ฉันที่ยังสะตั้นกับคำว่าพี่ที่ตุลเรียก ตอนนี้มองเขาตาค้าง ส่วนตุลก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกมา ตุลลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบเอวก่อนจะเอาทิชชูมาโยนให้ฉัน จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่ได้พูดอะไร ฉันรีบใช้ทิชชูเช็ดคราบน้ำกามสีขุ่นออกจากหน้าท้อง แล้วก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าพยายามไม่คิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของตุล เขาก็แค่เผลอปากไปไม่ได้คิดอะไรหรอก หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันรีบมองหาว่าโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ที่ไหน ก่อนจะหยิบมันขึ้นมากดรับสาย คนที่โทรมาคือไนท์ “ว่าไงไนท์” (ผมจะโทรมาชวนไปกินข้าว พรุ่งนี้พี่ลิลว่างไหมครับ)“เดี๋ยวพี่บอกอีกทีได้ไหม” (ตอบแบบนี้ผมต้องเจอปฏิเสธแน่ ๆ เลย) “พี่บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวนัดอีกรอบ” (ผม… คือผม ผมอยากจีบพี่ลิลนะครับ)คำพูดที่ตรงไปตรงมาของไนท์ทำให้ฉันชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเขาคิดอะไรก็ตาม “ตอนนี้พี่มีคู่หมั้นอยู่นะไนท์ มันคงไม่เหมาะถ้า…”(เดี๋ยวงานหมั้นก็ยกเลิกนี่ครับ วันนี้ผมรู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้อยู่กับพี่ลิลทั้งวัน)แกร็ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามา ฉันรีบหันมองตุลที่กำลังจ้องตาเขม็ง ตอนแรกจะตัดสายไ
บรรยากาศภายในรถเริ่มเงียบสงัด ไม่มีบทสนทนาจากปากของเราทั้งคู่นานเกือบสิบนาที “ไหนบอกจะพาไปเจอพ่อที่บ้านแล้วขับรถมาทางไปอู่ทำไม” ฉันหันมาถามตุลเมื่อเขาเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน “แวะเอาของ” “อ… อื้อ” ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะหันมองหน้าต่าง ไม่คิดว่าตัวเองจะทำตัวเป็นปกติได้จากที่เราผ่านการมีอะไรกันมาแล้วหลายครั้ง สำหรับฉันตอนนี้มันคงกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ตุลขับรถมาที่อู่ เขาบอกให้ฉันรอในรถก่อนที่ตัวเขาจะไปหาของที่ลืมไว้ ฉันยกมือขึ้นมาทาบลงบนหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง จู่ ๆ มันก็รู้สึกหน่วงใจเอามาก ๆ การได้มองเขาเดินห่างออกไปแบบนั้นมันเจ็บปวดจัง…“ยัยลิลแกเริ่มเพ้อเจ้ออีกแล้วนะ” ฉันพูดเตือนสติตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ ก็อก ๆ เสียงเคาะกระจกรถทำให้ฉันลืมตาขึ้นแล้วหันมอง เป็นตุลที่ยืนเคาะกระจกอยู่ด้านนอก“มีอะไรหรือเปล่า” ฉันลดกระจกลงแล้วถามเขา “พ่อเพิ่งโทรมาบอกว่าต้องรีบบินไปต่างประเทศ เรื่องที่จะคุยเลื่อนออกไปก่อน” “เอะ ทำไมกะทันหันแบบนี้ล่ะ” ฉันขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ทั้งที่นัดคุยแต่กลับต้องรีบบินไปต่างประเทศเนี่ยนะ “ไม่รู้”“งั้นตุลไปส่งพี่ที่สวนสาธารณะหน่อยหรือถ้าไม่สะดวกเดี๋ยวพี่
ทั้งวันฉันใช้ความคิดกับเรื่องที่ตุลโกหก พยายามหาเหตุผลกับสิ่งที่เขาทำแต่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำไปทำไม พฤติกรรมของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อย่างน่าแปลก บนโต๊ะอาหารตอนนี้ฉันกับเฮียเฟยกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน “หายไปนอนที่ไหนมาอีก” เฮียคงอยากถามคำนี้มากจนเก็บเอาไว้ในใจไม่ไหว “หนู หนูไปดื่มแล้วนอนค้างกับแพรค่ะ” ถ้าบอกว่าค้างที่อู่ของตุลเฮียคงไม่ชอบใจมาก ๆ เฮียขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านี้ “พรุ่งนี้เฮียจะบินไปดูงานที่ฮ่องกง คงไปสักอาทิตย์” “หนูขอไปด้วยได้ไหมคะ” “จะไปทำไมเฮียไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว” “หนูเบื่อ ๆ บ้าน ขอไปด้วยนะคะเฮีย นะ ๆ” ฉันออดอ้อนเพื่อขอให้เฮียพาไปด้วย ไม่รู้สิ จู่ ๆ มันก็อยากจะไป ไปไหนสักที่ที่ไม่ใช่อยู่บ้านแบบนี้ สมองของฉันมันมีเรื่องให้คิดฟุ้งซ่านไปหมด “อยากไปก็ได้เฮียไม่ห้าม” “เย้! เฮียของหนูน่ารักที่สุดเลยค่ะ ^_^” ฉันฉีกยิ้มกว้างแล้วกินข้าวต่อ ตอนนี้ถึงแม้ว่ามันจะเกิดการสับสนในใจกับสิ่งที่ตุลทำ แต่ฉันก็ยังไม่อยากจะไปต่อว่าหรืออะไรในตอนนี้ เขาอาจจะมีเหตุผลและคงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่เข้าใจ หวังว่ากลับจากฮ่องกงแล้วเขาจะมีคำตอบดี ๆ ให้กับฉัน วันต่อมา
ฉันนิ่งปล่อยให้ตุลจูบโดยไม่ยอมเปิดปากให้เขาได้สอดลิ้นเข้ามาสำรวจภายในโพรงปาก พอเห็นว่าฉันนิ่งเขาก็ค่อย ๆ ถอนจูบออก แล้วใช้หน้าผากของตัวเองวางชนกับหน้าผากของฉัน พร้อมกับปลายจมูกที่แตะกัน สองมือหนายังจับอยู่ตรงคอไม่ยอมปล่อย ตอนนี้ลมหายใจร้อนผ่าวเริ่มสงบลง “ตอบมาว่าที่ไม่ยอมรับสายเพราะไปอยู่กับมันมาใช่ไหม?” เขาถามย้ำ “คิดสิว่าพี่จะทำแบบนั้นหรือเปล่า” “ตอบ!!” “พี่ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ นะตุล ทำไมต้องร้าย ทำไมต้องบังคับ ไม่ชอบก็ควรอยู่ห่างไม่ใช่หรือไง” “ทนไม่ไหวก็ต้องทน” เขาพูดเบา ๆ นั่นหมายความว่าให้ฉันทนอยู่ต่อไปแบบนี้น่ะเหรอ “ทำไมล่ะตุล ทำไมพี่ต้องทน” “…” เขาไม่ให้คำตอบกับฉันว่าทำไม “เราต้องการที่จะถอนหมั้นไม่ใช่เหรอ อย่าเบี่ยงประเด็นไปมากกว่านี้ได้ไหม”“ใช้วิธีอื่น อย่าดึงใครเข้ามาเกี่ยว”“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเราจะถอนหมั้นได้ยังไง จะใช้วิธีแบบไหนบอกมาสิ” “ยังคิดไม่ออก” เขาพูดเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยทั้งที่ตัวเองไม่อยากหมั้น “งั้นพี่จะใช้วิธีของพี่ ตุลก็ใช้วิธีของตุลไปนะ โอ้ย!” ฉันร้องอุทานออกมาเพราะถูกกระชากแขนให้เดินมาที่รถ แล้วถูกกดให้นอนราบไปตรงหน้ากระโปรงรถ “จะทำอะไรอีก
