มีทหารคนหนึ่งรีบกล่าว “แม่นางโปรดหยุดก่อน”เจี่ยนอันอันไม่สนใจคำพูดของทหาร เพราะนางขึ้นรถม้าไปแล้ว อีกทั้งแสดงท่าทีให้ฉู่จวินสิงตามขึ้นมาชาวบ้านที่นี่ได้กินยาของนางไปแล้วก็จริง แต่อาจยังมีชาวบ้านที่อื่นซึ่งทรมานกับโรคนี้อยู่ก็เป็นได้นางจึงต้องรักษาชาวบ้านในเมืองให้หายขาดทั้งสิ้น จึงจะวางใจกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยทหารเห็นเจี่ยนอันอันไม่คิดสนใจเขาแม้แต่น้อย แม้จะรู้สึกโกรธจนแทบขบฟัน แต่สุดท้ายก็ยังต้องผ่อนปรนท่าทีลงเขาเอามือกุมแขนที่บาดเจ็บไว้ พลางก้มหน้ากล่าวต่อ “เมื่อครู่พวกเราเป็นฝ่ายผิดเอง ไม่ควรเสียมรรยาทต่อแม่นางเช่นนั้น”“แม่นางเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง โปรดอย่าได้ถือสาพวกเราเลยนะ”ส่วนทหารอีกคนก็กล่าวเสริม “ใต้เท้าเรากำลังป่วยหนักอยู่ เมื่อครู่ยังไอออกมาเป็นเลือด รบกวนแม่นางช่วยไปรักษาให้เขาทีเถิด”เจี่ยนอันอันยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถม้า มีเพียงน้ำเสียงเย็นชาที่ลอยออกมา“กลับไปบอกท่านราชเลขาธิการ หากว่าไม่อยากตาย ก็ให้ส่งเกี้ยวแปดคนหามมารับข้าไปพบ”เหล่าทหารได้ยินดังนี้ จึงต่างมองหน้ากันและกัน แต่ไม่มีใครขยับตัวฉู่จวินสิงกล่าวเสียงดุ “หูตึงกันหรืออย่างไร? ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
เมื่อเห็นถุงเงินที่ตุงขึ้น มุมปากถังหมิงเซวีนจึงเหยียดเล็กน้อยคล้ายยิ้มแย้มขณะที่รถม้าวิ่งผ่านจวนราชเลขาธิการ พลันเห็นคนสองกลุ่มหามเกี้ยวออกมาจากด้านในพวกเขาไม่รู้ว่าภายในรถม้าที่สวีจงฉือควบอยู่ มีหมอสองคนที่พวกเขากำลังต้องการจะพบจึงปล่อยให้คลาดกันไปอย่างหวุดหวิดพวกเขากลับย้อนไปตามทางที่ทหารเหล่านั้นแนะนำมาสวีจงฉือเลิกผ้าม่านรถม้าขึ้น พลางกล่าวเสียงเบา “แม่นางเจี่ยน มาถึงจวนราชเลขาแล้ว เราจะเข้าไปดูอาการและรักษาเขาดีหรือไม่?”“อย่าไปสนเขา เดินทางต่อไป” เจี่ยนอันอันหลับตานิ่ง พูดโดยไม่ต้องคิดสวีจงฉือรับคำ พร้อมควบรถม้าต่อไปพวกเขาจะมุ่งไปอีกที่หนึ่ง เพื่อรักษาโรคให้ชาวบ้านที่นั่นจวนราชเลขาธิการใหญ่โตโอ่อ่านัก รอบๆ บริเวณจึงไม่มีบ้านผู้อื่นอาศัยอยู่เลยรถม้าวิ่งไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงถนนสายหลักผู้คนที่นี่ดูมากกว่าที่อื่นหน่อย ตามโรงเตี๊ยมและร้านน้ำชาก็มีคนเข้าออกเพียงแต่สีหน้าแต่ละคนดูเร่งรีบ พร้อมต่างใช้ผ้าปิดปากและจมูกไว้ มีอาการไอเป็นระยะออกมาให้เห็นเจี่ยนอันอันบอกให้สวีจงฉือหยุดรถ พลางใช้ลำโพงเปิดเสียงออกมาอีกผู้คนที่สัญจรเมื่อได้ยินเสียง ต่างก็มารุมล้อมจนแม
