เพียงแค่นั้นมีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาในห้องจากระยะไกลต่อมา พวกเขาได้ยินเสียงของเจสัน ดอยล์ขณะที่เขาถามอย่างเป็นทางการว่า “คุณเรย์นครับ ผมขอทราบได้ไหมว่าเจ้านายอยู่ที่นี่รึเปล่าครับ?”เบียงก้ามองไปทางประตู เธอหายใจไม่ค่อยออก"พ่อครับ?" นั่นคือเสียงของบลองช์พอได้ยินว่าคุณบีไม่สบาย เด็กชายก็มาเยี่ยมเธออย่างรวดเร็ว เขายืนอยู่ที่ประตูห้องและรู้สึกหมดหวังที่จะเข้าไป เพราะเจสันหยุดเขาไว้“ทำไมพ่อไม่ให้ผมเข้าไป?”“ชู่ว…” เจสันเอานิ้วจิ้มริมฝีปากบอกนายน้อยของเขาให้เงียบไว้ เจสันยืนห่างออกไปสองเมตร ดูเป็นมืออาชีพอย่างสมบูรณ์แบบ เขากังวลว่ามีบางอย่างที่น่าอึดอัดเกิดขึ้นด้านใน และในฐานะลูกน้อง เขาไม่ต้องการที่จะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นด้วย"พ่อครับ?" บลองช์กระพริบตาและยกมือเล็ก ๆ ขึ้นเพื่อเคาะประตูทันใดนั้น ประตูเลื่อนเปิดจากด้านใน และพ่อของเขามองลงมาที่เขาด้วยดวงตาที่เย็นราวกับน้ำแข็งพ่อใจร้ายมากที่มาเยี่ยมคุณบีโดยไม่เรียกเขามาด้วย! บลองช์ไม่สนใจพ่อของเขาและใช้กำลังทั้งหมดลากตะกร้าผลไม้ขนาดใหญ่และตุ๊กตาเข้ามาในห้อง จากนั้นเขาก็โผเข้ากอดเบียงก้า ขณะที่กอดเธอเอาไว้ เด็กชายก็เอ่ยถามว่
ผ่านไปนานมากจนขาเธอชาเพราะนั่งฟุบอยู่กับพื้นนาน ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงของลุคมาจากห้องน้ำ มีเสียงแหบแห้งปนออกมาจากน้ำเสียงของเขาเขาพูดว่า “คุณเข้าไปได้แล้ว”เบียงก้ากัดริมฝีปากของเธอและกลืนความกระอักกระอ่วนลงไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเปิดประตูห้องน้ำอีกครั้งลุคมองมาที่เธอ สีหน้าและการกระทำของเขาดูซับซ้อนเบียงสบตาเขาครู่หนึ่ง แต่เธอไม่สามารถทนต่อดวงตาสีเข้มและลึกของเขาได้ ดังนั้นเธอจึงต้องหันหลังและมองไปทางอื่นที่นี่และเดี๋ยวนี้ ลุคแต่งตัวดูเป็นชายชาตรีไร้ที่ติ เขาเป็นสุภาพบุรุษอย่างสมบูรณ์แบบตามปกติ แม้แต่คอเสื้อและแขนเสื้อก็ดูเรียบร้อยผิดหูผิดตาราวกับไม่เคยเข้าไปพัวพันกับผ้าขี้ริ้วผืนใดผืนหนึ่งก่อนหน้านี้ ราวกับว่าทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการด้านเดียวของเธอเท่านั้น เบียงก้ากำลังจะเข้าไป แต่แล้วเขาก็ขวางทางเธอไว้ร่างสูงและเรียวของชายคนนั้นยังคงมีกลิ่นของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและฟีโรโมนของผู้ชาย มันทำให้เธอรู้สึกอลม่าน“ขอร้องแหละค่ะ ให้ฉันผ่านไป” เบียงก้าพูดพร้อมก้มหน้าลงลุคขมวดคิ้วเข้มแน่น และเขาเดินผ่านเธอ ปัดไหล่ของเธอขณะที่เขาจากไปเบียงก้าหายใจเข้าลึก ๆ และเข้าไปในห้อง
