ร่างบางขยับถอยห่าง ก้าวเท้าออกช้า ๆ และอย่างเบาที่สุด เพื่อไม่ให้คนทั้งสามเสียสมาธิอีก“จะไปไหน!?” เสียงทุ้มหนักเอ่ยอะ อ้าว ดันเห็นอีก ... ร่างบางหยุดชะงัก หงุดหงิดตัวเองที่พาตัวออกจากห้องที่น่าอึดอัดไม่ได้สักทีคำถามนั้นทำให้คนถูกถามสะดุ้งสุดตัว“ก็ ... คือ ...”หล่อนยังหาคำตอบไม่เจอ หันมองคนถามสีหน้าขาวซีด ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นมันทำให้ความรู้สึกน้อยใจมันเดินเข้ามาเยี่ยมเยือนหล่อนจนได้“หากไม่มีคำตอบก็นั่งลงซะ แต่หากจะเข้าห้องน้ำ ในห้องนี้มีห้องน้ำส่วนตัว ... เชิญ”ชายหนุ่มผายมือเชิญไปอีกด้าน แล้วหล่อนก็เห็นประตูบานนั้นมนธิราเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิม แม้จะรู้สึกไม่พอใจสายตาที่จิกกัดของสาวสวยเซ็กซี่นั้นก็ตาม แต่ตอนนี้หล่อนแคร์สายตาดุ ๆ ของผู้ชายที่ลากหล่อนมาคนนั้นมากกว่าแต่ก็อยากให้เจ้านายเห็นสายตาเจ้าหล่อนเสียเหลือเกิน ... สายตาที่ส่งมายังหล่อน กับส่งไปให้เจ้านายหนุ่ม มันแตกต่างกันเหมือน ... เหมือน เสาไฟฟ้ากับหลักกิโลเหลือเกินมนธิราคิดแล้วเสมองไปทางอื่น เพื่อไม่อยากสบตาแม่สาวปนัดดาที่เขาเพิ่งแนะนำกัน แม้เขาจะไม่ตั้งใจบอกหล่อน แต่หล่อนก็ได้ยินแล้วมันจะมีเรื่องอะไรตามมาหรือเปล่า ...
เสียงแฟ้มกระทบเข้าหากัน และตามมาด้วยเสียงเก้าอี้ราคาแพงที่ดังขึ้น โดยฝีมือเจ้าของ ก่อนจะยืดตัวเต็มความสูง“หิวยัง?!” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“...”ตากลมโตมองหน้าชายหนุ่มนิ่ง ไม่คิดจะตอบคำถาม แม้จะรู้ว่าคำถามที่ถามมานั้นต้องถามหล่อนแน่นอน เพราะในห้องมีกันอยู่สองคนเท่านั้น“ผมถามว่าหิวหรือยัง ไม่ใช่ให้มามองหน้าผมแบบนั้น”เสียงเอ่ยดังตามอารมณ์ ก้มมองดูนาฬิกาบนข้อมือ บ่งบอกว่าเป็นเวลาเกือบบ่ายสามเข้าไปแล้วถึงว่า ... ทำไมมันจึงหิวแปลก ๆ ...ชายหนุ่มกระตุกยิ้มหัวเราะตัวเอง ตาหรี่มองผู้หญิงที่เขาลากมาให้นั่งเฝ้า คงรู้สึกหิวไม่แพ้กัน ...ชายหนุ่มเดา แสร้งทำหน้าบึ้งตึงกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง เพราะมันเลยเวลาอาหารเที่ยงมานาน ตั้งแต่ที่เข้าเพิ่งเข้ามา แต่ตอนนั้นเขายังไม่รู้สึกหิวเพราะมัวแต่สนใจข้อมูลที่มนัสผู้ช่วยส่งมาให้ จนลืมความรู้สึกของคนข้าง ๆ ไปด้วยหล่อนทำให้เขาของขึ้นโดยไม่รู้ตัวอีกแล้วหรือ ... เพราะเผลออึ้งกับคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขานั่งอยู่เป็นชั่วโมง ๆ ไม่เอ่ยอะไร พอถามเข้าหน่อยก็จะเอาคำตอบเดี๋ยวนั้น ไม่ปล่อยให้สมองคนอื่นเปิดทำงานก่อนหรือไง .... ร่างบางค่อนขอดในใจ“ค่ะ ... หากคุณธาดาหิ