เพียงไม่นานยาก็ถูกขายหมดสิ้น ส่วนผู้ที่รับยาไป หลังจากกินแล้วต่างก็สบายเนื้อสบายตัวขึ้นมากพวกเขาต่างเก็บยาไว้ เพื่อจะรีบนำกลับไปให้คนที่บ้านได้กินเจี่ยนอันอันได้ยินชาวบ้านเดินไปพูดคุยไป“เมืองอินเป่ยของเรามีหมอเก่งขนาดนี้มาอยู่ตั้งแต่เมื่อใด ทำไมข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อน”“แต่ข้าได้ยินมาว่า หมอคนนี้เก่งกล้าสามารถนัก ไม่ว่าโรคใดก็รักษาได้หมด ดูเหมือนว่าจะอาศัยอยู่ในย่านคนจนที่หมู่บ้านชิงสุ่ย”“ทำไมหมอเก่งขนาดนี้กลับไปอยู่ในที่แร้นเค้นเช่นนั้น? อยากให้นางมาอยู่ในเมืองมากกว่า เผื่อวันหลังใครปวดหัวตัวร้อนหรือเป็นโรคอื่น จะได้ให้นางช่วยรักษา”เจี่ยนอันอันขึ้นรถม้าต่อ บอกให้สวีจงฉือควบไปทางประตูเมืองเพราะที่นั่นเป็นเขตป้องกันตัวเมือง หากทหารประจำการก็ได้รับเชื้อเช่นกัน แล้วไม่ได้รับการรักษา อาจมีโอกาสแพร่ให้ผู้อื่นได้มากรถม้ามาถึงด้านล่างประตูอย่างรวดเร็วทุกวันนี้จางเฉวียนเป็นทหารเฝ้าประตูเมืองแล้ว มีคนมารายงานว่ามีรถม้าคันหนึ่งวิ่งมาเขารีบขึ้นไปยังประตูเมืองแล้วมองลงด้านล่างทันทีที่เห็นเจี่ยนอันอันกับพวกลงจากรถม้า เขาก็จำนางกับฉู่จวินสิงได้หากไม่เพราะสมัยก่อนเจี่ยนอันอันช่ว
นางเพียงมอบยาป้องกันให้จำนวนหนึ่ง แต่กลับสามารถซื้อใจคนได้อย่างดีเยี่ยมนี่ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้นางในวันที่สามารถกลับไปยังเมืองจิงโจวในภายภาคหน้าเจี่ยนอันอันเห็นว่าเป้าหมายบรรลุแล้วจึงกล่าวลากับจางเฉวียนจางเฉวียนมองส่งรถม้าจากไป หัวใจที่แขวนค้างในที่สุดก็สามารถปล่อยวางลงได้เสียทียังดีที่เจี่ยนอันอันไม่ได้เอายาป้องกันมาให้พวกเขาเพื่อจะออกจากเมืองไปโดยพลการไม่อย่างนั้น ไม่แน่ว่าเขาอาจถูกนำตัวไปรอรับการลงทัณฑ์ที่สำนักราชเลขาธิการเหมือนเฉินหย่งเหนียนก็เป็นได้หลังจากเฉินหย่งเหนียนถูกจับตัวไปก็ไม่เห็นเงาร่างของเขาอีกเลยเกรงว่าป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว……รถม้าเคลื่อนผ่านสถานที่หลายแห่งในตัวเมือง ชาวบ้านในเมืองล้วนได้รับยารักษาโรคเฉพาะทางที่คนทั้งสองทำขึ้นมาหมดแล้วตอนนี้เกรงว่าคงมีเพียงคนในสำนักราชเลขาธิการที่ยังไม่ได้รับการรักษาหลังจากรถม้าวิ่งไปได้สักพัก เจ้าหน้าที่ซึ่งหามเกี้ยวสองกลุ่มก็สวนทางมาเมื่อพวกเขาเห็นรถม้าก็เร่งฝีเท้าเข้ามาหาคราวนี้ในที่สุดพวกเขาก็จำสวีจงฉือที่นั่งอยู่บนรถม้าได้ก่อนหน้านี้หลังจากพวกเขาหามเกี้ยวไปถึงจุดหมายก็พบว่าที่นั่นว่างเปล่าปราศจากผู้คน
วันนี้ก็หาเงินได้อีกแล้วเย็นนี้เขาจะต้องกินอาหารดีๆ สักมื้อเพื่อตกรางวัลให้กับความเหน็ดเหนื่อยในวันนี้สักหน่อยหลังพวกเจ้าหน้าที่กินยารักษาโรคเฉพาะทางแล้วก็หามเกี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง ออกเดินทางไปยังสำนักราชเลขาธิการต่อไปคราวนี้ฝีเท้าพวกเขารวดเร็วราวเหินบิน ร้อนใจอยากให้ใต้เท้าของพวกตนได้รับยารักษาโรคเฉพาะทางโดยเร็ว เขาจะได้หายดีไวๆ คนทั้งคณะเดินทางมาถึงบริเวณนอกสำนักราชเลขาธิการอย่างรวดเร็ว