[ ปรับปรุงตัวเพื่อเราเหรอ เหอะ ปรับปรุงตัวกับผีสิ เจอเราแล้วมาบอกว่าอยากปรับปรุงตัว กรรมของเราจริงๆที่เจอคนอย่างเขา ]พิมไม่สนใจและไม่เอ่ยอะไรกับเตชินอีก เธอนั่งนิ่งสายตาจดจ่อกับการดูทีวีอย่างเงียบๆโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังดูอะไรดูก็เหมือนไม่ได้ดู ดูไปงั้นๆได้ยินเสียงแต่จับเนื้อหาใจความของเรื่องที่ดูไม่ได้เลยพอนั่งนิ่งๆนานหลายชั่วโมงเข้าเธอก็เริ่มรู้สึกง่วง หนังตาก็ค่อยๆตก หนังตาหนักอึ้งจนลืมแทบไม่ขึ้นแต่เธอก็ยังคงฝืนตัวเองหาวถี่ขึ้น เตชินที่นั่งข้างๆก็เงียบคอยดูคนหัวดื้อ ดื้อรั้นฝืนร่างกายไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนอย่างเงียบๆ ผ่านไปอีกสักพักเขาจึงเอ่ยขึ้น" พิม ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนหน่า ง่วงก็หลับเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก คุณไม่ต้องกลัว "แม้ตากับสมองจะไปประเทศอาหลับ(หลับ)แล้ว แต่ระบทประสาทกับปากและสติสัมปชัญญะของเธอยังทำงานได้ดี เธอจึงเอ่ยเสียงดุใส่เตชินว่า" ฉันไม่ได้กลัวคุณ ฉันแค่ไม่อยากนอนบนเตียงเดียวกันกับคุณ เข้าใจมั้ย "เตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ย" ผมล่ะนับถือสติกับปากของคุณจริงๆ "พิมกลับมาเงียบอีกครั้ง ผ่านไปครึ่งชั่วโมงหนังตาของเธอก็ค่อยๆปิดลงเตชินเห็นดังนั้นก็ไม่กวนใจเธออีกต่อไป
พิมกำลังจะออกจากห้องก็เห็นเตชินเข้ามาซะก่อน เธอจึงเอ่ยขึ้น" ทำไมถึงไม่รอด้านนอกล่ะ "แม้ถ้อยคำและน้ำเสียงของพิมจะไม่ค่อยน่าฟังไม่รื่นหูเท่าไหร่แต่เตชินก็ไม่ได้สนใจอะไร ประมาณว่าคุณอยากพูดแบบไหน ยังไง ก็ตามใจคุณ คุณสบายใจก็ตามสบาย แล้วเขาก็เอ่ยตอบเธออย่างไม่คิดเคืองว่า" ผมอยากนั่งรออดีตภรรยาข้างในมากกว่า "" งั้นคุณก็นั่งรอในนี้เลยนะ "พิมเอ่ยประชด จากนั้นเธอก็เดินผ่านตัวเขาไป เตชินก็หมุนตัวเดินตามพิมออกจากห้องไปพร้อมกับเอ่ย" คงไม่ได้ อดีตภรรยาไปไหน อยู่ไหน ผมก็จะไปที่นั่น "พอออกจากห้องไปแล้วพิมก็เดินไปเคาะห้องป๊อบ ป๊อบเองก็กำลังจะเดินออกจากห้องพอเขาเปิดประตูแล้วมองไปยังเตชิน จากนั้นก็ละสายตาจากเตชินมาเอ่ยกับพิมว่า" ไปกันเลยมั้ยครับ "" ค่ะ "แล้วพวกเขาก็ออกจากโรงแรม เดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าพอไปถึงสถานีปลายทางพวกเขาก็พากันเดินไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าสองหนุ่มก็นั่งประกบพิมไม่ห่าง ซ้ายคน ขวาคน พิมไม่สนใจอะไรแล้วนานๆจะได้มาเที่ยว เธอหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก โดยไม่สนใจสองหนุ่มที่นั่งหน้านิ่งไร้ชีวิตชีวาเธอรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับวิวเมืองนี้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพล
