หนึ่งเดือนต่อมา.............โรงเรียนJK บนห้องเรียนชั้นสาม หลังจากที่นักเรียนออกจากห้องไป พิมก็เดินไปยืนเอาไหล่พิงขอบหน้าต่างในห้องเรียนแววตาตาเศร้าหมองทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยเอ่ยพึมพำในใจเบาๆ[ คุณเตชิน ฉันเคยคิดจะลองใจคุณด้วยวิธีสกปรกนี้ คิดว่าคุณกลับใจรักฉันอย่างจริงจังสุดท้ายฉันก็ล้มเลิกความคิด เพราะรู้สึกผิดต่อคุณ แต่ไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนกลับกลอกเอาแน่เอานอนเชื่อไม่ได้แบบนี้ ต่อหน้าให้คำมั่นสัญญาไว้ดิบดีราวกับว่ารักนักหนา ลับหลังแล้วกลับทรยศหักหลังความไว้เนื้อเชื่อใจของฉันอย่างไม่ใยดี คุณคงเห็นว่าฉันเป็นแค่ผู้หญิงจนๆคนหนึ่งสินะ ถึงย่ำยีศักดิ์ศรีฉันอย่างไม่เกรงใจ ถูกป้อนด้วยถ้อยคำหวานเพียงไม่กี่คำก็เคลิ้มตาม หลอกกี่ครั้งก็เชื่อ คุณคงจะสะใจ ภูมิใจมากสินะ ที่ได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีฉันครั้งแล้วครั้งเล่าฉันแบบนี้ หลังจากนี้ฉันจะทำให้คุณรู้ว่าคนจนๆอย่างฉันก็มีหัวใจมีเกียรติมีศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกับคุณ ฉันจะไม่เสียใจอีกเลยสักนิด จะไม่หลั่งน้ำตาอีกสักหยด คุณจะเป็นเพียงเชื้อโรคที่น่าสะอิดสะเอียนที่ฉันรังเกียจที่สุด ]ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งกำขอบหน้าต่างแน่น แรกๆรู้สึกเศร้า
ในเช้าวันต่อมา......ป๊อบขับรถมารับพิมที่บ้านแล้วไปส่งเธอเรียนตามปกติหลังจากเรียนเสร็จพวกเขาก็ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะในเมืองพากันให้อาหารนกให้อาหารปลาแล้วก็กลับมานั่งพักบนเก้าอีกใต้ต้นไม้" ฉันอยู่เชียงใหม่มาตลอด ไม่เคยมาเดินเล่นที่นี่เลย ไม่คิดว่าข้างในจะร่มรื่นขนาดนี้ "พิมเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มอย่างอารมณ์ดีดูสบายใจสุดๆ ป๊อบจ้องหน้าเธอแล้วยิ้มอ่อนจากนั้นก็เอ่ย" คุณชอบก็ดีแล้ววันหลังถ้าคุณเรียนเสร็จเราก็มาเดินเล่นผ่อนคลายกันกันที่นี่ดีมั้ย "พิมหันไปยิ้มให้เขาแล้วเอ่ย" ค่ะ เรียนมาเหนื่อยๆมานั่งผ่อนคลายชมธรรมชาติเดินเล่นเพลินๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน กลับไปถึงบ้านจะได้สลบเลย "" คุณนั่งรอก่อนนะเดี๋ยวผมขอไปซื้อน้ำก่อน "พิมเผยใบหน้างามยิ้มละมุนพยักหน้าป๊อบแล้วเอ่ย" ได้ค่ะ "ป๊อบลุกขึ้นเดินออกไปซื้อน้ำ พิมนั่งไขว่ห้างเอนหลังพิมเก้าแล้วเก็บมือเข้ามากอดอกทอดสายตามองไปข้างหน้าอย่างเพลินๆ มองดูผู้คนที่กำลังเดิน กำลังวิ่งออกกำลังกายและปั่นจักรยานกัน ตามถนนท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้รอบๆโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังแอบมองเธออยู่ห่างๆอยากจะเข้าไปหาเธอใจแทบขาดแต่ก็ไม่กล้า ยิ่งเห