พ่อบ้านออกมารอหน้าประตูอยู่นานแล้วเมื่อเขาเห็นรถม้าที่ตามมาด้วยก็อึ้งไปอย่างอดไม่อยู่เขาเห็นรถม้าคันนี้วิ่งผ่านหน้าประตูสำนักราชเลขาธิการไปก่อนหน้านี้ถ้าเขารู้แต่แรกว่าผู้อยู่ในรถม้าคือท่านหมอที่พวกตนกำลังตามหาเขาจะต้องไม่มองรถม้าคันนี้วิ่งจากไปโดยไม่ทำอันใดอย่างแน่นอนพ่อบ้านรีบออกมาต้อนรับ เขาเลิกผ้าม่านเกี้ยวหลังแรกขึ้นก็พบว่าผู้อยู่ในนั้นคือแม่นางอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งพ่อบ้านคิดในใจ แม่นางที่อายุน้อยปานนี้สามารถรักษาโรคให้ใต้เท้าของตนได้จริงหรือ?พ่อบ้านไม่พูดพร่ำ รีบเชิญเจี่ยนอันอันเข้าไปข้างในทันทีพวกเจี่ยนอันอันสี่คนเดินไปจนถึงห้องนอนที่ราชเลขาธิการพักอยู่ภายใต้การนำทางของพ่อบ
ถังหมิงเซวียนวินิจฉัยว่าราชเลขาธิการไม่ได้แค่ติดวัณโรคเท่านั้น แต่เขายังมีโรคเก่าอีกด้วยแต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้พกล่วมยามา เพียงนำเข็มเงินบางส่วนมาด้วยเท่านั้นถ้าจะรักษาราชเลขาธิการยังคงต้องพึ่งพาเจี่ยนอันอันอย่างไรเสียเจี่ยนอันอันก็เป็นเถ้าแก่ร้านจี้เฉ่าถัง นางจะต้องสามารถหาสมุนไพรมาปรุงยารักษาราชเลขาธิการได้อย่างแน่นอนยามนี้ขึ้นอยู่กับว่าเจี่ยนอันอันต้องการทำอย่างไร ถ้านางไม่อยากรักษาโรคเก่าให้ราชเลขาธิการ เขาก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรเหมือนกันเจี่ยนอันอันเดินเข้าไปจับชีพจรให้ราชเลขาธิการเจี่ยงตงเฉิงได้ยินคำพูดของถังหมิงเซวียนเมื่อครู่นี้แล้ว หัวใจก็จมดิ่งลงเหวเขารู้ว่าสุขภาพของตนเองย่ำแย่ลงทุกที หมอในเมืองอินเป่ยล้วนเคยมาตรวจโรคให้เขาแต่ไม่เคยมีใครที่สามารถรักษาเขาให้หายดีได้เลยสักคนยามนี้เขายังติดวัณโรคมาอีก สุขภาพยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิมหากหมอสองคนนี้ยังไม่สามารถรักษาเขาได้ เกรงว่าเวลาชีวิตของเขาคงเหลืออีกไม่มากแล้วเจี่ยนอันอันจับชีพจรสักพักก็มุ่นคิ้วขึ้นมาดุจเดียวกันนางพบว่าในร่างกายราชเลขาธิการมีสารพิษตกค้างอยู่ด้วยและก็เป็นเพราะสารพิษเหล่านี้ที่ทำให้สุขภาพของเข
เจี่ยนอันอันก็จ้องตาเจี่ยงตงเฉิงเช่นกัน สีหน้านางปราศจากความเปลี่ยนแปลงใดๆ ในใจกลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาคนผู้นี้รู้จักคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงได้อย่างไร?หรือว่าหลังจากเจี่ยนหลิงเยว่มาที่เมืองอินเป่ยก็ได้เจอราชเลขาธิการเหมือนกัน แล้วบอกอีกฝ่ายว่านางเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกง?ถ้าเจี่ยนหลิงเยว่กำลังสวมรอยเป็นนางจริง นางคงต้องจัดยาพิษให้เจี่ยนหลิงเยว่เป็นใบ้จริงๆ เสียแล้วทำให้นางไม่สามารถพูดได้อีกเลยชั่วชีวิตเจี่ยนอันอันถามเสียงเย็นชา “ไยท่านราชเลขาธิการจึงถามเช่นนี้?”