ทั้งสองนั่งรถไฟฟ้ากลับไปยังสถานีเหมือนกับตอนมาพอกลับไปถึงโรงแรมพวกเขาก็เดินเข้าไปในลิฟต์ขึ้นไปยังห้องของตนเองพอลิฟต์ส่งพวกเขาขึ้นไปถึงชั้นห้า ทั้งสองก็เดินออกมาจากลิฟต์ พิมเดินตรงไปยังห้องของตัวเองส่วนเตชินก็ไปเคาะประตูห้องของป๊อบ พอป๊อบมาเปิดประตู เตชินก็ยื่นเค้กให้เขาแล้วเอ่ย" ชิ้นเดียว แต่ให้จากใจ รับไปสิ "ป๊อบมองหน้าเตชินแล้วรับเค้กจากมือของเตชินแบบงงๆพร้อมกับพึมพำในใจด้วยความสงสัย[ เขาจะมาไม้ไหน ]พอป๊อบรับเค้กไป เตชินก็เอ่ยว่า" สงบศึกกันชั่วคราวนะและอาจจะตลอดไปหรือเปล่านั้นค่อยตัดสินใจอีกที อย่างที่คุณเห็น ผลของการไม่ยอมกัน คือพิมเป็นแบบนั้น คุณรักเธอไม่ใช่เหรอ ถ้ารักเธอก็ต้องไม่ทำให้เธอเป็นแบบนั้นอีก "ป๊อบเข้าใจแล้วว่าทำไมเตชินถึงได้เอาเค้กมาให้[ ที่แท้ก็มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงนี่เอง ]ป๊อบยิ้มเย็นแล้วเอ่ย" ถ้าผมไม่ทำตามที่คุณต้องการล่ะ "เตชินยิ้มขึ้นมาจ้องตาป๊อบอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ย" ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้ หากคุณไม่ทำอย่างที่ผมบอก สุดท้ายคุณก็จะถูกพิมเกลียด วันนี้คุณก็เห็นแล้ว พิมไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นความหล่อความรวยไม่สามารถทำให้เธอยอมจำนนได้ มีเพี
เตชินยังคงแกล้งพิมไม่หยุดใช้นิ้วแข็งแกร่งเชยคางเธอขึ้นมาให้สบตากับเขาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเส่าเซ็กซี่ยั่วยวนใจ" คุณขยับตัวไปเรื่อยไม่ได้นะพิม ตัวคุณไปเสียดสีกับน้องชายผมจนเขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นมั้ย แบบนี้คุณจะรับผิดชอบยังไงดีล่ะ "เตชินชอบเวลาที่เห็นพิมเขินอายจนหน้าแดงแบบนี้ เธอดูเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งที่เชื่อฟังอย่างง่ายดายพิมจะหันหน้าไปทางอื่นแต่เตชินกลับจับคางเธอไว้บังคับให้เธอสบตากับเขาอย่างเอาแต่ใจเธอจึงมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าวแล้วเอ่ยขึ้นเสียงดุ ทั้งที่แก้มแดงระเรื่อหมดแล้ว" คุณพูดให้มันดีๆนะ อย่ามาทะลึ่งลามก คุณนี่นับวันยิ่งโรคจิตมากขึ้นเรื่อยๆเลยนะ ปล่อย! "เตชินมองต่ำลงบนใบหน้างาม แววตาสวยขุ่นเคือง บนแก้มแดงระเรื่อ เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน ริมฝีปากเอิบอิ่มอมชมพู ทำให้เขาอดใจไม่ไหว จึงก้มลงมาจูบริมฝีปาก ดูดดุนริมฝีปากนุ่มน่าหลงไหลอย่างทะนุถนอม" อื้อ...อื้ม... "พิมส่งเสียงอู้อี้ออกมาพยายามเบือนหน้าหลบหลีก แต่เตชินกลับจับท้ายทอยเธอไว้ให้เธอรับจูบจากเขา เขาจูบริมฝีปากเอิบอิ่มอยู่นานจนหนำใจจึงถอนริมฝีปากออก แล้วสบตากับเธออย่างหวานซึ้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล" ถ้าการที่ผม
