หลังจากทำอะไรเสร็จพวกเขาทั้งสองก็พากันออกไปเที่ยว" คุณอยากเล่นสกีหิมะมั้ย "" ค่ะ "พิมพยักหน้าเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่แสดงออกมารู้สึกตื่นเต้นเตชินจึงเอื้อมมือไปจับมือพิมแล้วจูงเธอไปเล่นสกีหิมะ ทั้งสองเล่นกันอย่างสนุกสนาน แม้พิมจะเล่นไม่เป็นแต่เตชินก็เทรนด์ให้คอยดูแลเธอไม่ห่าง ทั้งสองเล่นสกีกันจนเหนื่อย จากนั้นก็มาปั้นหิมะเล่นต่อ พิมปั้นตัวโอลาฟส่วนเตชินทำหน้าที่ขนหิมะมาให้พิมเพื่อให้พิมเล่นอย่างพอใจจากนั้นพวกเขาก็ถ่ายรูปให้กันและกัน ในโทรศัพท์ของทั้งสองมีทั้งรูปคู่และรูปเดี่ยวเก็บไว้มากมายแล้วเตชินก็เอ่ยถามพิมว่า" คุณเหนื่อยมั้ย แบตเตอรี่ของคุณใกล้จะหมดหรือยัง "พิมพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบว่า" ค่ะเหนื่อยแล้ว งั้นเรากลับไปพักผ่อนกันเลยดีมั้ยคะ พรุ่งนี้จะได้ไปเมืองโลซานน์กันต่อ "" ได้เลยครับ คุณอยากไปไหนผมพาไปได้ทั้งนั้น "พิมยิ้มแล้วเอ่ย" ขอบคุณค่ะ "จากนั้นทั้งสองก็พากันกลับไปยังที่พัก เมื่อถึงโรงแรมที่พวกเขาอยู่ก็ค่ำพอดี พวกเขากลับเข้าไปในห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พิมก็มานั่งลงบนเตียงข้างๆเตชินแล้วกอดแขนเตชินไว้ เอ่ยเสียงอ้อน" ที่รัก เค้าเหนื่อยมากเลยค่ะ เค้าง่วงมากๆด้วย
การจูบที่นุ่มนวลดำเนินไปสักพัก ก็ค่อยๆผละริมฝีปากออก เขาสบตากับพิมแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน" ผมรักคุณนะพิม รักที่สุด รักจนยากจะห้ามใจไหว บางครั้งผมก็สงสัยว่าทำไม ผมถึงได้ลุ่มหลงในตัวคุณขนาดนี้ "พิมยิ้มแล้วเข้าไปกอดคอเขา เอ่ยกระซิบข้างหูเขาเบาๆว่า" ก็เพราะฉันสวยและมีเสน่ห์มากไงคะ "จากนั้นเธอก็ผละตัวออกมานั่งตรงหน้าเขาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนหวานที่เต็มไปด้วยความสดใสน่ารักสบตากับดวงตาคมเข้มที่ทรงพลังอำนาจมากด้วยเสน่ห์น่าดึงดูดของเขาแล้วเตชินก็เอ่ยขึ้น" ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว คุณรู้ตัวบ้างมั้ยว่ายิ้มแบบนี้มันอันตรายต่อตัวคุณแค่ไหน ต่อไปคุณห้ามมองใครแล้วยิ้มให้แบบนี้นะ เขาใจมั้ย "พิมเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยถามขณะที่แขนทั้งสองข้างยังวางบนบ่าของเตชิน" มันอันตรายยังไงคะ "" ก็รอยยิ้มแบบนี้มันทำให้ผมอยากกินคุณ อยากเข้าไปรวมเป็นหนึ่งในตัวคุณ "ได้ยินเตชินพูดจาทะลึ่งหน้าเธอก็อมชมพูระเรื่อขึ้นมาทันที แล้วเอ่ยกลบเกลื่อนความเขินอายว่า" ทะลึ่งละ ฉันนวดให้คุณดีกว่า ไม่อยากคุยกับคุณแล้ว "เอ่ยจบเธอก็ย้ายไปอยู่ข้างหลังของเตชิน ยืนบนหัวเข่านวดหลังนวดไหล่ให้เขาเบาๆเตชินชอบใจมากที่พิมเขินจนหน้าแดง
