“ปละ...เปล่าไม่มีอะไร ไปทำงานกันเถอะ เดี๋ยวยักษ์มากินตับ”
คนที่กำลังร้องไห้คลายอ้อมกอดออกจากร่างของรุ่งรุจี ปาดน้ำตาทิ้งราวกับเด็กๆ พูดติดตลกถึงผู้จัดการจอมเฮี้ยบที่เนี้ยบเกินพอดี ไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งผู้ช่วยรองประธานหากทำผิดกฎระเบียบ
“ไม่มีอะไรแล้วทำไมตาบวมอย่างนั้นล่ะ อาการอย่างนี้มันร้องไห้ชัดๆ เลย” ณัชญ์ไม่เชื่อในคำพูดที่ได้ยิน เขารู้ดีว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน
“ผึ้งไปบ้านพ่อมาน่ะณัชญ์ คงไปเห็นภาพเดิมๆ มาก็เลยเป็นแบบนี้”
รุ่งรุจีเป็นคนตอบคำถามแทนคนที่เริ่มร้องไห้หนักขึ้น คนที่ได้ยินคำตอบถึงกับอึ้ง ความเศร้าโศกเสียใจถ่ายเทมาหาเขาด้วยน
“ณัชญ์บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้ไป ไปทีไรก็เป็นอย่างนี้ทุกที การให้อภัยมันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดนะผึ้ง พ้นทุกข์ พ้นโศก ณัชญ์กับจีอยากให้ผึ้งคิดใหม่นะ เริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สายนะผึ้ง”
ณัชญ์กล่าวเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี เมื่อใดที่วชิราภรณ์มีความสุข หลุดพ้นจากวังวนความแค้นและความริษยา วันนั้นเขาจะมีความสุขมากที่สุด
“ผึ้งขอบใจในความหวังดีของจีกับณัชญ์ แต่จีกับณัชญ์ก็รู้ดีนี่ว่า ผึ้งไม่มีวันทำได้อย่างที่ณัชญ์พูด เราเลิกพูดเรื่องนี้กันซะที ได้เวลาทำงานแล้วนะ”
วชิราภรณ์พูดตัดบทก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานที่วางอยู่บนโต๊ะ ทำให้เพื่อนสนิทอีกสองคนได้แต่มองหน้ากัน และถอนหายใจออกมาดังๆ อย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตนเอง
ก่อนเที่ยงราวห้านาทีณัชญ์เดินออกมาจากห้องผู้ช่วยรองประธานบริษัท ตรงดิ่งไปยังห้องฝ่ายการตลาดที่อยู่อีกชั้นหนึ่ง พอถึงห้องนั้นเขาเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของวชิราภรณ์ทันที
“ผึ้งกลางวันนี้ไปกินข้าวที่ไหนดีล่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถาม
“กลางวันนี้ผึ้งมีนัดแล้ว ณัชญ์ไปกินกับจีสองคนก็แล้วกันนะ” คนที่ถูกชวนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“นัดกับใคร” น้ำเสียงของณัชญ์ค่อนข้างเข้ม จนวชิราภรณ์เงยหน้ามองคนที่ถาม
“ทำไมต้องทำเสียงอย่างนั้นด้วย ณัชญ์เป็นเพื่อนผึ้งนะไม่ใช่แฟน ไม่ต้องมาทำน้ำเสียงแบบนี้ผึ้งไม่ชอบ” สีหน้าของคนที่พูดฉายชัดถึงความไม่พอใจ ทำให้ณัชญ์เริ่มรู้สึกตัวผ่อนระดับความหึงหวงให้ลดน้อยลง
“ณัชญ์ขอโทษ ณัชญ์แค่เป็นห่วงผึ้งเท่านั้นเอง แล้วผึ้งนัดกับใครไว้ล่ะ”
“นัดกับคุณเอไว้ ผึ้งไปก่อนนะเที่ยงพอดีเลย”
วชิราภรณ์ลุกขึ้นยืนหลังจากที่จัดเอกสารบนโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ ก่อนจะเดินห่างณัชญ์ที่ยืนทำสีหน้างุนงงกับชื่อที่ตนเองไม่รู้จักเพียงคนเดียว
“จี แกรู้จักคนที่ชื่อเอหรือเปล่า” ณัชญ์ถามรุ่งรุจีทันทีที่เพื่อนสาวเดินมาสมทบจุดที่เขายืนอยู่
“เอไหนล่ะ ฉันรู้จักคนที่ชื่อเอตั้งหลายคน” รุ่งรุจีถามสวน เบนสายตาไปยังเก้าอี้ทำงานของเพื่อนสาวที่ไร้ร่างของเจ้าของเก้าอี้ “แล้วผึ้งไปไหนล่ะเที่ยงแล้วนะ”
“ชื่อเอที่ณัชญ์ถามคือคนที่ผึ้งไปกินข้าวเที่ยงด้วยไงล่ะ” คู่สนทนากับณัชญ์ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ถ้าอยากรู้ว่าเอคนนี้คือใคร แล้วฉันรู้จักหรือเปล่า เราก็ตามผึ้งไปก็สิ้นเรื่อง จะได้หายสงสัยไม่ต้องมานั่งปวดหัวด้วย ฉันว่านะผึ้งต้องกำลังทำอะไรสักอย่างแน่ๆ เลย” ลางสังหรณ์ทำให้รุ่งรุจีคิดอย่างนั้น
