พอค่ำๆ พิมก็รู้สึกตัวขึ้นมา เธอรู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรหนักๆใหญ่ๆมาทับเอวของเธอเธอจึงค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วจับไปที่ลำแขนของเตชินที่นอนกอดรัดเอวของเธอพอรู้ว่าเป็นมือคนเธอก็ตกใจแต่กลับเรียกสติกลับมาโดยเร็ว ไม่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาใดๆแล้วเธอค่อยๆขยับตัวลงจากเตียงเดินย่องไปหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าอย่างระมัดระวังแล้วยื่นมือไปเปิดไฟสว่างจ้าทั่วห้อง แล้วเธอก็มองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงดังด้วยน้ำเสียงดุ อาวุธในมือก็พร้อมที่จะใช้งาน" นี่! ไอ้โรคจิต! นายเป็นใคร เข้ามานอนในห้องฉันได้ยังไง "เตชินลืมตาขึ้นแล้วเลิกผ้าห่มที่คลุมหัวออก เอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงีย" อะไรของคุณ จำผมไม่ได้แล้วเหรอ "" คุณเตชิน!!! "ทันทีที่เห็นเตชินพิมก็เอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงดังดวงตาพิมเบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นตกใจ เตชินมองไปยังเธอแล้วเอ่ยตอบอย่างใจเย็น" ใช่ ผมเอง "" คุณ คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง คุณออกไปเลยนะ "" อะไรของคุณน่ะพิม กลับมาถึงก็ไล่ผมเลย ผมมาที่นี่ตั้งใจมาหาคุณนะ ไล่ผมไปไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ "ได้ยินดังนั้นพิมจึงเอ่ยตอบโต้ด้วยสีหน้าดุดัน" คุณบอกมา ว่าเข้าม
ในวันรุ่งขึ้นพิมตื่นขึ้นมาก็เอ่ยกับเตชินที่นอนกอดเธอว่า" คุณได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว บอกมาว่าคุณเอาพ่อกับแม่ฉันไปซ่อนไว้ไหน "เตชินที่นอนโอบกอดเธอจากด้านหลังไม่ตอบอะไรแต่กลับกอดเธอแน่นขึ้นพิมจึงเอ่ยถามอีกครั้งอย่างใจเย็นว่า" คุณเตชิน คุณบอกฉันมาว่าพ่อกับแม่ของฉันอยู่ไหน พวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องของเราคุณอย่าเอาพวกเขาเข้าไปเกี่ยวด้วยได้มั้ย "เตชินเอ่ยตอบพิมด้วยน้ำเสียงงัวเงียว่า" อืม...ผมไม่เคยดึงพวกเขามาเกี่ยวอยู่แล้วคุณไม่ต้องห่วง ยังไม่สว่างเลย คุณมาหลับต่ออีกหน่อยนะ "" ฉันนอนไม่หลับแล้ว คุณหลับเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำ ถ้าตื่นแล้วก็ปล่อยพ่อกับแม่ของฉันกลับมาแล้วคุณก็รีบกลับไปอยู่แฟนของคุณซะอย่าให้เธอรู้เรื่องของเราวันนี้เพราะฉันไม่อยากเอาชีวิตของฉันไปเสี่ยงตายกับเรื่องของคุณอีก "พิมเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา เตชินรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เย็นชาของเธอ เขาจึงลืมตาขึ้นแล้วเอ่ย" คุณไม่ต้องห่วงนะพิม มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณอีก และผมก็ไม่ได้มีแฟนใหม่ด้วยวันนั้นผมแค่รู้สึกน้อยใจ ไม่คิดว่าคุณจะทำตัวห่างเหินกับผมขนาดนั้นแถมยังไม่มีทีท่าว่าจะหึงผมกั