เช้าวันรุ่งขึ้น เตชินตื่นขึ้นมาก็พิมข้อความส่งไปหาผู้ช่วยคัง( คุณคัง คุณช่วยเตรียมเงินหนึ่งล้านบาทมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กโรงเรียนคุณพิมหน่อย ในนามของคุณแม่ และผู้รับจะต้องเป็น ผอ. โรงเรียนเท่านั้น )( ได้ครับ )ผู้ช่วยคังส่งข้อความตอบกลับแล้วเตชินก็ส่งข้อความไปหาผู้เป็นแม่ต่อ( คุณแม่ครับ วันเกิดปีนี้ของคุณแม่ คุณแม่อยากได้พิมเป็นลูกสะใภ้มั้ยคืนครับ )คุณหญิงจารวีนั่งในศาลากลางสวนเห็นลูกชายส่งข้อความมาแบบนั้นก็ดีใจจึงพิมพ์ข้อความส่งกลับไปว่า( อยากได้สิ อยู่ๆลูกส่งข้อความมาหาแม่ มีเรื่องอะไรจะให้แม่ช่วยใช่มั้ย )เตชินไม่รอช้ารีบพิมพ์ตอบกลับผู้เป็นแม่ทันที( ครับ วันเกิดคุณแม่ปีนี้คุณพ่อกับคุณแม่ช่วยไปมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กในโรงเรียนของคุณพิมหน่อยนะครับ แล้วคุณแม่ก็ต้องขอมอบกับ ผอ. เท่านั้นนะครับเพราะตอนนี้ ผอ. อยู่ต่างประเทศกับคุณพิมหากคุณแม่ไม่ให้ความร่วมมืออาจจะไม่ได้ลูกสะใภ้คืนนะครับ )คุณหญิงจารวีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นแล้วเอ่ยถามออกไปว่า( ตอนนี้ลูกอยู่กับหนูพิมหรือเปล่า )( ครับ ดังนั้นมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ผมจะได้อยู่กับพิมลำพังคุณแม่ช่วยผมหน่อยนะครับ )คุณหญิงจ
พิมกลับไปนั่งลงบนเตียง เตชินที่ซ่อนตัวอยู่ก็เปิดประตูออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วมาเอ่ยอย่างไม่พอใจ" พิม คุณทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยนะ "" ไม่ดียังไงคะ "พิมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย เตชินเลยตอบเธอด้วยน้ำเสียงสุขุมเย็นชาแววตาดูไม่พอใจ" รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขโมย เหมือนเป็นชู้ที่ต้องอยู่กับคุณแบบหลบๆซ่อนๆ "พิมมองสีหน้าขุ่นเคืองของเตชิน เธอก็อดขำไม่ได้ จึงขำออกมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ" แล้วใครใช้ให้คุณมาอยู่ห้องฉันล่ะ ทีนี้คุณรู้หรือยัง ว่าการถูกคนที่เรารักไม่เห็นค่ามันเป็นยังไง ถ้าคุณไม่อยากรู้สึกไร้ค่าก็กลับไปอยู่ห้องของตัวเองเลย "เตชินเดินไปนั่งข้างๆพิมยื่นลำแขนอันแข็งแกร่งไปโอบกอดเธอไว้แล้วเอ่ย" ได้ยังไง ในเมื่อเขาที่คุณแคร์ไม่อยู่แล้ว ผมก็ไม่ต้องคอยหลบซ่อนแล้วที่ผมยอมคุณเพราะผมไม่อยากให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ คุณเป็นอดีตภรรยาของผม อนาคตก็จะต้องเป็นแม่ของลูกผม ยอมนิดยอมหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอะไร "พิมหันไปมองเตชินแล้วเอ่ยเสียงขุ่นด้วยแววตาดุ" นี่คุณ พูดดีๆนะ ใครเป็นแม่ของลูกคุณ "เตชินยิ้มแล้วจับเอวพิมยกเธอขึ้นมานั่งบนตักของเขา โอบรัดเธอไว้แน่นด้วยลำแขนสองข้างแล้วโน้มหน้าเข้าไปห