เจ้าของชื่อหยุดชะงัก หันมองตามเสียงเรียก “เมย์ มาได้ยังไง” ชายหนุ่มยิ้มทัก ก่อนจะรวบช้อนเข้าหากัน แล้วยกแก้วน้ำที่เกือบเต็มแก้วกินรวดเดียวหมด“อ้าว! อิ่มแล้วหรือคะ ว่าจะมากินข้าวเที่ยงด้วยสักหน่อย”เสียงหวานเอ่ยต่อทั้งที่ยังไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับพูดบอกกับสิ่งที่เธอตั้งใจไว้ ตอนแรกว่าจะแวะกินที่บ้านของชายหนุ่ม แต่พอไปถึงได้รับรู้ว่าชายหนุ่มออกมาทำงานที่โรงแรม และจะพักอยู่ที่นี่ หล่อนก็จัดการถามรายละเอียดแล้วก็บึ่งรถตรงมาที่นี่ทันที แต่เวลาและระยะทางทำให้เธอเปลี่ยนใจ เลือกที่จะแวะทานอาหารก่อนแล้วค่อยขึ้นไปหาชายหนุ่มทีหลัง แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับชายหนุ่มเสียก่อน ทีแรกนึกว่าไม่ใช่ แต่พอเดินเข้ามาใกล้ก็แน่ใจว่าเป็นชายหนุ่มที่หล่อนตั้งใจมาหา“ยังไม่กินข้าวเที่ยงเหมือนกันหรือ”ชายหนุ่มถามอีกครั้งอย่างแปลกใจ เพราะปกติคนอย่างเมรีรักษาเวลาเรื่องอาหารการกินเสมอ“ยังจะมาถามอีก ก็เพราะคุณนั่นแหละ”สายตาคมค้อนชายหนุ่มอย่างจงใจ ใส่น้ำตาลในตานิด ๆ หยอดรอยยิ้มมุมปากหน่อย เหมือนคู่รักก็ไม่ปานสายตาที่ส่งมาทำให้ชายหนุ่มทำมึนไม่เล่นด้วย“ผมหรือ!”ชายหนุ่มชี้นิ้วที่หน้าอกตัวเองอย่างไม่เชื่อสักเท่า
“คุณปนัดดา! ...” แต่คนที่กำลังหลงป่าที่หล่อนว่า ตอนนี้เหมือนเจองูร้อยตัวที่จ้องจะฉกเธอต่างหากล่ะ“เออใช่ ฉันปนัดดา ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นก็ได้ ฉันก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเธอเหมือนกันนั่นแหละ หากไม่ติดที่คุณ ธาดาสั่งไว้”คำพูดตรงไปตรงมาของหล่อน ทำให้มนธิรายืนนิ่งเหมือนถูกตบ“สั่งไว้ ...”เสียงหวานเอ่ยเบา ๆ เหมือนกำลังทบทวนคำพูดของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า“คุณธาดาสั่งอะไรไว้หรือคะ”หล่อนไม่สนใจคำพูดก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่“ไม่ต้องถาม ตามฉันมาก็แล้วกัน”มนธิราสงบปากสงบคำเดินตามหลังร่างอวบอิ่มนั้นไปเงียบ ๆลิฟต์ชั้นแล้วชั้นเล่าที่เลื่อนขึ้นไปชั้นบน มันทำให้ใจของมนธิราเต้นแรง เหงื่อที่ผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ดตามใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไม่มีคำพูด ไม่มีคำถามของคนที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ให้หล่อนได้คลายความกังวลได้เลยผู้หญิงคนนี้ไม่คิดจะญาติดีกับหล่อนหรือไง หล่อนไปทำอะไรให้ ถึงได้แต่ชักสีหน้าใส่เหมือนโกรธกันมาสักสิบชาติ ...แล้วหล่อนจะพาเธอไปไหนกัน! ...ความกังวลที่มันพล่านอยู่ในหัวไม่ได้คลายความสงบลงได้ ความจำใจและจำยอม มันจึงอยู่ในใจ ให้เธอกดอยู่นิ่งๆประตูลิฟต์เปิดออก ร่างอวบอัดก้าวเดินออกไปพร้อม
