วันเสาร์ รุ่งเช้าวันต่อมา ดีไซเนอร์สาว มองฟ้าแล้วใจหายเมื่อมืดครื้มผิดปกติ “โอ๊ยอะไรเนี่ย เมื่อเช้าฟ้าสว่าง ดีๆ อย่าพึ่งตกนะคะ เช้าวันเสาร์เสียด้วย “ “สาธุ ช่วยลูกด้วยเถิด “ เอลี่ก้มกราบที่พวงมาลัย อย่างรู้สึกจิตใจว้าวุ่น เสียงฟ้าร้องดังอยู่สักพัก ฝนก็เท
“อีบ้า แล้วเรียกฉันมาฟังทำไม” พัชราบ่นอุบก่อนจะก้มลงทำงานในไอแพคต่อ “ ก็อยากมาแชร์ความรู้สึก ได้ไหม แกแชร์ได้ไหม” พัชราเงยหน้ายิ้ม อ่อนโยน “ได้สิ ตกลงเขาให้แกไปพบเขาอีกเมื่อไหร่” “พรุ่งนี้ คอยดูฉันจะออกบ้านตั้งแต่ ตีห้า “ “ขนาดนั้นเชียว”
กริชชัยมองนาฬิกาแล้วหงุดหงิด เวลาล่วงเลยจนเย็นค่ำก็ยังไม่มีวี่แวว กริชชัย หยิบโทรศัพท์กดหมายเลขปลายทาง แล้วเกิดอารมณ์หงุดหงิดเมื่อหญิงสาวปิดเครื่อง “กอหญ้า คุณยังไม่รู้จักผมดีพอ”ชายหนุ่มเลี้ยวรถออกจากบริเวณห้างสรรพสินค้ามุ่งตรงไปที่ บ้านด้วยความเร็วสูง ฝ่ายกอหญ้าเมื่อสา
รุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง ขณะที่กอหญ้ากำลังรับประทานข้าวเช้ากับคุณหญิงมณีจันทร์ โดยมีนมอิ่ม ยืนอยู่ด้านข้าง เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งทำให้กอหญ้า หันไปมอง “ เอ้า มากันแล้วรึ ขอโทษทีที่ให้ เด็กไปเชิญมาแต่เช้า มา มา แม่กำลังทานข้าวต้ม มาทานด้วยกัน เอ้า มาครบกันไหมนั่น “ “ ขา
ต้นน้ำและกอหญ้านั่งทานของว่างอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้าน เมื่อรถสปอร์ตสีดำแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน จอดนิ่งสักครู่พี่สาวคนโตของตระกูลก็ก้าวลงมาจากรถใบหน้าเรียบเฉย ต้นน้ำโบกมือทักทาย ต้นตาลเดินตรงมาที่โต๊ะที่น้องสาวทั้งสองนั่งอยู่ใบหน้าแสดงความหงุดหงิด “เป็นอะไรพี่ตาล หน้างี้หงิกเชียว ทะเลาะกับพี่แมนมาเหรอ”
กอหญ้ากระแทกเท้าเดิน จงใจให้เสียงดังเพื่อให้ชายหนุ่มได้รับรู้ เมื่อมาถึงห้องทำงานอีกปีกหนึ่งของตึก พัชรารู้สึกเหนียวตัวเมื่อทำบัญชีไตรมาสเสร็จหญิงสาวถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น ทีละชิ้นกางเกงในสีแดงลูกไม้ตัวจิ๋วยกทรงลายลูกไม้ตัวสวย แล้วหญิงสาวก็ก้าวเข้าไปในห้องน้ำ “สบายจัง สระผมด้วยดีกว่า” พัชราพึมพำ
“มีอะไร” “พี่กริชทานข้าวได้แล้ว ไม่มีใครลงมาสักคน เดี๋ยวน้ำต้องไปทำงานแล้วนะ ไงพี่กริชช่วยตามยัยญ่ากับเพื่อน เดี๋ยวน้ำจะโทรตามพี่ตาล” “อืม” “เร็วนะ พี่กริช” “เออ ห้านาทีเดี๋ยวไป” กริชชัยจูบที่เส้นผมสลวย ก่อนจะกอดกระชับแน่น “ไปทานข้าวกันเถอะ บอกตรงๆไม่อยากลงไปเลย” กอหญ้า ค้อนก่อนจะหยิกที่ต
“ญ่าจ๋า อย่าดื้อกับพี่สิ” กอหญ้าหันหน้าหนีแต่กลับถูกยึดปลายคางแน่นก่อนกริชชัยจะประทับจูบอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มบรรจงให้นุ่มนวลอ่อนหวาน ทั้งจูบทั้งเม้มกัดริมฝีปากทำเอากอหญ้าอารมณ์แตกกระเจิงรู้สึกตัวทั้งหนาวและร้อนสลับกันไปมา ขนลุกไปทั่วทั้งกายสองมือที่ยันและหยิกข่วนกลับโอบกอดและลูบไล้ เนื้อแนบเนื
“ขอเวลา สี่ห้าวันให้พ่อกับแม่ฮันนีมูนกันหน่อยนะ แล้วจะกลับไปรบกับลูกต่อ” อดิศวรหันกลับมาจับที่ไหล่ภรรยาสาวให้มาเผชิญหน้า ส่งสายตาหวานฉ่ำ “อะไรคะเนี่ย ลูกห้าแล้วนะ ยังจะหวานอีก” ยาริกายิ้มเขิน “หวานแบบนี้ตลอดไปครับ จะรักยิ่งๆ ขึ้นไปเชื่อไหมแยม แต่ตอนนี้ผมขอเบรคสักห้าวัน ฝากลูกไว้กับปู่ยา และทวดๆ ก่
