เบียงก้ามองเงยหน้ามองซาเวียร์และก็รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใครวันที่คุณปู่เกิดอาการไอเป็นเลือดขณะที่อยู่ในคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด คุณปู่จำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น ด้วยเหตุนี้เอง เบียงก้าจึงได้เห็นชายคนนี้และอีวอนน์อยู่ในห้องทำงานอยู่ลุคเนื่องจากความประทับใจของเบียงก้าที่มีต่ออีวอนน์นั้นค่อนข้างย่ำแย่ เธอจึงตัดสินใจว่าผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นคนไม่ดีด้วยในขณะนั้นเองมีคนเดินผ่านมา เบียงก้าเพิกเฉยต่อซาเวียร์และส่งใบปลิวให้คนเดินผ่านไปพร้อมกับพูดว่า "สวัสดีค่ะ ถ้าคุณพอมีเวลา โปรดดูหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ"ซาเวียร์หันมามองเธอเบียงก้าสวมเสื้อยืดผ้าฝ้ายสีดำผูกปมที่ด้านหลังเอว และกางเกงขาสั้นยีนส์พอประมาณการแต่งตัวของเธอนั้นทำให้ดูเหมือนนักศึกษาสาวที่ยังไม่จบการศึกษา“วันนี้ไม่ต้องไปทำงานเหรอครับ?” ซาเวียร์ถามก่อนจะละสายตาจากเอวเล็ก ๆ ที่ใคร ๆ ก็อยากจะโอบกอดออกมาเบียงก้ายังคงแจกใบปลิวต่อไป ขณะที่เธอมองกลับมาที่เขาและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่ค่ะ"ความจริงก็คือเธอต้องไปทำงานในวันนี้ และเธอยังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ เนื่องจากวันนั้นไม่จำเป็นต้องตอกบัตรเข้างาน เธอจึงแอบออกไปแจกใบปลิวเพื่อหาราย
"ป้างั้นเหรอครับ? หมายถึงป้าไหนนะครับ?" บลองช์ถามขณะยืนอยู่ข้างคุณปู่ พลางเม้มปากอย่างไม่รู้สาเหตุดวงตาของทั้งคุณปู่และคุณย่าทั้งสองเป็นประกายขึ้นในฉับพลันในที่สุด พ่อหัวทึบคนนั้นก็ยอมเปิดใจสักทีสินะ? สุดท้ายเขาก็ได้คบกับผู้หญิงที่เขาชอบและกำลังจะพาเธอกลับมาพบกับทุกคนอย่างนั้นเหรอ?น้ำตาแห่งความปลื้มปีตินองอยู่เต็มดวงตาเมื่อคู่สามีภรรยาสูงอายุมองหน้ากัน ราวกับความยากลำบากยากเย็นทั้งหมดที่ได้รับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้รับการปลดปล่อยเสียที พวกเขาโล่งใจ ในที่สุดลูกชายของตนก็จะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหลังจากนอนในเรือนจำไม่กี่ปี ดูเหมือนว่าเวลาที่ใช้ไปในนั้นจะไม่สูญเปล่าในตอนแรก คุณปู่บังคับให้บลองช์โทรไป เขายังกระซิบให้บลองช์ว่าให้เปิดลำโพงเพื่อให้ทุกคนได้ยินด้วย ดังนั้นบลองช์จึงปิดลำโพงทำตามคำสั่งทันทีที่เปิดลำโพง ลุงซาเวียร์ก็พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงไป เธอเป็นคุณป้าแสนสวยเลยแหละ หลานลุงจะต้องชอบเธออย่างแน่นอน”เมื่อคู่สามีภรรยาสูงอายุได้ยินว่าลูกชายรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนั้นถึงขั้นบอกว่าเธอสวย พวกเขารู้ว่าลูกชายอาจจะตกหลุมรักเธอมากจนชื่นชมเธอเลย“ครับ ลุงซาเวียร์ เราจะรอกับคุณลุงก
