“เดี๋ยวฉันค่อยไปค่ะ เผอิญเขายังไม่เลิกงาน” ขณะที่เบียงก้าพูดนั้น เวลาก็ผ่านไปเป็นนาทีและเตาไมโครเวฟก็หยุดการทำงานลง ลุคยืนห่างจากอยู่ด้านหลังเธอไปราวหนึ่งเมตร ในตอนที่เขาคิดวิธีที่เบียงก้าพูดถึงผู้ชายคนนั้นมีเจ้าหน้าไหนไม่รู้ใจกล้าชักนำให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามาในชีวิตเธอเนี้ยนะเบียงก้าไม่กล้าคิดไปไกล เพราะกลัวว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ดังนั้นเธอจึงเลือกจดจ่อไปที่การทำอาหารแทนเธอเรียนวิธีการทำอาหารจากการเรียนออนไลน์หลังจากเวลาหยุดลง เธอก็ฉีกเครื่องปรุงอีกชุดหนึ่งออก แล้วเทมันลงไปในชามเธอคนเล็กน้อย แล้วใส่กลับเข้าไปในไมโครเวฟต่ออีกสองนาทีเมื่อครบตามเวลาแล้ว เบียงก้าหยิบชามออกมา คลุกเคล้าชีส แล้วเอาเข้าไมโครเวฟต่ออีกหนึ่งนาทีลุคที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอมาตลอด เริ่มสร้างวิมานในอากาศว่าเขาและเบียงก้าเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามัน และเธอเป็นภรรยามือใหม่ที่กำลังทำอาหารให้สามีของเธอซึ่งก็คือเขา ในเรื่องเพ้อพกเหล่านั้น แม้ภรรยาของเขาจะยุ่งมาก แต่เธอก็จะกลับบ้านตอนเที่ยงเพื่อทำอาหารให้เขาเบียงก้ายังไม่ละสายตาไปจากการทำอาหารนี่ไม่ใช่วิธีที่คนปกติใช้เวลาทำแม็คแอนด์ชีสกึ่งสำเร็จรูปหนึ่งนาทีให้ห
ลุคกำพวงมาลัยแน่นในขณะที่มีบุหรี่อยู่ระหว่างนิ้วในมืออีกข้าง เขาพาดแขนออกนอกตัวรถเพื่อไม่ให้ควันบุหรี่ร่วงลง ก่อนจะกวักมือเรียกลูกชายให้เข้ามาใกล้เด็กชายตัวเล็กเดินไปอย่างไม่รู้สึกรู้สาลุคมองลูกชายด้วยแววตานุ่มลึก “ลูกคิดว่าเธอจะยอมเป็นแม่ของลูกเพราะแค่ลูกขอให้เธอเป็นอย่างนั้นรึไง?”เจ้าตัวเล็กเกาศีรษะด้วยความสับสน แต่เมื่อเขารู้ว่าความหมายที่พ่อต้องการจะสื่อ คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดมุ่น เมื่อตระหนักได้ว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร เขาได้แต่ก้มหน้าด้วยความผิดหวัง “ผมเข้าใจแล้วครับว่าเธอไม่อยากเป็นแม่ของเรา”เมื่อเห็นลูกชายสีหน้าอันผิดหวังของลูกชาย ลุคขมวดคิ้วมุ่นและแหงนมองท้องฟ้าที่อยู่ไกลสุดสายตา ริมฝีปากบางของเขาแยกจากกันตอนที่เขาดูดบุหรี่ลูกของเขาไม่ได้ยืนขวางรถอีกต่อไปแล้ว รถเรนจ์โรเวอร์สีดำจึงเคลื่อนตัวออกไปบลองช์กลับมาที่ห้องนั่งเล่น และนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ในขณะที่เหวี่ยงรองเท้าแตะเล็ก ๆ ออกจากเท้าด้วยความเศร้าใจ“เกิดอะไรขึ้นล่ะ? ทำไมทำหน้าอมทุกข์แบบนี้?” ในที่สุด หลุยส์ที่ซ่อนตัวอยู่ก็ปรากฏกายออกมาด้วยใบหน้าที่สับสน เขาไม่รู้ว่าตอนที่เขาไม่อยู่นั้น เกิดอะไรขึ้นบ้างในบ้านหลั