พอถึงเขตประเทศไทยท้องฟ้าก็สว่างพอดี เครื่องบินก็ร่อนลงจอดเมื่อถึงสนามบิน ประตูเครื่องบินเปิดผู้โดยสารเริ่มทยอยกันลุกออกจากที่นั่งหยิบกระเป๋าสัมภาระเล็กน้อยมาไว้กับตัวแล้วเดินออกไปพิมกับเตชินออกจากเครื่องบินแล้วเดินไปรอเอากระเป๋าที่โหลดไว้ พอเห็นกระเป๋า พิมก็เดินไปหยิบออกมาไม่นานของเตชินก็เลื่อนมาถึงเช่นกัน ทั้งสองหยิบกระเป๋าออกมานั่งคุยกันตรงที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร เตชินก็เอ่ยถามขึ้น" พิมที่เราใช้ชีวิตกันที่นั่นในฐานะสามีภรรยาตลอดสิบห้าวันมานี้มันไม่ทำให้คุณอยากจะกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเลยเหรอ "พิมมองเตชินด้วยแววตาแน่วแน่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำอย่างเย็นชา" ฉันคิดว่าฉันให้คำตอบคุณแล้วนะคะ การกระทำของฉันในคืนวันสุดท้ายเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว คุณไม่ได้ฉลาดน้อยหนิคุณจะไม่รู้ได้ยังไง "" คุณจะไม่ให้โอกาสผมได้ปรับปรุงตัวเพื่อคุณเลยเหรอ "พิมนั่งหน้านิ่งแล้วเอ่ยด้วยถ้อยคำเย็นชา" โอกาสฉันเคยให้คุณแล้วค่ะ แต่คุณไม่รักษามันไว้เอง อีกอย่างมันทำให้ฉันรู้ว่า ตัวตนและนิสัยที่แท้จริงของคุณ ฉันอยู่ด้วยไม่ได้จริงๆค่ะ "เตชินจ้องหน้าพิมโดยไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ไม่ว่
เห็นพิมเดินกลับเข้ามาคนเดียว ผู้ช่วยคังจึงรีบออกไปหาเตชินทันทีป๊อบจ้องหน้าพิมอย่างเงียบๆพิมจึงหันมายิ้มอ่อนให้เขาแม้ทุกคนจะอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่เอ่ยถามแม่มะลิเห็นว่าบรรยากาศมันดูอึมครึมจึงเอ่ยขึ้น" พิมในเมื่อรับเสร็จแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะนะลูกวันนี้พ่อกับแม่มีเซอร์ไพรส์ให้ลูกด้วยนะ "ได้ยินดังนั้นพิมก็ยิ้มขึ้นแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น" จริงเหรอคะ ชักอยากรู้แล้วสิว่าเซอร์ไพรส์ของพ่อกับแม่คืออะไร "" ถ้างั้นก็กลับบ้านกันเถอะ แต่ว่า ลูกต้องเอาผ้ามาปิดตานะ ระหว่างทางลูกก็หลับพักสายตาเลย "" หูว...ดูแล้วต้องเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากจริง ถึงกับต้องปิดตาเนี่ย "แม่มะลิยิ้มแล้วเอ่ย" แน่นอนจ้า งั้นลูกหลับตาเลยนะ เดี๋ยวแม่จะเอาผ้ามาปิดตาให้ "" ได้ค่ะ "จากนั้นแม่มะลิก็นำผ้าสีดำมาปิดตาพิมไว้แล้วจับมือลูกสาวให้ลุกขึ้นแล้วพาไปขึ้นรถทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับไปที่รถของตัวเองให้พ่อแม่ลูกเขาได้อยู่ด้วยกันจากนั้นดำรงค์ก็ขับรถพาครอบครัวของพิมกลับไปยังบ้านหลังใหม่แม่มะลินั่งจับมือลูกสาวตลอดทาง พอกลับไปถึงบ้านหลังใหม่พ่อคำก็ลงมาเปิดประตูให้แม่มะลิ แล้วแม่มะลิก็พาพิมลง
