“มองอะไรอยู่เหรอครับครูสา” นายจอมพลเอ่ยปากถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ วันนี้เขาขับรถมารับเธอด้วยตัวเองเพื่อตรงไปที่โกดังเก็บไม้ของปางไม้ตีตรา
ที่ชายหนุ่มพาเธอไปที่ปางไม้นั่นก็เพราะว่า เธอค่อนข้างจะเป็น
ขวัญใจของชาวบ้านในพื้นที่ ด้วยความที่อัธยาศัยดีจึงทำให้ชาวบ้านชอบเธอได้ไม่ยาก และด้วยเหตุนี้เขาถึงได้พาเธอไปที่ปางไม้ตีตรานั่นเองหนึ่งเพราะต้องการให้หญิงสาวเห็นถึงความใหญ่โตและ
ความร่ำรวยของเขา เธอจะได้รับรักเขาเสียที ตามจีบมาเกือบปีตั้งแต่ หญิงสาวมาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะคืบหน้าเลยสองก็เพื่อจะใช้เธอเป็นเครื่องมือเป็นสะพานให้ชาวบ้านที่เคยต่อต้านปางไม้ของลุงเขาเข้ามาทำงานให้กับปางไม้ที่เขารับผิดชอบนั่นเอง ชายหนุ่มเชื่อว่าถ้าหญิงสาวได้มาเห็นการทำงานที่นี่ และไปบอกชาวบ้านที่ว่างงานหรือตกงาน ชาวบ้านจะต้องเลิกอคติและมาทำงานกับเขาแน่ ๆ ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้ตัดสินใจพาหญิงสาวมา
ส่วนไม้ที่ถูกทางการสงวนไว้ไม่ให้ตัดเขาก็ทำการจัดเก็บไว้อย่างดีแล้ว รับรองว่าเธอจะไม่พบเห็นอะไรที่น่าสงสัยหรือสิ่งผิดกฎหมายแน่นอน นอกจากนี้เขายังหวังว่าเมื่อเธอไปเห็นความใหญ่โตของปางไม้แล้ว บางทีเธออาจจะใจอ่อนยอมเขาในเรื่องอย่างว่าก็ได้
นายจอมพลแอบปรายตามองเรือนร่างที่แสนสมบูรณ์ของเธอก็ยิ่งพอใจ ต่อให้วันนี้เธอไม่ยอมเขา ไม่รับรักเขา แต่วันหน้าเธอต้องหนีเขาไม่พ้นแน่ ๆ หึ!
“อ้าว ทำไมเงียบไปล่ะครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ... ปะ... เปล่าค่ะ สงสัยสาตาฝาด” หญิงสาวหันมาตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะละสายตาจากสิ่งที่เธอให้ความสนใจ
เมื่อสักครู่สามินีเห็นผู้ชายที่วนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เธอเดินออกมาจากมุมถนน เหมือนกับว่าเขากำลังจับตาดูเธอตลอดเวลา ก่อนหน้านี้
หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของใครหรือเปล่า ตอนแรก หญิงสาวก็ไม่แน่ใจ แต่เท่าที่สังเกตและเห็นเมื่อสักครู่เธอก็มั่นใจแล้วว่าเธอกำลังถูกจับตามองจริง ๆแต่ว่าเธอถูกจับตามองจากใคร และเพราะอะไร หญิงสาวก็ทำได้เพียงคิดกับตัวเองในใจเท่านั้น ถ้าจะให้บอกนายจอมพลที่กำลังขับรถอยู่คงไม่ดีแน่
“นี่สากำลังจะได้ไปปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอนี้จริงเหรอคะเนี่ย” หญิงสาวเปลี่ยนสีหน้าท่าทางของเธอให้กลายเป็นสดใสและตื่นเต้นแทน จนนายจอมพลหัวเราะ
“จริงสิครับ ผมจะหลอกสาทำไม”
“ดีเลยค่ะ สาก็อยากรู้เหมือนกันว่าปางไม้ตีตราจะใหญ่แค่ไหน” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น
ไม่นานนายจอมพลก็พาสามินีมาถึงปางไม้ตีตรา ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถหญิงสาวชวนเขาพูดคุยไม่หยุด จนบางครั้งนายจอมพลยังรู้สึกว่าเธอคงจะตื่นเต้นมากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทางแบบนี้
“ว้าว แค่ป้ายทางเข้าก็ใหญ่มากเลยค่ะ อยากเห็นข้างในแล้วสิ” หญิงสาวพูด นายจอมพลไม่พูดอะไรนอกจากขับรถผ่านป้ายชื่อ
ปางไม้ตีตราเข้ามาเงียบ ๆ เมื่อรถมาจอดหน้าสำนักงานที่ตั้งอยู่ส่วนหนึ่งของปางไม้ หญิงสาวก็ลงจากรถก่อนจะมองด้วยความสงสัย“นี่เป็นสำนักงานครับ ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนนอกของปางไม้ เพราะถ้าตั้งด้านในคงทำงานไม่ได้เนื่องจากมันเสียงดังมาก”
“ค่ะ” เมื่อเห็นนายจอมพลอธิบายให้เธอเข้าใจ หญิงสาวก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองบริเวณโดยรอบด้วยความสนใจ
“ไปครับผมจะพาไปดูด้านในว่ามันมีอะไรบ้าง” นายจอมพลเอ่ยชวนก่อนจะขึ้นรถจิ๊บที่จะใช้เดินทางภายในปางไม้ตีตรา เฉพาะบริเวณโกดังเก็บสินค้าเท่านั้น หญิงสาวจึงได้ขึ้นรถตามไปอย่างว่าง่าย
“ไม้กองไว้เยอะมากเลยค่ะ โกดังเก็บไม้ก็กว้างมาก แสดงว่าสัมปทานที่เถ้าแก่ฮวงคุณลุงของคุณจอมพลถือครองต้องเป็นสัมปทาน
ป่าไม้ที่ใหญ่และกว้างมากเลยใช่ไหมคะ” สามินีเอ่ยถาม“ครับ คุณลุงของผมถือครองสัมปทานที่ใหญ่มาก เสียดายที่ผมไม่สามารถพาครูสาเข้าไปดูได้ ไม่งั้นครูสาต้องอึ้งมากกว่านี้แน่นอนครับ” นายจอมพลบอก หลังจากเห็นสายตาวาววับของสามินีแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่พาหญิงสาวมาที่นี่
ตอนนี้เขากำลังขาดแคลนคนงานอย่างหนักเนื่องจากต้องรีบตัดไม้บางส่วนที่อยู่ในป่าให้แล้วเสร็จให้ทันกำหนด เขาถึงได้ส่งคนเข้าไปตัดไม้ในป่ามากขึ้น นั่นจึงทำให้เขาไม่มีคนงานที่เพียงพอที่จะทำงานในปางไม้แห่งนี้นั่นเอง แต่ความกังวลของเขาจะหมดไปถ้าหญิงสาวตรงหน้าช่วยพูดกับชาวบ้าน เขาคิดว่าคงมีคนงานมาทำงานกับเขามากมายแน่นอน