รถเบนท์ลี่ย์ อาร์วีสีดำขับเคลื่อนไปตามเส้นทางคดเคี้ยวบนทางหลวงภายในรถ มีเด็กสองคนนั่งอยู่ที่เบาะหลังเรนนี่ถือขวดนมอยู่ในมือและดูดเป็นครั้งคราวในขณะที่เจสันกำลังขับรถไป เขาก็เหลือบมองเด็กสองคนที่นั่งอยู่บนเบาะด้านหลังจากกระจกมองหลัง และมีกระเป๋าเดินทางสพันจ์บ็อบ สแควร์แพนส์อยู่ถัดจากพวกเขาไป เมื่อมองจากกระเป๋าเดินทางของบลองช์แล้ว ดูเหมือนว่าเขากำลังหนีออกจากบ้านเจสันไม่รู้ว่าเขาควรทำเช่นไรกับพฤติกรรมของเด็ก ๆ และไม่รู้ว่าควรจะรายงานให้เจ้านายทราบดีหรือไม่หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่องนี้ระหว่างทาง เจสันก็ตัดสินใจที่จะไม่โทรหาเจ้านายของเขา เขาต้องการพาเด็ก ๆ ไปหาเบียงก้าและดูปฏิกิริยาของเธอก่อนที่เขาจะรายงานให้เจ้านายของเขาทราบในภายหลัง“ยังไงพี่ก็ไม่กลับ แล้วเธอล่ะ?” บลองช์ถามน้องสาว“หนูก็ไม่กลับไปเหมือนกัน เราไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ยังดีซะกว่ากลับไปอยู่บ้านอีก” เรนนี่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังโตโดยที่แทบจะไม่ได้พบพ่อของเธอเลย ไม่เพียงเท่านั้น ที่คฤหาสน์ยังมีคุณย่าสองคนที่ชอบทะเลาะกันอยู่เสมออีกด้วยคนเดียวที่เด็ก ๆ จะคิดถึงก็คือคุณปู่เจสันเฝ้าดูการสนทนาของเด็ก ๆ จากนั้นเข
เมื่อเด็กชายกระโจนเข้าใส่เบียงก้า เธอก็ถูกเหวี่ยงจนล้มลงบนเก้าอี้ต่อให้เธอจะพยายามควบคุมตัวเองมากเพียงใด หัวใจของเธอก็ยังเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ การเต้นของหัวใจบอกเธออย่างชัดเจนว่า เธอรู้สึกประหม่าและกลัวมากแค่ไหน“ฮือ ฮือ...” บลองช์ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง เด็กชายตัวเล็กดูน่าสงสารขึ้นในทันใดเบียงก้าลูบหลังของเด็กชาย จากนั้น เธอก็มองไปที่ผ้าพันแผลหนาที่พันรอบหัวเข่าของเด็กชาย เธอเห็นคราบเลือดบางๆ ติดอยู่บนนั้น แต่หลังจากที่เห็นมันหลุดออก เธอก็ได้พบว่าแผลของเขานั้นไม่ได้ร้ายแรงจนเกินไป"คุณเป็นยังไงบ้าง?” เบรย์เดนเอ่ยถามเบียงก้าอย่างเป็นกังวลโชคดีที่เบรย์เดนตอบสนองได้ทันเวลาในขณะที่เธอล้มลง เขาได้วางเบาะนุ่มเอาไว้ใต้ขาของเธออย่างรวดเร็วเบรย์เดนเหลือบมองเด็กชาย เขาต้องการที่จะเกลี้ยกล่อมเด็กชายเพื่อให้เด็กชายเชื่อฟังพ่อของเขาและไม่ควรจะรบกวนคนแปลกหน้าเช่นนี้ แต่ก่อนที่เบรย์เดนจะได้พูดอะไร โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน“ครับ คุณลาร์สัน” เบรย์เดนตอบอย่างรวดเร็วเสียงที่หมดความอดทนของคุณลาร์สันตะโกนขึ้นว่า "เบรย์เดน คุณอยากทำงานอยู่รึเปล่า? คุณไม่รู้เหรอว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแ
เมื่อพนักงานเสิร์ฟกลับเข้ามาทำงาน เธอก็เห็นเด็กชายกำลังดึงที่มุมเสื้อของน้าบีอย่างแน่นพลางมองดูพ่อที่มีขาเรียวยาวอย่างไม่พอใจ พ่อของเขามีใบหน้าที่เย็นชาและเคร่งขรึม เขาจ้องมองไปที่เด็กชายซึ่งกำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของน้าบีเบียงก้านั่งลงและหยิบรองเท้าสองคู่ แปรงสีฟันรูปการ์ตูน นาฬิกา เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของบลองช์ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นกลับเข้าในกระเป๋าเดินทางสีเหลืองเมื่อเบียงก้าปิดกระเป๋าเดินทาง เธอก็เห็นว่าตัวล็อกถูกทำลาย“ขอโทษค่ะ คุณพอมีสก็อตเทปไหม?” เบียงก้าลุกขึ้นยืนและเอ่ยถามพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์“มีค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ ฉันจะไปหยิบมาให้นะคะ” จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็ก้มหน้าลงและเริ่มควานหาจนพบเทปในลิ้นชักเบียงก้ารับมา เธอนั่งลงและเริ่มพันกระเป๋าเดินทางด้วยสก็อตเทปถึงแม้ว่ากระเป๋าเดินทางจะไม่สามารถซ่อมแซมหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก แต่ในตอนนี้ เธอแค่ต้องการไม่ให้ข้าวของที่อยู่ภายในร่วงหล่นลงมาดังนั้น เธอจึงห่อกระเป๋าใบนั้นเป็นอย่างดีบลองช์ก้มหน้าลงและพูดกับน้าบีที่กำลังเก็บกระเป๋าให้เขาว่า “น้าบีครับ ผมขอไปอยู่บ้านคุณได้ไหม? ผม…ผมจ่ายค่าเช่าให้คุณได้นะครับ”เด
เบียงก้าคิดว่าเขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆเขาจะต้องเป็นเจ้าโรคจิตที่กู่ไม่กลับแล้วแน่!พวกเขาอยู่ที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด และคุณปู่ของเขาก็อาจจะกลับมาได้ทุกเมื่อนอกจากนี้ ที่นี่ยังมีสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ และพี่เลี้ยงที่สามารถมาปรากฏตัวได้ทุกเมื่อเพื่อเป็นพยานในเหตุการณ์นี้แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากที่สุดคือการที่เธอถูกจูบจาก...ลูกชายแท้ ๆ ของอลิสันเขาเป็นพี่…'ไม่ เธอจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้'มันยุ่งเหยิงเกินไป’“ปล่อย! ปล่อยฉันนะ!” เบียงก้าดิ้นรน เธอพยายามดันร่างของเขาออกไปลุคพยายามดันริมฝีปากและลิ้นของเขาเข้าไปในปากของเธอเมื่อเธอพยายามจะพูด เขาฉวยโอกาสที่เธอพูด ดันลิ้นลงลึกขึ้นและสัมผัสไปทั่วทั้งปากที่อ่อนหวานของเธอลมหายใจของผู้ชายที่เร่าร้อนพัดผ่านใบหน้าของเธอจนทำให้ขนบนผิวหนังลุกขึ้น มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายชายผู้นั้นจูบและบีบมือเธอเข้ากับกำแพงในขณะที่เธอดิ้นรนต่อสู้มากขึ้นอย่างไรก็ตาม เธออ่อนแอเกินไปและไม่สามารถเอาชนะความแข็งแรงของลุคได้ ใบหน้าที่คมเข้มก้มลงที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง จนทำให้เธอหายใจติดขัด เธอดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่มันกลับทำ