เตชินไปเคาะประตูห้องพิม พิมที่อยู่ด้านในก็นึกว่าเป็นแม่เธอมาเคาะประตูอีกจึงวางมือจากงานบนโต๊ะแล้วเดินมาเปิดประตู ทันทีที่เห็นเตชินเธอก็ตะลึงอึ้งไปสองวิแล้วเธอก็รีบปิดประตูหนีคนตัวใหญ่ที่จ้องหน้าเธอด้วยแววตาแข็งกร้าวอย่างถมึงทึง เตชินเห็นเธอจะปิดประตูหนีเขาก็ยิ่งไม่พอใจโกรธมากขึ้นกว่าเดิม ฝ่ามือใหญ่จับขอบประตูไว้ไม่ให้พิมปิดประตูได้แล้วมืออีกข้างก็จับข้อมือพิมไว้แล้วผลักเธอกลับเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ล็อคประตูไว้แน่นสนิท ดวงตาพิมเบิกกว้างจ้องเขาอย่างหวาดกลัวแล้วเอ่ยพร้อมกับถอยหลังไป" คุณเตชิน คุณบ้าไปแล้วหรือไง ถึงได้บุกบ้านคนอื่นโดยพลการแบบนี้ "เตชินไล่ต้อนพิมที่กำลังถอยอย่างช้าๆแต่กลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันแววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ" ใช่ ผมบ้าไปแล้ว ผมบ้าไปแล้วเพราะคุณนั่นแหละ "พิมจ้องหน้าเตชินอย่างเย็นชาแม้เธอจะกลัวเขาแค่ไหนแต่เธอก็ไม่แสดงออกเลยสักนิด" คุณจะบ้าเพราะฉันได้ยังไง ฉันไปทำอะไรให้คุณ คุณบ้าเพราะคุณทำตัวเองต่างหาก "เตชินยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างร้ายกาจแล้วเอ่ยเสียงเยือกเย็นด้วยสีหน้าดุดัน" คุณถามว่าคุณทำอะไรผมงั้นเหรอ ดูเหมือนคุณจะยังไม่รู้ตัวนะว่าไปทำอะไรผิดมา "" คุณเ
ในตอนเช้าพิมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอก็ค่อยๆฝืนร่างตัวเอง ลุกขึ้นลงจากเตียงเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอย่างปวดเมื่อยยืนมองตัวเองในกระจก บนตัวเต็มไปด้วยรอยกัดฟกช้ำดำเขียวเป็นจ้ำๆตรงบริเวณคอเต็มไปด้วยรอยดูดของเตชิน เนื้อตัวตัวก็ปวดระบมไปทั้งตัว[ คุณเตชิน ฉันจะต้องทำยังไง ถึงจะหนีคุณพ้น จะต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมออกไปจากชีวิตฉันไป ]เธอยืนพึมพำด้วยแววตาเศร้า วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน ไม่มีแรงที่จะไปเรียนแล้ว จะอยู่บ้านก็ไม่ได้เพราะมีเตชินอยู่และจะให้ป๊อบมาเจอกับเตชินไม่ได้ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งปวดหัวแล้วเธอก็ยื่นมือไปเปิดฝักบัวอาบน้ำอย่างเงียบๆ เตชินที่เพิ่งตื่นก็ได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำจึงลุกมานั่งรอ พิมอาบน้ำเสร็จ สักพักประตูห้องน้ำก็เปิดออก พิมเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผมเปียกปอน บนตัวมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อหุ้มร่างกายเธอไว้เตชินหันมองไปยังพิมที่มีสีหน้านิ่งอย่างเย็นชาแล้วเขาก็ลงจากเตียงเดินเข้าไปหาเธอยื่นแขนเข้าไปกอดรักเอวเธอจากด้านหลังแล้วหอมแก้มเธอ" ตัวคุณหอมจังเลยพิม "" ปล่อย "พิมเอ่ยออกมาเสียงเย็นด้วยสีหน้านิ่งแววตาเย็นชาอย่างไร้อารมณ์เตชินยังคงกอดพิมไว้แล้วเอ
