แชร์

บทที่ 18

ผู้เขียน: วรนิษฐา / Miss sexy
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-19 12:13:55

“น้องกวินท์อยู่คนเดียวได้ แต่ถ้าคุณกับผมยังปล่อยให้อารมณ์ค้างคาเราจะอยู่กันไม่ได้ที่รัก” เสียงทุ้มที่ยังคงแหบพร่ากระซิบบอกก่อนจะอ้าปากร้อนๆ งับติ่งหูของขวัญชีวาเบาๆ แล้วใช้ปลายลิ้นตวัดหยอกเล้าสลับเลียไปมา นั่นทำให้เธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว 

เพราะต้องการเธอเหลือเกินสุดท้ายรอยส์ก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีก บทรักของเขาจึงเริ่มเร่าร้อนมากขึ้นโดยเฉพาะจูบที่แสนหวานก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงเรียกร้อง มือหนาที่อุ่นจัดกอบกุมหน้าอกอวบอูมทั้งสองข้างของ     ขวัญชีวาบีบคลึงสลับกันไปมาอย่างเป็นเจ้าของ บางจังหวะก็ปัดป่ายสลับบีบบี้เม็ดยอดสีชมพูสวยที่เวลานี้กำลังชูชันอย่างช่ำชองจนหญิงสาวถึงกับร้องครางอู้อี้ในลำคอด้วยความเสียวซ่านหวั่นไหวที่ยากจะต้านทาน

“ขะ…คุณรอยส์ หยุดนะ” น้ำเสียงของขวัญชีวานั้นกระท่อนกระแท่น เรี่ยวแรงที่มีก็เหมือนจะถูกเขาจับได้แล้วโยนทิ้ง แม้ขวัญชีวาจะผลักไสแต่รอยส์กลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเพราะยังคงกลืนกินร่างกายเธออย่างต่อเนื่อง 

โดยเฉพาะเรียวลิ้นร้อนชื้นที่กำลังตะหวัดรัดเกี่ยวดูดกลืนกับลิ้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 19

    และก่อนที่ขวัญชีวาจะคิดไปไกลรอยส์ก็ทำให้เธอรุ่มร้อนอีกครั้ง นั่นเพราะตอนนี้เขาต้องไล่ตามเธอให้ทันก่อนจะถูกทิ้งไว้ท่ามกลางความครึ่งๆ กลางๆ จึงกระแทกกระทั้นสะโพกเข้าหาอย่างถี่กระชั้นจนร่างกึ่งเปลือยของขวัญชีวาไหวโยกตามแรงส่ง หน้าอกคู่สวยกระเพื่อมขึ้นลงยั่วสายตาอีกฝ่าย รอยส์อดใจไม่ไหวจึงยกมือข้างหนึ่งไปบีบคลึงรอยส์จ้องมองขวัญชีวาด้วยความรู้สึกที่ยังคงหื่นกระหาย สำหรับเธอแล้วความหล่อเหลาในระยะใกล้แบบนี้ของเขาทำให้หวั่นไหวแต่ก็ยังตื่นกลัวให้เห็น เพราะแบบนั้นซีอีโอหนุ่มจึงสลัดความกลัวของเธอออกแล้วแทนที่ด้วยความหฤหรรษ์ที่ยากจะต่อต้านของชายหญิง ขวัญชีวาพ่ายแพ้ต่อรอยส์เพราะไม่ว่าเขาจะจัดท่วงท่าเธอยังไงก็โอนอ่อนทำตามอย่างว่าง่าย กระทั่งรอยส์ปลดปล่อยจึงรวบตัวเธอเข้ามากอด“คุณเห็นฉันเป็นอะไร” เมื่อพายุอารมณ์ผ่านพ้นไปขวัญชีวาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเครือ ทั้งๆ ที่เธอต่างหากที่ผิด เธอไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้น“ผมขอโทษแต่ผมพยายามหักห้ามใจตัวเองแล้วจริงๆ”“คุณมัน…เห็นแก่ตัว” ขวัญชีวาเอ่ยต่อว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 20