ร่างบางที่อยู่ในสภาพพันรอบตัวด้วยผ้าขนหนูสีขาวสะอาด ผมยาวที่เปียกน้ำคาดด้วยผ้าขนหนูสีเดียวกัน เดินออกจากห้องน้ำสีหน้าอย่างสดชื่น“อุ๊ย!”เสียงอุทานอย่างตกใจ พอๆ กับสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่แพ้กันชายหนุ่มกอดอกยืนมองอยู่เหมือนเฉยชาไร้อารมณ์ มองร่างบางที่อยู่ในสภาพที่ว่าหากชายทั้งแท่งได้เห็นมีหวังวิ่งเข้าหาอย่างไม่มีอะไรรั้งไว้ได้แต่...ผิดกับชายหนุ่มอย่างธาดาโดยสิ้นเชิง ผู้หญิงตรงหน้ามันไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าทำงานชดใช้เพื่อขัดดอก...สาวสวยร่างอรชรในชุดเดรสสีน้ำเงินรัดรูปสั้นเลยเข่า แขนกุด เดินโซซัดโซเซด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ในชั้นหนึ่งของโรงแรมของชายหนุ่มที่เธอแอบรัก จนความรักมันกลายเป็นความแค้น เมื่อชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่สนใจในตัวหล่อนเลย จนบางครั้งรู้สึกถึงความห่างเหินของชายหนุ่มที่แสดงออกมาชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ“จะไปไหนคะ” มือเรียวคว้าตามมาพร้อม ๆ กับเสียงแหลมเล็ก ดึงแขนแกร่งไว้อย่างถือสิทธิ์เขาเพิ่งเดินกลับมานั่งด้วยสีหน้าเหมือนใครทำให้ไม่พอใจได้ไม่กี่วินาที หลังจากบอกหล่อนว่าจะไปห้องน้ำ ...“เมย์อยากให้ผมนั่งเป็นเพื่อนกินข้าวไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้เมย์กินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็ไปได้แล้วใช่ไหม?”
อาการที่กำลังพยุงตัวเองและผลักไสให้ออกจากอ้อมแขนของคนที่ไม่รู้จักของผู้หญิงในอ้อมแขน ทำให้ร่างนุ่มนิ่มที่เสียดสี ซึ่งอยู่ในชุดเดรสรัดรูปที่เขาเผลอสัมผัส มันทำให้หัวใจหนุ่มหล่ออย่างเขาเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“ปล่อยนะไอ้บ้า!”ร่างบางสะบัดตัวเองอย่างแรง แต่อนาธิปก็ยังไม่ปล่อย เพราะหากขืนปล่อยตอนนี้มีหวังแม่สาวสวยคนนี้ต้องไปนอนอยู่บนพื้นเป็นแน่“ผมปล่อยคุณแน่ แต่คุณอย่าดิ้นสิ ... ไม่อย่างนั้นคุณคนสวยได้ลงไปนอนบนพื้นหมดสวยเป็นแน่ครับ”ชายหนุ่มเอ่ยกึ่งหมั่นไส้ ค่อย ๆ ปล่อยเธอช้า ๆ เพื่อให้หล่อนปรับสภาพการทรงตัว“เสียดายนะครับ ผู้หญิงสวยๆ แต่ขี้เมา”ชายหนุ่มเอ่ยอีกครั้ง เมื่อเห็นร่างบางเดินออกห่างโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ แม้แต่คำขอบคุณสักคำ“ไอ้บ้า!”เธอหันมาตวาด ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธหรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป ไม่สนใจว่าเสียงที่ดังแปดหลอดของหล่อนจะมีใครที่นั่งอยู่แถวนั้นได้ยิน“เฮ้อ! อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องให้ผู้หญิงด่า”อนาธิปเกาหัวตัวเองแรง ๆ หลังจากที่ตกลงกับหุ้นส่วนกับลูกค้าเสร็จ กะว่าจะหาอะไรดื่มสักหน่อย เป็นอันว่าตอนนี้อิ่มจนดื่มอะไรไม่ลงสายตาเย็นชาที่มองมาทำให้ร่างบาง