ณัชชาปล่อยตัวโทรม กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนขอบตาดำหน้าซีดกลางวันทำงานพอตกกลางคืนก็เอาแต่ดื่มย้อมใจราวกับไว้อาลัยให้ความเจ็บปวดในห้องคนเดียวสามวันต่อมา..........พ่อคำกับแม่มะลิก็กลับมา พอเดินขึ้นมาบนบ้านก็เห็นเตชินยังอยู่พวกเขาแปลกใจเล็กน้อยเตชินนั่งทำงานอยู่ เห็นพ่อคำกับแม่มะลิเขากลับมา เขาก็เอ่ยทักขึ้น" กลับมาแล้วเหรอครับ "" จ้ะ "แม่มะลิเอ่ยตอบ จากนั้นก็เอ่ยถามเตชินว่า" คุณทานข้าวเช้าหรือยังคะ ถ้ายังเดี๋ยวแม่จะไปทำให้ "เตชินยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเอ่ย" ทานเรียบร้อยแล้วครับ "ส่วนพ่อคำก็กวาดสายตามองไปรอบๆแล้วเอ่ยถามขึ้น" ลูกพิมล่ะ ไปโรงเรียนเหรอ "" ใช่ครับ "พ่อคำพยักหน้าเบาๆแล้วหันไปเอ่ยกับแม่มะลิว่า" แม่เราไปเก็บของอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนดีกว่า "" ได้ค่ะ "แล้วทั้งสองก็กลับเข้าไปในห้องของตัวเองแม่มะลิกับพ่อคำเริ่มรู้สึกชอบเตชินอย่างมาก การวางตัวการพูดจาสุภาพนอบน้อมทำให้พวกเขายอมรับการมีอยู่ของเตชินโดยไม่รู้ตัวตอนเย็นพิมก็ขับรถกลับเข้ามาจอดในที่จอดรถ แล้วเปิดประตูลงจากรถเดินมาถอดรองเท้าก้าวขึ้นบันไดไปพอขึ้นมาถึงบนบ้านเธอเห็นเตชินยังคงนั่งหน้านิ่งจดจ่ออยู่กับงานในโ
เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ มาถึง พิมกับเตชินก็พากันตื่นแต่เช้ามืด มาเป็นลูกมือให้พ่อคำกับแม่มะลิทำอาหารพอทำอาหารเสร็จแม่มะลิกับพิมก็ตักอาหารใส่กล่องแล้ววางลงในตะกร้าใบใหญ่เตชินกับพ่อคำทำหน้าที่ขนของขึ้นไปไว้ท้ายรถกระบะพอฟ้าสางพวกเขาก็ขึ้นรถแล้วออกเดินทาง เตชินอาสาขับรถให้ทุกคนรถกระบะคันนี้เป็นของพิมที่เพิ่งซื้อมาใหม่เป็นรถกระบะใหญ่สี่ประตูลุยได้ทั้งในเมืองและในสวนระหว่างทางเตชินหันมาถามพิมว่า" คุณไปไร่เข้าสวนบ่อยเหรอ "พิมจึงเอ่ยตอบว่า" ตอนเด็กบ่อย แต่พอโตมาไม่ค่อยมีเวลาแล้ว ไม่ได้มานานหลายปีแล้ว คุณถามทำไม "เตชินยิ้มละมุนแล้วเอ่ยตอบ" ผมแค่สงสัย คุณเป็นคนที่ผิวสวยเนียนนุ่มมากไม่เหมือนคนทำไร่ทำสวนทั่วไป "คำว่าเนียนนุ่มมาก พิมรู้สึกว่ามันเป็นคำพูดที่ล่อแหลมจึงมองตาเขียวใส่เขาเพื่อเตือนเขาให้ระวังคำพูดต่อหน้าพ่อแม่เขาเตชินเห็นดังนั้นก็ไม่อยากแกล้งเธอต่อ จึงยิ้มแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง" อยากรู้เรื่องของคุณให้มากขึ้น จะว่าไปผมอิจฉาคุณนะ ที่มีช่วงเวลาได้อยู่กับธรรมชาติได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ผมน่ะนอกจากเรียนแล้วก็ต้องเข้าศึกษาเรียนรู้งานในบริษัทตั้งแต่เด็ก ไม่มีเวลาออกไปไหนเลยต้องรอ