ยิ่งรถจิ๊บเคลื่อนตัวเข้ามาภายในพื้นที่ปางไม้ด้านในมากเท่าไหร่ สามินีก็ยิ่งเห็นถึงความกว้างขวางใหญ่โตของปางไม้ที่นี่มากเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่แสดงถึงความตื่นเต้นนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่การแสดงออกภายนอกของเธอก็ทำให้นายจอมพลพอใจมากแล้ว ทั้งคิดว่าถ้าเขาคิดจะให้หญิงสาวมาอยู่ฝั่งเดียวกับเขาคงไม่ใช่เรื่องยากนัก
“เป็นไงบ้างครับ”
“ไม้ที่ถูกตัดออกมาเยอะเลยนะคะ แต่คนงานกลับน้อยมาก ขอโทษนะคะคุณจอมพลถ้าตัดไม้ออกมามากขนาดนี้คุณจอมพลได้ปลูกต้นไม้ทดแทนไหมคะ”
“ใช่ครับ ไม้ถูกตัดออกมาเยอะมาก เพราะแบบนี้ผมถึงอยากให้ชาวบ้านที่ว่างงานมาทำงานที่นี่ แต่ไม่ว่าผมจะบอกยังไงก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนมาทำ มีก็มีน้อยเพราะเขากลัวงานหนักและเรื่องค่าใช้จ่าย”
นายจอมพลพูดออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม สามินีคิดตามคำพูดของเขาแล้วถอนหายใจ“เดี๋ยวสาลองพูดกับพวกลุง ๆ ดูนะคะเผื่อพวกท่านจะสนใจแล้วมาทำงานที่นี่ แต่สาไม่รับประกันนะคะว่าจะสำเร็จ”
“จริงเหรอครับ ถ้าเป็นสาพูดพวกลุงชาวบ้านต้องมาแน่ ๆ ยังไงผมก็ขอบคุณครูสาล่วงหน้าเลยนะครับ ส่วนเรื่องที่คุณสาถามแน่นอนว่ายอมปลูกอยู่แล้วครับ ในเมื่อตัดออกไปก็ต้องปลูกทดแทน”
“ดีแล้วค่ะสมดุลทางธรรมชาติจะได้ไม่หายไป ส่วนเรื่องที่สาจะช่วยพูดกับลุง ๆ น้า ๆ นั้น ไม่เป็นไรค่ะไม่ต้องขอบคุณสา มีอะไรที่สาพอช่วยได้สาก็จะช่วย” หญิงสาวพูดตอบรับยิ้ม ๆ
ภาพคนสองคนมองตากันทำให้ใครอีกคนที่เฝ้าจับตามองดูอยู่นั้นรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเจ้าตัวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไม่พอใจอะไร
“นายครับ” ในขณะที่นายจอมพลและสามินีมองสบตากันอยู่นั้นลูกน้องของชายหนุ่มก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นจนเขาต้องมองด้วยความไม่พอใจ
“มีอะไร”
“เอ่อ... คือ” ลูกน้องคนนั้นไม่พูดใช้สายตามองมาที่หญิงสาวเพียงคนเดียวที่อยู่บริเวณนั้นแทน
“เอ่อ... ครูสาครับเดี๋ยวผมขอไปคุยงานสักครู่นะครับแล้วจะรีบกลับมา คุณสารออยู่ที่นี่นะครับ”
“ได้ค่ะ แต่สาอยากเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำอยู่ตรงไหนคะ” หญิงสาวตอบรับและถามกลับไปในทีเดียว
นายจอมพลจึงให้ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงที่คอยทำบัญชีค่าแรงคนงานของปางไม้ส่วนนอกพาเธอไปยังห้องน้ำ
เมื่อสามินีมาถึงห้องน้ำแล้วหญิงสาวก็ทำทีว่าเข้าไปในห้องน้ำ ทว่าพอพ้นสายตาคนงานหญิงคนนั้นหญิงสาวก็พาตัวเองหลบออกมาแล้วเริ่มสำรวจพื้นที่ของปางไม้ทันที รวมถึงไปสำรวจในพื้นที่ที่เธอสนใจอีกด้วย
ตั้งแต่เข้ามาในปางไม้ตีตรา เธอมองไปยังโกดังเก็บไม้ที่ถูกปิดเงียบแต่กลับมีคนยืนเฝ้าเวรยามอยู่หนาแน่น ทำให้สามินีอดสนใจและสงสัยไม่ได้ พอเอ่ยปากถามนายจอมพล ก็ได้รับคำตอบแค่ว่าเป็นสินค้าที่จะส่งให้ลูกค้าเร็ว ๆ นี้ คำตอบที่ได้รับกลับไม่ทำให้เธอพอใจจนเธอต้องลอบมาสำรวจแบบนี้นั่นเอง
“เอ็งว่าคุณจอมพลจะหลอกครูสาสำเร็จไหมวะ เรื่องที่ให้ครูสาหาคนงานใหม่มาให้”
“กูว่าได้นะเว้ย และที่สำคัญกูว่าคุณจอมพลจะได้ตัวครูสามาเคี้ยวเล่นด้วย”
“คิดแบบนั้นเหรอวะ”
“เออดิ ว่าแต่เราจะต้องยืนเฝ้าฝั่งนี้อีกนานแค่ไหนวะ กูอยากเข้าห้องน้ำแล้ว”
“งั้นมึงไปเลย กูเฝ้าคนเดียวได้”
“แน่ใจนะเว้ย”
“เออ ไปเถอะ” สามินีหยุดฟังสิ่งที่คนงานชายสองคนพูดคุยกันด้วยท่าทางระแวดระวัง ยิ่งได้ยินถึงสิ่งที่คนงานพูดถึงคิ้วสวยก็ขมวดมุ่นด้วยความกังวล เมื่อเห็นคนงานชายอีกคนเดินมาทางนี้ หญิงสาวก็หลบไปอีกด้าน เมื่อคนงานชายคนนั้นผ่านไปแล้วหญิงสาวก็ตั้งใจว่าจะกลับไปที่ห้องน้ำเหมือนเดิมถ้าไม่ได้ยินคำพูดต่อมา
“เฮ้ย! ไอ้ทีไปไหน”
“มันไปเข้าห้องน้ำมีอะไร”
“เออ! งั้นไม่เป็นไร รีบไปหานายก่อนเถอะ จะได้ไปคุยเรื่องไม้พะยูง”
สามินีพยายามทำให้ตัวเองนิ่งและเงียบที่สุดจนมั่นใจว่าเสียงพูดคุยหายไปแล้ว เธอถึงตัดสินใจเดินออกมาจากที่ซ่อน สายตาของหญิงสาวมองตรงไปที่ประตูเข้าโกดังนี้อย่างละล้าละลัง ใจหนึ่งอยากไปจากที่นี่
อีกใจกลับอยากดูสิ่งที่อยู่ภายในนั้น สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็มีมากกว่า หญิงสาวตัดสินใจเดินไปเปิดประตูช้า ๆจะเรียกว่าโชคดีหรือคนงานสะเพร่าก็ไม่รู้ได้ เพราะประตูที่สมควร
ล็อกกลับไม่ได้ล็อก หญิงสาวสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อพาตัวเองเข้ามาด้านในได้แล้วหญิงสาวก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า“นี่มัน!”
