คำขู่นั้นทำเอาชายหนุ่มอย่างเขาต้องวิ่งเผ่นรับทำทันที เดือนละหมื่นบาทใครจะไปใช้พอ แค่ขับรถพาสาว ๆ รับลม น้ำมันรถก็ไม่พอแล้ว...เก็บสัมภาระเท่าที่จำเป็นแล้วเผ่นกลับเมืองไทยทันที เหมือนโชคจะเข้าข้างผู้เป็นแม่เพราะเขาไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า มีที่ว่างอยู่ที่หนึ่งพอดิบพอดี งานนี้ผู้เป็นแม่คงทันใจสั่งปุ๊บมาปั๊บ เหมือนเดลิเวอรี่ทันทีที่ชายหนุ่มย่างกรายเข้าไปในตึกใหญ่ที่เคยอยู่ตั้งแต่เด็ก ๆ ก่อนที่จะไปอยู่เมืองนอก และใช้ชีวิตวัยรุ่นวัยเรียนอยู่ที่ต่างประเทศเสียหลายปี กลับถึงบ้านยังไม่ได้พักผ่อนจากการเดินทาง ก็ได้รับคำสั่งของผู้เป็นแม่ให้ปฏิบัติการทันทีงานนี้คนหล่อเอาแต่ใจเลยต้องกระเสือกกระสนทำตามอย่างขัดไม่ได้ ...“โอ้ มายก๊อด ... พี่ชายเราเก่งไม่เบา สร้างโรงแรมได้ใหญ่โตสมกับเป็นพี่ใหญ่จริง ๆ”สายตากวาดมองบริเวณด้านหน้าโรงแรม เมื่อลงจากรถคันงามราคาแพง ยืดตัวเต็มความสูง ผ่อนคลายความเมื่อยขบ“ขอบใจนะลุง ขับรถกลับดี ๆ”วาจาเป็นกันเองเอ่ยบอก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก้าวเท้าเดินหน้าอย่างมั่นคงเท้าที่ก้าวอย่างมั่นคงพาร่างหนุ่มหล่อเดินเข้ามาภายใน สายตาคมเข้มกำลังมองหาใครก็ได้ที่จะช่วยให้เขาเข้า
มนธิราจึงจำใจให้ชายหนุ่มประคองร่างบางของหล่อนไปนั่งที่เก้าอี้ ส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่จ้องมองใบหน้าของหล่อนอยู่ก่อนแล้วอย่างเป็นมิตร เธอเองก็รู้สึกแปลกใจกับรอยยิ้มนั้น เหมือนกับเคยเห็นหน้าที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออก“เจ็บมากไหมครับ”พูดพลางมือหนาก็จับหมับที่เท้าเรียว ถอดรองเท้าส้นสูงออกอย่างไม่รังเกียจมนธิราเสียอีกที่พยายามดึงเท้าหนีอย่างเกรงใจ“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ”หล่อนตอบน้ำเสียงแผ่วเบาคำเอ่ยปฏิเสธของหล่อนดูจะไม่เป็นผล ดูเหมือนเขาจะสนใจรอยช้ำของหล่อนมากกว่า“ผมไปหายาให้ดีกว่า หรือไม่ก็ไปหาหมอดีกว่านะครับ”ชายหนุ่มเอ่ยสีหน้าจริงจัง จ้องมองใบหน้าที่ซีดเซียวลงไปกว่าครึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ บีไม่เป็นไรจริง ๆ”คำบอกกล่าวของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้ชายหนุ่มหันขวับทำหน้างงงันอีกครั้ง ก่อนจะกลายเป็นยิ้มกว้างเหมือนได้ของถูกใจอย่างคาดไม่ถึงบี ... ผู้หญิงคนนี้น่ะหรือ ที่คุณแม่กลัวนักกลัวหนา ...มนธิราถึงกับผงะ เมื่อคนที่กำลังจับเท้าของหล่อนมองหน้าหล่อนเหมือนตะลึงอะไรบนใบหน้าหล่อนกระนั้น แถมส่งยิ้มจนทำให้ใจของหล่อนถึงกับสั่นไหว กับรอยยิ้มบาดใจนั้น จนหล่อนต้องยิ้มรับอย่างฝืน ๆประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ทำให้ใครคนหนึ
