“ผมทำตามคำสั่งแม่นะครับพี่ใหญ่”กลืนน้ำลายลงคอลุ้นคำพูดของตัวเองว่า ขออย่าให้พี่ชายต่อว่าอะไรแรง ๆ ที่ตัวเองทิ้งงานไว้“แม่คิดถึงพี่ ผมกลัวว่าแม่จะไม่สบายก็เลยอาสาพามา พี่อย่าโกรธผมเลยนะ แต่ผมก็ทำงานเรียบร้อยแล้วก่อนจะมาที่นี่นะ ไม่เชื่อก็โทรเช็กกับคุณมนัสก็ได้”พูดจนจบมองหน้าพี่ชายเหมือนกำลังลุ้นดูบอลรอบชิงชนะเลิศที่ขอบสนามอย่างไรอย่างนั้น“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่งง ๆ ว่ามากันได้ยังไง แล้วรู้ได้ไงว่าพี่อยู่ที่ไหน”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงราบเรียบ ปรับแต่งสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ มองหน้าผู้เป็นแม่ที่ยืนนิ่ง พอ ๆ กับน้องชายที่ทำตัวสงบนิ่งจนอยากจะหัวเราะน้องชายตัวเองนัก แต่ก็เก็บอาการเอาไว้เพราะในห้องนอกจากมีเขาแล้วก็มีวิรุจและผู้หญิงที่เขาคิดว่าหล่อนคงไม่กล้ามาพบเขาอีก แต่หล่อนก็ยังบากหน้ามาเจอเขาอีกเมื่อทุกอย่างกลับสู่ความเงียบ วิรุจจึงเอ่ยขึ้น“นี่ครับเสื้อผ้าของคุณบี”ธาดารับเสื้อผ้าของหญิงสาวไว้จากมือของวิรุจ แล้วยื่นต่อให้หญิงสาว“ลุกไหวไหม”ชายหนุ่มเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย ก้มประคองร่างบางที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียง แต่หล่อนสะบัดตัวให้หลุดจากการประคองของชายหนุ่ม แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะยิ่งหล
ชายหนุ่มเดินเข้ามาคว้าเอวหญิงสาวที่ออกมาจากห้องน้ำและพยุงมานั่งที่เตียงอีกครั้ง พร้อมด้วยสายตาทุกคู่ที่มองอย่างแปลกใจ คำพูดและการกระทำของหนุ่มใหญ่มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ...วิรุจและอาชามองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน เหมือนต่างคนต่างรู้ใจชายหนุ่มอีกคนดีว่าที่จริงแล้วชายหนุ่มรักหญิงสาวในอ้อมแขนมากแค่ไหน แต่ทั้งสองก็เก็บสิ่งที่รู้และเห็นเอาไว้ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าต้องการเปิดเผยความจริงเมื่อไหร่ ...“เชอะ! สำออย หน้าด้าน”เสียงแหลมเล็กเอ่ยออกมาเบาๆ แต่ก็จงใจให้ใครหลายคนในห้องได้ยิน แล้วหันไปกอดแขนผู้หญิงสูงวัยไว้เหมือนเป็นเกราะป้องกันอะไรบางอย่างจากคำพูดของตนที่เอ่ยออกไป“ใครกันแน่หน้าหนาหน้าทน คนในครอบครัวก็ไม่ใช่”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาลอย ๆ เสมองไปทางอื่นไม่สนใจสายตาที่ค้อนออกมาของหญิงสาวสวยและผู้เป็นแม่สาวร่างบางมองหน้าคนที่กำลังโอบประคองตัวเองโดยที่เขามองเธออยู่ก่อนแล้ว หล่อนรับรู้สายตาที่มองมายังหล่อนมันเป็นแววตาที่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่หล่อนเห็นมาก่อนหน้าที่ทุกคนจะเข้ามา แต่หากไม่ติดที่คำพูดที่หล่อนได้ยินเมื่อกี้หล่อนคงหลงคิดว่าชายหนุ่มคงจะเปิดใจรักหล่อนขึ้นมาบ้างแล้วแ