หลังจากที่ตั้งสติได้ มือบางยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพตรงหน้าไว้อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเธอถ่ายทุกซอกทุกมุมเลยก็ว่าได้
แก๊ก!
“มึงไปดูของตรงนั้นสิ ยกตัวอย่างไปด้วย เราต้องเอาไปให้นายดู นายรออยู่”
“เออ ๆ มึงรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวกูมา”
เสียงคนงานสองคนที่เพิ่งจะไปก่อนหน้านี้ดังอีกครั้ง สามินีตัดสินใจหลบตั้งแต่ได้ยินเสียงประตูเปิดแล้ว ไม่ถึงห้านาทีสองคนนั้นก็เดินออกไป หญิงสาวตัดสินใจเดินไปตรงจุดที่มีลังไม้อยู่ เดิมทีที่เธอถ่ายเธอไม่ได้เปิดดูและไม่คิดจะทำ แต่เมื่อได้ยินว่าตัวอย่างก็อดสงสัยไม่ได้
สามินีเปิดลังไม้ด้วยความระมัดระวัง สิ่งที่เห็นคือผงสีขาวไม่ต้องให้ใครบอกเธอก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่ามันต้องเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายแน่ ๆ หญิงสาวรีบถ่ายรูปและปิดลังด้วยความเร็วก่อนจะออกมา จากนั้นก็กลับไปที่ห้องน้ำ ทำทีว่าเพิ่งเสร็จธุระ เมื่อออกมาก็เห็นคนงานหญิงที่พาเธอมายืนรออยู่ หญิงสาวยิ้มให้ก่อนที่ทั้งเธอและคนงานหญิงคนนั้นจะกลับมาที่จุดเดิม
“รอตรงนี้นะคะ ฉันขอตัวไปทำงานก่อน ไม่นานหรอกค่ะเดี๋ยวนายก็กลับมา”
“ค่ะ”
สามินีตอบรับด้วยรอยยิ้ม คล้อยหลังของคนงานหญิง สามินีก็พาตัวเองเดินไปยังทิศทางที่จอมพลหายไป เธอค่อย ๆ เดินหลบหลีกสายตาจากคนงาน
“อืม ทำได้ดี” ในขณะที่หญิงสาวกำลังเดินหานายจอมพลอย่างสะเปะสะปะอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงของนายจอมพลเข้า หญิงสาวจึงเอาหูแนบประตูฟังอย่างตั้งใจ
“ของล็อตนี้เราต้องส่งลูกค้าให้ได้ เส้นทางใช้ทางเดิมเพราะเส้นนั้นไม่มีตำรวจหรือทหารมาคอยตรวจสอบอยู่แล้วเข้าใจไหม”
“ครับนาย”
“แล้วเรื่องคนงานตัดไม้ล่ะครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกฉันคิดว่าครูสาน่าจะหาคนมาช่วยงานเราได้”
“นายไว้ใจเธอมากไปหรือเปล่าครับ”
“หึหึ ผู้หญิงแบบครูสาเธอไม่ทันฉันหรอกหัวอ่อนขนาดนั้น เอาเป็นว่าอย่าทำอะไรให้เธอสงสัยก็พอ ส่วนงานอื่น ๆ ฉันจะมาพูดคุยด้วยอีกที วันนี้พอแค่นี้ฉันทิ้งเธอไว้นานแล้ว ต้องกลับไปหา”
เมื่อได้ยินคำพูดคนด้านในว่าจะกลับไปหาเธอ สามินีก็รีบพาตัวเองกลับมาด้วยความรวดเร็ว ใจของหญิงสาวเต้นตึกตัวด้วยความตระหนกและกลัว สิ่งที่เธอเห็น และได้ยิน ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เธอควรเห็นเลยทั้งนั้น
แม้ว่าตอนนี้เธอจะปลอดภัยเพราะคนพวกนี้ยังไม่รู้ว่าเธอไปล่วงรู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้เข้าก็ตาม แต่ถ้าหากพวกเขารู้ล่ะจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด
“ครูสาเป็นอะไรหรือเปล่าครับหน้าซีด ๆ”
“อะ เอ่อ สารู้สึกเหมือนไม่สบายน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ไปครับกลับกันเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง”
นายจอมพลบอกหญิงสาวพยักหน้ารับรัวเร็ว ไม่นานเขาก็มาส่งเธอถึงบ้านพัก หญิงสาวหันไปขอบคุณเขาก่อนที่ตัวเธอจะหันหลังและเดินเข้าบ้านไปด้วยความเร่งรีบ ปล่อยให้ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังบางด้วยความไม่เข้าใจปนสงสัย
“ทำยังไงดี จะทำยังไงดี”“โอ๊ย ไม่น่าเลยยายสา แกไม่น่าอยากรู้อยากเห็นเลย แล้วทีนี้จะทำยังไง”สามินีพูดออกมาด้วยความกังวล ตั้งแต่กลับมาจากปางไม้เถ้าแก่ฮวงหญิงสาวก็นอนไม่หลับ เธอรู้สึกกลัวและระแวงไปหมดว่าจะมีใครมาทำร้ายเธอหรือเปล่า“ฮือ... แล้วทีนี้จะทำยังไง” หญิงสาวโอดครวญ นั่งซบหน้ากับมือตัวเอง คิ้วสวยขมวดเข้าหากันแน่นเพราะกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะนึกถึงคนที่เธอคิดว่าจะให้ความช่วยเหลือและทำให้เธอลดความกังวลและความหวาดกลัวได้บ้างตืด... ตืด...สามินีโทรไปหาคนที่คิดว่าจะช่วยเธอได้ เธอเฝ้ารออย่างมีความหวัง ใจก็ภาวนาขอให้เขารับสายเธอด้วย แล้วคำขอของเธอก็เป็นจริง“สวัสดีครับน้องสามีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่าครับ”“พี่คมช่วยสาด้วยค่ะ” ใช่แล้วคนที่เธอโทรหาคือคมสัน ญาติผู้พี่ของเธอ ซึ่งเป็นคนแนะนำให้เธอมาสอบบรรจุครูที่นี่ เนื่องจากเธอเคยบอกเขาว่าอยากไปใช้ชีวิตห่างไกลผู้คนหน่อย เพราะต้องการความเรียบง่ายอีกอย่างที่เธอตัดสินใจโทรหาเขาเพราะนอกจากจะเป็นญาติของเธอแล้ว เขายังเป็นถึงหัวหน้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีกด้วย เรื่องนี้คนแรกที่เธอควรบอกถึงสิ่งที่รู้มาก็ควรจะเป็นเขา!“มีอะไรครับ”“คือเรื่อง