พ่อคำกับแม่มะลิกลับมาที่บ้าน เดินเข้าไปดูในครัวเห็นข้าวกับกับข้าวยังไม่มีร่องรอยการกินเลยจึงเดินไปเคาะประตูห้องลูกสาวแล้วเอ่ยขึ้น" พิม ตื่นหรือยังลูก "พิมได้ยินเสียงแม่ เธอก็รีบไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกมาเปิดประตูให้แม่แม่มะลิมองหน้าลูกสาวที่ตาบวมแดงก็เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง" ลูกเป็นอะไร ร้องให้เหรอ ลูกร้องให้ทำไม "พิมยิ้มขึ้นแล้วเอ่ย" หนูแค่ปวดหัวค่ะแม่ ไม่สบายนิดหน่อย นอนพักสักหน่อยก็น่าจะดีขึ้นค่ะ "แม่มะลิได้ยินดังนั้นก็ไม่ถามอะไรอีก แต่กลับเอ่ยว่า" เมื่อคืนแม่ขอโทษนะที่ไม่ได้กลับมานอนบ้านพ่อกับแม่คุยงานกับลุงดำรงค์ แล้วดื่มมากไปหน่อย พอเมาแล้วก็เผลอหลับบ้านเขาเลย "ความจริงดำรงค์นั้นวางยานอนหลับไว้ในเครื่องดื่มของทั้งสองต่างหากพิมยิ้มแล้วเอ่ยอย่างเข้าใจ" แม่จะมาขอโทษหนูทำไมละคะ หนูโตแล้ว นานๆทีเห็นพ่อกับแม่ออกไปดื่ม ดีซะอีก แม่กับพ่อจะได้ไปเปิดหูเปิดตาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง "แม่มะลิพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อ" งั้นลูกพักผ่อนนะ เดี๋ยวแม่จะไปเอายามาให้ "" หนูกินยาแล้วค่ะ แม่นั่นแหละกินข้าวแล้วพักผ่อนเถอะ "" ได้ งั้นลูกนอนพักซะนะแม่ไม่กวนแล้ว "พิมพยักหน้าเบาๆแล้วแม่มะลิ
ป๊อบกำลังขับรถกลับไปที่พัก ระหว่างทางเขาหันมาเอ่ยถามพิมว่า" คุณชอบที่นี่มั้ย "พิมพยักหน้าแล้วเอ่ย" ชอบค่ะ สวยดี ขอบคุณมากนะคะที่พาพิมมาสัมผัสหิมะสวยๆในช่วงนี้ "" ถ้าคุณชอบ งั้นพรุ่งนี้เราไปเที่ยวที่เมืองเซอร์แมทกันต่อนะ ที่นั่นสวยมากบ้านทำด้วยไม้ เป็นเมืองปลอดมลพิษ ผมจะพาคุณไปนั่งรถไฟฟ้า นั่งชมวิวสวยๆบนกระเช้าลอยไฟ "" ค่ะ "พิมพยักหน้าให้เขาเบาๆ แล้วบรรยากาศในรถก็กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้งไม่นานป๊อบก็ขับกลับมาถึงที่พักแล้วเข้าไปจอดรถในที่จอดของโรงแรม พิมก็เปิดประตูลงจากรถป๊อบเดินเข้ามาหาเธอแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง" หนาวมั้ย "เธอพยักหน้า แล้วป๊อบก็ยื่นแขนเข้ามาโอบไหล่เธอพร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยน" ขออนุญาตนะ "พิมเงยหน้ามองเขาแบบอึ้งๆสุดท้ายเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา ป๊อบดีใจมากที่เธอไม่ปฏิเสธ เขาเอานิ้วไปแตะจมูกเธอเบาๆแล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวล" จมูกสวยๆของคุณเย็นจนแดงหมดแล้ว รีบเข้าไปข้างในเถอะ "" ค่ะ "แล้วพวกเขาก็เดินกอดกันเข้าไปในโรงแรมที่พักอยู่ เตชินกำลังขับรถกลับเข้ามาจอดพอเห็นทั้งสองคนเดินกอดกันสีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที[ คุณก็พักโรงแรมน