คำพูดถากถางชัดเจนอีกครั้ง และจงใจเน้นเพื่อให้คนที่ยืนฟังอยู่ตรงหน้าได้ยินทุกถ้อยคำที่เขาเอ่ยออกไป“...”ร่างบางหน้าซีด หล่อนไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร ในเมื่อผู้ชายตรงหน้าสรุปไปหมดแล้ว และหล่อนก็ได้ประจักษ์แล้วว่าผู้ชายคนก่อนหน้านี้ คือน้องชายของคนตรงหน้านั่นสิ ... ถึงว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหน รูปภาพที่ห้องโถง รอยยิ้มของคนที่ยืนกอดกับพี่ชายมันตั้งเด่นสง่าอยู่กลางห้อง ในคฤหาสน์ที่หล่อนอยู่มาเกือบสิบปีเรียวปากอวบอิ่มบางที่เคลือบด้วยสีส้มบาง ๆ ฉีกยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกได้ แม้เพิ่งพบกันครั้งแรกมันจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีนัก แต่รอยยิ้มและคำพูดที่จริงใจแฝงไปด้วยความห่วงใยที่หล่อนไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายใดเลย นับจากที่ผู้เป็นพ่อทิ้งไป มันทำให้หล่อนนึกถึงความอบอุ่นอีกครั้งอาการเงียบนิ่งที่หล่อนแสดงออกมานั้น ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าคิดไปไกล หล่อนคงกำลังนึกถึงอ้อมแขนของน้องชายเขา เมื่อเขาเองก็เห็นรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อน“ฉันถามว่าทำไม ทำไมไม่ตอบ หรือเธอคิดจะอ่อยน้องชายฉัน ฮ้า!!”คำถามมาพร้อมกับเสียงตวาดดัง ทำให้มนธิราถึงกับอึ้ง ชาไปทั้งตัว อึ้งกับคำถาม อึ้งกับท่าทางที่ชายหนุ่มแสดงออก“คุณใหญ่!”เสียงเรี
หล่อนเพิ่งประจักษ์ด้วยสายตาก็คราวนี้ ห้องที่เคยคิดว่าเป็นแค่ห้องน้ำ แต่ที่ไหนได้มันกลายเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์จอแบนที่มีขนาดใหญ่ ตู้เย็นขนาดมหึมา และอื่น ๆ อีกเพียบ มันคงเป็นห้องที่ชายหนุ่มทำเอาไว้เพื่อพักผ่อนเวลางานเยอะหรือยังไง ...หล่อนประมวลภาพที่เห็น แม้ว่าสายตาจะไม่อำนวยกับการที่ถูกแบกไว้บนบ่ากรี๊ดดด!เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อร่างตัวเองกระแทกกับพื้นนิ่ม ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว แม้จะรู้สึกจุกเจ็บอยู่บ้างกับการที่ถูกทุ่มลงไปด้วยความสูงระหว่างคนตัวโตกับเตียงนอนขนาดใหญ่ร่างบางดีดตัวขึ้นทันที ก่อนจะพาใบหน้าซีดเซียวของตัวเองถดถอยไปอีกด้านของเตียง โดยสายตากลมสวยที่ฉายแววหวาดหวั่น ยังไม่ละจากร่างของคนตัวโตที่ทำกับหล่อนเหมือนจะกลืนกินหล่อนกระนั้น“คุ ... คุณใหญ่อย่าทำอะไรบีเลยนะคะ”ร่างบางร้องขออีกครั้ง แม้จะรู้ว่ามันอาจจะไม่ได้ตามประสงค์ แต่หล่อนก็ยังหวังให้คนที่ยืนหน้านิ่งเฉย โดยหล่อนเองก็อ่านไม่ออกว่าภายใต้ใบหน้านั้น ใจของเขาคิดจะทำอะไรกับหล่อนกันแน่ ...หล่อนสาบานได้ว่าเห็นรอยยิ้มเหยียดที่ผุดขึ้นมุมปากหนาก่อนที่จะจางหายไปอย่างร
