ฉันที่ยังสะตั้นกับคำว่าพี่ที่ตุลเรียก ตอนนี้มองเขาตาค้าง ส่วนตุลก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกมา ตุลลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบเอวก่อนจะเอาทิชชูมาโยนให้ฉัน จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่ได้พูดอะไร ฉันรีบใช้ทิชชูเช็ดคราบน้ำกามสีขุ่นออกจากหน้าท้อง แล้วก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าพยายามไม่คิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของตุล เขาก็แค่เผลอปากไปไม่ได้คิดอะไรหรอก หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันรีบมองหาว่าโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ที่ไหน ก่อนจะหยิบมันขึ้นมากดรับสาย คนที่โทรมาคือไนท์ “ว่าไงไนท์” (ผมจะโทรมาชวนไปกินข้าว พรุ่งนี้พี่ลิลว่างไหมครับ)“เดี๋ยวพี่บอกอีกทีได้ไหม” (ตอบแบบนี้ผมต้องเจอปฏิเสธแน่ ๆ เลย) “พี่บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวนัดอีกรอบ” (ผม… คือผม ผมอยากจีบพี่ลิลนะครับ)คำพูดที่ตรงไปตรงมาของไนท์ทำให้ฉันชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเขาคิดอะไรก็ตาม “ตอนนี้พี่มีคู่หมั้นอยู่นะไนท์ มันคงไม่เหมาะถ้า…”(เดี๋ยวงานหมั้นก็ยกเลิกนี่ครับ วันนี้ผมรู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้อยู่กับพี่ลิลทั้งวัน)แกร็ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามา ฉันรีบหันมองตุลที่กำลังจ้องตาเขม็ง ตอนแรกจะตัดสายไ
บรรยากาศภายในรถเริ่มเงียบสงัด ไม่มีบทสนทนาจากปากของเราทั้งคู่นานเกือบสิบนาที “ไหนบอกจะพาไปเจอพ่อที่บ้านแล้วขับรถมาทางไปอู่ทำไม” ฉันหันมาถามตุลเมื่อเขาเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน “แวะเอาของ” “อ… อื้อ” ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะหันมองหน้าต่าง ไม่คิดว่าตัวเองจะทำตัวเป็นปกติได้จากที่เราผ่านการมีอะไรกันมาแล้วหลายครั้ง สำหรับฉันตอนนี้มันคงกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ตุลขับรถมาที่อู่ เขาบอกให้ฉันรอในรถก่อนที่ตัวเขาจะไปหาของที่ลืมไว้ ฉันยกมือขึ้นมาทาบลงบนหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง จู่ ๆ มันก็รู้สึกหน่วงใจเอามาก ๆ การได้มองเขาเดินห่างออกไปแบบนั้นมันเจ็บปวดจัง…“ยัยลิลแกเริ่มเพ้อเจ้ออีกแล้วนะ” ฉันพูดเตือนสติตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ ก็อก ๆ เสียงเคาะกระจกรถทำให้ฉันลืมตาขึ้นแล้วหันมอง เป็นตุลที่ยืนเคาะกระจกอยู่ด้านนอก“มีอะไรหรือเปล่า” ฉันลดกระจกลงแล้วถามเขา “พ่อเพิ่งโทรมาบอกว่าต้องรีบบินไปต่างประเทศ เรื่องที่จะคุยเลื่อนออกไปก่อน” “เอะ ทำไมกะทันหันแบบนี้ล่ะ” ฉันขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ทั้งที่นัดคุยแต่กลับต้องรีบบินไปต่างประเทศเนี่ยนะ “ไม่รู้”“งั้นตุลไปส่งพี่ที่สวนสาธารณะหน่อยหรือถ้าไม่สะดวกเดี๋ยวพี่