“ไปสิ อยากรู้เหมือนกันว่าเอคนนี้เป็นใคร”
สองเพื่อนสนิทจึงรีบเดินออกไปจากแผนกการตลาด หวังจะให้ทันร่างของวชิราภรณ์ที่เดินออกไปก่อนหน้า และสวรรค์ก็เข้าข้างเมื่อร่างของคนที่พวกเขาต้องการตามไป กำลังยืนรอลิฟต์อยู่
“ผึ้ง วันนี้ไม่ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันเหรอ” รุ่งรุจีแกล้งถาม
“ไม่ล่ะ วันนี้ผึ้งมีนัดแล้ว”
“นัดกับใครเหรอ” เพื่อนสาวถามต่อ
“นัดกับคุณเอน่ะ” วชิราภรณ์ตอบเสียงเรียบ
“ใครเหรอคุณเอคนนี้ จีรู้จักหรือเปล่า”
“ไม่รู้จักหรอก ผึ้งเพิ่งเจอคุณเอเมื่อเช้านี้เอง”
สีหน้าของเพื่อนสนิทอีกสองคนเต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย เมื่อได้ยินคำพูดของวชิราภรณ์ เจอกันเมื่อเช้านี้ตกเที่ยงนัดทานอาหารด้วยกันเลยหรือ ไม่ธรรมดาเสียแล้วงานนี้ ต้องมีอะไรแน่นอน
“อย่าบอกนะว่าคุณเอที่ผึ้งพูดจะเป็นแฟนใหม่ของเขม” รุ่งรุจีคาดคั้นถามต่อ วชิราภรณ์หันมายิ้มสวยให้เพื่อนก่อนจะขยับปากตอบ
“ไม่ใช่หรอกแต่เป็นเด็ดกว่านั้น”
รุ่งรุจีกำลังจะถามต่อแต่ปากต้องหุบลงเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามและเพื่อนพนักงานคนอื่นๆ จึงเดินเข้าไปในลิฟต์ ข้อสงสัยของรุ่งรุจีกับณัชญ์จึงยังไม่กระจ่าง จนกระทั่งประตูลิฟต์ถูกเปิดออกที่ชั้น 1 ทุกคนจึงเดินออกมาจากตัวลิฟต์
วชิราภรณ์ส่งยิ้มให้ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงกำแพงฝั่งตรงข้ามกับลิฟต์ ชายคนนั้นถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ในมือ กัมปนาทยิ้มตอบรับสาวสวยที่ระบายยิ้มส่งมาให้ ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้วชิราภรณ์เมื่อเธอเดินมาใกล้
“ดอกไม้สำหรับคนสวยๆ ครับ”
“ขอบคุณคุณเอมากนะคะ ไม่น่าลำบากเลยแค่เลี้ยงข้าวเที่ยงผึ้ง ผึ้งก็เกรงใจแล้วค่ะ”
เธอพูดออกตัว วันนี้ประมาณสิบเอ็ดโมงกัมปนาทโทรศัพท์มาหาเธอ บอกจุดประสงค์ที่เขาโทรเข้ามาว่า ต้องการเลี้ยงข้าวกลางวัน เธออิดออดพอเป็นพิธีก่อนจะตอบรับคำเชิญในนาทีต่อมา วชิราภรณ์จึงให้เขามารออยู่ที่ชั้น 1 ของอาคารเอตรงหน้าลิฟต์ฝั่งซ้ายมือ
8ภาพที่ณัชญ์เห็นสร้างความไม่พอใจ บวกรวมกับความหึงหวงที่พลุ่งพล่านในอก ตอนนี้เขาต้องการรู้ว่า ชายหนุ่มเจ้าของดอกไม้ช่อนี้คือใคร นึกไม่ชอบหน้าขึ้นมาทันทีทันใดส่วนรุ่งรุจีมองกัมปนาทด้วยสายตาทึ่งและไหววูบ หัวใจสาวกระตุกรัวทันทีที่เห็นรอยยิ้มของเขา น่าแปลกเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับรอยยิ้มของชายคนใดมาก่อน พลันในเสี้ยววินาทีเธอก็ปรับสายตาให้เป็นปกติ ความสงสัยในตัวของชายตรงหน้าเข้ามาแทนที่“คุณเอคะ ผึ้งจะแนะนำให้คุณเอรู้จักเพื่อนสนิทของผึ้งนะคะ ณัชญ์กับจีค่ะ ณัชญ์ จีนี่คุณเอจ้ะ”วชิราภรณ์เป็นสื่อกลางให้บุคคลทั้งสามรู้จักกัน กัมปนาทโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการทักทาย รุ่งรุจีพนมมือไหว้เพราะเธอคาดคะเนว่า เขาน่าจะมีอายุมากกว่า ณัชญ์ทำในลักษณะเดียวกับเพื่อนใหม่ “เราไปกันดีกว่านะคะ ไปทานอาหารร้านแถวๆ นี้ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เสียเวลามาก” วชิราภรณ์พูดขึ้นเมื่อทั้งสามได้ทำการรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย“ผมตามใจคุณผึ้งครับ” กัมปนาทพูดเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้ม“งั้นตามผึ้งมาเลยค่ะ”วริราภรณ์ส่งสายตาหวานเยิ้มประกอบกับรอยยิ้มแสนหวานที่ตั้งใจโปรยให้ชายตรงหน้า กัมปนาทชอบรอยยิ้มของเธอมากที่สุด ยามที่เธอยิ้มโลกนี้ช่างสดใ
