ใช่ครับมันสาย พอคนขับรถผมมารับ คุณหมอเธอก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งทันที เธอไม่สนใจที่ผมยืนนิ่ง และคิดอะไรหลายอย่างตามหลังเธอ มันมีแบบนี้ด้วยเหรอ? กลัวพ่อรู้แทบตายพอเปิดเผยได้ ก็ไม่แคร์ใครทั้งนั้น? นั่น แถมยังกวักมือเรียกผมขึ้นรถอีก ตอนนี้ผมเขินและอายพ่อแม่เธอจริง ๆ จึงรีบหันไปยกมือไหว้ท่าน แล้วก้มหน้าขึ้นรถไป ระหว่างทางผมคิด คิดว่าผมต้องทำสัญญาแล้วล่ะ สองวันครั้งหรือวันละครั้งกำลังดี แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแบบนี้ ผมจะมีโอกาสต่อรองมั้ยวะ แม่ง จะโกหกว่าไข่ตาย ไข่ลาพักร้อนก็ไม่ได้ แต่โชคดี พอถึงคอนโดทุก ๆ อย่างไม่ได้เป็นเหมือนที่ผมคิด ถึงเราเป็นแฟนกันแล้วก็ไม่ได้สวีทหวานขนาดฟัดกันตั้งแต่ทางเข้า เพราะคุณหมอเธออาบน้ำเสร็จ เธอก็นั่งใส่เสื้อคลุมอ่านหนังสือที่โต๊ะทำงานผมเงียบ ๆ แถมตอนนี้ผมเปียก ๆ ยุ่ง ๆ ไม่ได้ห่วงสวยหรือยั่วยวนผมเลย ซึ่งผมเห็นแล้วแอบอมยิ้ม เพราะผมอยากเป็นคนปกติที่พักเรื่องบนเตียงไว้บ้าง จนผมอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ และค่อย ๆ ก้าวขาเข้าอาณาเขตสวาทของเธอ เวรจริง ๆ ตอนนี้คุณหมอเธอถอดเสื้อค
“แม่เข้าใจ แต่เรื่องแบบนี้เราจับมือใครดมไม่ได้ลูก อย่าเพิ่งเครียด เดี๋ยวแม่ไปสู่ขอหมอน้ำแข็งให้ก่อน ตอนนี้ก็ซุ่ม ๆ ดูไว้ ไม่ก็ส่งสายสักคนไปสืบ” “แม่ครับ ผมนั่งเก้าอี้ซีอีโอได้แค่เดือนเดียว ผมไม่รู้หรอกใครไว้ใจได้ พนักงานในนี้ก็คนเก่าคนแก่สมัยพ่อทั้งนั้น” แม่เริ่มเครียดไปกับผม ท่านมองหน้าผมแล้วถอนหายใจตาม จนเราสองคนเงียบไปสักพัก และมีคนเคาะประตูเปิดเข้ามา ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ “สวัสดีค่ะ” เคาะเปิดไม่ผ่านเลขาแบบนี้จะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่แฟนผม คุณหมอเธอเปิดประตูเข้ามาพร้อมถุงกระดาษสีน้ำตาลริบบิ้นสีชมพู แล้ววางมันลงบนโต๊ะข้าง ๆ แขนแม่ “คุณป้าทานขนมด้วยกันมั้ยคะ แม่หนูทำเองค่ะ” แม่ผมขมวดคิ้วก้มมองถุงกระดาษบนโต๊ะแล้วเงยหน้ามองคุณหมอน้ำแข็ง “เรียกแม่สิหนูน้ำแข็ง จะเป็นสะใภ้เวลฟายอยู่แล้ว” คุณหมอเขินก้มหน้าอมยิ้ม ก่อนจะยกมือไหว้แม่ผมอีก และพูดว่า... “ขอบคุณที่เอ็นดูค่ะคุณแม่” ผมที่เครียด ๆ อยู่ ๆ เผยยิ้มออกมา ดูแฟนผมสิ ต่อหน้าผู้ใหญ่โคตรอ่อนน้อมถ่อมตน ผิดกับคนที่อยู่บนเตียงลิบลับ พอ