ทั้งวันฉันใช้ความคิดกับเรื่องที่ตุลโกหก พยายามหาเหตุผลกับสิ่งที่เขาทำแต่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำไปทำไม พฤติกรรมของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อย่างน่าแปลก บนโต๊ะอาหารตอนนี้ฉันกับเฮียเฟยกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน “หายไปนอนที่ไหนมาอีก” เฮียคงอยากถามคำนี้มากจนเก็บเอาไว้ในใจไม่ไหว “หนู หนูไปดื่มแล้วนอนค้างกับแพรค่ะ” ถ้าบอกว่าค้างที่อู่ของตุลเฮียคงไม่ชอบใจมาก ๆ เฮียขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านี้ “พรุ่งนี้เฮียจะบินไปดูงานที่ฮ่องกง คงไปสักอาทิตย์” “หนูขอไปด้วยได้ไหมคะ” “จะไปทำไมเฮียไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว” “หนูเบื่อ ๆ บ้าน ขอไปด้วยนะคะเฮีย นะ ๆ” ฉันออดอ้อนเพื่อขอให้เฮียพาไปด้วย ไม่รู้สิ จู่ ๆ มันก็อยากจะไป ไปไหนสักที่ที่ไม่ใช่อยู่บ้านแบบนี้ สมองของฉันมันมีเรื่องให้คิดฟุ้งซ่านไปหมด “อยากไปก็ได้เฮียไม่ห้าม” “เย้! เฮียของหนูน่ารักที่สุดเลยค่ะ ^_^” ฉันฉีกยิ้มกว้างแล้วกินข้าวต่อ ตอนนี้ถึงแม้ว่ามันจะเกิดการสับสนในใจกับสิ่งที่ตุลทำ แต่ฉันก็ยังไม่อยากจะไปต่อว่าหรืออะไรในตอนนี้ เขาอาจจะมีเหตุผลและคงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่เข้าใจ หวังว่ากลับจากฮ่องกงแล้วเขาจะมีคำตอบดี ๆ ให้กับฉัน วันต่อมา
ฉันนิ่งปล่อยให้ตุลจูบโดยไม่ยอมเปิดปากให้เขาได้สอดลิ้นเข้ามาสำรวจภายในโพรงปาก พอเห็นว่าฉันนิ่งเขาก็ค่อย ๆ ถอนจูบออก แล้วใช้หน้าผากของตัวเองวางชนกับหน้าผากของฉัน พร้อมกับปลายจมูกที่แตะกัน สองมือหนายังจับอยู่ตรงคอไม่ยอมปล่อย ตอนนี้ลมหายใจร้อนผ่าวเริ่มสงบลง “ตอบมาว่าที่ไม่ยอมรับสายเพราะไปอยู่กับมันมาใช่ไหม?” เขาถามย้ำ “คิดสิว่าพี่จะทำแบบนั้นหรือเปล่า” “ตอบ!!” “พี่ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ นะตุล ทำไมต้องร้าย ทำไมต้องบังคับ ไม่ชอบก็ควรอยู่ห่างไม่ใช่หรือไง” “ทนไม่ไหวก็ต้องทน” เขาพูดเบา ๆ นั่นหมายความว่าให้ฉันทนอยู่ต่อไปแบบนี้น่ะเหรอ “ทำไมล่ะตุล ทำไมพี่ต้องทน” “…” เขาไม่ให้คำตอบกับฉันว่าทำไม “เราต้องการที่จะถอนหมั้นไม่ใช่เหรอ อย่าเบี่ยงประเด็นไปมากกว่านี้ได้ไหม”“ใช้วิธีอื่น อย่าดึงใครเข้ามาเกี่ยว”“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเราจะถอนหมั้นได้ยังไง จะใช้วิธีแบบไหนบอกมาสิ” “ยังคิดไม่ออก” เขาพูดเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยทั้งที่ตัวเองไม่อยากหมั้น “งั้นพี่จะใช้วิธีของพี่ ตุลก็ใช้วิธีของตุลไปนะ โอ้ย!” ฉันร้องอุทานออกมาเพราะถูกกระชากแขนให้เดินมาที่รถ แล้วถูกกดให้นอนราบไปตรงหน้ากระโปรงรถ “จะทำอะไรอีก