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่เขา” ฉันรีบปฏิเสธ “หนูไม่ได้ท้องกับตุลนะคะคุณลุง” “ทำไมจะไม่ใช่ บอกพ่อไปสิว่าเรามีอะไรกันมานานเท่าไหร่แล้ว ก่อนที่จะถูกจับให้หมั้นกันซะอีก”“ตุล!!” แผนที่ฉันคิดมันกำลังจะพังเพราะเขานะ พูดขึ้นมาได้ยังไงว่าท้องกับตัวเองแทนที่จะนั่งเงียบ ๆ “รู้จักกันก่อนหมั้น?” พ่อของตุลขมวดคิ้วเข้มทวนคำพูดของลูกชาย“ใช่ครับ ถ้าท้องแปลว่าผมเป็นพ่อของเด็กในท้อง” “เดี๋ยวนะตอนนี้พ่อสับสนไปหมดแล้ว นี่ลูกสองคนรู้จักกันแล้วทำไมถึงไม่บอกพ่อตั้งแต่แรก” “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ ในท้องหนูไม่ใช่ลูกของตุล หนูบอกพ่อแล้วไงคะว่าหนูมีแฟนอยู่แล้ว แฟนของหนูเป็นพ่อของเด็กในท้อง” ตอนนี้ฉันกำลังแก้สถานการณ์อยู่ ทุกอย่างมันกำลังจะแย่รวมทั้งฉันด้วย คำพูดที่บอกไปก็ฟังแทบไม่ขึ้น พ่อกับคุณลุงตกใจกันทั้งคู่ “ฉันจะเป็นลม” พ่อถึงกับหน้ามืดเซไปมาจนต้องหาอะไรจับเอาไว้ ฉันรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้ท่านหนักใจ แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไงถึงเลือกโกหกว่าตัวเองท้อง“พ่อคะคุณลุงคะ หนูหมั้นกับตุลไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”“จะโกหกทำไม บอกความจริงไปก็สิ้นเรื่อง” ในขณะที่ฉันกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ ตุลเองก็พยายามจะให้ทุกค
ทำเอาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของตุล ‘ทำให้ท้องจริง ๆ’ นี่เขารู้ตัวเองบ้างไหมว่าพูดเรื่องอะไรออกมา มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาขู่กันเลยนะ “พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างหรือเปล่า” ฉันขยับใบหน้าออกห่างก่อนจะถามกลับอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “รู้…” ตุลตอบก่อนจะขยับมาใกล้ ๆ ทั้งที่ฉันเอนตัวหนีแล้ว เขาใช้มือคว้าจับที่เอวและรั้งไม่ให้ขยับได้ก่อนจะพูดต่อเสียงเย็น “รู้ตัวเองดีว่าพูดอะไรออกไป” “เป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ตุลที่พี่รู้จักต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราหมั้นกันสิ แต่นี่…” ฉันจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ มันสับสนไปหมด คำพูดก่อนหน้านี้และการกระทำของเขามันไปคนละทิศคนละทาง “หรือจะต้องให้พิสูจน์ว่าพูดจริงทำจริงหรือเปล่า?” หมับ! แขนของฉันถูกดึง ก่อนที่ร่างจะเซไปตามแรง ตัวฉันถูกผลักให้ล้มลงบนเตียงก่อนที่ร่างหนาของตุลจะขึ้นมาคร่อม “คิดจะทำอะไร ลุกขึ้นไปเดี๋ยวนี้นะ” ฉันใช้มือเล็ก ๆ ของตัวเองทั้งสองข้างดันแผงอกแกร่งให้ออกห่าง แต่ทว่ามันไม่ได้สะทกสะท้านคนที่อยู่ด้านบนเลยสักนิด “จะบอกพ่อว่าท้องกับใคร?”“…” ฉันไม่ยอมตอบ ตอนนี้กำลังดิ้นเพื่อให้เขายอมลุกขึ้นไปสักที “จะบอกว่าท้องกับไอ้เวรนั
ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารโดยมีสายตาของผู้ใหญ่จ้องมอง แต่ตอนนี้เฮียไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “มีอะไรที่พ่อต้องรู้หรือเปล่า?” พ่อถามขึ้นหลังจากที่ฉันมานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับตุล“เรื่องที่บอกว่าท้องมันยังไงกันแน่” ครั้งนี้พ่อของตุลถาม ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบความจริง “หนูไม่ได้ท้องค่ะ”“แล้วทำไมถึงบอกว่าท้อง รู้ไหมว่าพ่อแทบช็อกที่ได้ยินเรื่องนั้น” “หนูไม่อยากหมั้นก็เลยสร้างเรื่องมาโกหก ตุลเองก็ไม่อยากหมั้นเหมือนกัน” “ไม่อยากหมั้นถึงขนาดสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเลยหรือไง” “จะให้หนูทำยังไงล่ะคะ เราสองคนไม่อยาก…”“ตอนแรกผมก็ไม่อยากหมั้น” ตุลพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่ฉันยังพูดไม่จบ “แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ” “…” ฉันนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาพูดมาแบบนั้นแล้วฉันจะทำอะไรได้ “แล้วเรื่องที่ทั้งสองคนรู้จักกันก่อนที่จะถูกจับให้หมั้น มันหมายความว่ายังไง?” พ่อของตุลถาม “นั่นสิ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่ารู้จัก ตอนนั้นก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” พ่อของฉันพูดเสริม “ผมกับ…”“หนูชอบตุลค่ะ” ครั้งนี้ฉันเป็นฝ่ายแทรกขึ้น “พ่อจำที่หนูบอกว่ามีคนที่ชอบแล้วได้หรือเปล่าคะ คนนั้นคือตุล แต่เราไม่ได้คบกัน เ
พอเห็นว่าตุลไม่ยอมพูดอะไรฉันก็จะเดินหนีเขาเข้าไปในบ้าน แต่ถูกรั้งเอาไว้ “จะบังคับอะไรอีก แค่นี้ยังไม่พอใจหรือไงพี่ยอมตุลหมดทุกอย่างแล้วนะ” ฉันพูดในเชิงประชดประชันและมันก็เป็นความจริงอย่างที่พูด“ไม่ได้อยากเอาชนะ” เสียงทุ้มพูดขึ้นก่อนจะปล่อยมือของฉันให้เป็นอิสระ ตุลเดินไปที่โรงรถปล่อยให้ฉันยืนทื่อกับคำตอบที่เพิ่งจะได้ฟัง ไม่ได้อยากเอาชนะ แล้วต้องการอะไรล่ะ ถ้าบอกว่าชอบฉันขึ้นมาแล้วมันก็ยากที่จะเชื่อนะ … ถ้ามันเป็นแบบนั้นฉันคงดีใจจนพูดไม่ออก เพราะหัวใจของตุลคือสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุด วันต่อมา วันนี้ฉันนัดไนท์ออกมาเลี้ยงข้าวขอบคุณที่เขาช่วย เรานัดเจอกันที่ร้านอาหารหรูชื่อดังใจกลางเมือง ทั้งที่ฉันเป็นคนนัดแท้ ๆ แต่ไนท์ก็มาถึงก่อน เขามาก่อนทุกครั้งที่นัดกัน การมากินข้าววันนี้ฉันไม่ได้บอกตุลเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นอะไรที่ต้องรายงานเขาทุกอย่าง เขาคงไม่ได้อยากรู้ว่าวัน ๆ หนึ่งฉันไปทำอะไรบ้าง “ขอบคุณที่ช่วยพี่นะ ^_^” พอเดินมานั่งที่โต๊ะสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วฉันก็เอ่ยขอบคุณไนท์ “ผมเต็มใจครับ ว่าแต่ตอนนี้พี่ลิลโสดแล้วใช่ไหม” “…” ฉันจะบอกยังไงดีล่ะ สถานะมันก็โสดแต่กำลังจะหมั้นนี่สิ “
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