บลองช์ไม่อยากคุยกับพ่ออีกต่อไป เขาหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้เรนนี่ตอนเธอเล่นอยู่ริมสระอย่างมีความสุข“ทำไมผมถึงได้เปียกขนาดนี้ล่ะ? เธอเป็นผู้หญิงนะ” บลองช์ถอนหายใจ นอกจากมีพ่อที่เข้มงวดแล้ว ยังมีพี่ชายที่แก่กว่าเธอเล็กน้อยทำหน้าที่เป็นเครื่องดุเธออยู่เสมอเขาก้มอยู่หน้าสระน้ำ เช็ดผมและหน้าตาของน้องสาวจนแห้งพลางสงสัยกับชีวิตอย่างจริงจังว่าถ้ามีแม่จะเป็นเรื่องง่ายกว่านี้มากขนาดไหนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บลองช์หวังเสมอว่าแม่จะกลับมาหาพวกตนทั้งสอง เขาได้แต่คิดว่าแม้ว่าแม่จะไม่ได้กลับไปหาพ่อ อย่างน้อยเธอก็น่าจะมาพบเขาและเรนนี่ในช่วงสุดสัปดาห์ เพียงแค่นั้นก็คงเพียงพอแล้วสำหรับเขาแต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป บลองช์ไม่หวังให้แม่กลับมาหาพวกเขาอีกต่อไป เขาแค่หวังว่าพ่อจะแต่งงานกับน้าบีและทำให้เธอกลายมาเป็นแม่ของพวกเขาแทนด้วยวิธีนี้ เรนนี่อาจมีชีวิตช่วงวัยเด็กที่สวยงามเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ"อ่าว... อีวอนน์นี่?" มีคนถามและชี้ไปที่ประตูคฤหาสน์บลองช์มองไปและเห็นรถสปอร์ตสีชมพูตรงเข้ามาในคฤหาสน์หญิงวัยกลางคนซึ่งแต่งตัวฉูดฉาดเผยรอยยิ้มและพูดกับคนข้างเธอว่า “นี่คืออีวอนน์ของเราเอง ผ่านมากว่าหนึ่ง
“ขอโทษที ผมต้องใช้ห้องน้ำ” ลุคดื่มไวน์แดงอีกแก้วจนหมด แล้ววางแก้วลงพลางพยักหน้าให้เหล่าผู้มีอิทธิพลบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับอย่างสง่างามก่อนจะจากไปมื้ออาหารเย็นจัดในห้องนั่งเล่นติดแอร์ ด้านนอกเป็นช่วงเวลายามเย็นที่อากาศหนาวเหน็บ และอาหารเย็นทุกจานก็ดูมีชีวิตชีวามากทีเดียวเจสันเห็นเจ้านายกำลังขึ้นไปชั้นบน เขาจึงพาเด็กสองคนเดินไปที่บันได“ลุงเจสันครับ เราจะขึ้นไปข้างบนทำไมครับ?” บลองช์ถามขณะที่นิ้วก้อยยังคงกดปุ่มบนเครื่องเล่นเกมอยู่ เขากะพริบตาและทำตาโต“ไปหาคุณพ่อไงครับ” เจสันไม่สามารถอธิบายให้เด็กฟังมากเกินไปกว่านี้ได้หลังจากพาเด็กสองคนขึ้นไปชั้นบน เจสันขอให้เด็ก ๆ สวมรองเท้าขณะนั่งบนเก้าอี้ถัดจากบันไดไป เขาพูดต่อ “มานั่งรอพ่อไปเข้าห้องน้ำกันเถอะนะครับ”บลองช์พยักหน้าเขารอพ่อออกมาจากห้องน้ำ“แต่ลุงเจสันคะ หนูยังอยากอยู่ที่นี่ต่อ” เรนนี่คิดว่าการรอพ่อแบบนี้หมายความว่าพวกเขาจะต้องกลับบ้านพร้อมกับพ่อ“ถ้ายังอยากอยู่ต่อ คุณหนูเรนนี่ต้องบอกคุณพ่อหลังจากที่เขาออกมาแล้วนะครับ เขาน่าจะยอมให้อยู่ที่นี่สักพัก” เจสันปลอบพวกเขาชั่วคราวในไม่ช้า ความสนใจของเด็กสองคนก็กลับไปที่เกม