“สานี่ผู้กองปราบ ผู้กองครับนี่สาน้องสาวผมที่ผมเล่าให้ฟัง”“นี่คุณ!” สามินีเงยหน้าฉีกยิ้มหวังจะทักทายให้คนที่จะมาอยู่กับเธอในฐานะพี่ชายด้วยรอยยิ้ม ทว่าเมื่อเห็นหน้าของคนตรงหน้าแล้ว หญิงสาวก็ต้องตกใจจนร้องออกมา เพราะเขาคือคนเดียวกับที่เฝ้ามองและตามเธออยู่บ่อย ๆ“ไง”“รู้จักกันด้วยเหรอครับ” คมสันถามด้วยความสงสัย“เปล่าหรอกค่ะพี่คม สาแค่คุ้นหน้าของผู้กองเฉย ๆ ค่ะ ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว” สามินีเอ่ยตอบ“เอาละต่อไปนี้ผู้กองจะมาอยู่กับสาในฐานะพี่ชายที่มาที่นี่เพราะต้องการมาดูความเป็นอยู่ของน้องสาวอย่างสานะครับ”“ค่ะ”“เอาละยังไงก็ทำความรู้จักกันเองนะครับ พี่กลับก่อน อ้อ อย่าให้ใครจับได้ล่ะว่าไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ สาอย่าดื้อกับผู้กองนะ ผู้กองครับผมกลับก่อนนะครับ ฝากด้วยนะ”“ครับ” ผู้กองปราบรับคำง่าย ๆ แล้วมองเจ้าหน้าที่คมสันเดินจากไป ก่อนจะหันหน้ามามองสบตากับคนที่กอดอกยืนมองเขาอยู่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วหนึ่งข้างเป็นการถามว่ามีอะไร“ตามมาค่ะ เข้าไปในบ้านกันก่อนแล้วค่อยพูด” สามินีตอบก่อนจะเดินนำเข้าบ้านพักครูไป โชคดีที่บ้านพักครูมีสองห้องนอนไม่อย่างนั้นทั้งเธอและเขาคงต้องอึดอัดกันแน่ ๆเมื่อเข้า
“นี่คือคนที่จะไปทำงานกับผมเหรอครับครูสา”“ใช่ค่ะ มีพวกลุง ๆ น้า ๆ ที่ว่างงานและสนใจแค่สิบคน ส่วนคนอื่น ๆ ถ้าไม่สนใจก็มีงานกันแล้ว สาขอโทษนะคะที่หามาได้แค่นี้ คงช่วยอะไรคุณจอมพลได้ไม่มาก” สามินีบอกอย่างรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยครับ เท่านี้ก็ช่วยผมได้มาก ๆ แล้ว ผมต้องขอบคุณครูสามากเลยนะครับที่ช่วยหาคนให้”“ไม่เป็นไรค่ะ สายินดี” สามินีตอบแล้วยิ้มให้ชายหนุ่ม ส่วนนายจอมพลก็ยิ้มให้หญิงสาวด้วยสายตาลึกซึ้ง“อะแฮ่ม!” ผู้กองปราบที่รู้สึกขัดใจจนทนที่จะเห็นคนทั้งคู่มองกันไม่ไหวจึงกระแอมออกมา เรียกสติให้นายจอมพลหันมาสนใจ“เอ่อ นี่คือ”“อุ้ย! สาลืมแนะนำไปเลยค่ะ นี่พี่ชายสา พี่ปราบมาจากกรุงเทพ เพราะสาตัดสินใจมาเป็นครูที่นี่โดยไม่ฟังคำห้ามของครอบครัว พอพี่ปราบกลับมาจากต่างประเทศก็ตัดสินใจมาหาสาที่นี่เลยค่ะ มาเพื่อดูความเป็นอยู่ของสาโดยเฉพาะ เพิ่งมาถึงเมื่อวานตอนเช้านี้เองค่ะ พี่ปราบคะนี่คุณจอมพลค่ะ”“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณปราบ”“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”ชายหนุ่มสองคนยื่นมือจับกัน สายตาก็มองกันด้วยความเคลือบแคลง“เอาเป็นว่าผมกลับก่อนนะครับครูสา เดี๋ยวครั้งหน้าผมพาไปเที่ยว”“เอ่อ... ค่ะ” สามินีหันมา
“พี่ปราบจะมาห้ามสาโดยที่ไม่มีเหตุผลมารองรับแบบนี้ไม่ได้นะคะ” สามินีเอ่ยขึ้นด้วยความขัดใจที่คนตรงหน้าพยายามห้ามเธอแบบไม่มีเหตุผลหญิงสาวมองหน้าผู้กองหนุ่มที่เธอเรียกเขาว่าพี่ปราบอย่างคล่องปากด้วยสายตาขุ่นเคือง ซึ่งผู้กองหนุ่มก็ใช้สายตาไม่พอใจมองหญิงสาวด้วยเช่นกันนี่ก็ร่วมเดือนแล้วที่เขาอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันกับหญิงสาว ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดูจะสนิทกันมากขึ้น อย่างน้อยหญิงสาวก็เลิกระแวงว่าเขาจะทำอะไรเธอลงไปได้บ้างเรื่องมันเริ่มจากวันแรก ๆ ที่เขาเข้ามาอยู่ภายในบ้านของเธอ แล้วมีคืนหนึ่งที่ชายหนุ่มหิวน้ำจึงได้ลุกขึ้นมาหาน้ำดื่ม ด้วยนิสัยเคยชินกับการไม่ใส่เสื้อนอน ชายหนุ่มจึงลงมาหยิบน้ำดื่มในตู้เย็นชั้นล่างด้วยสภาพแบบนั้นทว่าคืนนั้นหญิงสาวก็หิวน้ำเข้าพอดี สามินีเดินลงมาตามปกติ โดยใส่เพียงเสื้อกล้ามลงมา เพราะคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียว!เมื่อคนทั้งสองเจอกันด้วยสภาพไม่เรียบร้อยบวกกับอารมณ์ตกใจ สามินีจึงกรีดร้อง ผู้กองหนุ่มจึงรีบพุ่งตัวไปเพื่อจะปิดปากเธอไม่ให้ใครได้ยิน ทว่าเขาก้าวพลาดสะดุดขาโต๊ะทำให้ตัวของเขาล้มทับตัวของหญิงสาวเข้าพอดีปากของทั้งสองแตะกัน เหมือนกับฉากในละคร!นั่นยิ่งจะทำให