ไม่มีแม้เสียงที่กรีดร้องในยามตกใจ ไม่มีคำพูดใดในเชิงขอร้องอ้อนวอนเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ...หัวใจ สมองและคำพูดมันถูกกลืนหายไป เหมือนธาตุอากาศที่คว้ายึดไว้ไม่ได้และต้องปล่อยมันไป หยุดคิดและกระทำการใด ๆ สายตาจับจ้องเสื้อผ้าที่ถูกฉีกทึ้งขาดออกเป็นชิ้น ๆ แล้วถูกขว้างทิ้งออกไปคนละทิศละทาง มือบางได้แต่ปัดป้องด้วยสัญชาตญาณ ไม่มีอาการเขินอายหลงเหลืออยู่บนใบหน้างามอีกต่อไปแววตาผิดหวังมองใบหน้าคมเข้มอย่างตำหนิและสิ้นหวังในพฤติกรรมเอาแต่ใจและเอาแต่ได้ร่างหนาไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป ดึงร่างบางในอ้อมแขนที่ไม่เอ่ยอะไรเลยตรงไปยังเตียงกว้างทันทีมนธิราเริ่มขยับหนี เมื่อรับรู้ว่าแผ่นหลังสัมผัสพื้นนุ่ม ๆ บัดนี้หล่อนเหลือแค่ชั้นในลูกไม้สีหวานตัวจิ๋วที่ปกปิดส่วนบนของร่างกาย พร้อมร่างกายใหญ่โตทาบทับตามมาภาพตรงหน้ามันทำให้ไฟปรารถนาของชายหนุ่มลุกโชนเป็นอย่างดี แม้จะมีชิ้นส่วนบางอย่างที่เขาไม่อยากจะปลดออกตอนนี้ปิดบังอยู่ก็ตาม เพราะสัดส่วนและรูปร่างของหล่อนมันยังติดตาตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่จางหาย ชายหนุ่มคิดว่าเขาจะไม่มีวันสลัดภาพพวกนั้นทิ้งไปจากความทรงจำอย่างแน่นอนก่อนที่มือหนาจะทำอะไรตามต้องการอีก เสียง
กายเสียดสี ดนตรีคือเสียงครางเบา ๆ ที่ทั้งสองพร้อมใจกันส่งออกมาอย่างลืมตัว มันทำให้ห้องกว้างที่เย็นเฉียบด้วยแอร์เย็น เต็มไปด้วยไฟราคะที่ลุกฮือ พร้อมจะเผาไหม้ให้ถึงที่สุดธาดารู้สึกลำคอแห้งผาก ดวงตาคมเข้มจดจ้องร่างบางขาวเนียนตรงหน้า ก่อนจะหยุดอยู่ที่ดวงหน้า เลื่อนมือหนาของตัวเองประคองดวงหน้าหวานที่ส่ายหน้าไปมาและแดงซ่านน่ามอง ให้หันมาตรงหน้าก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากบาง ที่ครางอ้าอยู่ ตวัดปลายลิ้นแทรกเข้าหาโพรงปากหวานอย่างคลั่งไคล้ในขณะที่ฝ่ามือหนากอบกุมอกอวบที่เต็มไม้เต็มมือบีบคลึงเบาๆ และหนักหน่วงตามลำดับด้วยแรงปรารถนาที่เพิ่มทวีขึ้น ก่อนจะถอนจูบจากปากบางที่บวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด เปลี่ยนมาเป็นดูดดื่มบัวตูมที่ประชันความงามแข่งกันอย่างท้าทายของหญิงสาวเต็มรัก“คุ ... คุณใหญ่”ร่างบางผวาเฮือก เผลอเรียกชื่อของชายหนุ่มบนร่างของตัวเองอย่างลืมตัว ความเสียวซ่านรัญจวนใจ ทำให้ร่างบางแอ่นโค้งเข้าหาร่างใหญ่อย่างลืมตัวความร้อนที่กำลังเสียดสีอยู่ที่กลางลำตัวมันกำลังพองขยายใหญ่ขึ้น จนคนที่ได้รับสัมผัสนั้นถึงกับดึงสติกลับมาได้เกินครึ่ง แต่มันไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อชายร่างใหญ่ไม่ปล่อยให้สติของหล่อนหลุดจา