หลังจากทำอะไรเสร็จพวกเขาทั้งสองก็พากันออกไปเที่ยว" คุณอยากเล่นสกีหิมะมั้ย "" ค่ะ "พิมพยักหน้าเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่แสดงออกมารู้สึกตื่นเต้นเตชินจึงเอื้อมมือไปจับมือพิมแล้วจูงเธอไปเล่นสกีหิมะ ทั้งสองเล่นกันอย่างสนุกสนาน แม้พิมจะเล่นไม่เป็นแต่เตชินก็เทรนด์ให้คอยดูแลเธอไม่ห่าง ทั้งสองเล่นสกีกันจนเหนื่อย จากนั้นก็มาปั้นหิมะเล่นต่อ พิมปั้นตัวโอลาฟส่วนเตชินทำหน้าที่ขนหิมะมาให้พิมเพื่อให้พิมเล่นอย่างพอใจจากนั้นพวกเขาก็ถ่ายรูปให้กันและกัน ในโทรศัพท์ของทั้งสองมีทั้งรูปคู่และรูปเดี่ยวเก็บไว้มากมายแล้วเตชินก็เอ่ยถามพิมว่า" คุณเหนื่อยมั้ย แบตเตอรี่ของคุณใกล้จะหมดหรือยัง "พิมพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบว่า" ค่ะเหนื่อยแล้ว งั้นเรากลับไปพักผ่อนกันเลยดีมั้ยคะ พรุ่งนี้จะได้ไปเมืองโลซานน์กันต่อ "" ได้เลยครับ คุณอยากไปไหนผมพาไปได้ทั้งนั้น "พิมยิ้มแล้วเอ่ย" ขอบคุณค่ะ "จากนั้นทั้งสองก็พากันกลับไปยังที่พัก เมื่อถึงโรงแรมที่พวกเขาอยู่ก็ค่ำพอดี พวกเขากลับเข้าไปในห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พิมก็มานั่งลงบนเตียงข้างๆเตชินแล้วกอดแขนเตชินไว้ เอ่ยเสียงอ้อน" ที่รัก เค้าเหนื่อยมากเลยค่ะ เค้าง่วงมากๆด้วย
การจูบที่นุ่มนวลดำเนินไปสักพัก ก็ค่อยๆผละริมฝีปากออก เขาสบตากับพิมแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน" ผมรักคุณนะพิม รักที่สุด รักจนยากจะห้ามใจไหว บางครั้งผมก็สงสัยว่าทำไม ผมถึงได้ลุ่มหลงในตัวคุณขนาดนี้ "พิมยิ้มแล้วเข้าไปกอดคอเขา เอ่ยกระซิบข้างหูเขาเบาๆว่า" ก็เพราะฉันสวยและมีเสน่ห์มากไงคะ "จากนั้นเธอก็ผละตัวออกมานั่งตรงหน้าเขาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนหวานที่เต็มไปด้วยความสดใสน่ารักสบตากับดวงตาคมเข้มที่ทรงพลังอำนาจมากด้วยเสน่ห์น่าดึงดูดของเขาแล้วเตชินก็เอ่ยขึ้น" ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว คุณรู้ตัวบ้างมั้ยว่ายิ้มแบบนี้มันอันตรายต่อตัวคุณแค่ไหน ต่อไปคุณห้ามมองใครแล้วยิ้มให้แบบนี้นะ เขาใจมั้ย "พิมเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยถามขณะที่แขนทั้งสองข้างยังวางบนบ่าของเตชิน" มันอันตรายยังไงคะ "" ก็รอยยิ้มแบบนี้มันทำให้ผมอยากกินคุณ อยากเข้าไปรวมเป็นหนึ่งในตัวคุณ "ได้ยินเตชินพูดจาทะลึ่งหน้าเธอก็อมชมพูระเรื่อขึ้นมาทันที แล้วเอ่ยกลบเกลื่อนความเขินอายว่า" ทะลึ่งละ ฉันนวดให้คุณดีกว่า ไม่อยากคุยกับคุณแล้ว "เอ่ยจบเธอก็ย้ายไปอยู่ข้างหลังของเตชิน ยืนบนหัวเข่านวดหลังนวดไหล่ให้เขาเบาๆเตชินชอบใจมากที่พิมเขินจนหน้าแดง
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