ร่างบางที่เกิดอาการสั่นน้อย ๆ โอดครวญในใจที่กำลังเจ็บปวด เก็บก้อนสะอื้นเอาไว้ในอกอย่างคนทรมาน มือเรียวโอบกอดตัวเองไว้ เรียวปากบางขาวซีดกัดเม้มเข้าหากันไว้อย่างอดทนเสียงพูดคุยของคนด้านหน้า ร่างบางสะดุดคำพูด ทำให้ต้องหยุดชะงัก และตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ เหมือนคนอื่น ๆ ที่กำลังยืนฟังอยู่เช่นกัน“ครับ ผมมาเยี่ยมคุณปองพล และคิดว่าจะมาเยี่ยมหนูบีด้วย แต่ไม่คิดว่าหนูบีจะได้กลับบ้านเร็วแบบนี้”สาทิตย์เอ่ยตอบคำถามของชายหนุ่ม ทอดสายตามองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในชุดพร้อมกลับบ้าน“หนูบีไม่เข้าไปเยี่ยม เอ่อ ... คุณปองพลก่อนหรือครับ ท่านป่วยเป็นโรคหัวใจนะครับ”แม้จะรู้สึกเกรงใจชายหนุ่มอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เขาได้ยินจากปากของผู้ร่วมหุ้นทำให้เพื่อนอย่างเขาอยากจะช่วย แม้เพื่อนจะไม่ได้เอ่ยบอกว่าต้องการพบลูก แต่คนเรากำลังลังใจของคนที่รักเป็นยาที่วิเศษที่ดีที่สุดไม่ต้องซื้อหาด้วยเงิน“ตกลงหนูบีเป็นลูกสาวของคุณหรือจริงๆ ครับ?” เมื่อเพื่อนร่วมหุ้นนอนพักผ่อนเต็มที่มีสติดีพร้อมก็เริ่มต้นด้วยคำถามที่ยังข้องใจอยู่ทันทีมีการพยักหน้าเป็นคำยืนยันเท่านั้น “แล้วทำไมหนูบีจึงออกอาการอย่างนั้นล่ะ แกไม่ดีใจหรือที่ได้เจอพ่อ?
หล่อนไม่รู้จักท่าน แล้วท่านก็ไม่รู้จักหล่อน จะให้ตอบว่าไงดีละ... ร่างบางครุ่นคิดพอกับผู้หญิงสูงวัยมองสังเกตหล่อนจากหัวจรดเท้า แต่หล่อนกลับไม่พบสายตาที่มองว่ารังเกียจหรือดูถูกจากสายตานั้นแม้แต่น้อย แต่กลับมองเหมือนอยากดูให้แน่ชัดว่าเคยเห็นหรือพบกันมาก่อนหรือเปล่า คิ้วเรียวของผู้หญิงสูงวัยผูกปมอย่างอยากรู้ แต่ก็จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออกอยู่ดีสายตาละจากหญิงสาว เมื่อเห็นว่าในกลุ่มผู้คนที่เข้ามาในห้องมีวิรุจรวมอยู่ด้วย และตามมาด้วยชายหนุ่มรูปงาม เดินประคองกับผู้หญิงสูงวัยตามหลังเข้ามาเช่นกันนิพาหยุดชะงักนิดหนึ่ง เมื่อสายตาปะทะกับเจ้าของร่างอวบขาว แต่งตัวดีในชุดสมัยใหม่ที่ดูยังไงก็เป็นคนฐานะดีแน่นอน เพราะเครื่องประดับที่ส่งแสงรัศมีวาววับเตะตา“สวัสดีครับคุณนิพา”วิรุจเอ่ยทักทันที เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของผู้หญิงตรงหน้า“อ๊ะ ... จ้ะ สวัสดี”นิพาละสายตาจากผู้หญิงวัยกลางคนที่มองนางอยู่เช่นกัน หันมาสนใจวิรุจแทน ส่งสายตาเชิงเป็นคำถามให้วิรุจที่นางรู้จักในที่นี่แค่คนเดียว“คุณนิพาครับ นี่คุณธาดาและญาติของคุณธาดาเจ้าของไร่กาแฟที่ผมช่วยดูแลอยู่ครับ ...”เสียงทุ้มเอ่ยแนะนำ หันมองไปยังหญิงสาวที่กำลังชะ