ในตอนนั้นเอง บรรยากาศในห้องนอนกดดันจนหนักอึ้ง และเธอก็ควานหาโทรศัพท์มือถือของเธอจนเจอหลังจากเปิดเครื่องด้วยความยากลำบาก การแจ้งเตือนทั้งหมดของเธอก็โผล่เข้ามาเต็มหน้าจอไปหมดเบรย์เดนส่งข้อความหาว่า 'บี เลิกงานกี่โมงครับ? คืนนี้เราจะทานอาหารเย็นด้วยกันดีไหมครับ?'เบียงก้ารีบกลับไปตอบเบรย์เดนหลังจากตอบกลับไป เบียงก้าก็ไม่กล้ามองย้อนกลับไปที่ลุคที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอสูดหายใจเข้าเบา ๆขณะหมุนลูกบิดประตู แล้วเดินออกไปด้วยอาการหอบเธอปิดประตูห้องนอนอย่างระมัดระวัง เบียงก้ามองไปรอบ ๆ และตระหนักว่าตนเองอยู่ในคฤหาสน์ ซึ่งน่าจะเป็นคฤหาสน์ของซาเวียร์เสียงแก้วกระทบกันดังมาจากชั้นล่าง ฟังดูเหมือนงานเลี้ยงสังสรรค์เบียงก้ามองไปรอบ ๆ และดูเหมือนจะไม่มีทางออกอื่นนอกจากการลงไปชั้นล่างและใช้ทางเข้าหลักในการออกไปข้างนอก เธอเดินไปที่บันไดและไม่กล้าทำเสียงใด ๆ“คุณเรย์นครับ?” ขณะที่เจสันเดินขึ้นไปชั้นบน เขาก็บังเอิญชนกับเบียงก้าที่กำลังมองลงมาจากบันไดชั้นสองขณะที่ทั้งสองมองหน้ากัน เบียงก้าพูดอย่างเชื่องช้าว่า "สวัสดีค่ะ คุณดอยล์"ในวินาทีนั้น ในที่สุด เจสันก็เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงเอาแต่มองขึ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ต้องการใช้เด็ก ๆ เพื่อบังคับเธอการเริ่มต้นความสัมพันธ์ควรเริ่มต้นก่อนการแต่งงาน เมื่อพวกเขาแต่งงานและกลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว ความสัมพันธ์ควรจะคงอยู่ตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์แต่ทว่า เขาติดอยู่ในภาวะติดขัดที่ไม่สามารถแตกหักได้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นเร็วเกินไป เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะพบหรือสารภาพกับเธออย่างเป็นทางการ แต่พวกเขามีลูกกันตั้งแต่ต้น แถมเป็นแฝดอีกด้วย!เมื่อใดที่เธอขัดขืน เขาก็สามารถอ้างได้ว่าเธอเป็นแม่ของเด็กแฝดทั้งสอง และบังคับให้เธอแต่งงานได้ แต่ความรักจะดำเนินไปในเส้นทางไหน ถ้าลุคบังคับให้เธอแต่งงานกับเขาเพียงเพราะเธอแค่รักเด็กสองคนนี้? เธอจะเต็มใจละทิ้งเสรีภาพและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูก ๆ และได้อยู่เคียงกับพวกเขาหรือไม่?หากทิศทางของอนาคตจะเป็นเช่นนั้น การแต่งงานนี้ก็จะไม่ได้มาจากความรักอันบริสุทธิ์ของทั้งสองความเกลียดชังที่อยู่ภายในตัวเธอ กลบทับความรักที่เขามีต่อเธอไปจนสิ้นมันคงไม่ใช่เพราะความรักที่ผูกมัดเธอไว้ข้างกายเขา หากแต่ทั้งหมดมันเป็นเพราะลูกทั้งสองคนต่างหากเขาไม่อยากบังคับเธอเช่นนั้นอย่างที่เคยบอก เขาอยากให้เธออยู่กับเขาและหลงรั