บลองช์อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขามองไปมองพ่อร่างใหญ่ด้านหลังเขาอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น เขาก็หันหลังกลับและส่ายหัวให้เบียงก้า “ไม่ครับ เราจะไปที่ห้างสรรพสินค้ากันครับ”“ห้างสรรพสินค้าเหรอคะ? ไปทำไมคะ?"ทันทีที่พูดแบบนั้น เบียงก้าจึงนึกขึ้นได้ทันทีว่าไม่มีน้ำแร่ในตู้เย็นอีกแล้ว เด็กน้อยอาจกังวลว่าเธอจะไม่มีน้ำให้ดื่มเมื่อรู้สึกกระหาย“เราไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ เดี๋ยวฉันจะต้มน้ำเองค่ะ”สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้คือให้พวกเขาสองคนจากไปโดยเร็วที่สุดอย่างไรก็ตาม เด็กชายส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “อืมคือ เอ่อ ผมกังวลว่าคุณจะไม่มีอะไรกินหรือดื่ม…”เบียงก้าทำอะไรไม่ถูก เธอส่งสายตาหาลุคราวกับการส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือ ในฐานะผู้ปกครองของเด็กน้อย เบียงก้าหวังในใจว่าเขาจะพาเด็กน้อยกลับไปลุคกลับลูบหัวลูกชายเบา ๆ แล้วพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า “ลานี่กังวลมากจนเขาอาจจะยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่กับคุณคืนนี้เลยแหละ”เบียงก้า “...”ไม่มีอะไรที่เธอจะพูดต่อได้บอกตามตรงว่า ถ้าชะตากรรมของเธอต้องผูกติดอยู่กับตระกูลครอว์ฟอร์ดจริง ๆ เธอหวังอย่างมากว่าเธอจะได้พบกับ บลองช์ ครอว์ฟอร์ดทุกครั้ง เพื่อท
กลับมาที่โรงพยาบาลเบียงก้าจ้องที่ถุงช้อปปิ้งเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะไปแปรงฟันพ่อและลูกชายอยู่เพียงครู่เดียวและกลับไปหลังจากนั้น หลังจากอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อย เบียงก้าเปลี่ยนชุดนอนและนอนบนเตียงเดี่ยวสีขาวของโรงพยาบาล เธอบีบหว่างนิ้วเป็นเวลานาน เพราะเธอหลับไม่ลงจริง ๆ เธอพลิกตัวพลิกตัวไปมา แต่กลับนอนไม่หลับเลย ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เบียงก้ากำลังคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในวัยยี่สิบสี่ปีที่มีคนสละเสื้อโค้ดให้แก่เธอโดยไม่ลังเลเมื่อเธอรู้สึกหนาวเธอคงโกหกเป็นแน่ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยลุคพาลูกชายออกจากโรงพยาบาลเตรียมขับรถกลับคฤหาสน์ พวกเขาหยุดรถลงเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงจากนั้นลุคก็เปิดกระจกรถเพื่อสูบบุหรี่ เขาคีบบุหรี่ไว้หว่างนิ้ว เขาหยิบเคาะขี้บุหรี่เป็นครั้งคราว ดวงตาลึกของเขาจ้องมองตรงไปข้างหน้าและค่อย ๆ หรี่ลง“พ่อครับ พ่อเคยสอนผมว่าการแอบฟังโทรศัพท์ของคนอื่นมันหยาบคายมากนิครับ” บริเวณเบาะนั่งนิรภัยด้านหลัง ลานี่คร่ำครวญขณะที่กัดริมฝีปากเล็ก ๆ ของเขา “แต่พ่อกลับบอกให้ผมรับสายคุณบี…” ลุคเคาะขี้บุหรี่แล้วไม่พูดอะไร ลานี่กล่าวต่อ “แต่เราทั้งคู