9“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ห้าโมงเย็นเจอกันนะคะ”วชิราภรณ์ตอบรับในที่สุด หลังจากที่ทำเป็นเกรงใจอยู่ได้สักครู่ คำตอบรับของเธอทำให้ใบหน้าของกัมปนาทเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม“ตกลงครับ ผมจะมารอคุณผึ้งตรงนี้ตอนห้าโมงเย็นนะครับ”“ค่ะ ผึ้งไปก่อนนะคะลิฟต์มาพอดี แล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ”เธอพูดกับเขา แล้วจึงก้าวเข้าไปในลิฟต์ โบกมือให้กัมปนาทพร้อมกับรอยยิ้ม คนที่ได้รับรอยยิ้มหัวใจพองโตขึ้นมาทันทีทันใด“เจอกันห้าโมงเย็นครับ” เขาพูดก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด พอประตูลิฟต์ปิดสนิทสีหน้ายิ้มแย้มของวชิราภรณ์เปลี่ยนเป็นเบ้หน้าและแสยะยิ้ม“หลอกง่ายชะมัด” เธอพูดกับตัวเอง กระหยิ่มยิ้มในใจกับแผนการที่สำเร็จลุล่วงไปอีกขั้น และจะต้องดีต่อไปเรื่อยๆ ตามที่เธอตั้งเป้าเอาไว้วชิราภรณ์ก้าวออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นทำงานของตนเอง เท้าเล็กก้าวเดินไปตามทางเลี้ยวซ้ายเข้าไปในแผนกการตลาด ยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงโต๊ะทำงานดี ร่างของรุ่งรุจีเพื่อนสนิทก็ปรี่เข้ามาหา“อยากรู้ใช่ไหมล่ะว่าคุณเอเป็นใคร ถึงได้ปรี่เข้ามาหาอย่างนี้” วชิราภรณ์ดักคอเพื่อนสนิท“รู้ทันจริงนะแกเนี่ย ว่าแต่คุณเอเป็นใครเหรอ เป็นอะไรกับเขม” รุ่งรุจีถามอย่างกระตือรือร้น“ค
10หนึ่งเดือนต่อมา ณ บ้าน วีรกุลชัย กัมปนาทเดินลงมาจากชั้นบนของตัวบ้านในเช้าวันใหม่ที่สดใสเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เขายอมรับว่าชีวิตของตนเองเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น หัวใจชุ่มฉ่ำเบิกบานกับความรักงอกงามขึ้นในใจ หัวใจเปี่ยมไปด้วยความสุข วชิราภรณ์เป็นผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น “ตั้งแต่มีความรักดูพี่เอหน้าตาสดใสมากเลยนะคะ ไม่ทำหน้ายักษ์ใส่เหมือนเมื่อก่อน”เขมิกาแซวญาติหนุ่มเมื่อกัมปนาททรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องรับประทานอาหาร ความเปลี่ยนแปลงของกัมปนาทอยู่ในสายตาของคนในบ้าน และเรื่องที่เขามีคนรักทุกคนที่นี่ต่างรู้เรื่องเป็นอย่างดี “แซวพี่แต่เช้าเลยนะเขม ทำไม...แต่ก่อนพี่หน้ายักษ์มากเลยเหรอ” คนที่ถูกแซวถามกลับ “มากค่ะ หน้างิ้วคิ้วขมวด ยุ่งแต่เรื่องงานตลอด เอะอะอะไรก็ทำแต่งานไม่รู้จักสนใจหาฟงหาแฟน แล้วนี่เมื่อไหร่จะพาแฟนของพี่เอมาให้เรารู้จักบ้างคะ”เขมิกาตอบญาติหนุ่ม ไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาคนรักของกัมปนาท รู้จักเพียงชื่อเล่นที่กัมปนาทมักเล่าสู่กันฟังเท่านั้นและนี่เองที่เป็นความเปลี่ยนแปลงของกัมปนาท
11“อาทานไม่ลงแล้วล่ะ อยากไปพักมากกว่า”เรื่องที่ได้ยินในเช้านี้ ทำให้กระเพราะของวรางค์คนางค์อิ่มตื้อ ลำคอเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกตรงคอ ของเหลวหรือแม้แต่อาหารน่ารับประทานตรงหน้าไม่อาจไหลลงไปสู่กระเพาะอาหารได้“ลุงก็เหมือนกัน ขอตัวก่อนนะจะขึ้นไปงีบสักหน่อย”ณัฐพลลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก วรางค์คนางค์จึงลุกขึ้นและเดินตามหลังสามีออกไปจากห้องทานอาหาร ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของกัมปนาทและเขมิกา“เขม พี่ว่าวันนี้เขมไม่ต้องไปทำงานนะ อยู่ดูแลคุณลุงกับคุณอาที่บ้านดีกว่า ดูจากอาการแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่” กัมปนาทหันมาบอกเขมิกาญาติสาว“ค่ะพี่เอ” เขมิการับคำ ก่อนจะรับประทานโจ๊กหมูใส่ไข่ตรงหน้าต่อไปหลังจากที่ณัฐพลกับวรางค์คนางค์เข้ามาอยู่ตามลำพังในห้องส่วนบนที่ชั้นบน ทั้งสองเดินไปหยุดยืนอยู่ด้านนอกของระเบียงห้อง ทอดสายตามองสนามหญ้าหน้าบ้านที่เขาและครอบครัวจะออกไปทานกาแฟหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จ“ผมคิดถึงกัญญา ป่านนี้ไม่รู้ว่ากัญญาจะเป็นยังไงบ้าง”ณัฐพลพูดขึ้น วรางค์คนางค์รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันควันที่ได้ยิน นางรู้ดีว่าตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ณัฐพลไม่เคยลืมภรรยาหลวงเลย เขามักพูดถึงกั
12รุ่งรุจีถามวชิราภรณ์ สาเหตุที่ถามคำถามนี้เป็นเพราะบริษัทจะจัดสัมมนาในอีกสองวันข้างหน้า พอสัมมนาเสร็จ ก็ถึงเวลาให้พนักงานปลดปล่อยความเหนื่อยล้าที่ทำมาตลอดปีด้วยการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดที่คณะเดินทางไปเที่ยว รุ่งรุจีวาดหวังว่าเธอจะลงไปเล่นน้ำทะเลให้ชุ่มปอด หลังจากห่างหายการท่องเที่ยวมานานหลายปี“ซื้อทำไม ฉันใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำ”“จะบ้าหรือไงผึ้ง มีแต่เขาใส่ชุดว่ายน้ำลงทะเลกันทั้งนั้น มีแต่แกคนเดียวนี่แหละที่ไม่ใส่”“บ้าเบ้อที่ไหน แกไปทะเล แกเห็นคนไทยสักกี่คนที่ใส่ชุดว่ายน้ำ มีแต่คนต่างชาติเท่านั้นแหละที่ใส่ ฉันว่านะใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำก็ได้”วชิราภรณ์ไม่คิดที่จะเถียงเพื่อน แต่เธอพูดตามความเป็นจริงที่เห็นได้ทุกชายหาดที่มีอยู่ในประเภทไทย คนไทยส่วนใหญ่จะสวมใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำ น้อยคนนักที่จะสวมใส่ชุดว่ายน้ำ ที่เห็นสวมใส่ก็จะมีแต่ชาวต่างชาติเท่านั้น“มันก็จริงของแกเนอะ ฉันใส่ชุดธรรมดาก็ได้” รุ่งรุจีเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน“ใช่ ใส่ชุดธรรมดาก็ได้ ไม่เปลืองเงินด้วย”“ว่าแต่แกกับคุณเอไปถึงไหนแล้วล่ะ”เพื่อนสาวถามขึ้น แต่เหตุใดถามคำถามนี้แล้วหัวใจมันเจ็บแปลบขึ้นมาก็ไม่ร
13“ผมบอกว่า ผมอยากแต่งงานครับ คุณผึ้งจะว่าอะไรไหมถ้าหากผมจะให้คุณลุงกับคุณอามาสู่ขอคุณผึ้งกับคุณป้า ผมรักคุณผึ้งนะครับ รักมากด้วย” เขาหันมาพูดกับผู้หญิงที่เขารักและวาดหวังจะมาเป็นคู่ครอง วชิราภรณ์ยิ้มเขินแต่ในใจลิงโลดและสาแก่ใจเป็นที่สุด“มันไม่เร็วเกินไปเหรอคะคุณเอ เรารู้จักกันแค่เดือนกว่าๆ เองนะคะ”เธอพูดขึ้น มือใหญ่ของกัมปนาทเอื้อมมาจับมือเล็กของคนที่เขากำลังจะขอแต่งงานด้วย เขากุมมือนุ่มอย่างทะนุถนอม มองสบซึ้งลงไปในดวงตาหวานปนเศร้าของเธอ“มันอาจจะเร็วสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมช้าเหลือเกินครับ หนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผมได้รู้จักคุณผึ้ง เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นแฟน มันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดครับ ผมไม่เคยรักใครมาก่อน พอผมเจอคุณผึ้งผมบอกได้คำเดียวเลยว่า รักคุณผึ้งหมดหัวใจและจะรักตลอดไป แต่งงานกับผมนะครับ”คำพูดที่กลั่นออกมาจากหัวใจของกัมปนาทถูกถ่ายทอดให้หญิงสาวที่ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกนั้นๆ ของเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้อิ่มเอมใจกับคำพูดระรื่นหู ชวนฟังให้เคลิ้มฝันนี้เลย“ขอบคุณคุณเอมากนะคะที่รักผึ้ง แต่ผึ้งขอเวลาอีกสักหน่อยได้ไหมคะ ชีวิตคู่ของแม่ทำให้ผึ้งกลัว ผึ้งกลัวว่าคุณเอจะเป็นเ