“หรือจะให้ผมแสดงให้คุณเห็นว่าสวรรค์ที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง” ลุคถกเสื้อของเบียงก้าขึ้นมืออันใหญ่โตของเขากดลงบนผิวหนังของเธอ ในขณะที่ริมฝีปากอันบอบบางของเขาจูบลงที่ด้านหลังของเธอเขาสูดดมกลิ่นหอมของเส้นผมของเธอเบียงก้ามองไปด้านข้างด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบและพูดว่า “คุณจะไม่ปล่อยฉันไปจริง ๆ ใช่ไหม?”ลุคแสดงออกให้เธอเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาจะปล่อยเธอไปหรือไม่เขาเปิดกระโปรงของเธอขึ้นเบียงก้ายืนนิ่ง จึงทำให้ลุคดำเนินการต่อไปเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงจูบอันร้อนแรงของเขาบนทุกตารางนิ้วของร่างกาย ขนบนผิวหนังของเธอลุกซู่ไปทั่วทั้งร่างกาย เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองเธอจ้องมองมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่บนตู้อยู่นานเธอไม่ตอบโต้และยังคงจ้องมองไปที่มีดปอกผลไม้ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและคร่ำครวญเล็กน้อย ร่างกายของเธอไม่สามารถทนต่อการกระทำของเขาได้อีก ดังนั้น เธอจึงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มือของเธอคลำหามีดปอกผลไม้ที่บนหลังตู้ลุคจูบแผ่นหลังที่สวยงามและเรียบเนียนของเธอ ในขณะที่เขาฝากรอยประทับไว้บนแผ่นหลังของเธออยู่นั้น เสียงของหัวเข็มขัดที่ถูกปลดออกก็ดังเข้ามาในหูของเธอเธอ
เบียงก้าไปรับประทานอาหารกลางวันกับซูที่โรงอาหารของพนักงานอีวอนน์มาถึงที่ทำงานหลังจากที่พวกเธอรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว“ต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดีว่าเมื่อวานนี้ฉันได้ซื้อเน็กไทเอาไว้ให้แฟน เมื่อเช้านี้ฉันก็เลยไปส่งของขวัญให้กับเขามา แต่ฉันดันเจอรถติดระหว่างทางมาบริษัทน่ะค่ะ” อีวอนน์กล่าวกับเพื่อนร่วมงานในขณะที่เธอนั่งลงด้วยใบหน้าที่พึงพอใจเบียงก้าเงยหน้าขึ้นมองอีวอนน์ซูส่งข้อความถึงเบียงก้าและถามว่า 'เรื่องราวของอีวอนน์เป็นมายังไง?’เบียงก้าไม่ต้องการปิดบังซูเกี่ยวกับเรื่องของอีวอนน์ เธอจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า 'คุณแม่ของลุค ครอว์ฟอร์ดชอบเธอและปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ในอนาคต แต่ฉันเองก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับภูมิหลังของครอบครัวเธอด้วย’เมื่อซูได้อ่านคำตอบของเบียงก้า เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเบียงก้าด้วยความประหลาดใจหลังจากที่ส่งข้อความถึงซูแล้ว เบียงก้าก็ทำงานต่อหลังจากนั้น ซูก็มองไปที่อีวอนน์และได้เห็นว่า เธอกำลังนั่งเล่นเล็บของเธอหลังจากที่เธอวางกระเป๋าลงแล้ว ซูครุ่นคิดกับตัวเองว่า 'เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ดูโง่มาก แล้วคนอย่างคุณครอว์ฟอร์ดจะสนใจเธอได้อย่างไร?’ซูมั
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