“ว่าไงนะ! ขบวนรถส่งสินค้าของเราถูกโจมตีโดยตำรวจ!”“ครับนาย”“มันจะเป็นไปได้ยังไง แล้วหลานชายฉันล่ะ”“ปลอดภัยครับ ตอนนี้กำลังมา” ลูกน้องของเถ้าแก่ฮวงพูดอธิบายถึงสถานการณ์ตอนนี้ให้ฟังเมื่อคืนหลังจากที่นายจอมพลหลานชายของเถ้าแก่ฮวงได้นำลูกน้องของตนขับรถส่งสินค้าที่มีของผิดกฎหมายบรรจุอยู่เต็มคันรถไปตามเส้นทางเดิมที่ใช้เป็นประจำในระหว่างที่กำลังจะถึงทางเลี้ยวไปเส้นทางใหม่ที่จะตรงไปยังจุดนัดพบนั้นกลับถูกกลุ่มทหารที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเข้าโจมตี โชคยังดีที่เขาหนีเอาตัวรอดมาได้ ทว่ารถส่งสินค้ากลับต้องถูกยึดไปอย่างน่าเสียดายเถ้าแก่ฮวงนั่งรอหลานชายกลับมาด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งหงุดหงิดที่สินค้าถูกตรวจพบและชิงไปโดยพวกตำรวจ ทั้งห่วงหลานชายที่เขารักเหมือนลูก ในขณะเดียวกันก็กังวลถึงความปลอดภัยของตัวเองและธุรกิจของตน3 ชั่วโมงผ่านไปที่เถ้าแก่ฮวงรอด้วยความไม่สบายใจนั้น นายจอมพลก็ได้เดินทางมาถึงบ้านเสียที ใบหน้าอิดโรยของชายหนุ่มที่เถ้าแก่ฮวงเห็นนั้น ทำเอาอกของเถ้าแก่ฮวงร้อนรุ่ม“ตาพลหลานเจ็บตรงไหนบ้าง”“ถูกยิงที่ไหล่ขวาครับลุง ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว” นายจอมพลตอบด้วยความเหนื่อยล้า เดิมทีเขาอยากนอนพักเพื
“ขอบใจแกมากนะที่มาช่วย”“เออไม่เป็นไรหรอกน่า ตอนฉันเป็นหัวหน้าในการปราบปรามแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติแกยังมาช่วยและร่วมมือกับฉันเลย เรื่องเท่านี้เล็กน้อยมาก”เสียงของชายหนุ่มสองคนพูดคุยกันจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากผู้กองปราบและผู้กองเพลิงใช่แล้ว คนที่นำกำลังตำรวจเฝ้าระวังและลอบโจมตีรถขนส่งสินค้าผิดกฎหมายของนายจอมพลคือผู้กองเพลิงเพื่อนรักต่างสังกัดคนนี้นั่นเองก่อนหน้านี้ผู้กองปราบได้โทรติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้กองเพลิงให้ออกหน้าจัดการเรื่องนี้ให้ เนื่องจากไม่อยากให้คนร้ายรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วมีเขาและเจ้าหน้าที่ป่าไม้อย่างหัวหน้าคมสันอยู่เบื้องหลังและกำลังสืบหาความผิดอยู่ที่นี่ส่วนเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชาของปราบดาก็เห็นดีด้วย ท่านผู้นั้นคือพลตำรวจตรีพีระ เดชอนันต์ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ หรือพ่อของผู้กองเพลิงนั่นเองคล้ายกับว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเรื่องบังเอิญหรือโลกกลมพรหมลิขิตที่ไม่อยากจะเชื่อ ทว่าเรื่องนี้ดันเป็นความจริง ผู้กองปราบดาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อผู้กองเพลิง ส่วนผู้กองเพลิงก็เป็นเพื่อนกับผู้กองปราบเพราะเคยไปฝึกที่เดียวกันสมัยฝึกพิเศษทางตำรวจและทหารก่อนเข้ามารับตำแหน่
ฟุบ!เสียงชายหนุ่มวางร่างบอบบางของหญิงสาวลงบนเตียงนอนหนานุ่มด้วยความแผ่วเบา มือหนาประคองใบหน้าของเธอออกจากอกของเขาช้า ๆ ก่อนจะวางศีรษะเธอลงบนหมอน จากนั้นจึงได้ยกมือเกลี่ยเส้นผมที่หลุดมาปรกใบหน้าสวยของเธอออกไปทัดหูให้อย่างหวังดี“รู้ตัวไหมครับว่าคุณสวยมาก”“...” นายจอมพลพูดพร้อม ๆ กับเลื่อนสายตาลงมองเรือนร่างบางที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ครบชุดด้วยความพึงพอใจ หลังจากนี้เพียงแค่เขาถอดเสื้อผ้าของเธอและเขาออก กิจกรรมรักที่เขาเคยฝันถึงและแอบเก็บมาช่วยตัวเองจะได้เป็นความจริงเสียที!“ยิ่งตอนนี้คุณยิ่งน่าหลงใหลไปทั้งตัวเลย”“อื้อ!” สามินีสะบัดหน้าหนีเพราะความรำคาญที่ถูกมือหนาไล้กรอบหน้าเธอไปมา จอมพลยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วยกนิ้วแตะริมฝีปากเรียวบางของเธอแทน“ยิ่งปากกระจับสีชมพูของคุณนี่ยิ่งน่ากินเข้าไปใหญ่! อ่าส์... ผมชักจะทนไม่ไหวแล้วสิ” นายจอมพลพูดพร้อมกับไล้ปลายนิ้วไปกับริมฝีปากของเธอราวกับกำลังจะหยอกล้อก็ไม่ปาน“อื้อ! อย่ากวน!” เสียงหวานของหญิงสาวที่พูดขึ้นอย่างรำคาญกลับทำให้ชายหนุ่มหัวเราะ“น่ารักน่าเอ็นดูจริง ๆ เป็นของผมเถอะนะครับครูสา ผมสัญญาจะดูแลคุณอย่างดี”ฟอด!นายจอมพลพูดจบก้มลงไปหอมแก้มเนียน