14“จีไปก่อนนะคะคุณเอ สวัสดีค่ะ” รุ่งรุจีเอ่ยคำลากับกัมปนาทเช่นกัน ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ขโมยหัวใจสาวไปทั้งดวง“ครับ สวัสดีครับ ฝากดูแลคุณผึ้งด้วยนะครับ”รอยยิ้มที่รุ่งรุจีมอบให้ผู้พูดเจื่อนลงทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ รู้สึกเศร้าหมองที่ตนเองไม่อาจได้ครอบครองหัวใจของเขาได้ เธอคงจะต้องแอบรักเขา เก็บงำความรู้สึกที่มีไว้ในใจตลอดชีวิต“ค่ะ จีจะดูแลผึ้งแทนคุณเอเองค่ะ” เธอรับคำเสียงเบา สีหน้าเศร้า“ขอบคุณมากครับ แล้วเจอกันใหม่นะครับ” ผู้พูดเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังรถยนต์ของตัวเองที่อยู่ไม่ไกล“จีเร็วๆ” เสียงเร่งของณัชญ์ดังขึ้นทำให้รุ่งรุจีรีบหมุนตัวเดินแกมวิ่งไปยังรถยนต์ของเพื่อนชาย เมื่อทุกคนนั่งประจำที่ รถยนต์คันหรูจึงเคลื่อนตัวออกจากหน้าอาคารสำนักงาน จุดหมายปลายทางคือชะอำ จ.เพชรบุรีชะอำ จ.เพชรบุรี วันที่สองของการเดินทาง“เฮ้อ!!...เสร็จสักที สัมมนาอะไรก็ไม่รู้ง่วงนอนเป็นบ้าเลย”รุ่งรุจีถอนหายใจออกมาพร้อมกับบ่นเรื่องการสัมมนาที่ไร้ชีวิตชีวา ตลอดสองวันมานี้การสัมมนาของบริษัทเป็นอะไรที่น่าเบื่อเอามากๆ วิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เนื้อหาแน่น แต่ไม่มี
1519.00 น. ณ ห้องจัดเลี้ยงงานเลี้ยงพนักงานเริ่มขึ้นในเวลา 18.30 น. พนักงานมาร่วมงานกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบชีวิต กำลังรื่นรมย์กับเสียงเพลงที่บรรเลงดังกระหึ่ม ต่างวาดลวดลายลีลาเท้าไฟกันอย่างสนุกสนาน ต่างคนต่างงัดลีลาชวนหัวเราะและท่าเต้นแปลกๆ มาให้เหล่าเพื่อนๆ ดูกันอย่างต่อเนื่อง วชิราภรณ์เองก็ออกลีลาเท้าไฟ ร่ายระบำตามจังหวะเพลง สะบัดความทุกข์ ความเศร้าหมองที่มีอยู่ในจิตใจให้หลุดออกไปจากใจชั่วคราว โดยมีรุ่งรุจีเต้นรำอยู่ใกล้ๆแต่มีอยู่คนหนึ่งที่เอาแต่นั่งดื่มแอลกอฮอล์ไม่หยุด แก้วแล้วแก้วเล่าดวงตามองไปยังร่างของวชิราภรณ์ชนิดที่เรียกว่าตาไม่กระพริบ สายตาของณัชญ์มองไปยังร่างของคนที่เขาแอบรักเต็มไปด้วยความรัก ความเป็นห่วง ความกังวลและการตัดสินใจ“คุณณัชญ์ดื่มเยอะแล้วนะคะพอเถอะคะ ออกไปเต้นกับวรรณดีกว่าคะ” อรุณวรรณเลขาสาวของณัชญ์กล่าวชวน“ไม่…เธออยากไปเต้นก็ไปเต้นคนเดียวสิ”ณัชญ์พูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย ทำให้คนที่ได้ยินหน้าสลดลง“คุณณัชญ์อย่าดื่มเลยนะคะ ดื่มไปตั้งหลายแก้วแล้ว วรรณเป็นห่วงค่ะ”ความห่วงใยของเลขาสาวถ่ายทอดออกไปให้ณัชญ์รับรู้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าคำพูดที่แสดงความเป็นห่วงนี้จะไม่ไ
20กรามของธัญญ์ขบกันจนเกิดเสียง ดวงตาสีนิลลุกโชนน่ากลัว มือทั้งสองข้างเผลอกำเข้าหากันแน่น ท่าทางของธัญญ์ที่อรุณวรรณเห็น ช่างน่ากลัวเขาเหมือนปิศาจร้ายในคราบเทพบุตรเหลือเกิน ภายในใจธัญญ์เคียดแค้นผู้หญิงที่มีชื่อเล่นว่าผึ้งเป็นอย่างมาก เขาไม่นึกเลยว่าคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดจะเป็นผู้หญิงมากรัก มีคนรักคราวเดียวสองคน หนำซ้ำยังไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตนเอง ไม่คิดจะมาเยี่ยมน้องชายของเขาอีกด้วย ยิ่งคิดเขายิ่งแค้น ใครที่ทำน้องเขาให้เจ็บ คนคนนั้นต้องเจ็บยิ่งกว่า“ฉันอยากรู้ประวัติของผู้หญิงที่ชื่อผึ้งให้มากกว่านี้ เธอจัดการให้ฉันได้ไหม” เขาถามอรุณวรรณเสียงเคียด“คุณธัญญ์บอกวรรณได้หรือเปล่าคะว่า คุณธัญญ์อยากรู้ประวัติของผึ้งไปทำไม อย่าบอกวรรณนะคะว่า จะไปแก้แค้นผึ้งที่ผึ้งทำอย่างนี้กับคุณณัชญ์ ถ้าคุณธัญญ์ทำอย่างนั้นจริงๆ วรรณคงรู้สึกผิดมากค่ะ เพราะวรรณเป็นคนบอกความจริงกับคุณธัญญ์” เธอแสร้งกล่าววาจาดี ทั้งที่ในใจต้องการให้เป็นไปตามที่ตนเองพูด“ถ้าฉันจะบอกว่าจริง เธอจะว่ายังไง” อรุณวรรณตีสีหน้าตกใจ แต่ทว่าในหัวใจลิงโลด“เป็นอย่างนั้นจริงๆ วรรณก็คงทำอย่างนั้นไม่ได้ค่ะ เพราะถึงยังไงผึ้งก็