ฉันมองแผ่นหลังคุณเต้ที่ยืนล้วงกระเป๋าหน้าห้องทำงาน และแอบชะเง้อมองตามเป็นระยะ เมื่อเห็นเขาเอ็ดพนักงานพวกนั้นเสียงดัง ในสายการบินเขาต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ คุณเต้เขาดูแปลก ๆ ดู เครียด ๆ แถมยังบันทึกเสียงเอาไว้อีก หลังจากคุยกับพนักงานพวกนั้นเสร็จ เขาก็ชวนฉันกลับ ระหว่างทางคุณเต้เงียบมาก และเมื่อถึงคอนโดอาบน้ำ ตีหนึ่งตีสองเขาก็แอบไปนั่งที่โซฟาฟังคลิปเสียงคนเดียว เฮ้อ... เขาเครียดมาก บ่อยครั้งที่ฉันได้แต่ยืนมองเขาห่าง ๆ เคยพยายามชวนเขาทำนู่นทำนี่แล้ว แต่เขาก็บ่ายเบี่ยงทุกทาง ออกไปนั่งคนเดียวบ้าง นั่งอ่านอะไรบ้าง เป็นแบบนี้ทุกคืนทุกวันจนผ่านไปเป็นอาทิตย์ และสุดท้ายเป็นฉันที่เครียด เครียดที่อาทิตย์นึงแฟนไม่แตะเนื้อต้องตัวเลย แถมเขายังลืมมารับฉันที่โรงพยาบาลหลายครั้ง ซึ่งฉันเข้าใจว่าเขาทำงาน ไม่อยากทะเลาะไม่อยากงอแง แต่มันอดน้อยใจไม่ได้ อย่างน้อย ๆ บอกกันหน่อยว่าติดขัดอะไร ไม่ใช่ปล่อยให้ฉันรอและทิ้งฉันไว้แบบนี้ ที่ฉันบ่น วันนี้คุณเต้ก็ลืมฉัน ตอนนี้ฉันนั่งรอเขาที่ร้านกาแฟข้าง ๆ โรงพยาบาล นั่งจนนัดแม่มาคุยเรื่อง
“หลบค่ะ” ฉันพูดเสียงต่ำ และกดตาลงไปที่ลูกบิดประตูอีกครั้ง จนเลขาเธอทำตาละห้อยและขยับตัวบัง ซึ่งมันทำให้ฉันอยากรู้อยากเห็นมาก ว่าข้างในนั้นมีอะไร เพราะมันผิดปกติ! นั่นมันห้องทำงานแฟนฉัน ฉันเคยเข้าได้ทุกวันไม่ต้องขอใคร แต่ทำไมวันนี้เข้าไม่ได้! และทำไมวันนี้เลขาต้องมีลับลมคมในกับฉัน! “อย่าเลยค่ะ อย่าเลยนะคะ ใกล้เสร็จแล้วค่ะ” คำว่าใกล้เสร็จของเลขา ทำความอดทนฉันขาดสะบั้น ฉันหันขวับมองไปที่ลูกบิดประตูอีกครั้ง และรีบดันเธอออกไปให้พ้นทางทันที ก่อนที่จะเปิดพรวดเข้าไป ใช่ ฉันเห็น และมันก็ใกล้จริงด้วย อีกนิดเดียวก็จูบกันแล้ว ตอนนี้ คุณเต้เขาใช้มือสองข้างค้ำที่วางแขน และโน้มลงไปใกล้ ๆ ผู้หญิงชุดแอร์คนนึง ก่อนที่เขาและเธอจะตกใจสะดุ้ง แล้วรีบผละออกจากกันทันทีเมื่อเห็นฉัน “คุณ! ผมทำงานอยู่ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ผมอธิบายคุณได้นะ” ฉันไม่ตอบ รู้สึกแสบร้อนตามคอ มันจุกมาก จุกจริง ๆ ตอนนี้ทุกอย่างมันกดฉันให้ยืนนิ่ง และมองหน้าเขา “อย่าร้องไห้คุณ มันไม่มีอะไรจริง ๆ อย่าร้อง” เขาเดินมาจับมือ ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้
“ฉันอยากจะฆ่าคุณให้ตาย “แล้วใครจะเป็นพ่อของลูกคุณ พ่อคุณตีแน่ ๆ ถ้าคุณท้องไม่มีพ่อ” คุณหมอกลอกตา ก่อนจะเอื้อมมือลงมาดันไหล่ผมออกไป จากนั้นเธอก็ไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานผม ดูเอกสารที่หลักฐานและดูหนังสือคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ผมวางไว้ ตายังบวมอยู่เลยน่าสงสาร แต่ผมเจ็บแก้มชะมัด เธอตบผมสุดแรงไม่ยั้งมือเลย แต่ไม่ว่าเมียหรอก ผมเจ็บเป็นค่าโง่ ที่ทำอะไรไม่ปรึกษาเมีย “คุณเต้ คุณจะทำยังไงต่อ? คนนี้คนสุดท้ายแล้วใช่ไหมที่คุณจะล่อซื้อ? แล้วเธอเล่นด้วยตามแผนมั้ย?” “เล่นด้วยสิ คนนี้เป็นแอร์ที่เคยล้มไฟลท์สิงคโปร์ และกำลังโดนสอบพอดี คนเข้าตาจนมีคดีติดตัวสองกระทงแบบนี้ อยากเอาตัวรอดอยู่แล้ว” คุณหมอยิ้มที่มุมปากเงยหน้าขึ้นมองผม แต่สายตานี่เฉียบคมจนผมขนลุก “คนนี้คนเดียวจบใช่มั้ย?” ถามเสียงเย็นยะเยือก เธอไม่หวงอะไรเลยนอกจากหวงผม แต่เอาเถอะ มาถึงขนาดนี้โดนตบขนาดนี้ผมต้องบอกเธอ ตรง ๆ ไม่งั้นผมมีปัญหาอีกแน่ “อาจจะมีอีกคน ก่อนคุณเข้าไป แอร์ชื่อนันรดาคนนั้น บอกว่ามีแอร์อีกคนขายตัวด้วย ซื้อ ๆ ขาย ๆ กันในกลุ่มแอร์ก
“ไซด์ไลน์บนเครื่อง คุณเต้อยู่เบื้องหลังใช่ไหมคะ? ให้ตายเถอะ! ทำไมเบื้องหลังมันคาวเหม็นเน่าขนาดนี้ และถ้ามี CEO แบบนี้ เจแปนไม่พักงานแล้วค่ะ ขอลาออกเลยดีกว่า!” พูดจบเธอก็เดินตรงไปที่ประตูห้อง แต่ผมไม่ยอม เดินไปขวางทางและชี้ไปที่เก้าอี้ทันที “ด่าผมเสร็จแล้วจะหนีเหรอ? กลับไปนั่ง” “ไม่ได้หนีค่ะ จะไปกรอกแบบฟอร์มขอลาออก!” ผมถอนหายใจแล้วมองหน้าเจแปนอีกครั้ง ที่ตอนนี้เธอโมโหผมจนลืมว่าผมเป็นซีอีโอไปแล้ว “ไปนั่ง ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” ผมพูดจบก็ผายมือไปที่เก้าอี้ และพยายามมองเธอปกติเหมือนมองพนักงานคนนึง แต่เจแปนยังระแวงผม เธอหันไปมองที่ลูกบิดประตูด้วยความลังเล จนผมย้ำอีกครั้ง “ไปนั่ง” ย้ำเสร็จ ผมก็เดินล้วงกระเป๋ากลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเอง ส่วนเจแปนยังยืนนิ่งและเงียบ จนผมเริ่มรำคาญ รู้สึกเสียเวลาทำมาหากิน จึงรีบพูดบางสิ่งกับเธอไป “เมื่อกี้แอร์คนนั้นเขายอมผมนะ เขาอยากกลับมาทำงานในสายการบิน” เจแปนหันขวับกลับมาทำหน้าตกใจใส่ผม แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร “ผมเสนอคำเดียว เธอคนนั้นก็ตกลงแล้ว ไม่เหมือนคุณเ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยคุณหญิง รูปที่คุณเอาให้ดูว่าสวยแล้ว ตัวจริงสวยกว่าอีก แถมเซอร์ไพร์สเจอทีเดียวสองคนทั้งหลานทั้งลูกสะใภ้ ออกจากสวนรอบนี้ผมคุ้มจริง ๆ” ใช่นี่คือพ่อคุณเต้ คุณแม่ไปรับท่านมาหาฉันโดยเฉพาะ พอแม่ฉันโทรบอกว่าฉันท้อง ทุกคนก็ดีใจมาก โดยเฉพาะฝั่งบ้านคุณเต้ ที่คุณแม่ตื่นเต้นจนเมื่อวานท่านขับรถไปรับคุณพ่อที่ต่างจังหวัดมาหาฉันทันที ส่วนแม่กับพ่อฉันตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง ท่านตึงใส่กัน เพราะพ่องอนแม่ที่ทำอะไรไม่ปรึกษา หาว่าแม่เปล่าประกาศให้โลกรู้ว่าลูกสาวท้องก่อนแต่ง ทำไงได้ แม่อยากให้ฉันตรวจครรภ์มาก ท่านเป็นห่วงหลาน และท่านไม่แคร์ว่าใครจะนินทาอะไรทั้งนั้น วันนี้ก็รีบมานั่งรอฉันออกเวรตั้งแต่บ่ายสามถึงหกโมงเย็น แถมยังชวนพ่อแม่คุณเต้มาด้วย ตอนนี้ในห้องตรวจมีแม่ และพ่อแม่คุณเต้ ส่วนกาแฟยังไม่ออกเวรและพ่องอนตามประสา เดี๋ยวฉันค่อยเอาฟิล์มอัลตร้าซาวน์ไปง้อท่าน เห็นหลานเดี๋ยวก็หายเอง ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว “ใครตรวจให้ ลุงนายรึเปล่าน้ำแข็ง?” แม่ถามและจับไหล่ ก่อนจะบีบให้กำลังใจฉันช้า ๆ ลุงนายที่ว่าคือพ่อพี่นาวาพี่นาวินและพี่น้ำปั่น ท่า