ก่อนที่ร่างกายของหล่อนจะถูกกลืนกินไปด้วยสายตาคมระยับนั้น หล่อนกระชากผ้าห่มที่พับวางอยู่ปลายเตียง ปิดร่างกายของตัวเองไว้อย่างทุลักทุเล เพราะผ้าที่พับไว้อย่างเรียบร้อย มันทำให้หล่อนดึงง่ายซะที่ไหน ยิ่งตอนนี้เรี่ยวแรงมันก็หายไปจนไม่เหลือแล้วอาการตื่นกลัวมันเพิ่มทวีเมื่อใบหน้าหล่อเข้มเปลี่ยนจากมาดเจ้าป่าเงียบขรึมเป็นเสือล่าเหยื่อแววตากร้าว พร้อมจะกระชากเหยื่อที่เผลอตัวเข้ามา และแสดงความอ่อนแอให้เห็นเขากำลังเป็นบ้าอะไร ...อึก! ร่างบางเก็บก้อนสะอึกเอาไว้ รีบคลานถอยไปอีกฝั่งของเตียงอย่างร้อนรน“จะไปไหน!”“กรี๊ด!!”ร่างบางกรีดร้องอย่างสุดเสียง เมื่อเท้าข้างหนึ่งของหล่อนถูกดึงรั้งเอาไว้ ร่างบางถูกพลิกให้นอนหงายอย่างง่ายดายด้วยมือเดียวของเขา“จะกลัวอะไรนักหนา ... ทีกับฉัน เธอกลัวจนลนลาน ... เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอหรือ มนธิรา!”เอ่ยเสียงเยือกเย็น พร้อมกับลากร่างบางที่นอนนิ่ง เหมือนคนไร้ซึ่งหนทางเข้าใกล้ตัว“...”ขาเรียวสวยที่โผล่พ้นขอบเตียงถูกปล่อยให้ตกลงพื้นโดยฝีมือชายหนุ่ม ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงครึ่งตัว รับสัมผัสกับอากาศที่วนเวียนกระทบผิวที่โผล่ออกมาอย่างหมิ่นเหม่เต็มที ผิวขาวเนียนน่าสัมผ
เสียงทุ้มเอ่ยตอบออกไปตามความเป็นจริง สายตามองร่างบางอย่างไม่ละสายตาใช่ ...งานเรียบร้อยทุกอย่าง รวมถึงผู้หญิงในห้องด้วย หากไม่มีอะไรขัดจังหวะป่านนี้ก็คงเรียบร้อยไปอีกงาน ...‘วันนี้พบหนูเมย์หรือยัง ดูเขาเป็นห่วงลูกมากนะ อย่าใจร้ายกับน้องล่ะ’ หญิงสูงวัยเอ่ยเสียงจริงจังในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกชายไม่ได้จริงจังอะไรกับหญิงสาวคนนั้น ดูแววตาห่างเหิน ไร้ซึ่งความเอาใจใส่ในแบบคนรักของผู้เป็นลูกชาย แต่เพราะอาจจะเป็นความชอบส่วนตัวของนางจึงอยากให้ลูกชายชอบด้วย ไม่ใช่ในฐานะลูกสาวของหุ้นส่วน“ครับ เจอแล้วครับ”ชายหนุ่มสีหน้าขรึม เริ่มมีอาการเท้ายืนไม่ติดกับที่ใช่ หล่อนมาแล้ว แล้วเขาก็เป็นคนพูดให้หล่อนกลับไป แบบไม่สวยงามนัก ...‘หรือจ๊ะ ... น้องน่ารักเห็นไหม อุตส่าห์ขับรถไปหาใหญ่ ข้าวปลาก็ไม่ยอมทาน’ น้ำเสียงปลายสายฟังดูเอ็นดูคนที่นางกำลังพูดถึง“...”คนที่ฟังอยู่อึ้ง รู้สึกผิด หากแม่เขารู้ว่าเขาจัดการอะไรกับเมรี แม่คงโกรธควันออกหูแน่นอน แต่มันก็สายไปแล้ว‘ใหญ่! ฟังอยู่หรือเปล่าลูก’เสียงที่ดังจากปลายสายจนทำชายหนุ่มดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู แล้วเอาเข้าไปใหม่“ครับแม่”‘คงจะเหนื่อย
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