19“แล้วคุณรู้เรื่องอุบัติเหตุครั้งนี้หรือเปล่าว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมณัชญ์ถึงดื่มเหล้าเพราะปกติณัชญ์จะไม่แตะต้องเหล้าเลย คุณพอจะรู้ไหมว่าณัชญ์ดื่มเหล้าทำไม ทุกข์ใจเรื่องอะไร”ประโยคคำถามที่อรุณวรรณได้ยิน ทำให้เธออึ้งไปชั่วครู่ ท่าทางและน้ำเสียงของธัญญ์ที่ถามนั้น บอกให้เธอรับรู้ว่า ต้องการคำตอบเป็นที่สุด ช่วงขณะนี้อรุณวรรณมีความคิดบางอย่างแล่นใส่หัว เธอไม่รู้ว่าหากพูดความคิดนี้ออกไป ผลที่ตามมาจะสำเร็จดังใจหรือไม่ แต่ส่วนลึกบอกเธอว่า ต้องทำตามความคิดที่จุดประกายเฉียบพลัน“วรรณเป็นแค่เลขาของคุณณัชญ์ จะรู้ดีเฉพาะเรื่องงานเท่านั้นค่ะ เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ค่ะ” ใบหน้าของธัญญ์แสดงถึงความผิดหวังเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ตนเองต้องการ “แต่เผอิญวรรณรู้อะไรมาบางอย่างค่ะ”“อะไร คุณรู้อะไรมา” ธัญญ์ถามทันควัน ประกายตามีความหวัง“คุณณัชญ์มีเพื่อนสนิทอยู่สองคนคือจีกับผึ้งค่ะ ปกติทั้งสามคนจะไปไหนไปกัน แต่พอคุณณัชญ์เกิดอุบัติเหตุจีกับผึ้งกับไม่มาเยี่ยมคุณณัชญ์เลยสักวัน แถมผึ้งยังลาออกจากบริษัทไปอย่างไม่มีเหตุผล ในวันที่ผึ้งมายื่นใบลาออกเผอิญวรรณได้ยินจีกับผึ้งคุยกันค่ะ จึงรู้ว่าต้นเหต
18ห้าวันต่อมาธัญญ์ แม็คควีน ตัณติยานนท์ก้าวเท้าเดินอย่างเร่งรีบหลังจากก้าวลงจากรถยนต์ เขารีบเดินทางมาเมืองไทยทันทีที่ทราบข่าวเรื่องอุบัติเหตุของน้องชายต่างบิดา แต่ต้องล่าช้าไปหลายวันเนื่องจากมีงานสำคัญจะต้องเคลียร์ ภาวนามาตลอดทางขออย่าให้น้องชายเป็นอันตรายร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต แม้ว่าในความเป็นจริงจากคำบอกเล่าของมารดาจะบอกให้เขารู้ว่า ต้องทำใจก็ตาม“คุณแม่ครับ ณัชญ์เป็นยังไงบ้างครับ”น้ำเสียงร้อนรนอัดแน่นไปด้วยความเป็นห่วงของธัญญ์เอ่ยถามมารดาทันทีที่มาถึงห้องพักผู้ป่วยวิกฤตหรือที่เรียกติดปากกันว่า ห้องไอซียู สีหน้าของคนที่ถูกถามไม่ค่อยดีมากนัก นัยน์ตาบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ขอบตาคล้ำดำเสมือนคนที่อดนอนมาหลายคืน ใบหน้าซีดเซียว“ยังไม่ดีเลยธัญญ์ แม่กลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะเสียน้องไป...ฮือ”นวลลักษณ์หันมาตอบลูกชายคนโตที่เกิดจากสามีคนแรกทั้งน้ำตา ความที่เป็นลูกคนล่ะพ่อ ทำให้ลูกชายทั้งสองคนใช้นามสกุลไม่เหมือนกัน ธัญญ์ลูกชายคนโตใช้นามสกุลสามีคนแรกพ่วงด้วยนามสกุลของเธอ ส่วนณัชญ์ใช้นามสกุลของสามีคนที่สองรัตนาพิทักษ์กุล เมื่อได้ยินกระแสเสียงและเห็นความทุกข์ของมารดา ธัญญ์จึ
17“ณัชญ์ นายทำอะไรผึ้ง นายทำอะไร ปล่อยผึ้งเดี๋ยวนี้นะ”รุ่งรุจีได้ยินเสียงแว่วๆ ดังออกมาจากห้องพักขณะที่เธอกำลังไขใช้คีย์การ์ดเปิดประตู พอเปิดประตูกว้างเท่านั้น เสียงร้องขอความช่วยเหลือของคนกำลังพลาดท่าก็ดังเต็มสองหู ภาพที่ณัชญ์เพื่อนสนิทกำลังปลุกปล้ำวชิราภรณ์เต็มสองตา เธอรีบสาวเท้าไปยังสองร่างที่หันมามองต้นเสียงด้วยสายตาแตกต่างกัน ณัชญ์มองเธอด้วยสายตาเต็มล้นไปด้วยความตกใจ สายตาของคนตกเป็นรองเต็มไปด้วยความเสียใจที่มีความดีใจแฝงไว้ในที“นายเป็นบ้าอะไร เมาจนขาดสติเลยหรือไง ผึ้งเป็นเพื่อนนายนะไม่ใช่อีตัว”รุ่งรุจีวิ่งเข้ามากระชากร่างหนาที่คร่อมร่างของเพื่อนสาวอย่างแรง ความตกใจที่ตะลึงค้างทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างหนาจึงล้มหงายลงบนที่นอน ก่อจะชันตัวลุกขึ้น มองร่างของวชิราภรณ์ที่โผกอดร่างของรุ่งรุจี ร้องไห้ตัวโยน เสียงสะอื้นดังก้อง ความมึนเมาหายเลือนหายทีละน้อย“นายทำอย่างนี้ทำไมณัชญ์ นายทำอย่างนี้ได้ยังไง ผึ้งเป็นเพื่อนนายนะ นายบ้าไปแล้วเหรอ” รุ่งรุจียังต่อว่าเพื่อนชายต่อไป“จี ณัชญ์ ณัชญ์ไม่ได้...เพี้ยะ”ยังไม่ทันที่ณัชญ์จะพูดจบประโยคดี ฝ่ามือของรุ่งรุจีก็ฟาดลงมาบนแก้มขาวของเพื่อนชา