“ฮึก อึก ฮือ” ร่วมชั่วโมงได้แล้วตั้งแต่มาถึงบ้านพักครูที่สามินีนั่งร้องไห้ โดยมีผู้กองปราบนั่งกอดอกมองนิ่ง ๆชายหนุ่มใช้สายตามองไปที่กระดาษโน้ตที่หญิงสาวทิ้งเอาไว้ ก่อนจะหยิบมันมาวางตรงหน้าเธอ แล้วใช้สายตาคมดุของตัวเองมองสบกับดวงตาฉ่ำน้ำของหญิงสาวสามินีมองกระดาษโน้ตที่วางอยู่ตรงหน้าเธอแล้วเลื่อนสายตาไปมองผู้กองหนุ่มอีกครั้งเธอก็ยิ่งรู้สึกผิดจนร้องไห้ออกมา ตอนนี้เธออยากให้เขาพูดอะไรออกมาบ้าง ต่อว่าเธอก็ยังดี ไม่ใช่นั่งเงียบแบบนี้ หญิงสาวไม่ชอบเลย ไม่ชอบเลยจริง ๆ“พี่ ฮึก! พี่ปราบ” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปนสะอื้น แล้วช้อนสายตามองหน้าเขาใบหน้าสวยหวานของเธอที่มีคราบน้ำตาอาบแก้มเป็นทางอยู่นั้น หากเป็นเวลาปกติผู้กองปราบคงสงสารและใจอ่อนง่าย ๆ ทว่าวันนี้เขาไม่นึกสงสารหรือใจอ่อนให้เธอเลยสักนิดหากวันนี้เขาใจอ่อนให้เธออีก ครั้งหน้าหากเธอดื้อดึงแล้วพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่อันตรายแล้วเขาไปช่วยไว้ไม่ทันจะทำยังไง จะเกิดอะไรขึ้น แค่คิดชายหนุ่มก็รู้สึกว่ารับไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดใจอ่อนกับเธอ“สะ... อึก สาขอโทษ”“ขอโทษทำไม”“ฮือ... ฮึก!” เสียงนิ่งติดจะเย็นชาของเขายิ่งทำใ
3 เดือนต่อมางานแต่งงานระหว่างร้อยเอกปราบดากับสามินีก็ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามความต้องการของเจ้าบ่าวเจ้าสาวบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสุข ความอบอุ่นอบอวลเต็มไปหมด แขกที่มาร่วมงานและอวยพรแสดงความยินดีให้คู่บ่าวสาวล้วนมีแต่คนสนิทและเพื่อนเจ้าของงานทั้งสิ้น“เหนื่อยไหมครับ” ผู้กองปราบเอ่ยถามเจ้าสาวของเขา เพราะเธอยืนบนรองเท้าส้นสูงมานานแล้ว“นิดหน่อยค่ะ พี่ปราบล่ะคะเหนื่อยไหม” สามินีตอบก่อนจะถามเขากลับ“ไม่ครับพี่ไม่เหนื่อย สาทนหน่อยนะเดี๋ยวอีกไม่นานก็ถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาวเจ้าบ่าวแล้ว ถึงตอนนั้นพี่จะนวดให้สาเอง” ผู้กองปราบพูดส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้จนสามินีต้องส่งค้อนวงโตให้เขา เสียงหัวเราะของสองหนุ่มสาวทำให้แขกในงานเดินเข้ามาหา ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนผู้กองของปราบดาและเพลิงนั่นเองที่มีชื่อว่า ชาติชาย“หัวเราะอะไรเสียงดังเลยครับคุณเพื่อน” เขาเอ่ยทักผู้กองปราบด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งส่งยิ้มล้อเลียนไปให้“คนมีความสุขก็ต้องหัวเราะสิวะ” ผู้กองปราบไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาเขาตอบกลับไปตามปกติ“เดี๋ยวอีกสักพักจะถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ หวังว่าเพื่อนปราบจะลงมาปาร์ตีกับพวกเรานะครับ”“เหอะ”“อ๊ะ อ๊
“สาครับพูดกับพี่หน่อยเร็วว่าเป็นอะไร”ผู้กองปราบพูดขึ้นหลังขับรถมาถึงบ้านพักครูของเธอแล้ว ส่วนเจ้าของชื่อก็ยังนั่งนิ่งไม่พูดจา“สาโกรธพี่เหรอครับที่พี่ผิดสัญญา” ผู้กองหนุ่มเอ่ยถามซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหัวผู้กองปราบถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดต่อว่า“ที่พี่ติดต่อสาไม่ได้ ไม่ได้โทรหาตามสัญญาที่พี่ได้บอกเอาไว้ เพราะว่าเมื่อพี่เข้าป่าสัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดหายไปเลย พี่ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญา พี่อยากโทรหาสาใจแทบขาดแต่พี่ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่เร่งทำภารกิจให้เสร็จโดยเร็วแล้วรีบกลับมาหาสาอย่างนี้ไงครับ”ผู้กองปราบอธิบายอย่างใจเย็น แค่เขามองหน้าหญิงสาวก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้โกรธเขา เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรถึงได้นั่งเงียบแบบนี้“สา”“สาไม่ได้โกรธ สาแค่เป็นห่วงพี่ปราบเฉย ๆ กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้วค่ะ” สามินีตอบกลับเขาส่งยิ้มบาง ๆ ชายหนุ่มรู้สึกผิดสังเกตจึงลุกขึ้นและเดินไปหาเธอก่อนจะคว้าตัวเธอเข้ามากอด“เป็นอะไรไปครับ ไหนบอกพี่สิคนดี”สามินีเม้มริมฝีปากไม่ยอมพูด เธอเลือกที่จะกอดเขาไว้แน่นซึมซับความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้ของเขาให้มากที่สุด ผู้กองปราบก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงนั่งกอดและลูบหลังเธอไปมาเ
13:00 น.