“จะไปไหน?”ทันทีที่หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้น วาจาและอาการเหม่อเมื่อครู่ของชายหนุ่มก็หายไป สายตาวับวาวมองกวาดไปทั่วร่างงามอีกครั้ง“บี ...”เธอมองไปยังเสื้อผ้าที่ฉีกขาดอย่างเสียดาย แววตาเศร้าหมองอาลัยกับชุดที่เธอเพิ่งได้รับเป็นของขวัญเรียนจบ และก็ได้ใส่เพียงครั้งเดียวคนที่กระทำกลับนอนนิ่ง ร่างกายใหญ่โตที่ยังไม่ได้ปกปิดส่วนไหนของร่างกาย และหล่อนก็ไม่ต่างอะไรจากเขา โดยทั้งหมดเป็นเพราะฝีมือของชายหนุ่มที่นอนร่างเปล่าเปลือยอยู่ข้าง ๆ ไม่มีท่าทีว่าจะเขินอายแม้แต่น้อยมนธิราเองเสียอีก ที่อยากหลีกหนีให้หายไปจากสายตาของชายหนุ่มที่มองร่างกายของเธออย่างจาบจ้วง ไม่สงวนท่าทีของชายหนุ่มมาดขรึมไว้เลย“บีจะรีบแต่งตัว เดี๋ยวคุณเล็กจะเห็น มันไม่ดี”เธอเอ่ยอย่างรู้ตัวดี หากเรื่องนี้เกิดเข้าหูของคุณแม่ของชายหนุ่ม เธอคงต้องโดนเฉดหัวออกจากบ้านแน่ ๆ“ทำไม กลัวว่าเจ้าเล็กมันจะรู้หรือว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่พอใจ กระชากร่างบางเข้าหาตัว พรมจูบไปทั่วไหล่ขาว เหมือนอยากทำโทษให้หล่อนระลึกว่าเธอคือผู้หญิงของเขาคนเดียว และต้องแคร์ความรู้สึกของเขาเท่านั้น“เปล่า ... คือ ...”ร่างบางเริ่มติดอ่าง ขืนตั
อาการของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มถึงกับกดอาการขำของตัวเองเอาไว้ และรู้สึกหวงแหนสาวร่างบางขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องทำใจแข็งและสร้างกำแพงให้กับตัวเองมากเท่าไหร่ กับการแสดงความเฉยชาให้ทุกคนได้เห็นว่าเขาไม่ต้องการอะไรจากหล่อน นอกจากแค่เป็นผู้ปกครองที่ส่งเสียให้หล่อนเรียนอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นรูปภาพที่เขาให้พลากรถ่ายส่งไปให้ตอนที่อยู่ต่างประเทศ และจับตาดูความเคลื่อนไหวของหญิงสาวเมื่อหลายปีก่อน มันทำให้เขารู้สึกหวงและห่วง แต่ก็พยายามสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป และเริ่มสร้างกำแพงให้กับตัวเอง แต่สุดท้ายกำแพงที่เขาพยายามสร้างขึ้นมันก็พังทลายโดยผีมือของเขาเองแค่เพียงเห็นชายอื่นถูกเนื้อต้องตัวหล่อน เขาก็ทนไม่ได้เสียแล้ว แล้วอย่างนี้จะให้เรียกว่าอะไรกับความรู้สึกนั้น หากไม่ใช่หึงหวงคนของตน...อาชารีบเดินเข้าโรงแรมพี่ชายอีกครั้ง หลังจากเดินซื้อหาของที่ต้องการ ชายหนุ่มใช้เวลาไปนานพอควรจึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเมื่อเห็นประตูลิฟต์เปิดออก โดยไม่เห็นว่ามีใครยืนรออยู่“อุ๊ย!/เฮ้ย!”เสียงที่ดังออกจากหลอดเสียงของสองคนที่ดังพร้อมกันอย่างตกใจและคาดไม่ถึงร่างบางกระเด็นเสียหลักเมื
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