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่เขา” ฉันรีบปฏิเสธ “หนูไม่ได้ท้องกับตุลนะคะคุณลุง” “ทำไมจะไม่ใช่ บอกพ่อไปสิว่าเรามีอะไรกันมานานเท่าไหร่แล้ว ก่อนที่จะถูกจับให้หมั้นกันซะอีก”“ตุล!!” แผนที่ฉันคิดมันกำลังจะพังเพราะเขานะ พูดขึ้นมาได้ยังไงว่าท้องกับตัวเองแทนที่จะนั่งเงียบ ๆ “รู้จักกันก่อนหมั้น?” พ่อของตุลขมวดคิ้วเข้มทวนคำพูดของลูกชาย“ใช่ครับ ถ้าท้องแปลว่าผมเป็นพ่อของเด็กในท้อง” “เดี๋ยวนะตอนนี้พ่อสับสนไปหมดแล้ว นี่ลูกสองคนรู้จักกันแล้วทำไมถึงไม่บอกพ่อตั้งแต่แรก” “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ ในท้องหนูไม่ใช่ลูกของตุล หนูบอกพ่อแล้วไงคะว่าหนูมีแฟนอยู่แล้ว แฟนของหนูเป็นพ่อของเด็กในท้อง” ตอนนี้ฉันกำลังแก้สถานการณ์อยู่ ทุกอย่างมันกำลังจะแย่รวมทั้งฉันด้วย คำพูดที่บอกไปก็ฟังแทบไม่ขึ้น พ่อกับคุณลุงตกใจกันทั้งคู่ “ฉันจะเป็นลม” พ่อถึงกับหน้ามืดเซไปมาจนต้องหาอะไรจับเอาไว้ ฉันรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้ท่านหนักใจ แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไงถึงเลือกโกหกว่าตัวเองท้อง“พ่อคะคุณลุงคะ หนูหมั้นกับตุลไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”“จะโกหกทำไม บอกความจริงไปก็สิ้นเรื่อง” ในขณะที่ฉันกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ ตุลเองก็พยายามจะให้ทุกค
ทำเอาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของตุล ‘ทำให้ท้องจริง ๆ’ นี่เขารู้ตัวเองบ้างไหมว่าพูดเรื่องอะไรออกมา มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาขู่กันเลยนะ “พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างหรือเปล่า” ฉันขยับใบหน้าออกห่างก่อนจะถามกลับอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “รู้…” ตุลตอบก่อนจะขยับมาใกล้ ๆ ทั้งที่ฉันเอนตัวหนีแล้ว เขาใช้มือคว้าจับที่เอวและรั้งไม่ให้ขยับได้ก่อนจะพูดต่อเสียงเย็น “รู้ตัวเองดีว่าพูดอะไรออกไป” “เป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ตุลที่พี่รู้จักต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราหมั้นกันสิ แต่นี่…” ฉันจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ มันสับสนไปหมด คำพูดก่อนหน้านี้และการกระทำของเขามันไปคนละทิศคนละทาง “หรือจะต้องให้พิสูจน์ว่าพูดจริงทำจริงหรือเปล่า?” หมับ! แขนของฉันถูกดึง ก่อนที่ร่างจะเซไปตามแรง ตัวฉันถูกผลักให้ล้มลงบนเตียงก่อนที่ร่างหนาของตุลจะขึ้นมาคร่อม “คิดจะทำอะไร ลุกขึ้นไปเดี๋ยวนี้นะ” ฉันใช้มือเล็ก ๆ ของตัวเองทั้งสองข้างดันแผงอกแกร่งให้ออกห่าง แต่ทว่ามันไม่ได้สะทกสะท้านคนที่อยู่ด้านบนเลยสักนิด “จะบอกพ่อว่าท้องกับใคร?”“…” ฉันไม่ยอมตอบ ตอนนี้กำลังดิ้นเพื่อให้เขายอมลุกขึ้นไปสักที “จะบอกว่าท้องกับไอ้เวรนั
ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารโดยมีสายตาของผู้ใหญ่จ้องมอง แต่ตอนนี้เฮียไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “มีอะไรที่พ่อต้องรู้หรือเปล่า?” พ่อถามขึ้นหลังจากที่ฉันมานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับตุล“เรื่องที่บอกว่าท้องมันยังไงกันแน่” ครั้งนี้พ่อของตุลถาม ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบความจริง “หนูไม่ได้ท้องค่ะ”“แล้วทำไมถึงบอกว่าท้อง รู้ไหมว่าพ่อแทบช็อกที่ได้ยินเรื่องนั้น” “หนูไม่อยากหมั้นก็เลยสร้างเรื่องมาโกหก ตุลเองก็ไม่อยากหมั้นเหมือนกัน” “ไม่อยากหมั้นถึงขนาดสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเลยหรือไง” “จะให้หนูทำยังไงล่ะคะ เราสองคนไม่อยาก…”“ตอนแรกผมก็ไม่อยากหมั้น” ตุลพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่ฉันยังพูดไม่จบ “แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ” “…” ฉันนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาพูดมาแบบนั้นแล้วฉันจะทำอะไรได้ “แล้วเรื่องที่ทั้งสองคนรู้จักกันก่อนที่จะถูกจับให้หมั้น มันหมายความว่ายังไง?” พ่อของตุลถาม “นั่นสิ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่ารู้จัก ตอนนั้นก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” พ่อของฉันพูดเสริม “ผมกับ…”“หนูชอบตุลค่ะ” ครั้งนี้ฉันเป็นฝ่ายแทรกขึ้น “พ่อจำที่หนูบอกว่ามีคนที่ชอบแล้วได้หรือเปล่าคะ คนนั้นคือตุล แต่เราไม่ได้คบกัน เ
พอเห็นว่าตุลไม่ยอมพูดอะไรฉันก็จะเดินหนีเขาเข้าไปในบ้าน แต่ถูกรั้งเอาไว้ “จะบังคับอะไรอีก แค่นี้ยังไม่พอใจหรือไงพี่ยอมตุลหมดทุกอย่างแล้วนะ” ฉันพูดในเชิงประชดประชันและมันก็เป็นความจริงอย่างที่พูด“ไม่ได้อยากเอาชนะ” เสียงทุ้มพูดขึ้นก่อนจะปล่อยมือของฉันให้เป็นอิสระ ตุลเดินไปที่โรงรถปล่อยให้ฉันยืนทื่อกับคำตอบที่เพิ่งจะได้ฟัง ไม่ได้อยากเอาชนะ แล้วต้องการอะไรล่ะ ถ้าบอกว่าชอบฉันขึ้นมาแล้วมันก็ยากที่จะเชื่อนะ … ถ้ามันเป็นแบบนั้นฉันคงดีใจจนพูดไม่ออก เพราะหัวใจของตุลคือสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุด วันต่อมา วันนี้ฉันนัดไนท์ออกมาเลี้ยงข้าวขอบคุณที่เขาช่วย เรานัดเจอกันที่ร้านอาหารหรูชื่อดังใจกลางเมือง ทั้งที่ฉันเป็นคนนัดแท้ ๆ แต่ไนท์ก็มาถึงก่อน เขามาก่อนทุกครั้งที่นัดกัน การมากินข้าววันนี้ฉันไม่ได้บอกตุลเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นอะไรที่ต้องรายงานเขาทุกอย่าง เขาคงไม่ได้อยากรู้ว่าวัน ๆ หนึ่งฉันไปทำอะไรบ้าง “ขอบคุณที่ช่วยพี่นะ ^_^” พอเดินมานั่งที่โต๊ะสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วฉันก็เอ่ยขอบคุณไนท์ “ผมเต็มใจครับ ว่าแต่ตอนนี้พี่ลิลโสดแล้วใช่ไหม” “…” ฉันจะบอกยังไงดีล่ะ สถานะมันก็โสดแต่กำลังจะหมั้นนี่สิ “