    หลังการผ่าตัด อาการของกวินท์ก็หายวันหายคืนอาจเพราะใจสู้และได้กำลังใจดีจากแม่คนเก่งอย่างขวัญชีวารวมไปถึงลุงอย่างรอยส์ที่รายหลังนั้นหมั่นแวะเวียนมาเยี่ยมเสมอๆ การปรากฎตัวที่โรงพยาบาลของรอยส์บ่อยๆ ทำให้พี่ชายอย่างเรย์สนใจ ชายหนุ่มคอยสังเกตุอยู่ห่างๆ กระทั่งรู้ว่าคนไข้ที่เวลานี้ยังพักฟื้นอยู่ในห้องวีไอพีสำคัญกับน้องชายมากจึงขอประวัติการรักษาของกวินท์มาดูเป็นกรณีพิเศษพร้อมกับออกมาดักพบน้องชายที่หน้าลิฟต์ทางเข้าโซนวีไอพี “พอจะมีเวลาคุยกันสักสิบห้านาทีไหม” “ครับ” รอยส์เอ่ยรับแล้วเดินตามพี่ชายไป จุดหมายคือชั้นบนสุดของโรงพยาบาลซึ่งชั้นนั้นมีห้องทำงานของพี่ชายอยู่ด้วย “ได้ข่าวว่าระยะนี้นายเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล เป็นอะไรหรือเปล่า” แม้จะรู้สาเหตุที่ทำให้รอยส์มาโรงพยาบาลบ่อยๆ แต่เรย์ก็ตั้งใจถามแบบนั้นออกไป เขากับน้องชายอายุห่างกันสี่ปี ตอนนี้เป็นผู้บริหารด้วยกันทั้งคู่ เขาสานต่อธุรกิจโรงพยาบาลที่ครอบครัวสร้างขึ้นส่วนรอยส์ขอเดินบนเส้นทางตัวเอง น้องคนนี้ชอบเรื่องรถเรื่องเทคโนโลยีจึงมุ่งเน้นไปทางนั้น ธุรกิจก็เติบโตมีชื่อเสียงไม่น้อย “ผมสบายดีครับ แต่พอดีญาติข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 21

    สำหรับขวัญชีวาแล้ว แม้ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างรอยส์และเธอจะซับซ้อนแต่ก็มั่นใจว่าจะจัดการทุกอย่างเพื่อไม่ให้กระทบกับงานได้ เธอจะอดทนจนกว่าเขาจะเซ็นใบลาออกให้แต่เมื่อไหร่เส้นความอดทนของเธอมันขาดก็อีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่อยู่ในหัวของขวัญชีวามีเรื่องลูกและเรื่องงานเป็นหลัก ส่วนเรื่องของรอยส์ก็มีบ้างที่เธอปล่อยให้เขาเข้ามาในความคิดขณะอยู่ที่บริษัทรอยส์เองก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรจนเกินพอดี เขายังคงเว้นระยะห่างที่ควรจะทำเสมอนั่นเพราะห่วงความรู้สึกของขวัญชีวา แต่เมื่อไหร่ที่อยู่นอกเวลางานก็เป็นอีกเรื่องเช่นกันโดยเฉพาะที่โรงพยาบาล“คุณรอยส์”“อะไรครับ”“เลิกมองฉันแบบนั้นได้แล้ว มองอยู่ได้”“แม่เกี๊ยวกับลุงรอยส์คบกันอยู่ใช่ไหมฮะ” จู่ๆ ประโยคคำถามก็ดังมาจากเด็กชายวัยเจ็ดขวบ ถึงแม้จะยังเด็กแต่ก็พอรู้ว่าความรักคืออะไรเพราะตอนอยู่อนุบาลตัวเองก็เคยมีแฟนมาแล้ว แถมตอนนั้นยังเนื้อหอมมากอีกด้วย“เอ้” ขวัญชีวาอุทานออกมาอย่างตกใจนั่นเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้จากลูกชาย“ใช่ครับกวินท์ เรากำลังค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 22