ภาพตรงหน้ามันทำให้ชายหนุ่มที่เพรียบพร้อมอย่างเขาต้องรับศึกหนักแน่นอน แม่ที่ว่าเอาใจยาก ชายหนุ่มไม่ทุกข์ใจเท่าผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมีย และแม่ของลูกในขณะนี้เลยความเงียบนิ่งของหล่อนมันทำให้ชายหนุ่มอย่างเขาอ่านใจหล่อนไม่ออก ยิ่งหล่อนท้อง อารมณ์ยิ่งแปรปรวนขึ้น ๆ ลง ๆ จนรู้สึกว่าการจะเอาใจหล่อนมันคงยากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวเมื่อเอ่ยถามและแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการ สองพ่อลูกก็ระบายความรู้สึกที่มีต่อกันของผู้เป็นพ่อและลูกสาวจนเข้าใจดีต่อกันสร้างความรู้สึกดีและสานสัมพันธ์ที่ขาดหายไปให้เติมเต็มอีกครั้งปองพลยังมีความรู้สึกกระดากอายกับการกระทำของตัวเองต่อคนในครอบครัวของชายหนุ่ม และเขาเองเป็นผู้ชายด้วยกันพอจะเดาออกว่าชายหนุ่มรู้สึกอย่างไรกับลูกสาวตน และสิ่งเดียวที่จะชดเชยทุกอย่างได้ตอนนี้ คือยกหัวใจของทั้งสองให้อยู่ด้วยกัน“คุณธาดา ฝากดูแลลูกสาวผมด้วยนะครับ”“ไม่นะคะ” เสียงหวานเอ่ยค้านทันที“ทำไมล่ะลูก?”ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามสีหน้าแปลกใจ พอ ๆ กับคนในห้องที่มองอย่างแปลกใจเช่นกัน“หนูอยากอยู่กับคุณพ่อ”ร่างบางกอดกระชับผู้เป็นพ่อไว้แน่นเป็นการยืนยัน ผู้เป็นพ่อได้แต่มองใบหน้าขาวเนียน ซุ
“ตกลงหนูเมย์จะไปนอนที่ไร่กับป้าหรือเปล่า?”มองหน้าหญิงสาวนิ่งอย่างรอคำตอบ ส่วนลูกชายปล่อยให้แม่ได้คุยกับผู้หญิงที่ตนอยากได้เป็นลูกสะใภ้ ส่วนตนเองก็ไปเอารถและบอกให้พี่ชายกลับกับรถตน“เมย์ล่ะจะกลับไปกับเราไหม?”ชายหนุ่มตะโกนถามน้องชายที่เดินห่างออกไป ทำเอาคนที่อยู่ในอ้อมแขนออกอาการขืนตัว“ไม่รู้สิ ผมไม่อยากจะสนใจหรอกนะ”อาการออกตัวและน้ำเสียงของผู้เป็นน้องบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่พอใจเท่าไหร่ที่เอาผู้หญิงที่ชื่อเมย์มาด้วย“วิรุจ”“ครับ”ชายหนุ่มที่ยืนรอคำสั่งอยู่ห่าง ๆ เดินเข้ามาใกล้ เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นเจ้านาย“นายรอฟังดูว่าคุณเมย์จะเอายังไง แล้วนายช่วยทำตามความต้องการของหล่อนให้หน่อยนะ”น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายของผู้เป็นนายทำเอาวิรุจเริ่มกลัวหญิงสาวขึ้นมาครามครันเอ้า ซวยละสิ ... หนุ่มหล่อผิวเข้มถึงกับออกอาการผวา เขาเห็นแล้วว่าความสวยของหล่อนนั้นมีมาก แต่ความเอาแต่ใจไม่ยอมใครทำเอาเขาเองก็ไม่อยากไปตอแย แต่หากเป็นคำสั่งของเจ้านาย คนอย่างเขาก็ยากที่จะปฏิเสธก่อนจะเลิกสนใจในตัวของสาวร่างบางหันกลับไปเอารถที่จอดไว้อีกด้านทันทีรถคันงามถูกเคลื่อนออกมาและรอคนที่ยืนอยู่ทยอยขึ้น โดยเจ้าข