16 สี่ทุ่มกว่าในคืนเดียวกัน วชิราภรณ์กับรุ่งรุจีเดินกลับมายังห้องพักหลังจากที่งานเลี้ยงพนักงานเสร็จสิ้นลง ระหว่างทางที่เดินกลับห้องพัก รุ่งรุจีได้เจอเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ เธอจึงปลีกตัวเพื่อไปสนทนาถามสารทุกข์สุกดิบตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกัน วชิราภรณ์จึงขอตัวกลับห้องพักก่อน “โอ๊ย...ปวดเอวเป็นบ้าเลย สงสัยเต้นมากไปหน่อย”วชิราภรณ์ครวญเจ็บ เมื่อเดินเข้ามาในห้องพักเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เธอนึกว่าเป็นรุ่งรุจีจึงเดินไปเปิดประตู “อ้าว...ณัชญ์เองเหรอนึกว่าจี”ณัชญ์ไม่พูดอะไรเดินเซเข้าไปในห้องเพื่อนสนิท วชิราภรณ์ปิดประตูแล้วเดินตามเพื่อนชายในสภาพมึนเมาไปยังกลางห้อง ยังไม่ทันที่เจ้าของห้องจะพูดอะไร ร่างของณัชญ์ก็หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าแล้วโผเข้ากอดร่างสาวอย่างรวดเร็ว สร้างความตกใจให้กับเธออย่างยิ่งยวด “ว้าย...ณัชญ์ นายทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”หญิงสาวที่ถูกกอดแหวใส่เสียงดัง มือนุ่มผลักไสร่างของเพื่อนชายที่กอดรัดไม่ปล่อย ใบหน้าหล่อโน้มเข้ามาใกล้จนเธอใจสั่นระรัว “ผึ้ง
1519.00 น. ณ ห้องจัดเลี้ยงงานเลี้ยงพนักงานเริ่มขึ้นในเวลา 18.30 น. พนักงานมาร่วมงานกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบชีวิต กำลังรื่นรมย์กับเสียงเพลงที่บรรเลงดังกระหึ่ม ต่างวาดลวดลายลีลาเท้าไฟกันอย่างสนุกสนาน ต่างคนต่างงัดลีลาชวนหัวเราะและท่าเต้นแปลกๆ มาให้เหล่าเพื่อนๆ ดูกันอย่างต่อเนื่อง วชิราภรณ์เองก็ออกลีลาเท้าไฟ ร่ายระบำตามจังหวะเพลง สะบัดความทุกข์ ความเศร้าหมองที่มีอยู่ในจิตใจให้หลุดออกไปจากใจชั่วคราว โดยมีรุ่งรุจีเต้นรำอยู่ใกล้ๆแต่มีอยู่คนหนึ่งที่เอาแต่นั่งดื่มแอลกอฮอล์ไม่หยุด แก้วแล้วแก้วเล่าดวงตามองไปยังร่างของวชิราภรณ์ชนิดที่เรียกว่าตาไม่กระพริบ สายตาของณัชญ์มองไปยังร่างของคนที่เขาแอบรักเต็มไปด้วยความรัก ความเป็นห่วง ความกังวลและการตัดสินใจ“คุณณัชญ์ดื่มเยอะแล้วนะคะพอเถอะคะ ออกไปเต้นกับวรรณดีกว่าคะ” อรุณวรรณเลขาสาวของณัชญ์กล่าวชวน“ไม่…เธออยากไปเต้นก็ไปเต้นคนเดียวสิ”ณัชญ์พูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย ทำให้คนที่ได้ยินหน้าสลดลง“คุณณัชญ์อย่าดื่มเลยนะคะ ดื่มไปตั้งหลายแก้วแล้ว วรรณเป็นห่วงค่ะ”ความห่วงใยของเลขาสาวถ่ายทอดออกไปให้ณัชญ์รับรู้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าคำพูดที่แสดงความเป็นห่วงนี้จะไม่ไ
14“จีไปก่อนนะคะคุณเอ สวัสดีค่ะ” รุ่งรุจีเอ่ยคำลากับกัมปนาทเช่นกัน ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ขโมยหัวใจสาวไปทั้งดวง“ครับ สวัสดีครับ ฝากดูแลคุณผึ้งด้วยนะครับ”รอยยิ้มที่รุ่งรุจีมอบให้ผู้พูดเจื่อนลงทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ รู้สึกเศร้าหมองที่ตนเองไม่อาจได้ครอบครองหัวใจของเขาได้ เธอคงจะต้องแอบรักเขา เก็บงำความรู้สึกที่มีไว้ในใจตลอดชีวิต“ค่ะ จีจะดูแลผึ้งแทนคุณเอเองค่ะ” เธอรับคำเสียงเบา สีหน้าเศร้า“ขอบคุณมากครับ แล้วเจอกันใหม่นะครับ” ผู้พูดเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังรถยนต์ของตัวเองที่อยู่ไม่ไกล“จีเร็วๆ” เสียงเร่งของณัชญ์ดังขึ้นทำให้รุ่งรุจีรีบหมุนตัวเดินแกมวิ่งไปยังรถยนต์ของเพื่อนชาย เมื่อทุกคนนั่งประจำที่ รถยนต์คันหรูจึงเคลื่อนตัวออกจากหน้าอาคารสำนักงาน จุดหมายปลายทางคือชะอำ จ.