ถึงอย่างไรเจี่ยงตงเฉิงก็อยู่มานานกว่าเจี่ยนอันอัน แม้เจี่ยนอันอันจะไม่ได้แสดงสีหน้าอันใดออกมาแต่เขาก็ฟังความผิดปกติในน้ำเสียงยามพูดจาของเจี่ยนอันอันออกถ้าเจี่ยนอันอันไม่รู้จักคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกง นางก็สามารถบอกว่าตนเองไม่รู้จักไม่จำเป็นต้องถามเช่นนี้เลยสักนิดประกอบกับก่อนหน้านี้นางยังพูดจาดีๆ อยู่เลย ตอนนี้น้ำเสียงกลับเย็นชาขึ้นมาเสียอย่างนั้นเห็นทีนางคงต้องรู้จักคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงเป็นแน่เจี่ยงตงเฉิงลูบเครายิ้มๆ พลางกล่าวว่า “ขอบอกกล่าวตามตรง ในอดีตข้าเคยไปเยือนแคว้นไท่ยวนในฐานะทูตของเมืองอินเป่ย”“โชคดีได้รู้จัก
เจี่ยนอันอันถูกเจี่ยงตงเฉิงจ้องจนรู้สึกไม่พอใจเอามากๆนางแค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “ใต้เท้าราชเลขาธิการพักผ่อนก่อนเถอะ โรคอื่นๆ ของท่านเอาไว้รักษาวันหลังก็แล้วกัน”นางพูดจบก็หันหลังทำท่าจะจากไป“แม่นางเจี่ยนรอสักครู่” เจี่ยงตงเฉิงรีบรั้งเจี่ยนอันอันเอาไว้เจี่ยนอันอันหันหน้ากลับมามองเจี่ยงตงเฉิงด้วยสายตาเย็นชา“ใต้เท้ายังมีเรื่องใดหรือ?”เจี่ยงตงเฉิงรู้ว่าตนเองจ้องฝ่ายตรงข้ามเมื่อครู่นี้ออกจะเป็นการเสียมารยาทเขากระแอมเบาๆ “แม่นางเจี่ยนมีเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้าหรือเปล่า?”เจี่ยนอันอันหมุนตัวกลับมายิ้มเย็นให้เจี่ยงตงเฉิงพลางว่า “ข้าคิดไม่ถึงว่าท่านราชเลขาธิการจะสนิทสนมกับพ่อที่ไร้ยางอายผู้นั้นของข้าปานนี้”“ถ้าข้ารู้เช่นนี้แต่แรก ข้าก็คงไม่มารักษาท่านแล้ว”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนอึ้งไปอย่างอดไม่อยู่รวมถึงฉู่จวินสิงด้วยเช่นกัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจี่ยนอันอันจึงพูดถึงพ่อตัวเองเช่นนั้นเจี่ยนอันอันไม่เคยพูดเรื่องเจี่ยนกั๋วกงกับเขามาก่อน เขายังรู้ว่าเจี่ยนอันอันมาแต่งงานกับเขาแทนน้องสาวระหว่างพวกนางพ่อลูกจะต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน ถึงได้ทำให้เ
ฟางอิ๋งเห็นฉู่จวินสิงเข้ามาก็พาฉู่จื่อซีออกไปอย่างรู้งานฉู่จวินสิงยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียง“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ขามีความรู้สึกหรือยัง?”ฉู่จวินหลุนมองขาทั้งสองข้างของตัวเอง มุมปากยกยิ้มบางๆ“ข้าของข้าพิการมาหลายปี นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่กลับมามีความรู้สึก”ฉู่จวินหลุนว่าจบก็ออกแรงยกขาขึ้นฉู่จวินสิงเห็นฉู่จวินหลุนฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ก็รู้สึกปลื้มใจมากเช่นกันขอเพียงวันหน้าพี่ใหญ่สามารถลุกขึ้นเดิน เช่นนั้นพวกเขาก็นับวันรอที่จะได้กลับเมืองหลวงจิงโจวได้เลยพวกเขายกทำไปทำสงครามมาหลายปี ย่อมชนะใจผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนไม่น้อยแต่ตอนนี้คนเหล่านั้นล้วนแต่อยู่ที่เมืองหลวงจิงโจว หากไม่มีคำสั่งจากพวกเขา คนเหล่านั้นก็มาไม่ได้และหากฮ่องเต้สุนัขรู้เข้า พวกเขาก็ต้องถูกขุดรากถอนโคนแน่นอนฉู่จวินสิงไม่อยากต้องอยู่ที่เมืองอินเป่ยไปตลอดชีวิตอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดของเขา ทั้งยังไม่ใช่ที่ที่เขาควรจะมารอให้ถึงเวลาอันสมควร เขาจะแจ้งข่าวให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้น จากนั้นทุกคนตีจากด้านนอกและด้านในประสานกันกำจัดกองกำลังของฉู่ชางเหยียนให้สิ้นซาก!ฉู่จวินหลุนมองออกมาตั้งแต่แรก