    “เรากลับมาคุยกันก่อนนะคะคุณหนึ่ง” แม้จะไม่พอใจที่สามีบินกลับเมืองไทยโดยไม่บอกเธอ แต่สถานการณ์ในตอนนี้พลอยใสก็ต้องหว่านล้อมสามีให้กลับมาหาเธอให้ได้เสียก่อน “ต่อจากนี้เราคงไม่ต้องคุยอะไรกันอีก”“ไม่นะคะไม่ ถ้าคุณไม่สะดวกบินมาฉันจะบินไปหาคุณเพื่ออธิบายทุกอย่างเอง นะคะ”“อย่าเสียเวลาเลย”“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงหรือคุณจะหย่ากับฉันอย่างนั้นเหรอ”“ใช่”“คุณหนึ่ง!”“ผมคงใช้ชีวิตกับคุณต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราหย่ากันน่าจะดีที่สุด” เรื่องหย่าอยู่ในหัวของภูริชมานานแล้ว น่าจะตั้งแต่แต่งงานกับพลอยใสด้วยซ้ำ เพียงแค่ที่ผ่านมาเขาพยายามไม่คิดถึงเรื่องหย่าและคิดว่าทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นเพราะหลังจากเลิกรากับปานชีวาน้องสาวของ ขวัญชีวาไม่นานเขาก็แต่งงานสายฟ้าแลบกับเธอ ที่ตัดสินใจแต่งงานทันทีเพราะผู้ใหญ่บีบบังคับบวกกับเขาต้องการใครสักคนเพื่อให้ลืมปานชีวา จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บอสตันโดยเขาไปทำงานในขณะที่พลอยใสก็ตามไปดูแลแต่ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 23

    “ขอบคุณมากนะครับที่คอยช่วยเหลือลูกชายผมกับเกี๊ยว” เมื่อมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ภูริชก็เอ่ยกับรอยส์ขึ้น“ผมยินดีและเต็มใจที่ได้ช่วยครับ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”“เกี๊ยวบอกว่าคุณเป็นเจ้านายเธอที่บริษัท”“ใช่ครับ เราทำงานด้วยกันมาหลายปีแล้ว แต่จู่ๆ คุณเกี๊ยวก็ขอลาออกผมเลยรู้ว่าเธอกำลังมีปัญหา” หากไม่มีใบลาออกใบนั้นรอยส์ก็คงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ขวัญชีวาบ้าง“ผมเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเลยจริงๆ” ยิ่งคิดภูริชก็ยิ่งรู้สึกผิด ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกลูกชายเกลียดเอา“อย่าโทษตัวเองเลยครับเพราะอย่างน้อยตอนนี้คุณก็รู้ทุกอย่างแล้ว รู้ก่อนที่มันจะสายไป”“ผมเคยทำผิดแล้วครั้งหนึ่งที่เลิกรากับกุ้งโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องมารู้อีกทีคือวันที่ผมบินกลับร่วมงานศพของเธอ แต่แล้วก็ยังปล่อยปะละเลยชีวิตของกวินท์กับเกี๊ยวจนทำให้ทั้งคู่ลำบาก” ยิ่งคิดภูริชก็ยิ่งรู้สึกผิดหลังจากนี้เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-24
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 24

    อาการป่วยของกวินท์ดีวันดีคืน หมอจึงอนุญาตให้เด็กชายกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แต่ข่าวดีนี้ก็ถูกกลบด้วยบรรยากาศที่อึมครึมเมื่อพลอยใสเดินทางมาถึงเมืองไทยเพื่อคุยเรื่องหย่ากับภูริชเธอยังคงยืนกรานที่จะไม่หย่าในขณะที่ภูริชก็ยืนกรานที่จะหย่าเช่นกัน สุดท้ายภูริชก็ฟ้องหย่าและเพราะไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โตจนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ทางครอบบครัวของพลอยใสจึงกดดันให้ลูกสาวคนโตยอมเซ็นใบหย่าเงียบๆต่อให้พลอยใสอยากเอาชนะภูริชมากขนาดไหนสุดท้ายก็ทนแรงกดดันจากคนในครอบครัวที่ไม่มีใครเข้าข้างเธอเลยสักคนไม่ได้ เมื่อหย่าเสร็จเธอก็บินกลับไปใช้ชีวิตที่บอสตันส่วนภูริชก็มีคำสั่งจากบริษัทให้ย้ายไปทำงานที่ฟินแลนด์เช่นกัน เพราะแบบนั้นเขาจึงอยากพากวินท์ไปด้วยทันทีที่ได้รู้ขวัญชีวาก็ถึงกับซึมนั่นเพราะไม่คิดว่าเธอจะต้องอยู่ห่างกับกวินท์ไกลถึงขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่าที่นั่นดีต่อการดำเนินชีวิตของกวินท์ อีกอย่างเธอเป็นแค่ป้าคงไม่มีสิทธิ์เท่าพ่อแท้ๆ“ทำไมพี่หนึ่งใจร้ายกับแกแบบนั้น” ปิยะดาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจที่จู่ๆ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-25
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 25