คุณเต้บ่นอุบอิบแล้วลุกขึ้นขับรถ เราสองคนไม่ได้ไปทานมื้อค่ำกับครอบครัวหรอก เรารีบตรงกลับคอนโดไปอาบน้ำนอน เพราะฉันเพลียมาก ไม่สามารถไปล่องเรือตากน้ำค้างกับใครได้ หลังจากอาบน้ำอ่านหนังสือสองสามหน้าฉันก็เผลอหลับไป รู้ตัวตื่นอีกทีก็สายแถมมีคนมาซุกไซ้ใต้ผ้าห่ม “คุณ... ทำอะไร?” ฉันถามคนตัวใหญ่ที่ขยับยุกยิก จนเขารีบเปิดผ้าห่มขึ้นและมองหน้าฉัน “อยู่ ๆ ผมก็มีอารมณ์ เลยลงมานอนคุยกับลูก เผื่อจะดีขึ้น” พิลึก! คำแก้ตัวเขาทำฉันถอนหายใจยาว ๆ ออกมา เพราะฉันรู้สึกรำคาญมาก ไม่ได้รู้สึกภิรมย์ชมชอบกับฝ่ามืออุ่น ๆ เขาเลย “มีอารมณ์ก็ไปช่วยตัวเองในห้องน้ำ” “ไม่เอา คุณน่ะ ช่วยหน่อย” “ฉันท้องอยู่ ทำไม่ได้” “แค่มือ นะคุณ” ฉันหลับตาลงสักพักข่มอารมณ์สวิง ๆ ของตัวเอง กลัวจะปรี๊ดแดกฟาดงวงฟาดงาใส่เขา ก่อนจะจำใจขยับลงไปช้า ๆ ถอดกางเกงขายาว และรวบแก่นกายแข็งตึงของเขาขึ้นมา ดูสิมันแข็งมาก แข็งเหมือนไม่ได้ปลดปล่อยมานาน และอดอยากปากแห้ง “ทำไมเมื่อก่อนมันไม่เป็นแบบนี้” “มันจะเป็นแ
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด
สรุปนะ ตั้งแต่มีเมียมาเนี่ย ผมได้เงินไปทำงานวันละห้าร้อย! แม่งพี่ยามที่เป่านกหวีดโบกรถที่บริษัท เขาน่าจะได้มากกว่าผมอีกมั้ง ยัยแว่นไม่ประนีประนอมและไม่สงสารผมเลย เอะอะหักเงิน แล้วไม่มีใครช่วยผมด้วยนะ พ่อไม่ช่วยแม่หัวเราะใส่หน้า ส่วนเจ๊ใบกับไอ้ไม้ผมไม่บอกให้เสียหมาหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ล้อผมยันลูกบวชแน่ ๆ “เมียให้เงินมาทำงานเท่าไหร่?” พอผมเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ยื่นมันคืนให้พนักงานฝ่ายซอฟต์แวร์ ก่อนจะถามคำถามเดิม ๆ ที่ผมถามพวกผู้ชายที่มีเมียทุกแผนก เพื่อจะทำเป็นสถิติเอาไปเสนอยัยแว่นเพิ่มวงเงิน “ยังไงเหรอครับ?” “ฉันถามว่าเมียให้เงินมาทำงานวันละเท่าไหร่? ตอบมาเถอะน่า อย่าให้ต้องถามหลายรอบ” “อ๋อ ผมได้วันละห้าร้อยครับ แต่บางวันก็พันนะครับ แล้วแต่อารมณ์เมีย” ผมนั่งนิ่ง เพราะคิดน้อยเนื้อต่ำใจขนาดหนัก แม่งขนาดพนักงานระดับล่างยังได้เงินมาทำงานเท่ากู แล้วหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของบริษัท ฝ่ายเอนจิเนียร์จะขนาดไหนวะ “เอ่อ คุณต้นกล้าถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าครับ?” “ไม่มี ไปเถอะ” พอพ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