เหยียนซวงกับเหยียนอวี่ช่วยเก็บผักกาดขาวกับหูหลัวปัวมาให้เจี่ยนอันอันชั่งน้ำหนักนางขายให้ท่านปู่เฉินตามราคาที่ขายในตลาดท่านปู่เฉินถือผักอย่างมีความสุข เขากล่าวขอบคุณเจี่ยนอันอันแล้วหันตัวเดินจากไปขณะที่เหยียนซวงกับเหยียนอวี่ช่วยเก็บผัก มีชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาขอซื้อผักเจี่ยนอันอันขายผักให้กับพวกเขาตามราคาที่ขายในตลาดพวกชาวบ้านคิดไม่ถึงว่าผักที่เจี่ยนอันอันขายจะราคาถูกขนาดนี้พวกเขาคิดว่านางจะฉวยโอกาสขึ้นราคาเสียอีกพวกชาวบ้านต่างยินดีปรีดาที่ได้ซื้อผักเหยียนซวงกับเหยียนอวี่เก็บผักเสร็จก็เห็นเจี่ยนอันอันทำให้ผักพวกนี้หายไปประหนึ่งเล่นมายากล เหลือไว้ให้สองพี่น้องเพียงแค่ส่วนน้อยพวกเขามีสีหน้าตื่นตะลึง เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าจะได้สติเหยียนซวงพูดด้วยความตกใจ “อันอัน ผักพวกนี้ถูกเจ้านำไปไว้ที่ใดแล้ว เหตุใดจึงหายไปได้ในชั่วพริบตา?”เจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันให้เหยียนซวง “เรื่องนี้เป็นความลับ บอกไม่ได้”“เอาล่ะ พวกเจ้านำผักกลับไปเถอะ ต่อไปจะได้มีผักกิน”เหยียนซวงไม่กล้ารับผักจากเจี่ยนอันอันเพราะเกรงใจ ทว่าเจี่ยนอันอันกลับจับยัดใส่มือนาง“วันนี้พวกเจ้าช่วยข้าเก็บผัก ถือว่าเ
เหยียนซวงรู้สึกขอบคุณต่อเจี่ยนอันอันมาก นางพูดว่า “อันอัน มีงานอะไรให้ข้าทำหรือไม่ บอกมาได้เลยนะ ข้าทำได้ทุกอย่าง”สมัยที่อยู่บ้านของลุงรอง นางถูกมอบหมายให้ต้องทำงานที่ต้องใช้แรงงานและสกปรกทุกอย่างเหยียนอวี่สุขภาพไม่ดี เขาอยากจะช่วยแบ่งเบาแต่ก็ถูกนางปฏิเสธทุกครั้งไปส่วนน้องสาวของบ้านลุงรองก็ใช้งานนางไม่ต่างจากสาวใช้แม้แต่น้ำสำหรับล้างเท้าก็ยังให้นางเป็นคนไปตักหากเหยียนซวงไม่ยอมทำก็จะถูกลุงรองดุด่าและทุบตีทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เหยียนซวงอยากจะใช้กำลังกับลุงรองเหลือเกินแต่นางเห็นแก่ที่อีกฝ่ายเป็นลุงรองแท้ๆ ยอมเลือกที่จะอดทนครั้งแล้วครั้งเล่าตอนนี้นางหนีออกจากบ้านของลุงรองได้ในที่สุด ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระนางเพียงแค่ต้องดูแลเหยียนอวี่ให้ดีก็พอ อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญเพื่อตอบแทนบุญคุณของเจี่ยนอันอันแล้ว นางหวังว่าตัวเองจะสามารถช่วยเจี่ยนอันอันแบ่งเบาภาระเจี่ยนอันอันนึกได้ว่าวันนี้ตัวเองไปข้างนอกตั้งนานเพียงนั้น ยังไม่ได้ไปปลูกผักที่ที่นามิสู้ให้เหยียนซวงตามไปปลูกผักด้วยกันเลยก็แล้วกันผักที่เกินออกมาก็ให้สองพี่น้องคู่นี้เก็บไว้กินวันหลังครั้นคิดถึงตรงนี้ เจ