    แม้จะมั่นใจว่ารอยส์นั้นรักขวัญชีวาถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกัน แต่ภูริชก็ไม่วายบอกข่าวผิดๆ แก่รอยส์ นั่นทำเอาซีอีโอหนุ่มถึงกับหัวร้อนแล้วรีบบึ่งรถไปหาขวัญชีวาที่บ้านทันที“คุณจะทิ้งผมจริงๆ เหรอ”“ทิ้งคุณ!” สีหน้าและแววตาของขวัญชีวางุนงงอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะเธอไม่เคยคิดจะทิ้งรอยส์เลยแม้แต่ครั้งเดียวแล้วเขาโวยวายเรื่องนั้นขึ้นมาทำไม“ใช่ คุณหนึ่งบอกว่าคุณจะไปอยู่ที่ฟินแลนด์ด้วย แล้วผมละครับ คุณจะเอาผมไปวางไว้ตรงไหน” นอกจากโวยวายแล้วรอยส์ยังร้อนใจจนเก็บอาการไม่อยู่“วางไว้ที่เดิมค่ะ”“คุณเกี๊ยว”“ดื่มน้ำดับอารมณ์ร้อนก่อนดีไหมคะ” ขวัญชีวายังคงแสดงท่าทางสบายๆ ไม่ได้ร้อนรนอะไร“ไม่ครับ” น้ำเสียงห้วนๆ ของรอยส์เอ่ยรับขึ้น“ถ้างั้นก็ตั้งใจฟังให้ดีๆ ฉันจะตามน้องกวินท์ไปที่ฟินแลนด์จริงๆ แต่แค่ไปส่งแล้วกลับค่ะไม่ได้ไปอยู่ถาวร”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 26

    เพราะคิดถึงและโหยหาส่งผลให้สัมผัสของรอยส์นั้นเต็มไปด้วยความร้อนแรง ชายหนุ่มอุ้มขวัญชีวาจนตัวเธอลอยขึ้นจากพื้นแล้วก้าวยาวๆ ไปยังห้องพักผ่อนที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้าน ทันทีที่มาถึงเขาก็วางเธอลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ริมหน้าต่างแล้วโน้มตัวลงไปเล้าโลมอย่างคิดถึงพร้อมกระซิบถาม“คิดถึงผมหรือเปล่า”“คิดถึงค่ะ คิดถึงมากจนฝันถึงทุกคืน” คำตอบจากขวัญชีวาทำให้ซีอีโอหนุ่มยิ้มกริ่มก่อนจะมอบจูบให้เธอ นั่นทำให้คนในอ้อมกอดครางกระเส่าออกมาอย่างต่อเนื่อง ความเสียวซ่านวาบหวามที่แสนคิดถึงทำให้เธอร้อนรุ่มไปทั้งตัวเพราะคิดถึงจังหวะรักของทั้งคู่จึงร้อนแรงและโหยหา เวลานี้ต่างช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้หลุดพ้นไปจากร่างกายโดยเฉพาะส่วนสำคัญที่ต้องไร้การขวางกั้น การเล้าโลมเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวทั้งสองก็อดใจไม่ไหวนั่นทำให้การสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในขณะที่สะโพกสอบของรอยส์กำลังเคลื่อนไหวในจังหวะเข้าและออกหนักๆ เม็ดยอดสีชมพูบนหน้าอกอวบที่เวลานี้เปลือยเปล่าของขวัญชีวาช่างท้าทายสายตาเขาเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27