ทันใดนั้น ฌองก็เดินไปที่ประตูห้องนอนและพยายามหมุนลูกบิดเขาหมุนลูกบิดสองสามครั้งแต่มันไม่ขยับณ จุดนั้น ลุคล็อคประตูจากด้านใน แต่ทว่านี่เป็นเพียงแค่ลูกประตูธรรมดา ไม่ได้แข็งแรงมาก หัวใจของเบียงก้าตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มและไม่อาจกลับมาอยู่จุดเดิมได้อีก ใบหน้าของเธอซีดเซียวจนบอกได้ว่าไม่มีเลือดไหลขึ้นมาเลี้ยงเลย...ริมฝีปากของเธอถูกผนึกด้วยจูบอันเร่าร้อนของชายคนนั้น เธอทำได้เพียงมองดูชายผู้นั้นด้วยความเศร้าโศกลึก ๆ ในดวงตา เธอสั่นศีรษะอย่างสิ้นหวังลุคจูบริมฝีปากของเธอนานเสียจนปล่อยใจไปกับจูบอันดูดดื่มนั้นขึ้นทุกที หลังจากหยุดชั่วครู่ เขาก็ดึงลิ้นของเขาออกจากปากของเธอ แววตาของเขาเจิดจ้าด้วยเปลวเพลิงแห่งราคะที่ไม่สิ้นสุดใบหน้าอันหล่อเหลาด้านหนึ่งกำลังแนบอยู่กับแก้มข้างหนึ่งของเธอ ความอบอุ่นในร่างกายของพวกเขาหลอมรวมเข้าด้วยกัน และมือขนาดใหญ่ของเขาไม่ได้ทำให้ข้อมือของเธอคลายลงเลย ในทางกลับกัน อีกมือของเขาวางไว้หว่างขาของเขาออกแรงกดตรงนั้นมากขึ้น“อย่านะคะ...”เบียงก้าไม่อาจควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นได้อีกเข่าของเธออ่อนแรง และเธอต้องพิงอะไรบางอย่าง แต่ในความงุนงงของเธอ เธอโผเข้ากอดแน่นซ
“เขาถามว่าคุณร้องไห้เหรอ?” เสียงแหบห้าวของลุคกดลงที่หลังของเธอ เขาจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ริมฝีปากของเขาขยับไปตามกระดูกสันหลังและเอื้อมไปที่ติ่งหูของเธอ “บอกผมหน่อยสิว่าคุณกำลังร้องไห้อยู่รึเปล่า?”ทันใดนั้น ก็มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่น ตามมาด้วยแสงฟ้าแลบเบียงก้าฉวยโอกาสนั้นตะคอกใส่เขา “คุณมันไอ้อันธพาล!”"ก็ถูกของคุณนะ ในที่สาธารณะ ผมเป็นสุภาพบุรุษสำหรับทุกคน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมจะเป็นอันธพาลเฉพาะกับคุณ” ลุคกัดหูของเธอจากด้านหลังและเลียเธอไปมามือข้างหนึ่งของเขาเอื้อมไปรอบเอวเรียวของเธอพร้อม ๆ กันกับเอื้อมมือไปสัมผัสสะดือท้องที่ของเธอนิ้วโป้งที่หยาบกระด้างของชายคนนั้นลูบไล้สะดือของเธอไปมา…เบียงก้าทนไม่ได้กับวิธีที่เขาลูบไล้เธอเช่นนี้ และเธอก็ต่อสู้กับนิ้วของเขาที่สะดือของเธอตามสัญชาตญาณ นั่นคือเหตุผลที่เธอโค้งตัวกลับขึ้นมาและเงยศีรษะขึ้นด้วยวิธีนี้ เธอทำให้มันง่ายขึ้นมากสำหรับลุคที่จะกดร่างของเขากับเธอ…ฌองยังคงมอบความรักให้เธออยู่ข้างนอก “วันนั้นพี่ไม่มีเวลาว่างเลย เบียงก้า และพี่ไม่ควรพูด พูดเรื่องพวกนั้น พี่ขอโทษนะ แต่เธอไม่รู้หรอก ว่าแม่ต่อว่าพี่ในวันนั้นว่ายังไงบ้าง! ท่า