ภายในห้องรับประทานอาหาร อดิศวรกำลังสอนให้ อ้น อัคราวัฒน์ ตักอาหารกินเอง ในขณะที่ยาริกากำลังป้อนข้าวให้อั๋น อัคราวุธยาริกาหันไปมองสามีที่กำลังสอนแฝดพี่อย่างใจเย็น “อ้น หัดทานข้าวเองครับ ตักแบบนี้พ่อตักให้ดู” อดิศวรสอนอย่างใจเย็น “โถ คุณศวร ลูกยังเล็กอยู่เลย แยมอยากป้อนข้าวลูก” “ผมอยากให้ลูกช่วยต
สามปีต่อมา ยาริกามองภาพพ่อและลูกๆ ที่วิ่งเล่นกันที่สนามอย่างมีความสุข นึกย้อนไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา งานแต่งงานของเธอกับอดิศวรจัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีลูกแฝด ทั้งสอง อ้น และ อั๋น อัคราวัฒน์ และ อัคราวุธ กรณ์วิภาคและตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อีกหกสัปดาห์ จำได้ว่าหลังจากอดิศวรรู้ก็รีบจัดงานแต่งงาน แบ
“แยมแน่ใจนะว่าจะไม่อันตรายกับลูก ศวรกลัวว่า..” อดิศวรจ้องมองตาภรรยาสาว ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ยาริกาพยักหน้าเบาๆ ยิ้มเขิน พร้อมกับกอดชายหนุ่มกระชับ “ก็อย่ารุนแรงสิคะคุณพ่อ ทำเบาๆ หมอก็ไม่ห้ามหรอกค่ะ นอกจากจะหกอาทิตย์ก่อนคลอดหรือเปล่า แยมไม่แน่ใจ” ยาริกาใช้เล็บกรีดเบาๆ ที่หน้าอก “คุณเรียกผมว่า “คุณพ่อ
ยาริกาน้ำตาไหลตลอด ด้วยความตกใจ ซึ้งใจ ตื่นเต้น มีความสุข ไม่รู้ความรู้สึกไหนมาก่อนแต่มันผสมปนเปกันไปหมด หญิงสาวพยักหน้าๆ ยกมือปิดปาก รับดอกไม้แล้วสวมกอด ท่ามกลางเสียงเชียร์จากเพื่อนๆ ร่วมรุ่น และอีกหลายชั่วโมงต่อจากนั้น มิตติ้งร่วมรุ่นท่ามกลางทะเลแสนสวย และเพื่อนสนิท ทำให้ปาร์ตี้เต็มไปด้วยความสนุกส
สามวันผ่านไป หลังจากประชุมผู้แทนประกอบการโรงแรมที่มิลานสามวัน ยาริกาเพิ่งเห็นมาดบอสของอดิศวรเป็นครั้งแรกเวลาเค้าจริงจังกับการทำงานทำให้เค้าดูมีเสน่ห์ หญิงสาวมองสามีอย่างภาคภูมิใจ ตลอดสามวันที่มีนัดตลอดทั้งวัน ตารางแน่นมากๆ ทำให้แทบจะไม่มีส่วนตัวกันเลย วันนี้ยาริกามีความหวังว่าคงได้ไปเดินเล่นในเมือง
ยาริกาตกใจแทบสิ้นสติ เมื่ออดิศวรทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น แถมจับมือเธอไว้แน่น ยาริกาพยายามบิดมือหนีพร้อมหันไปซ้ายขวาว่ามีใครมองอยู่ไหม มีคนมองอยู่สองสามคน หญิงสาวใบหน้าร้อนด้วยความอายรีบกระตุกมือหนี แต่ชายหนุ่มจับไว้จนแน่น “นี่ คุณศวร ทำบ้าอะไร คุกเข่าทำไม...บ้าหรือเปล่า” ยาริกากัดฟันพูดเบาๆ “แยม ..
ระหว่างขับรถกลับบ้าน ยาริกาเงียบมาตลอดทาง พอๆ กับอดิศวร ก็เงียบเช่นเดียวกัน ตั้งแต่รถออกจากโรงพยาบาล เมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่บ้าน เมื่อรถจอดนิ่งสนิทที่โรงจอดรถ อดิศวรนั่งรวบรวมสมาธิก่อนพูดกับภรรยาสาวอย่างใจเย็น “สรุป ยังไงคุณก็จะไปประชุมกับคุณกริชที่อิตาลีแน่ๆ ไม่เปลี่ยนใจ รู้ไหมการเดินทางไกลอาจเป็นอัน
ท่านผู้หญิงแพรวมองดูหลานสะใภ้กับหลานชาย สายตาเต็มไปด้วยความสุข คิดวาดฝันว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลานคนเล็กของตระกูลจะลืมตาดูโลก แค่นี้ท่านก็ยิ้มออกแล้ว ถึงแม้จะมีอาการเจ็บไข้อย่างผู้ป่วยสูงอายุ พอนึกถึงหลานที่จะเกิดขึ้นมาทำให้ท่านผู้หญิงไม่ยอมแพ้กับโรคภัย หมั่นไปหาหมอและกินยาตามที่หมอสั่งทุกประการ