บทล่าสุด

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 27- จบ

    “อ้อค่ะ” ขวัญชีวาเอ่ยรับ นั่งรถมาได้ครู่ใหญ่รอยส์ก็เลี้ยวรถไปยังคอมมูนิตี้มอล์แห่งหนึ่ง หลังจอดรถเสร็จเขาก็พาเธอเดินตรงไปยังร้านแห่งหนึ่งที่ด้านหน้ามีชุดเจ้าสาวตั้งโชว์อยู่ นั่นทำให้ขวัญชีวาหยุดกึกทันที“ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีชุดเจ้าสาวที่คุณชอบบ้างไหม”“อะไรนะคะ”“ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่รู้เซอร์ไพรส์แบบไหนหรือจะใช้คำไหนบอกก็เลยพาเกี๊ยวมาที่นี่แทน” ความซื่อในเรื่องพวกนี้ของรอยส์ทำให้ขวัญชีวายิ้มเขินออกมา“พูดคำง่ายๆ ว่าเราแต่งงานกันไหม แค่นี้ก็ได้ค่ะ”“เราแต่งงานกันไหมครับ” รอยส์พูดตามที่ขวัญชีวาแนะนำทันที เขาคิดเรื่องแต่งงานกับเธอมานานแล้วจึงไม่แปลกหากอยากแต่งงานทันที “ผมรักคุณ”“เกี๊ยวก็รักคุณ”“เราแต่งงานกันนะ”“นี่คุณยังไม่ล้มเลิกเรื่องขอฉันแต่งงานอีกเหรอ”“ยังครับ ถ้าวันนี้คุณไม่ตอบวันต่อๆ ไปผมก็จะพูดแบ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 26

    เพราะคิดถึงและโหยหาส่งผลให้สัมผัสของรอยส์นั้นเต็มไปด้วยความร้อนแรง ชายหนุ่มอุ้มขวัญชีวาจนตัวเธอลอยขึ้นจากพื้นแล้วก้าวยาวๆ ไปยังห้องพักผ่อนที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้าน ทันทีที่มาถึงเขาก็วางเธอลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ริมหน้าต่างแล้วโน้มตัวลงไปเล้าโลมอย่างคิดถึงพร้อมกระซิบถาม“คิดถึงผมหรือเปล่า”“คิดถึงค่ะ คิดถึงมากจนฝันถึงทุกคืน” คำตอบจากขวัญชีวาทำให้ซีอีโอหนุ่มยิ้มกริ่มก่อนจะมอบจูบให้เธอ นั่นทำให้คนในอ้อมกอดครางกระเส่าออกมาอย่างต่อเนื่อง ความเสียวซ่านวาบหวามที่แสนคิดถึงทำให้เธอร้อนรุ่มไปทั้งตัวเพราะคิดถึงจังหวะรักของทั้งคู่จึงร้อนแรงและโหยหา เวลานี้ต่างช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้หลุดพ้นไปจากร่างกายโดยเฉพาะส่วนสำคัญที่ต้องไร้การขวางกั้น การเล้าโลมเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวทั้งสองก็อดใจไม่ไหวนั่นทำให้การสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในขณะที่สะโพกสอบของรอยส์กำลังเคลื่อนไหวในจังหวะเข้าและออกหนักๆ เม็ดยอดสีชมพูบนหน้าอกอวบที่เวลานี้เปลือยเปล่าของขวัญชีวาช่างท้าทายสายตาเขาเ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 25