อีวอนน์กำลังสาละวนอยู่กับความคิดที่ยุ่งเหยิงอยู่ในหัวในบรรดาหนุ่มโสดผู้มีฐานะทั้งหลายในเมืองเอนี้ คิดว่าใครที่จัดการได้ยากที่สุดล่ะ? ไม่ใช่พวกเจ้าชู้หรือพวกมากรักพวกนั้นหรอก แต่เป็นลุค ครอว์ฟอร์ดที่แสนเย็นชาและไม่ไยดีเธอแม้สักนิดต่างหากโดยเฉพาะตอนที่มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเกี่ยว ลุคก็ยิ่งไม่ไยดีใครหน้าไหนทั้งนั้นอีวอนน์ยอมรับว่าเธอมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาหลายต่อหลายครั้ง แต่หลังจากผ่านไปหลายปี ทั้งเขาและเธอได้กลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าของกันและกันไปเสียแล้วแต่อีวอนน์ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าอายตรงไหน เพราะกับผู้หญิงคนอื่น ลุคก็ทำเช่นนี้กับพวกเธอเช่นกันมีเพียงเบียงก้า เรย์นที่ต่างออกไป เพราะดูเหมือนว่าลุคจะมีใจให้เธออีวอนน์ไม่เห็นเข้าใจว่าทำไมลุคถึงไปชอบผู้หญิงบ้าน ๆ อย่างเบียงก้าได้ แต่ไม่ว่าเบียงก้าจะใช้วิธีไหนในการมัดใจลุค อีวอนน์ก็รู้แก่ใจว่าอย่างไรก็ต้องกำจัดเบียงก้าไปให้พ้นทางเธอปรารถนาจะทำให้เบียงก้าเป็นผู้หญิงที่สกปรกไปทั้งตัวและหัวใจถ้าหากเบียงก้าได้ตบแต่งไปกับพวกยากจนข้นแค้น และต้องทนทุกข์ทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็น อีวอนน์คงจะรู้สึกดีใจมาก แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องไร้สาระ
เบียงก้าอยากจะบอกชายวิปลาสตรงหน้าเสียเหลือเกินว่าสิ่งที่พวกเขาทำกันครั้งก่อนนั้นจะไม่ทำให้เธอท้องแต่เพราะปากยังถูกปิดเอาไว้ เธอจึงไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกไปได้เบียงก้ายังจำได้ว่าลุคเคยหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในอินเทอร์เน็ตนั่นก็ตอบว่าแม้การเล้าโลมนั่นจะมีโอกาสทำให้เธอท้องขึ้นมาได้ แต่ก็โอกาสเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นถึงจะเป็นโอกาสเพียงแค่เล็กน้อยก็ตามแต่เมื่อเบียงก้าคิดถึงเรื่องนั้น เธอก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาหลายวันก่อนเธอเหนื่อยมากจนสมองล้าไปหมด แถมจิตใจก็ยังวุ่นวายอีกต่างหาก เธอจึงจำไม่ได้ว่าครั้งที่แล้ว เธอได้ใช้ยาคุมฉุกเฉินไปหรือไม่เบียงก้าจำได้แต่เพียงว่าตัวเองซื้อยานั่นมาแล้วเก็บไว้ในกระเป๋าแต่จำไม่ได้ว่าใช้ไปเมื่อไหร่ หรือไม่ได้ใช้เลยกันแน่เบียงก้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมานั่งกังวลเรื่องการตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจเลยสักครั้ง ยิ่งเป็นการตั้งท้องลูกของลุคแล้วล่ะก็ มันคงไม่ต่างอะไรกับการถูกทรมานจิตใจ เป็นเวรเป็นกรรมโดยแท้...กว่าจะรู้ตัว เธอก็ถูกความโศกเศร้าเข้าครอบงำ“นี่คุณร้องไห้ทำไม?” ลุคเห็นหยาดน้ำที่เอ่อคลอในดวงตาของเธอ น้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