กว่าศึกในรถจะเงียบลง วิรุจโดนกำปั้นเล็ก ๆ ทุบไปหลายที แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกเจ็บกับกำปั้นนั้นแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้สายตาคมงอนและค้อนส่งออกมา มันทำให้หัวใจชายหนุ่มเลือดลมสูบฉีดแรง และรู้สึกหวั่นไหวกับการกระทำของสาวสวยที่เขาเคยวิเคราะห์ว่าหล่อนก็แค่ตัวอิจฉานางมารร้ายนางหนึ่งเท่านั้นชายหนุ่มเลือกร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับโรงแรมตามคำบอกกล่าวของหญิงสาว รถกลางเก่ากลางใหม่ถูกจอดนิ่งสนิทหน้าร้านอาหาร ร่างบางหันมาส่งยิ้มบาง ๆ ชายหนุ่มจึงยิ้มบาง ๆ ตอบรับกลับไปเช่นกัน“ไม่ลงมากินข้าวเป็นเพื่อนกันก่อนหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยชวน“...”วิรุจอึ้งไปชั่วขณะบางทีหล่อนอาจเอ่ยชวนเพื่อเป็นมารยาทก็ได้ ...“ทำไม ... หรือนายรีบ?”เสียงหวานเอ่ยแผ่วลง เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มเหมือนคนกำลังใช้ความคิด ใบหน้าหวานจึงหมองลงตามมาใบหน้าหมองตรงหน้ากลับทำให้ใจของชายหนุ่มรู้สึกหมองไปด้วย“เปล่าครับ ผมขอไปหาที่จอดรถก่อนละกัน”ชายหนุ่มบอก และเคลื่อนรถไปด้านหน้าสอดส่ายสายตามองหาที่จอดเหมาะ ๆ สาวสวยหน้าหวานแอบยิ้มกับกระจกด้านข้าง โดยคนข้างกายไม่มีโอกาสได้เห็น“เชิญครับ”เสียงทุ้มเอ่ยบอก
“ฉาน ... ม่ายดีตรง ... หนาย ... ฮึ ... สวยก็สวย ... รวยก็รวย ... เอิ๊ก อึก เขาก็ยังไม่มอง เอิ๊ก ...”อาการของหญิงสาวทำให้วิรุจต้องรีบจัดการจ่ายเงินค่าอาหารทั้งหมด และรีบพาหล่อนไปส่งทันทีแทนที่จะถูกเขาเลี้ยง กลับมาเลี้ยงเขาเสียเอง แถมต้องแบกน้ำหนักอีกต่างหาก ... วิรุจส่ายหน้าไปมา มองใบหน้าที่ยิ้มบ้างร้องไห้บ้างในอ้อมแขน พนักงานโรงแรมช่วยเปิดประตูให้อย่างรีบร้อน เมื่อสาวเจ้าเริ่มอาละวาด มือเรียวเริ่มคว้าอากาศ ดึงเสื้อผ้าคนอุ้มเกือบขาดติดมือ“ขอบคุณครับ”เสียงทุ้มเอ่ยบอกพนักงาน และพาร่างบางตรงไปยังเตียงนอนทันที โดยไม่สนใจว่าประตูจะเปิดหรือปิด รู้แต่ว่าตอนนี้แขนเขาเกือบหมดแรง และชาไปทั่วแขนแกร่งแล้ว หากช้าไปกว่านี้เขารับรองว่าร่างบางได้หล่นไปกองอยู่บนพื้นห้องแน่นอน“ผู้หญิงอะไรหนักเป็นบ้าเลย”บ่นอุบอิบ นวดแขนที่ชาเบา ๆ โดยที่ตัวยังนั่งอยู่ที่ขอบเตียงข้างๆ หญิงสาว“อื้อ ...”ครางเบา ๆ พร้อมมือเรียวดึงทึ้งเสื้อตัวเอง โดยที่ชายหนุ่มยังสนใจนวดแขนที่ชาของตัวเองอยู่ อาการดิ้นขลุกขลัก ทำให้เตียงที่ชายหนุ่มนั่งอยู่สั่นแรง ๆ“อะ ...”ชายหนุ่มหันมองเมื่อรู้สึกว่าคนบนเตียงขยับดิ้นมากจนเกินไปร่างหน
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