    แม้จะมั่นใจว่ารอยส์นั้นรักขวัญชีวาถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกัน แต่ภูริชก็ไม่วายบอกข่าวผิดๆ แก่รอยส์ นั่นทำเอาซีอีโอหนุ่มถึงกับหัวร้อนแล้วรีบบึ่งรถไปหาขวัญชีวาที่บ้านทันที“คุณจะทิ้งผมจริงๆ เหรอ”“ทิ้งคุณ!” สีหน้าและแววตาของขวัญชีวางุนงงอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะเธอไม่เคยคิดจะทิ้งรอยส์เลยแม้แต่ครั้งเดียวแล้วเขาโวยวายเรื่องนั้นขึ้นมาทำไม“ใช่ คุณหนึ่งบอกว่าคุณจะไปอยู่ที่ฟินแลนด์ด้วย แล้วผมละครับ คุณจะเอาผมไปวางไว้ตรงไหน” นอกจากโวยวายแล้วรอยส์ยังร้อนใจจนเก็บอาการไม่อยู่“วางไว้ที่เดิมค่ะ”“คุณเกี๊ยว”“ดื่มน้ำดับอารมณ์ร้อนก่อนดีไหมคะ” ขวัญชีวายังคงแสดงท่าทางสบายๆ ไม่ได้ร้อนรนอะไร“ไม่ครับ” น้ำเสียงห้วนๆ ของรอยส์เอ่ยรับขึ้น“ถ้างั้นก็ตั้งใจฟังให้ดีๆ ฉันจะตามน้องกวินท์ไปที่ฟินแลนด์จริงๆ แต่แค่ไปส่งแล้วกลับค่ะไม่ได้ไปอยู่ถาวร”

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 24

    อาการป่วยของกวินท์ดีวันดีคืน หมอจึงอนุญาตให้เด็กชายกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แต่ข่าวดีนี้ก็ถูกกลบด้วยบรรยากาศที่อึมครึมเมื่อพลอยใสเดินทางมาถึงเมืองไทยเพื่อคุยเรื่องหย่ากับภูริชเธอยังคงยืนกรานที่จะไม่หย่าในขณะที่ภูริชก็ยืนกรานที่จะหย่าเช่นกัน สุดท้ายภูริชก็ฟ้องหย่าและเพราะไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โตจนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ทางครอบบครัวของพลอยใสจึงกดดันให้ลูกสาวคนโตยอมเซ็นใบหย่าเงียบๆต่อให้พลอยใสอยากเอาชนะภูริชมากขนาดไหนสุดท้ายก็ทนแรงกดดันจากคนในครอบครัวที่ไม่มีใครเข้าข้างเธอเลยสักคนไม่ได้ เมื่อหย่าเสร็จเธอก็บินกลับไปใช้ชีวิตที่บอสตันส่วนภูริชก็มีคำสั่งจากบริษัทให้ย้ายไปทำงานที่ฟินแลนด์เช่นกัน เพราะแบบนั้นเขาจึงอยากพากวินท์ไปด้วยทันทีที่ได้รู้ขวัญชีวาก็ถึงกับซึมนั่นเพราะไม่คิดว่าเธอจะต้องอยู่ห่างกับกวินท์ไกลถึงขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่าที่นั่นดีต่อการดำเนินชีวิตของกวินท์ อีกอย่างเธอเป็นแค่ป้าคงไม่มีสิทธิ์เท่าพ่อแท้ๆ“ทำไมพี่หนึ่งใจร้ายกับแกแบบนั้น” ปิยะดาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจที่จู่ๆ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 23

    “ขอบคุณมากนะครับที่คอยช่วยเหลือลูกชายผมกับเกี๊ยว” เมื่อมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ภูริชก็เอ่ยกับรอยส์ขึ้น“ผมยินดีและเต็มใจที่ได้ช่วยครับ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”“เกี๊ยวบอกว่าคุณเป็นเจ้านายเธอที่บริษัท”“ใช่ครับ เราทำงานด้วยกันมาหลายปีแล้ว แต่จู่ๆ คุณเกี๊ยวก็ขอลาออกผมเลยรู้ว่าเธอกำลังมีปัญหา” หากไม่มีใบลาออกใบนั้นรอยส์ก็คงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ขวัญชีวาบ้าง“ผมเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเลยจริงๆ” ยิ่งคิดภูริชก็ยิ่งรู้สึกผิด ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกลูกชายเกลียดเอา“อย่าโทษตัวเองเลยครับเพราะอย่างน้อยตอนนี้คุณก็รู้ทุกอย่างแล้ว รู้ก่อนที่มันจะสายไป”“ผมเคยทำผิดแล้วครั้งหนึ่งที่เลิกรากับกุ้งโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องมารู้อีกทีคือวันที่ผมบินกลับร่วมงานศพของเธอ แต่แล้วก็ยังปล่อยปะละเลยชีวิตของกวินท์กับเกี๊ยวจนทำให้ทั้งคู่ลำบาก” ยิ่งคิดภูริชก็ยิ่งรู้สึกผิดหลังจากนี้เ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 22