ร้อยเอกปราบดาก็ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพนักข่าวที่พยายามวิ่งกรูเข้ามาหาเขาหลังจากที่เขาพากองกำลังทหารและผู้ต้องหาทั้งหมดออกมาจากป่าได้ และได้ส่งคนเจ็บทั้งหมดขึ้นรถไปรักษาตัวรวมถึงส่งผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นรถไปยังเรือนจำรอการดำเนินคดีทันทีที่ร้อยเอกปราบดานายทหารหนุ่มเดินแยกตัวออกมาจากกลุ่มรถหลังจากที่สั่งงานต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว กองทัพนักข่าวก็พุ่งเข้าหาเขาทันที“ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไรคะผู้กอง” นักข่าวสาวคนหนึ่งเอ่ยปากถาม“ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมตัวในครั้งนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างไรครับ” ไม่ทันที่ผู้กองปราบจะตอบคำถามแรกคำถามที่สองสามสี่ก็ตามมา จนผู้กองหนุ่มต้องยกมือขึ้นเพื่อหยุดคำถามที่จะออกมาจากปากนักข่าวทั้งหลาย เมื่อเห็นทุกคนเงียบผู้กองหนุ่มจึงได้พูดออกมา“ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจข่าวนี้นะครับแต่ผมยังพูดอะไรมากไม่ได้เนื่องจากมีผลต่อรูปคดี เอาเป็นว่าที่ผมบอกได้ก็คือ ทั้งหลักฐานและพยานเรามีพร้อมเอาผิดแน่นอนครับ จากนี้ก็ให้เป็นเรื่องของกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ผมทำหน้าที่ของผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอตัวก่อนครับ”พูดจบผู้กองปราบก็เดินหนีออกจากกองทัพนักข่าวทั
“ปิดล้อม!”“หยุด!”“แย่แล้วครับนาย ทหารครับ”“ว่าไงนะ!” นายจอมพลถามเสียงหลงเมื่อลูกน้องของเขาบอกว่ามีทหารล้อมพวกเขาอยู่“ทหารล้อมพวกเราอยู่ครับ”“อะไรวะเนี่ย ฉันไม่สน ยังไงเราต้องฝ่าออกไปให้ได้” นายจอมพลพูดในขณะที่ตัวเขาก็เอนหลังพิงต้นไม้ไว้“ถ้าอย่างนั้นพร้อมนะครับนาย”“อืม ไป!”ปัง ปัง ปังปัง ปัง ปังเสียงปืนดังลั่นสนั่นบริเวณพื้นที่ป่า ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายนายจอมพล อีกฝ่ายคือกองกำลังทหารของร้อยเอกปราบดา“บุก บุก บุก”ปัง ปัง ปังยิ่งได้ฟังคำสั่งของผู้เป็นนาย เหล่าทหารกล้าทั้งหลายก็โจมตีเข้าไปไม่มีหยุด ทำให้นายจอมพลต้องล่าถอยหลบอยู่หลังเนินดิน ในหัวก็พยายามขบคิดว่า สามารถหนีไปทางไหนได้บ้าง“บ้าเอ๊ย! พวกทหารมันมากันได้ยังไงวะ” นายจอมพลพูดด้วยเสียงที่ไม่พอใจ และกำลังโกรธ“ทางเส้นนี้คือหนึ่งในทางลับที่พวกเราใช้ขนไม้เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบไม่ใช่เหรอ ทำไมมีทหารเข้ามาได้” นายจอมพลพูด ในขณะที่เสียงกระสุนปืนก็ยังสาดใส่กันไม่หยุด“เอายังไงต่อดีครับนายขืนเราอยู่แบบนี้เราไม่รอดแน่” หนึ่งในลูกน้องของนายจอมพลเอ่ยถามอย่างเคร่งเครียด ซึ่งนายจอมพลก็เครียดไม่แพ้กันวันนี้นายจอมพลเข้ามาในป่าเพื่อมาดูไม้ที
“ไม่สบายใจเหรอคะ” หนูนิดมองหญิงสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอที่มีท่าทางเหม่อลอยอย่างเห็นใจ ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปทัก“เอ่อ ค่ะ” สามินีหันไปตอบคนที่เข้ามาทักเธอ ก่อนที่จะยิ้มให้บาง ๆ“เป็นห่วงพี่ปราบเหรอคะ”“!.. ค่ะ” สามินีนิ่งไปก่อนจะยอมรับออกมา เธอเป็นห่วงเขามาก ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาจะปลอดภัยไหม“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ปราบต้องปลอดภัยแน่นอน”“แต่นี่มันสามวันแล้วนะคะ” สามินีแย้งแม้ว่าเธอจะย้ำกับตัวเองว่ายังไงซะเขาก็ปลอดภัย แต่ว่าก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเขาหายไปสามวันติดต่อไม่ได้แบบนี้เธอยิ่งเป็นห่วงตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มพาเธอมาบ้านเดชอนันต์ ตอนนี้ก็ล่วงเข้าสู่วันที่สามแล้ว ที่ชายหนุ่มไปปฏิบัติการจับกุมนายจอมพล เป็นสามวันที่เธอติดต่อเขาไม่ได้เลย!“ใจเย็นก่อนเถอะค่ะ หนูนิดเชื่อว่าพี่ปราบต้องกลับมาอย่างปลอดภัยในเร็ววันนี้แน่นอน” หนูนิดปลอบแม้ว่าเธอจะไม่รู้สถานการณ์ของผู้กองปราบแต่จะให้เธออยู่เฉย ๆ ไม่พูดอะไรกับสามินีเลยก็ไม่ได้สามินีเข้าใจคำพูดของหนูนิด แต่เธอก็ไม่สามารถหยุดเป็นห่วงเขาได้ ทุกวันทุกคืนเธอได้แต่มองหน้าจอว่าเมื่อไหร่เขาจะโทรเข้ามา จากความ
“เป็นไงครับ อร่อยไหม อาหารถูกปากหรือเปล่า” ผู้กองปราบถามพร้อมมองหญิงสาวด้วยสายตาคาดหวัง“อร่อยค่ะ สาเพิ่งรู้ว่าพี่ปราบทำอาหารอร่อยขนาดนี้ จากนี้ทำให้ทานทุกวันเลยได้ไหมคะ” หญิงสาวตอบในขณะที่ปากยังคงเคี้ยวอาหารที่ชายหนุ่มเป็นคนทำไม่ได้หยุด“ได้จ้ะได้ ขอแค่สาอารมณ์ดีก็พอ” ผู้กองปราบพูดพร้อมยิ้มเอาใจหญิงสาวหลังจากที่สามินีอารมณ์ดีขึ้นไม่โวยวายทุบตีเขาแล้ว ผู้กองปราบก็รีบลงมาทำอาหารให้เธอทานทันที ด้วยรสมือทำอาหารที่ค่อนข้างอร่อยบวกกับความเอาใจใส่ที่เขาแสดงออกมา ทำให้ตอนนี้สามินีหายโกรธชายหนุ่มแล้วหลังจากทานข้าวเสร็จหญิงสาวก็มานั่งลูบท้องที่นูนออกมาของเธอที่โซฟา รอให้ชายหนุ่มเข้ามาพูดคุยถึงสิ่งที่จะทำต่อไป“จุกมากเหรอครับ”“ค่ะ จุกมาก”“จุกเท่าถูกพี่กินหรือเปล่า”“พี่ปราบ!”“ขอโทษครับขอโทษ ไม่โกรธนะครับ ไม่โกรธ พี่แค่ล้อเล่นเองครับ ใจเย็น ๆ นะจ๊ะสาจ๋า” ผู้กองปราบรีบพูดเมื่อถูกหญิงสาวมองด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ พร้อมกับยิ้มเอาใจเธอไปด้วย สามินีคร้านจะใส่ใจคนทะลึ่งอย่างเขาจึงได้เปลี่ยนเรื่องคุย“แล้วพี่ปราบจะทำอะไรต่อไปคะ”“ก่อนอื่นพี่ต้องพาสาไปอยู่บ้านเพื่อนพี่ก่อน สาอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัย กล