เหยียนอวี่ฟังคำบอกเล่าของเจี่ยนอันอันแล้วตกใจเช่นกันเขาได้สติอย่างรวดเร็วและถามว่า “แม่นางเจี่ยน ที่ท่านพูดมาเมื่อครู่เป็นความจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้า แสดงออกว่านางไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกหก“แต่เหตุใดลุงรองของข้าจึงบอกว่า จะให้ท่านพี่แต่งงานกับตาแก่อายุห้าสิบกว่า?”เหยียนอวี่รู้สึกสับสนมากเช่นกันหากคนที่พี่รองต้องแต่งงานด้วยคือถังหมิงเซวียนจริงๆ ลุงรองก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ต้องบอกว่าขายนางให้ตาแก่คนหนึ่งเจี่ยนอันอันนึกได้ว่าถังหมิงเซวียนเคยพูดถึงคนที่บ้านให้นางฟังบิดาของเขาอายุห้าสิบสาม เพิ่งจะมีลูกในวัยชราทุกคนในครอบครัวจึงตามใจถังหมิงเซวียนมากพวกเขาเห็นว่าถังหมิงเซวียนสนใจด้านวิชาแพทย์ก็ซื้อตำราแพทย์กองโตมาให้ ทั้งยังเชิญอาจารย์มาถ่ายทอดวิชาอาจารย์ท่านนั้นพบว่าถังหมิงเซวียนฉลาดหลักแหลมมากและมีความเข้าใจในวิชาแพทย์ระดับสูงก็ถ่ายทอดวิชาให้ทั้งหมดต่อมา เมื่อถังหมิงเซวียนได้เรียนรู้วิชาแพทย์ทั้งหมด อาจารย์ท่านนั้นก็ออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วหล้าถังหมิงเซวียนไม่เคยได้พบเจออีกฝ่ายแต่ถังหมิงเซวียนเอาแต่ศึกษาค้นคว้าวิชาแพทย์ จวบจนอายุยี่สิบแล้วก็ยังไม่คิดที่จ
บุรุษผู้นั้นได้ยินว่าคนที่บ้านกินยารักษาโรคเฉพาะทางเรียบร้อยแล้วถึงค่อยเบาใจลงหลังจากที่จ่ายเงินห้าสิบตำลึงเพื่อซื้อยา เขาก็โยนเข้าปากทันทีเขารู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายลงไม่น้อยหลังจากกินยาแม้แต่ความเจ็บปวดที่ข้อมือก็บรรเทาลงใบหน้าของเขาค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา เขามองเจี่ยนอันอันอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีเมื่อครู่นี้เขาคิดว่าเจี่ยนอันอันจะทำร้ายตัวเองนึกไม่ถึงว่าตัวเองเพียงแค่ต้องจ่ายเงินห้าสิบตำลึงก็จะซื้อยาที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ได้แล้วคราวนี้ดีเลย ครอบครัวของเขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไปมาให้เหน็ดเหนื่อยอีกแต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่คิดที่จะเหยียนซวงกับเหยียนอวี่อยู่ที่นี่ต่ออยู่ดีอย่างไรเขาก็ไม่ได้รู้จักสองคนนี้ ถ้าให้ทั้งคู่อยู่ที่นี่ต่อ หากวันหน้าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ต้องเดินทางมาไล่คนเหมือนเดิมน้ำเสียงที่เขาใช้ต่อเหยียนซวงสุภาพขึ้นมาก“แม่นางท่านนี้ รบกวนให้ท่านกับน้องชายย้ายออกจากที่นี่โดยเร็วด้วยเถิด”เหยียนซวงหันไปมองเจี่ยนอันอัน แววตาทอประกายขอความช่วยเหลือเจี่ยนอันอันไม่อยากทำให้บุรุษผู้นี้ลำบากใจ เพราะถึงอย่างไรแล้วที่นี่ก็เป็นบ้านของเขา เขามีสิทธิ์ไล่