    “เรากลับมาคุยกันก่อนนะคะคุณหนึ่ง” แม้จะไม่พอใจที่สามีบินกลับเมืองไทยโดยไม่บอกเธอ แต่สถานการณ์ในตอนนี้พลอยใสก็ต้องหว่านล้อมสามีให้กลับมาหาเธอให้ได้เสียก่อน “ต่อจากนี้เราคงไม่ต้องคุยอะไรกันอีก”“ไม่นะคะไม่ ถ้าคุณไม่สะดวกบินมาฉันจะบินไปหาคุณเพื่ออธิบายทุกอย่างเอง นะคะ”“อย่าเสียเวลาเลย”“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงหรือคุณจะหย่ากับฉันอย่างนั้นเหรอ”“ใช่”“คุณหนึ่ง!”“ผมคงใช้ชีวิตกับคุณต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราหย่ากันน่าจะดีที่สุด” เรื่องหย่าอยู่ในหัวของภูริชมานานแล้ว น่าจะตั้งแต่แต่งงานกับพลอยใสด้วยซ้ำ เพียงแค่ที่ผ่านมาเขาพยายามไม่คิดถึงเรื่องหย่าและคิดว่าทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นเพราะหลังจากเลิกรากับปานชีวาน้องสาวของ ขวัญชีวาไม่นานเขาก็แต่งงานสายฟ้าแลบกับเธอ ที่ตัดสินใจแต่งงานทันทีเพราะผู้ใหญ่บีบบังคับบวกกับเขาต้องการใครสักคนเพื่อให้ลืมปานชีวา จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บอสตันโดยเขาไปทำงานในขณะที่พลอยใสก็ตามไปดูแลแต่ไ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 21

    สำหรับขวัญชีวาแล้ว แม้ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างรอยส์และเธอจะซับซ้อนแต่ก็มั่นใจว่าจะจัดการทุกอย่างเพื่อไม่ให้กระทบกับงานได้ เธอจะอดทนจนกว่าเขาจะเซ็นใบลาออกให้แต่เมื่อไหร่เส้นความอดทนของเธอมันขาดก็อีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่อยู่ในหัวของขวัญชีวามีเรื่องลูกและเรื่องงานเป็นหลัก ส่วนเรื่องของรอยส์ก็มีบ้างที่เธอปล่อยให้เขาเข้ามาในความคิดขณะอยู่ที่บริษัทรอยส์เองก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรจนเกินพอดี เขายังคงเว้นระยะห่างที่ควรจะทำเสมอนั่นเพราะห่วงความรู้สึกของขวัญชีวา แต่เมื่อไหร่ที่อยู่นอกเวลางานก็เป็นอีกเรื่องเช่นกันโดยเฉพาะที่โรงพยาบาล“คุณรอยส์”“อะไรครับ”“เลิกมองฉันแบบนั้นได้แล้ว มองอยู่ได้”“แม่เกี๊ยวกับลุงรอยส์คบกันอยู่ใช่ไหมฮะ” จู่ๆ ประโยคคำถามก็ดังมาจากเด็กชายวัยเจ็ดขวบ ถึงแม้จะยังเด็กแต่ก็พอรู้ว่าความรักคืออะไรเพราะตอนอยู่อนุบาลตัวเองก็เคยมีแฟนมาแล้ว แถมตอนนั้นยังเนื้อหอมมากอีกด้วย“เอ้” ขวัญชีวาอุทานออกมาอย่างตกใจนั่นเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้จากลูกชาย“ใช่ครับกวินท์ เรากำลังค