พิมเชื่อเขาก็โง่แล้ว ไม่กลัวเขาแล้วเธอควรจะกลัวใครล่ะเธอจับไปที่ลูกบิดก้านโยกแล้วเปิดประตูหมุนตัวก้าวออกไปจากห้องแต่เตชินกลับคว้าเอวเธอไว้แล้วจับก้านโยกของประตู จากนั้นก็ยกเธอขึ้นมาแบกไว้บนบ่าแล้วล็อกประตูไว้แน่น" คุณเตชิน คุณปล่อยฉันลงนะ "เตชินยกมุมปากขึ้นแล้วเอ่ย" หึ ปล่อยคุณ คุณก็หนีผมไปน่ะสิ ผมอุตส่าห์มาหาคุณถึงห้องคุณจะแล้งน้ำใจไปไหน ให้ผมนอนด้วยแค่คืนเดียวก็ไม่ได้ เกินไปมั้ย ในฐานะคนไทยด้วยกัน "" คุณพล่ามอะไร ปล่อยฉันลง ฉันเดินเองได้ คุณอยากนอนก็นอนเลย ตามใจคุณ "พิมที่อยู่บนบ่าของเตชินเอ่ยเสียงขุ่นอย่างหงุดหงิด เตชินเดินมาที่เตียงแล้ววางพิมนอนราบลงบนเตียงพิมรีบลุกขึ้นกระเถิบถอยห่างจากเขาทันทีแล้วเอ่ยเสียงแข็งด้วยแววตาดุดัน" คุณเตชิน คุณอย่าคิดทำอะไรฉันเด็ดขาดนะ หากคุณรักฉันจริง คุณต้องให้เกียรติฉันสิ "ยามคับขันเธอก็ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน ในเมื่อเธอไม่มีทางเลือก หากเขาแค่ขอนอนเฉยๆเธอก็ต้องจำใจยอมให้เขานอนเตชินขึ้นมานั่งบนเตียงจ้องคนที่กระเถิบไปชิดหัวเตียงด้วยท่าทางหวาดกลัว เขาก็ยิ้มขึ้นมาแล้วเอ่ย" คุณ ผมไม่ใช่ผีนะ คุณไม่ต้องกลัวผมขนาดนั้นก็ได้มั้ง "พิมยังคงนั่ง
ตอนค่ำๆเสียงโทรศัพท์ของพิมก็ดังขึ้น เธอก็เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเตชินหยิบโทรศัพท์ของพิมมาดู เห็นชื่อป๊อบปรากฏบนหน้าจอที่โทรเข้าเขาจะกดรับสายแต่พิมกลับเอ่ยขึ้นเสียงขุ่นพร้อมกับลุกมานั่งพิงหัวเตียงทำตาดุใส่เขา" อย่ารับนะ เอาคืนมานี่ แล้วเงียบๆด้วย "เธอแย่งโทรศัพท์คืนจากมือของเตชินแล้วกดรับสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อน" ค่ะ คุณป๊อบ "ป๊อบที่อยู่ปลายสายก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยเจือความรู้สึกเป็นห่วง" ทำไมคุณรับสายช้า หลับเหรอ ไม่สบายหรือเปล่า "" ใช่ค่ะ ฉันหลับอยู่ คุณไม่ต้องห่วงค่ะฉันสบายดี "" ครับ ตอนนี้ก็ค่ำแล้วคุณหิวหรือยังเราออกไปทานข้าวข้างนอกกันมั้ย "" ได้ค่ะ งั้นวางสายเลยนะคะ พิมจะออกไปแล้ว "" ครับ "แล้วพิมก็กดวางสายไป จากนั้นเธอ ก็หันไปมองเตชินที่นั่งข้างๆ แล้วเอ่ย" ฉันจะไปทานข้าวข้างนอกกับคุณป๊อบ คุณกลับไปหาผู้หญิงของคุณซะ ป่านนี้เธอคงอยู่ไม่สุขแล้ว "" ผมไปด้วย "เตชินเอ่ยขึ้นขอไปด้วยอย่างหน้าตาเฉย" ไม่ได้ "พิมรีบปฏิเสธเสียงเข้มพร้อมกับทำตาดุ" คุณจะไปทานข้าวที่ไหน "" ฉันไม่รู้ "พิมเอ่ยตอบอย่างเย็นชา แล้วลุกไปเปลี่ยนชุดเตชินก็ไม่ถามเซ้าซี้อะไรเธออีก แต่กลับเอ่ย"
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