หลังจากทานข้าวเสร็จ พ่อคำก็เอ่ยกับพิมว่า" พิมลูกพาคุณเตชินไปเก็บตรอว์เบอร์รี่ที่ไร่โน้นสิ จะได้เก็บไปฝากพ่อแม่ของเขาด้วย ส่วนพ่อกับแม่จะไปเก็บส้มมาให้ "" ได้ค่ะ งั้นหนูไปแล้วนะคะ "พิมเอ่ยจบ พ่อคำกับแม่มะลิพยักหน้าให้ลูกสาวจากนั้นพิมก็เดินไปขึ้นรถ เตชินก็ตามเธอขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ พิมทำอะไรเขาทำตามหมดโดยที่ไม่รู้อะไรเลยพอปิดประตูเรียบร้อยพิมก็ชี้นิ้วไปที่เขาอีกลูกที่อยู่ไกลออกไปพร้อมกับเอ่ยว่า" คุณเห็นเขาลูกนั้นมั้ย ตรงนั้นแหละไร่สตรอว์เบอร์รี่ของพ่อฉัน "เตชินมองตามนิ้วที่พิมชี้ไปแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย" พ่อของคุณมีที่กี่ไร่ทำไมมีหลายสวนจัง เช่าคนอื่นเหรอ "พิมจึงเอ่ยว่า" มีแค่สวนแต่ไม่มีเงินและไม่ได้เช่าใคร เงินก็มีแค่พออยู่พอกิน ไม่ได้มีเยอะเหมือนคุณ เงินเยอะจนไม่เห็นค่าของคนอื่น "พิมเหน็บแนมเบาๆอย่างหน้าตาเฉย เตชินหันไปมองเธอแล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิด" นั่นมันเมื่อก่อนแล้วตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว ผมขอโทษนะที่เคยทำแบบนั้นกับคุณ จะว่าไปผมก็รู้สึกขอบคุณอำนาจของเงินนะที่นำพาคุณมาส่งให้ผม ทำให้ผมได้รักคุณ "พิมฟังอย่างเงียบๆสายตามองตรงไปข้างหน้าด้วยแววตานิ่งเฉยเย็นชาโดยไม่หันไ
สองวันต่อมาเวลา 06:00.......พิมไปส่งเตชินที่สนามบินแต่เช้า ก่อนจะเข้าไปเช็คอินเตชินได้กำชับกับเธอด้วยความเป็นห่วง" เวลาทำงานอยู่ให้ห่างจากคุณป๊อบนะพิม คนเราหากคลั่งรักมากๆสามารถทำได้ทุกอย่าง น่ากลัวกว่าที่คุณคิดนะรู้มั้ย "" ไม่มีใครน่ากลัวไปกว่าคุณอีกแล้ว รีบเข้าไปเช็คอินเถอะค่ะ "" ได้ งั้นวันศุกร์หน้าผมจะมาหาใหม่นะ ห้ามให้ใครส่งคุณไปเรียนเข้าใจมั้ย เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง "เตชินมัวแต่กำชับทำให้พิมรู้สึกรำคาญ พิมจึงหมุนตัวเขาแล้วใช้ฝ่ามือผลักหลังเขาให้เข้าไปในสนามบิน" คุณเข้าไปได้แล้ว "เตชินเข้าในสนามบินอย่างไม่เต็มใจ พอเขาเข้าไปแล้วพิมก็ถอนหายใจออกมา แล้วหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปทันทีทางด้านป๊อบก็ขับรถไปรับพิมแต่เช้า เขาเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปหาแม่มะลิที่นั่งบนโต๊ะใต้ถุงบ้าน" สวัสดีครับคุณป้า พิมตื่นหรือยังครับ "แม่มะลิหันไปมองป๊อบด้วยสีหน้าแปลกใจ" อ้าว ผอ.ป๊อบ นี่ลูกพิมไม่ได้บอก ผอ. เหรอคะ ว่าวันนี้จะขับรถไปเอง "" ไม่ได้บอกครับ แล้วทำไมคุณพิมถึงขับรถไปเองล่ะครับ "ป๊อบเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย ทุกทีเขามารับพิม ถ้าพิมจะไปเองเธอจะบอกล่วงหน้า แบบนี้มันผิดวิสัยของ