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 20

    หลังการผ่าตัด อาการของกวินท์ก็หายวันหายคืนอาจเพราะใจสู้และได้กำลังใจดีจากแม่คนเก่งอย่างขวัญชีวารวมไปถึงลุงอย่างรอยส์ที่รายหลังนั้นหมั่นแวะเวียนมาเยี่ยมเสมอๆ การปรากฎตัวที่โรงพยาบาลของรอยส์บ่อยๆ ทำให้พี่ชายอย่างเรย์สนใจ ชายหนุ่มคอยสังเกตุอยู่ห่างๆ กระทั่งรู้ว่าคนไข้ที่เวลานี้ยังพักฟื้นอยู่ในห้องวีไอพีสำคัญกับน้องชายมากจึงขอประวัติการรักษาของกวินท์มาดูเป็นกรณีพิเศษพร้อมกับออกมาดักพบน้องชายที่หน้าลิฟต์ทางเข้าโซนวีไอพี “พอจะมีเวลาคุยกันสักสิบห้านาทีไหม” “ครับ” รอยส์เอ่ยรับแล้วเดินตามพี่ชายไป จุดหมายคือชั้นบนสุดของโรงพยาบาลซึ่งชั้นนั้นมีห้องทำงานของพี่ชายอยู่ด้วย “ได้ข่าวว่าระยะนี้นายเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล เป็นอะไรหรือเปล่า” แม้จะรู้สาเหตุที่ทำให้รอยส์มาโรงพยาบาลบ่อยๆ แต่เรย์ก็ตั้งใจถามแบบนั้นออกไป เขากับน้องชายอายุห่างกันสี่ปี ตอนนี้เป็นผู้บริหารด้วยกันทั้งคู่ เขาสานต่อธุรกิจโรงพยาบาลที่ครอบครัวสร้างขึ้นส่วนรอยส์ขอเดินบนเส้นทางตัวเอง น้องคนนี้ชอบเรื่องรถเรื่องเทคโนโลยีจึงมุ่งเน้นไปทางนั้น ธุรกิจก็เติบโตมีชื่อเสียงไม่น้อย “ผมสบายดีครับ แต่พอดีญาติข

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 19

    และก่อนที่ขวัญชีวาจะคิดไปไกลรอยส์ก็ทำให้เธอรุ่มร้อนอีกครั้ง นั่นเพราะตอนนี้เขาต้องไล่ตามเธอให้ทันก่อนจะถูกทิ้งไว้ท่ามกลางความครึ่งๆ กลางๆ จึงกระแทกกระทั้นสะโพกเข้าหาอย่างถี่กระชั้นจนร่างกึ่งเปลือยของขวัญชีวาไหวโยกตามแรงส่ง หน้าอกคู่สวยกระเพื่อมขึ้นลงยั่วสายตาอีกฝ่าย รอยส์อดใจไม่ไหวจึงยกมือข้างหนึ่งไปบีบคลึงรอยส์จ้องมองขวัญชีวาด้วยความรู้สึกที่ยังคงหื่นกระหาย สำหรับเธอแล้วความหล่อเหลาในระยะใกล้แบบนี้ของเขาทำให้หวั่นไหวแต่ก็ยังตื่นกลัวให้เห็น เพราะแบบนั้นซีอีโอหนุ่มจึงสลัดความกลัวของเธอออกแล้วแทนที่ด้วยความหฤหรรษ์ที่ยากจะต่อต้านของชายหญิง ขวัญชีวาพ่ายแพ้ต่อรอยส์เพราะไม่ว่าเขาจะจัดท่วงท่าเธอยังไงก็โอนอ่อนทำตามอย่างว่าง่าย กระทั่งรอยส์ปลดปล่อยจึงรวบตัวเธอเข้ามากอด“คุณเห็นฉันเป็นอะไร” เมื่อพายุอารมณ์ผ่านพ้นไปขวัญชีวาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเครือ ทั้งๆ ที่เธอต่างหากที่ผิด เธอไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้น“ผมขอโทษแต่ผมพยายามหักห้ามใจตัวเองแล้วจริงๆ”“คุณมัน…เห็นแก่ตัว” ขวัญชีวาเอ่ยต่อว่

DMCA.com Protection Status