เจี่ยนอันอันนึกว่าที่บ้านของเหยียนซวงมีแขก แต่ฟังจากบทสนทนาแล้ว เหมือนว่าบุรุษผู้นี้จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถามก็ได้ยินเหยียนซวงพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “อันอัน ข้าขอร้องอะไรหน่อยได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันมีความคิดในใจ แต่นางยังไม่ทันพูดก็ได้ยินเหยียนซวงพูดต่อ “ท่านนี้คือเจ้าของบ้าน เขากลับมาจากตัวเมือง”“เขาต้องการให้ข้ากับเหยียนอวี่ย้ายออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ตอนนี้พวกเราสองคนไม่มีที่ไปแล้ว”“ข้าอยากขอร้องให้ช่วยหาที่อยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยให้ข้ากับเหยียนอวี่ได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันได้ยินว่าบุรุษผู้นี้กลับมาจากตัวเมืองก็เดินเข้าไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายทันที“ทำอะไรของเจ้า?” บุรุษผู้นี้ตกใจกับการกระทำของเจี่ยนอันอันเขาจะชักมือตัวเองกลับแต่กลับถูกเจี่ยนอันอันคว้าแน่นกว่าเดิม“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขยับ” เจี่ยนอันอันเพิ่มแรงบีบที่มือในขณะที่พูดเดิมทีบุรุษผู้นี้ก็ไม่มีศิลปะการต่อสู้ ครั้นถูกเจี่ยนอันอันบีบเช่นนี้ก็รู้สึกเจ็บจนกลั้นเสียงร้องโหยหวนไม่อยู่หยาดเหงื่อเม็ดเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากเขาเจ็บจนต้องร้องขอความเมตตา “แม่นางรีบปล่อยมือเถิด ข้อมือข้าจะหักอยู่แล้ว”เจี
ตอนแรกเจี่ยนอันอันอยากใช้ฟังก์ชันเคลื่อนย้ายมวลสสารเพื่อไปหากู้มั่วหลีแต่แล้วนางกลับต้องพบว่าประสิทธิภาพของฟังก์ชันนี้เสื่อมถอยลงอีกครั้งด้วยเหตุนี้จึงได้แต่เดินตามหาภายในจวนเป่าจวิ้นอันกว้างขวางด้วยกันกับฉู่จวินสิง ภายในห้องที่นางเข้าไปก่อนหน้านี้ บัดนี้ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้ใดทั้งสองคนตามหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบกู้มั่วหลีแต่อย่างใดแม้แต่เจี่ยนหลิงเยว่ก็หายไปด้วยทั้งสองคนค้นหาภายในจวนเป่าจวิ้นทั่วทุกซอกทุกมุม กระนั้นก็ยังไม่พบร่องรอยของกู้มั่วหลีอยู่ดีเจี่ยนอันอันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นเคือง เจ้ากู้มั่วหลีบ้านี่หนีไปอีกแล้วนางเดินตามฉู่จวินสิงออกไปด้วยสีหน้าเดือดดาล ทั้งสองคนกลับไปที่รถม้าและมุ่งหน้าสู่อำเภอไถหยางครั้นมาถึงจี้เฉ่าถัง เจี่ยนอันอันก็ให้สวีจงฉือลงจากรถม้าให้เขากลับไปดูแลจี้เฉ่าถัง ส่วนที่อำเภอไถหยางนั้น เขาไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นอีกเดิมทีสวีจงฉือคิดว่าจะได้อยู่กับเจี่ยนอันอันนานกว่านี้ นึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะให้เขาลงจากรถม้าไวเช่นนี้ แต่ถึงแม้ภายในใจจะไม่เต็มใจมากเพียงใด เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น“แม่นางเจี่ยน ท่านจะเข้าไปดูด้านในจี้เฉ่าถังหน่