“ว่าไง” ผู้กองปราบถามปลายสายถึงเรื่องที่เขาให้จัดการ“นายจอมพลตอนนี้ฟื้นแล้วครับ เอาผิดใครไม่ได้เพราะพวกผมจัดการตัวเองจนหน้าตาเขียว ทั้งยังสลบกับการถูกลอบทำร้าย ทำให้นายจอมพลเชื่อสนิทว่าเป็นคนอื่นที่ให้ความช่วยเหลือผู้กอง ไม่ใช่พวกเรา” หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของเขารายงาน“อืม ดีแล้ว แล้วยังไงต่อ”“ผมคิดว่าจากนี้ไปครูสาไม่น่าจะปลอดภัยครับ ส่วนข้อมูลและทุกอย่างที่ผู้กองให้จัดการก็เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ตอนนี้รอแค่คำสั่งบุกจับกุมเท่านั้นครับ”“ดี ส่วนเรื่องของครูสาไม่ต้องห่วงผมจัดการเอง แค่นี้นะ” ผู้กองปราบพูดก่อนจะวางสายไปชายหนุ่มเอี้ยวตัวเอาโทรศัพท์วางไว้บนหัวเตียงของหญิงสาว ส่วนตัวเองก็นอนตะแคงยกมือเท้าศีรษะไว้ สายตาอ่อนโยนถูกทอดมองออกไปยังเจ้าของชื่อที่ถูกพูดถึง สามินี!ร่างของหญิงสาวหลับสนิทลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอนั่นทำให้ชายหนุ่มอย่างผู้กองปราบไม่อยากรบกวน แต่แล้วเมื่อเลื่อนสายตาไปยังซอกคอรวมถึงเนินอกที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาก็จะปรากฏร่องรอยรสรักของเมื่อคืนให้เห็นว่าเขาและเธอร้อนแรงแค่ไหนชายหนุ่มใช้สายตาโลมเลียจ้องมองหญิงสาวก่อนจะตัดใจโน้มหน้าไปหอมแก้มเธอช้า ๆ จากที่คิดว่าจะแค่ห
“อื้อ อื้อ” ผู้กองปราบครางต่ำมอบสัมผัสแสนหวามไหวให้กับหญิงสาว“พะ พี่ปราบ” สามินีครางเรียกชื่อผู้กองปราบด้วยน้ำเสียงหวานหยดจนชายหนุ่มต้องให้รางวัลโดยการมอบจูบที่หวานกว่าครั้งไหน ๆ ให้เธอก่อนจะยกตัวขึ้นมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยนจากนั้นก็ก้มลงครอบริมฝีปากไปยังทรวงอกข้างซ้ายที่เขาหมายตาไว้ก่อนหน้าด้วยความรวดเร็ว“อาส์... อื้ม อื้อ พี่ปราบ”สามินีสั่นสะท้านร้องครางด้วยความเสียวซ่าน แอ่นหน้าอกให้เขาดูดดึงบีบขยำอย่างถนัดถนี่“หวานดีจัง” คำชมที่ออกมาจากปากของชายหนุ่มยิ่งทำให้หญิงสาวเสียวซ่าน ก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่างทำเอาทหารหนุ่มอย่างผู้กองปราบครางลั่น!“อาส์... อย่าดื้อ!” แต่มีหรือที่สามินีจะฟังเสียงดุของเขา มือเล็ก ๆ ของเธอข้างหนึ่งลูบไล้ที่แผงอกกว้าง อีกข้างเคลื่อนลงไปกอบกุมความแข็งขืน พร้อมทั้งลูบไล้ไปมาตามที่เธอเคยเห็นในหนังโป๊ที่เพื่อนสมัยเรียนเอามาให้ดู“ฮึ่ม! แล้วอย่ามาร้องทีหลังก็แล้วกัน” พูดจบผู้กองปราบก้มหน้าลงฟัดเต้างามทั้งสองต่อทันที เขาไม่คิดปรานีหญิงสาว เมื่อเธอดื้อไม่ยอมเชื่อฟังเขาก็พร้อมที่จะกำราบเธอ หากแต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความดุดัน แต่ก็วาบหวาน รุนแรงแต่ก็เสียวซ่าน
หลังจากเห็นรอยแดงที่อยู่บริเวณลำคอของหญิงสาวแล้ว ชายหนุ่มก็เงียบไปทั้งยังรู้สึกโกรธที่รอยนี้ผู้ชายคนอื่นเป็นคนทำขึ้นมา“ฮึก! พี่ปราบรังเกียจสาใช่ไหม สาสกปรก” สามินีร้องทักเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป หญิงสาวรู้สึกใจหายมากและพยายามสะบัดตัวหนีเขา“สาใจเย็น ๆ พี่ไม่ได้รังเกียจ” เมื่อหญิงสาวดิ้นออกจากอ้อมกอด ผู้กองปราบก็ยิ่งกอดรัดเธอไว้แน่นกว่าเดิม อะไรที่พยายามหลีกหนีในตอนแรกตอนนี้กลับบดเบียดกับแขนแกร่งของเขาเต็ม ๆ“ฮึก พี่ปราบโกหก พี่ปราบเงียบไป”“ที่พี่เงียบเพราะกำลังคิดว่าจะทำยังไงให้เราหยุดร้องดี แล้วพี่ก็คิดขึ้นมาได้ ถ้าสารังเกียจรอยนั้นให้พี่รักษาให้ไหมครับ” ผู้กองปราบถามอย่างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้คิดจะเอาเปรียบเธอ ทว่าเมื่อหญิงสาวเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าถ้าเขาไม่เกิดอารมณ์คงจะเป็นไปไม่ได้ อย่าลืมนะว่าเขาก็คือมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะได้ไม่รู้สึกอะไรหญิงสาวหยุดร้องไห้ คิ้วเรียวสวยของเธอย่นเข้าหากันด้วยความสงสัย ก่อนจะถามออกไปว่า “รักษายังไงคะ”“พี่จะลบรอยให้”“!!!” เพียงเขาพูดแค่นี้ สามินีก็เข้าใจได้ทันที คำว่า ‘ลบรอย’ เพื่อนของเธอเคยพูดให้ฟังตอนที่ยังเรียนกันอยู่ในมหาวิทยา