ความอัปยศอดสูของเบียงก้าพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินฌองเรียกเธอว่า “นางแพศยา!”ลุคจับเข้าที่ข้อเท้าขาวดุจหิมะของเธอไม่ยอมปล่อย เธอพยายามหนีให้ห่างจากรสขมปร่าในปาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดกลัวนัยน์ตาแดงก่ำราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวดิ้นรนอยู่ไม่นานนัก ข้อเท้าที่ถูกเขาจับเอาไว้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง“โอ๊ย…” เธอร้องออกมาปัง!ปัง!ฌองเตะเข้ามาที่ประตูสองสามครั้งประตูใกล้จะพังอยู่รอมร่อ เบียงก้าตกอยู่ในความกลัวจับขั้วหัวใจ เลือดหยดสุดท้ายไหลออกจากใบหน้าเธอไปจากใบหน้าซีดเผือดของเธอในขณะที่เบียงก้ารู้สึกอับจนหนทางอยู่เช่นนั้น ริมฝีปากของเธอก็ถูกชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาช่วงชิงเอาไปเสียงจากภายนอกยังคงดังอยู่โสตประสาทของเบียงก้าเต็มไปด้วยเสียงหอบอันเย้ายวนและลมหายใจที่ร้อนระอุของผู้ชายคนนี้ภายนอกห้องนอนฌองหันหลังกลับไปตามเสียงที่ได้ยินแล้วจึงเห็นชายในชุดเครื่องแบบตำรวจสี่คนอยู่ตรงหน้าเขา พ่วงมากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของระแวกนี้ พวกเขาเดินเข้ามาทางที่ประตูเปิดออก“โปรดมากับพวกเราด้วยครับ!”ฌองมองไปยังตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาเหลือบมองไ
หลังจากที่ลุคจากไป เบียงก้ายังคงยืนจ้องประตูอยู่พักใหญ่คำพูดของเขานั้นถูกต้อง เช่นเดียวกับการวินิจฉัยของแพทย์ ถึงกระนั้น เธอกลับไม่รู้ว่าเธอคิดถูกต้องไหม ทั้งร่างกายและความรู้สึกได้ทรยศเธอจนหมดจะมีผู้หญิงที่ไหนที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับผู้ชายที่หล่อเหลาและประสบความสำเร็จเช่นเขาถึงกระนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่เก่งกาจอย่างลุค ครอว์ฟอร์ด ใคร ๆ ก็ต้องพิจารณาตัวเองกันทั้งนั้น พิจารณาว่าตัวเองมีสิทธิ์จะคิดอะไรกับเขาไหม ไหนจะผลที่ตามมาอีกถ้าไม่ใช่ชาร์ล็อต ชอว์ ผู้หญิงคนไหนจะคู่ควรกับเขากันล่ะ?เบียงก้ารู้ตัวเองดี ดังนั้นเธอถึงต้องป้องกันตัวเองอยู่เสมอ จนกระทั่งวันนี้ที่เขาบังคับเธออย่างเอาแต่ได้ ร่างกายของเธอยอมแพ้และทรยศเธอ ราวกับว่าร่างกายของเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง... “ถึงปากจะไม่พูด แต่ร่างกายจะเป็นคนบอกเอง” ช่างเป็นคำพูดที่เลือกปฏิบัติเสียจริง แต่วันนี้เธอต้องจำใจยอมรับว่ามันก็มีส่วนจริงเธอเกลียดตัวเองที่เป็นอยู่ในตอนนี้เธอเกลียดร่างกายของตัวเองที่ยอมจำนนต่อสัมผัสอันป่าเถื่อนของเขาอย่างง่ายดายอย่างนั้นคืนนั้น เบียงก้าหลับไม่ลงอย่างแรก เธอต้องทำความสะอาดผ้าปูที่นอนเส
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