เจี่ยนอันอันถูกเจี่ยงตงเฉิงจ้องจนรู้สึกไม่พอใจเอามากๆนางแค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “ใต้เท้าราชเลขาธิการพักผ่อนก่อนเถอะ โรคอื่นๆ ของท่านเอาไว้รักษาวันหลังก็แล้วกัน”นางพูดจบก็หันหลังทำท่าจะจากไป“แม่นางเจี่ยนรอสักครู่” เจี่ยงตงเฉิงรีบรั้งเจี่ยนอันอันเอาไว้เจี่ยนอันอันหันหน้ากลับมามองเจี่ยงตงเฉิงด้วยสายตาเย็นชา“ใต้เท้ายังมีเรื่องใดหรือ?”เจี่ยงตงเฉิงรู้ว่าตนเองจ้องฝ่ายตรงข้ามเมื่อครู่นี้ออกจะเป็นการเสียมารยาทเขากระแอมเบาๆ “แม่นางเจี่ยนมีเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้าหรือเปล่า?”เจี่ยนอันอันหมุนตัวกลับมายิ้มเย็นให้เจี่ยงตงเฉิงพลางว่า “ข้าคิดไม่ถึงว่าท่านราชเลขาธิการจะสนิทสนมกับพ่อที่ไร้ยางอายผู้นั้นของข้าปานนี้”“ถ้าข้ารู้เช่นนี้แต่แรก ข้าก็คงไม่มารักษาท่านแล้ว”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนอึ้งไปอย่างอดไม่อยู่รวมถึงฉู่จวินสิงด้วยเช่นกัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจี่ยนอันอันจึงพูดถึงพ่อตัวเองเช่นนั้นเจี่ยนอันอันไม่เคยพูดเรื่องเจี่ยนกั๋วกงกับเขามาก่อน เขายังรู้ว่าเจี่ยนอันอันมาแต่งงานกับเขาแทนน้องสาวระหว่างพวกนางพ่อลูกจะต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน ถึงได้ทำให้เ
เจี่ยนอันอันก็จ้องตาเจี่ยงตงเฉิงเช่นกัน สีหน้านางปราศจากความเปลี่ยนแปลงใดๆ ในใจกลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาคนผู้นี้รู้จักคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงได้อย่างไร?หรือว่าหลังจากเจี่ยนหลิงเยว่มาที่เมืองอินเป่ยก็ได้เจอราชเลขาธิการเหมือนกัน แล้วบอกอีกฝ่ายว่านางเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกง?ถ้าเจี่ยนหลิงเยว่กำลังสวมรอยเป็นนางจริง นางคงต้องจัดยาพิษให้เจี่ยนหลิงเยว่เป็นใบ้จริงๆ เสียแล้วทำให้นางไม่สามารถพูดได้อีกเลยชั่วชีวิตเจี่ยนอันอันถามเสียงเย็นชา “ไยท่านราชเลขาธิการจึงถามเช่นนี้?”ถึงอย่างไรเจี่ยงตงเฉิงก็อยู่มานานกว่าเจี่ยนอันอัน แม้เจี่ยนอันอันจะไม่ได้แสดงสีหน้าอันใดออกมาแต่เขาก็ฟังความผิดปกติในน้ำเสียงยามพูดจาของเจี่ยนอันอันออกถ้าเจี่ยนอันอันไม่รู้จักคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกง นางก็สามารถบอกว่าตนเองไม่รู้จักไม่จำเป็นต้องถามเช่นนี้เลยสักนิดประกอบกับก่อนหน้านี้นางยังพูดจาดีๆ อยู่เลย ตอนนี้น้ำเสียงกลับเย็นชาขึ้นมาเสียอย่างนั้นเห็นทีนางคงต้องรู้จักคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงเป็นแน่เจี่ยงตงเฉิงลูบเครายิ้มๆ พลางกล่าวว่า “ขอบอกกล่าวตามตรง ในอดีตข้าเคยไปเยือนแคว้นไท่ยวนในฐานะทูตของเมืองอินเป่ย”“โชคดีได้รู้จัก