พอตกเย็น พ่อคำก็เดินมาหาแม่มะลิที่อยู่ในครัวที่กำลังยุ่งกับการทำอาหารอยู่" แม่ อีกเดี๋ยวเจ้านายของคุณดำรงค์ก็มาแล้ว พ่อว่าเราออกมารอต้อนรับเขาก่อนดีกว่า "แม่มะลิที่ทำอาหารอยู่จึงเอ่ยตอบพ่อคำว่า" ได้ๆ พ่อออกไปรอในห้องรับแขกก่อนเลย เดี๋ยวจะตามออกไป เออ...พ่อ ลูกพิมนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียวพ่อลองไปดูเธอหน่อย "พ่อคำผงกหัวเบาๆแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องครัว แม่มะลิรู้ดีว่าพิมเครียดเรื่องหนี้สามสิบล้านพิมนั่งดูทีวีอย่างเงียบๆเพื่อให้สมองผ่อนคลายไม่เครียดกับหนี้ก้อนโตนี้พ่อคำเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆพิมจากนั้นก็เอ่ยขึ้น" ลูกพิมเราออกไปต้อนรับเจ้านายของคุณดำรงค์กันเถอะ "ได้ยินดังนั้นพิมหันไปเอ่ยถามผู้เป็นพ่อว่า" เขามาถึงแล้วเหรอคะ "" เมื่อกี้คุณดำรงค์โทรมาบอกว่ามาใกล้จะถึงแล้ว เมื่อเขามาที่บ้านเรา เราก็ควรจะต้อนรับเขาอย่างให้เกียรตินะลูก ไม่ทำหน้าบึ้งใส่แขกนะ "" ค่ะ งั้นก็ออกไปกันเถอะ "พิมเอ่ยตอบอย่างเชื่อฟัง เธอถูกสอนเรื่องการเคารพให้เกียรติผู้อื่นตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะแขกที่มาบ้านแล้วสองพ่อลูกก็ลุกขึ้นเดินออกไปรอหน้าบ้านทันทีที่พิมออกมาข้างนอก เธอก็ถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง แ
พอฟ้ามืดสนิท แม่มะลิก็ให้เตชินกับผู้ช่วยคังขึ้นไปนอนห้องข้างบน ข้างๆห้องพิม แต่เตชินกลับเอ่ยว่า" ผมขอนอนห้องเดียวกับพิมครับ "ได้ยินดังนั้นสีหน้าแม่มะลิ ก็ดูอึดอัดใจเล็กน้อยเพราะกลัวพิมจะไม่ยอม เตชินเห็นดังนั้นจึงเอ่ยว่า" คุณแม่ไม่อยากอุ้มหลานเร็วๆเหรอครับ "พ่อคำที่เดินมาข้างหลังได้ยินเข้าดวงตาก็เป็นประกายแพรวพราวแล้วเอ่ยขึ้นว่า" แม่ไม่ต้องไปห่วงหรอก พวกเขาเป็นสามีภรรยากันมีโกรธมีงอนกันเป็นเรื่องปกติให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ปรับความเข้าใจกันน่ะดีแล้ว หรือคุณยังไม่อยากมีหลาน แต่ผมอยากมีแล้วนะไหนๆลูกพิมก็เรียนจบแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรอีกทุกอย่างมีพร้อมแล้ว ถ้าลูกมีหลานให้เราอุ้มไม่ดีเหรอ "แม่มะลิหันไปมองสามีด้วยความลังเลใจแล้วเอ่ยอย่างลำบากใจ" ดีน่ะ ดีค่ะแต่ลูกเรานี่สิ "" คุณแม่ไม่ต้องห่วงครับ ผมเอาพิมอยู่ ผมจะง้อเธอให้สำเร็จครับ "เตชินมองแม่มะลิแล้วเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นด้วยความมั่นใจแม่มะลิเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าเบาๆแล้วเอ่ย" งั้นก็ฝากลูกพิมด้วยนะคะ ค่อยๆพูดค่อยๆปรับความเข้าใจกันคนอย่างลูกพิมต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบเท่านั้น คุณเตชินต้องพยายามใจเย็นๆหน่อยนะคะ "" ได้ครับ คุณแม่ว
