อมแขนต้าเหนิงยิ้มทำตาโตเมื่อเห็นใบหน้าคนที่รับช่อดอกไม้ไว้ได้นั่นมัน หานจงนี่ คิดถึงหมอดนัย แสงสว่างวาบขึ้นในหัวจะต้องแนะนำหานจงให้กับคุณหมอดนัยสินะเฮ้อโลกกลมจริงกัวกั๋วยืนพิงต้นดอกท้อที่นำมาประดับในงานมองมาที่คนทั้งสอง“ในที่สุดพี่ก็มีความสุขอีกแล้วครับทุกอย่างก็เป็นพี่ที่ต้องได้มันไป” ถอนหายใจยาวฉินเกอหลงกุมมือต้าเหนิงพาวิ่งไปที่รถกสปร์อตที่จอดผูกโบไว้ด้านหลังผูกกระป๋องก๋องแก๋งให้ดูตลก ฉินเกอหลงเปิดประตูอุ้มต้าเหนิงขึ้นนั่งบนรถเข้าเองก็เปิดประตูเข้านั่งข้างๆ พารถเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ“ในที
“ฝ่าบาทแย่แล้วลูกดอกของฝ่าบาทคงไปโดนชาวบ้านที่ผ่านทางมาทางนี้” หานจงพูดขึ้นดังๆตกใจไม่น้อยแต่ทว่าฉินเกอหลงกลับมีท่าทีเฉยชาไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรลูกดอกยิงลงเขาเช่นไรจึงไปโดนคนด้านล่างได้ จะบังเอิญอะไรเพียงนั้น“เอ่อ ฝ่าบาทเราจะไม่ลงไปดูคนที่โดนลูกดอกหน่อยหรือขอรับ”หานจงส่งเสียงเตือนเพราะเห็นว่าฉินเกอหลงไม่สนใจแล้วยังจะควบม้าหันหน้าขึ้นไปบนเขาเพื่อตามกวางที่บาดเจ็บต่อไป“ข้าจะลงเขาไปดูพวกเขา ด้วยตัวเอง” สวรรค์นำพาแน่แล้ว ต้าเหนิงดวงตาพร่ามัวมองเห็นใบหน้าของไฉหรานเลือนลางเวลานี้เจ็บปวดที่บาดแผลที่ถูกลูกดอกแทบขาดใจ แต่พยายามที่จะตั้งสติไว้ ความเจ็บปวดนั้นแล่นเข้าสู่หัวใจและสมองบอกว่า ไม่ไหวแล้วดวงตาพร่ามัวกอ่นที่จะค่อยๆหลับลง“เจ้าจะตายแล้วหรือต้าเหนิงไม่ง่ายไปหน่อยหรือเจ้ากล้าตายทั้งๆ ที่ฝ่าบาทยังจำเจ้าไม่ได้หรือไรอิอิ ข้าสงสารเจ้าเสียจริงรักเขาแต่กลับต้องจบชีวิตลงง่ายดายเพียงนี้กลับไปที่ของเจ้าเสียดีไหม ข้าจัดการได้ดีกว่าเจ้าเชื่อข้าเถอะ” เสียงหวานของเอ่อต้าเหนิงที่ต้าเหนิงจำได้ขึ้นใจในอุโมงค์ที่เต็มๆ ไปด้วยสีสันหลากหลายหมุนวนจนปวดหัว“ไม่ข้าไม่มีทางยอมแพ้ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้ว
เฉินอี้เหมยเดินนวยนาดเข้าไปยังจวนราชครูที่ประดับตกแต่งราวกับตำหนักของฮ่องเต้ แม้แต่เก้าอี้ที่นั่งยังทำให้ออกมาคล้ายบัลลังก์มังกรเฉินตงลี่นั่งหยิบองุ่นเข้าปากเคี้ยวสบายใจไมไ่ด้มีเรื่องใกทุกร้อนยทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินตงลี่“ท่านพ่อ ส่งคนสังหารเอ่อต้าเหนิงลุล่วงไปแล้วหรือ” เฉินตงลี่เลิกคิ้วสูงไม่สู้ชอบใจกิริยาของอี้เหมยนัก ตั้งแต่นางนั่งบัลลังก์ฮองเฮานางก็ไม่เคยจะเห็นหัวเขา แต่ในใจของเฉินอี้เหมยรู้ดีว่าเป็นเพราะบิดาและไทเฮาในตอนนั้นที่ทำให้อี้เหมยต้องจดจำช่วงเวลาเลวร้ายที่ถุกกัวกั๋วย่ำยีไปจนตายความศรัทธาในตัวใต้เท้าเฉินบิดาจึงหมดลง“ข้าส่งคนสังหารนางกับเอ่อถูหวังซวน ผู้โฉดชั่วคนนั้นทว่าคนพวกนั้นไร้ฝีมือไม่อาจจัดการตัวการใหญ่อย่างเอ่อถูหวังซวนได้สำเร็จ คนผู้นี้สมควรตายที่สุดแล้วแต่ยังรอดมาได้ข้าส่งคนลอบสังหารเขาอีกคราแต่ทว่าเอ่อถูหวังซวนผู้นี้ฉลาดเป็นกรดไม่มีทางให้พบตัวได้ง่ายๆ แต่ก็นั่นแหละที่กบดานของเขาถูกคนของข้าเผาทำลายคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเหมือนครั้งที่ข้าส่งคนเผาทำลายตระกูลเอ่อแต่เอ่อต้าเหนิงคนนั้นดวงดีรอดตายมาได้”“ท่านพ่อท่านวางมือเสียเรื่องสังหารนางให้เป็นหน้าที