เพชรบุรีชะอำ จ.เพชรบุรี วันที่สองของการเดินทาง“เฮ้อ!!...เสร็จสักที สัมมนาอะไรก็ไม่รู้ง่วงนอนเป็นบ้าเลย”รุ่งรุจีถอนหายใจออกมาพร้อมกับบ่นเรื่องการสัมมนาที่ไร้ชีวิตชีวา ตลอดสองวันมานี้การสัมมนาของบริษัทเป็นอะไรที่น่าเบื่อเอามากๆ วิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เนื้อหาแน่น แต่ไม่มี
13“ผมบอกว่า ผมอยากแต่งงานครับ คุณผึ้งจะว่าอะไรไหมถ้าหากผมจะให้คุณลุงกับคุณอามาสู่ขอคุณผึ้งกับคุณป้า ผมรักคุณผึ้งนะครับ รักมากด้วย” เขาหันมาพูดกับผู้หญิงที่เขารักและวาดหวังจะมาเป็นคู่ครอง วชิราภรณ์ยิ้มเขินแต่ในใจลิงโลดและสาแก่ใจเป็นที่สุด“มันไม่เร็วเกินไปเหรอคะคุณเอ เรารู้จักกันแค่เดือนกว่าๆ เองนะคะ”เธอพูดขึ้น มือใหญ่ของกัมปนาทเอื้อมมาจับมือเล็กของคนที่เขากำลังจะขอแต่งงานด้วย เขากุมมือนุ่มอย่างทะนุถนอม มองสบซึ้งลงไปในดวงตาหวานปนเศร้าของเธอ“มันอาจจะเร็วสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมช้าเหลือเกินครับ หนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผมได้รู้จักคุณผึ้ง เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นแฟน มันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดครับ ผมไม่เคยรักใครมาก่อน พอผมเจอคุณผึ้งผมบอกได้คำเดียวเลยว่า รักคุณผึ้งหมดหัวใจและจะรักตลอดไป แต่งงานกับผมนะครับ”คำพูดที่กลั่นออกมาจากหัวใจของกัมปนาทถูกถ่ายทอดให้หญิงสาวที่ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกนั้นๆ ของเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้อิ่มเอมใจกับคำพูดระรื่นหู ชวนฟังให้เคลิ้มฝันนี้เลย“ขอบคุณคุณเอมากนะคะที่รักผึ้ง แต่ผึ้งขอเวลาอีกสักหน่อยได้ไหมคะ ชีวิตคู่ของแม่ทำให้ผึ้งกลัว ผึ้งกลัวว่าคุณเอจะเป็นเ
12รุ่งรุจีถามวชิราภรณ์ สาเหตุที่ถามคำถามนี้เป็นเพราะบริษัทจะจัดสัมมนาในอีกสองวันข้างหน้า พอสัมมนาเสร็จ ก็ถึงเวลาให้พนักงานปลดปล่อยความเหนื่อยล้าที่ทำมาตลอดปีด้วยการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดที่คณะเดินทางไปเที่ยว รุ่งรุจีวาดหวังว่าเธอจะลงไปเล่นน้ำทะเลให้ชุ่มปอด หลังจากห่างหายการท่องเที่ยวมานานหลายปี“ซื้อทำไม ฉันใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำ”“จะบ้าหรือไงผึ้ง มีแต่เขาใส่ชุดว่ายน้ำลงทะเลกันทั้งนั้น มีแต่แกคนเดียวนี่แหละที่ไม่ใส่”“บ้าเบ้อที่ไหน แกไปทะเล แกเห็นคนไทยสักกี่คนที่ใส่ชุดว่ายน้ำ มีแต่คนต่างชาติเท่านั้นแหละที่ใส่ ฉันว่านะใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำก็ได้”วชิราภรณ์ไม่คิดที่จะเถียงเพื่อน แต่เธอพูดตามความเป็นจริงที่เห็นได้ทุกชายหาดที่มีอยู่ในประเภทไทย คนไทยส่วนใหญ่จะสวมใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำ น้อยคนนักที่จะสวมใส่ชุดว่ายน้ำ ที่เห็นสวมใส่ก็จะมีแต่ชาวต่างชาติเท่านั้น“มันก็จริงของแกเนอะ ฉันใส่ชุดธรรมดาก็ได้” รุ่งรุจีเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน“ใช่ ใส่ชุดธรรมดาก็ได้ ไม่เปลืองเงินด้วย”“ว่าแต่แกกับคุณเอไปถึงไหนแล้วล่ะ”เพื่อนสาวถามขึ้น แต่เหตุใดถามคำถามนี้แล้วหัวใจมันเจ็บแปลบขึ้นมาก็ไม่ร