เตชินนั่งคิดทบทวนคำพูดของพิมสักพัก จากนั้นเขาก็เดินไปหาพิมแล้วช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนเพื่อพาเธอกลับมานอนบนเตียงดีๆ แต่ดันเห็นพิมร้องให้ พิมรีบใช้นิ้วปาดน้ำตาทิ้งแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชาโดยไม่มองหน้าเตชิน" คุณจะทำอะไร "เตชินจ้องหน้าคนในอ้อมแขนแล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณร้องให้เหรอ "" เปล่า "พิมเอ่ยปฏิเสธอย่างเย็นชา[ โง่หรือไงเห็นแล้วยังจะมาถามอีก ]พิมแอบด่าในใจด้วยความรู้สึกอายที่ถูกจับได้แบบนี้" ยังจะมาปฏิเสธอีก "เตชินเอ่ยพร้อมกับอุ้มพิมเดินมาวางลงบนเตียง แล้วพิมก็กระเถิบขึ้นไปพิงหัวเตียงแล้วเอ่ย" ฉันร้องให้หรือไม่ร้องให้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ "พิมเอ่ยเสียงเย็นมองเตชินด้วยแววตาเย็นชา เตชินจึงเอ่ยตอบเธอว่า" เกี่ยวสิ ก็เราเป็นสามีภรรยากัน "" ใช่สิ ฉันลืมไปเลยว่าตัวฉันเป็นของคุณ "พิมเอ่ยประชดให้ตัวเองดูต่ำต้อยไร้ค่าถ้อยคำบาดใจกับน้ำเสียงและสีหน้าที่สุดแสนจะเย็นชาทำให้เตชินรู้สึกปวดใจเขารู้สึกผิดและนึกเสียใจที่ไม่ได้รับปากเธอทันที เขารู้ว่านี่คือการลงโทษของพิม เขาเลยยอมรับแต่โดยดี จากนั้นเขาก็ขึ้นไปบนเตียงนั่งตรงหน้าเธอแล้วจึงเอ่ยอธิบายกับเธอด้วยน้ำเสียงจริงใ
เช้าวันต่อมา พิมตื่นแต่เช้า เตรียมตัวไปสอนตามปกติ เตชินนอนบนเตียงมองพิมที่กำลังแต่งตัวด้วยความเป็นห่วงเห็นเธอต้องตื่นแต่เช้าอุ้มลูกในท้องไปโรงเรียนแบบนี้เขารู้สึกไม่ดีเลยเขาลุกมานั่งมองพิมแต่งตัวอยู่สักพักแล้วเอ่ยถามขึ้น" พิม ตั้งแต่คุณท้องลูกคุณก็ตื่นเช้าไปทำงานแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ "พิมจึงเอ่ยตอบเขาโดยไม่ได้หันไปมองเขา" ใช่ค่ะ "แล้วเขาก็เอ่ยถามต่อว่า" ลาหยุดไม่ได้เหรอพิม คุณท้องลูกของเราอยู่นะ ผมเป็นห่วงคุณกับลูก "พิมแต่งตัวเสร็จจึงไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเอ่ยตอบเขาไปว่า" ฉันจะลาหยุดได้ยังไงคะ ถ้าฉันลาหยุดใครจะสอนเด็ก คุณไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ตอนนี้ฉันยังไหว รอให้ถึงวันคลอดก่อนค่อยลา จะได้อยู่กับลูกนานๆหน่อย "เตชินลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามานั่งข้างพิมเอามือมาลูบท้องของเธอเบาๆแล้วเอ่ย" แต่ผมอยากให้คุณพักจะได้มีเวลาดูแลลูกในท้อง เข้าคอสเรียนสำหรับคุณแม่มือใหม่ "พิมหันไปมองเขาแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยว่าเขารู้เรื่องเกี่ยวกับพวกนี้ได้อย่างไร" คอสเรียนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เหรอ "เตชินพยักหน้าตอบเบาๆ" คุณรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไงคะ "เขายิ้มขึ้นแล้วเอ่ยตอบพิมว่า
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