“หากพบกันเจ้าจะพูดกับเขาว่าอย่างไร” ไฉหรานถามขึ้นยิ้มๆ“เจ้าหมายถึงใคร” ถามกลับเพราะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ไฉหรานพูด“จะหมายถึงใครข้าก็หมายถึงฝ่าบาทในเมื่อเขาทิ้งเจ้าไปเจ้าพบเขาก็ควรจะตัดพ้อเขาให้เขารู้ว่าตัวเองทำผิดกับเจ้า”“ท่านหมอบอกว่า ฝ่าบาทจำอะไรไม่ได้บางทีอาจจำข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปทวงคำสัญญาเขาคำสัญญาบนแท่นนอนเจ้าคิดว่าเชื่อถือได้หรือ” ไฉหรานยิ้มเจื่อนๆ“แต่ข้าก็มองว่าเขารักเจ้ามากกว่าใครเขาไม่เคยเหลียวแลหญิงใดเลยมิใช่หรือ หรือแม้แต่ข้าที่อิจฉาเจ้าตลอดมา”“นั่นมันก่อนที่เขาจะเป็นแบบนี้ ท่านหมอบอกว่าคนที่มีอิทธิพลกับเขาที่สุดก็เฉินตงลี่และเฉินอี้เหมย”“ดีนะที่ไม่มีพี่ใหญ่เฉินข้าด้วย”“พี่ใหญ่เฉินของเจ้า ดีจังอย่างน้อยก็ยังได้พูดถึงเขาสินะ เจ้าแอบชอบเขาใช่ไหมบอกข้ามา” ไฉหรานหน้าแดงควบม้านำหน้าต้าเหนิงไปเสียวังหลวงฉินเกอหลงที่นั่งกุมขมับที่ศาลาริมน้ำ ข้างหน้าคือฉินที่กำลังรอใครสักคนบรรเลงเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงหวานหรือเพลงเช่นไรก็ควรจะถูกบรรเลงขึ้นได้แล้วแต่เปล่าเลยฉินเกอหลงนั่งมองเครื่องเล่นฉินนิ่งงันลืมเลือนท่วงทำนองเพลงไปเสียสิ้นหานจงจึงเลือกที่จะบอกเล่าเรื่
“ฝ่าบาท น่าจะรู้ดีกว่าใครในใจของฝ่าบาทที่มีแต่เอ่อต้าเหนิงทั้งที่นางทำร้ายทำลายแม้กระทั่งมารดาของฝ่าบาทก็ตามฝ่าบาทก็ยังหลงงมงายกับนางไม่เปลี่ยน นางคงมีเล่ห์เหลี่ยมกลใดจึงทำให้ฝ่าบาทเป็นแบบนี้” “หุบปากเจ้าเสียข้าไม่คิดเลยว่าเฉินอี้เหมยที่สดใสน่ารักจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้น้องสาวตัวเล็กที่เอาแต่ใจแต่ก็น่าเอ็นดูคนนั้นหายไปไหนเสีย เจ้าพูดถึงนางแล้วทำไมไม่ให้ข้าถามเจ้าบอกว่าข้ารักนางแล้วทำไมนางต้องทำร้ายข้าและมารดาข้า”เฉินอี้เหมยกัดฟันจนเป็นสันนูน“ฝ่าบาทตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ากับท่านพ่อหวังดีกับฝ่าบาทมาตลอดข้าทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อเปิดโปงเอ่อต้าเหนิงว่าทำผิดต่อฝ่าบาทเพียงใดแต่กระนั้นฝ่าบาทก็ยังไม่ตัดใจจากนางข้าควรจะฆ่านางเสียใช่ไหม”ฉินเกอหลงนิ่งงัน“นั่นมันก็แล้วแต่เจ้าจะฆ่านางหรือเก็บไว้ก็แล้วแต่เจ้า ที่ข้าสงสัยก็แค่นางจะทำร้ายข้าเพื่ออะไรมิสู้ทำดีกับข้ารอให้ข้านั่งบัลลังก์แล้วยกย่องนางไม่ดีกว่าหรือ”“ฝ่าบาทมีอี้เหมยแล้ว จะรักหรือไม่เราสองคนก็คือสามีภรรยา อี้เหมยจะทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนหากเรื่องนี้ถึงหูท่านพ่อเรื่องที่ฝ่าบาทยังคลางแคลงสงสัยในความภักดีของท่านพ่อและอี้เห