ป๊อบยิ้มขึ้น แววตาแดงก่ำจ้องตาพิม ในหัวใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แล้วเอ่ยพร้อมกับคลานเข้ามาหาพิม" ทำอะไรอย่างงั้นเหรอ คุณยังต้องถามอีกเหรอพิม ผมเองก็รักคุณมาก รักไม่น้อยไปกว่าเขาเลย ดีทุกอย่างแต่กลับสู้เขาไม่ได้เลย "พิมพยายามเกลี้ยกล่อมเขาเพราะรู้ว่าเขาโกรธมาก" คุณใจเย็นๆนะ มีสติหน่อยสิ อย่าทำให้ฉันกลัวคุณแบบนี้ได้โปรด "ดวงตากลมโตของพิมสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวเอ่ยอ้อนวอนเสียงสั่น" ไม่ได้แล้วพิม ผมต้องการคุณ ผมหักห้ามใจมาตลอดเพื่อให้คุณรักผม แต่ในเมื่อคุณไม่ได้รักผมแล้ว ผมไม่รู้จะห้ามใจตัวเองอีกทำไม ผมจะทำตามที่ใจปรารถนาแล้ว ผมรักคุณ รักมากจนไม่อาจตัดใจได้แล้วพิม คุณรู้มั้ยว่าผมเจ็บแค่ไหนที่รู้ว่าคุณอยู่กับเขา ผมอดทนกับความเจ็บปวดทรมานใจมาเป็นปีๆผมอยู่ได้เพราะผมหลอกตัวเองว่าคุณยังรักผม ใจของคุณอยู่กับผม ผมหลอกตัวเองมาตลอดทั้งที่รู้ดีว่าคุณไม่ได้มีใจให้ผมนานแล้ว ใจของคุณไม่ได้อยู่กับผมนานแล้ว "ป๊อบเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าปนความเจ็บปวดหัวใจแววตายังคงมีน้ำตาซึมออกมาตามขอบตาไม่หยุดพิมเองก็เสียใจและรู้สึกผิดที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ เธอร้องให้ออกมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างรู
จากนั้นมือที่กำแน่นก็คลายออกแล้วเปลี่ยนเป็นตบเสียงดัง" เพี๊ยะ! "รอยนิ้วมือของพิมก็ปรากฏบนแก้มของเตชินอย่างชัดเจน" ตบนี้สำหรับการที่คุณไม่รักษาคำพูด ต่อไปนี้คุณกับฉัดตัดขาดกัน "เอ่ยจบก็ตบไป เพี๊ยะ! อีกที" และตบนี้สำหรับที่คุณหลอกฉัน ส่วนหมัดก่อนหน้านั้นสำหรับการที่คุณเล่นกับความรู้สึกฉันคุณจำไว้ว่าหลังจากนี้คุณกับฉันตัดทุกๆความสัมพันธ์ จะไม่ข้องเกี่ยวกันอีก "เตชินที่เมาแอ๋จับมือพิมแล้วเอ่ยเสียงงัวเงียแทบไม่เป็นภาษาฟังแทบไม่ออก" เหมียวคนสวยคืนนี้คุณอยู่กับผมนะ ขอแค่คุณทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมได้ ผมจะจ่ายให้คุณไม่อั้นเปย์หนักๆเลย "ได้ยินดังนั้นน้ำตาของพิมที่ไหลพรั่งพรูออกมาก่อนหน้าก็เหือดแห้งไปหมดถูกแทนที่ด้วยแววตารังเกียจและเกลียดชังใบหน้าสวยแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเกรี้ยวกราดดึงมือกลับมาอย่างขยะแขยงแล้วง้างมือฟาดลงบนหน้าเตชินซ้ำแรงๆอีกครั้งให้สะใจแล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็นจากนั้นเธอก็ผลักเตชินลงบนโซฟา แล้วลุกขึ้นยืนมองต่ำลงมาบนตัวเตชินแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องไปป๊อบมองเตชินด้วยสายตาโมโหปนความสมเพชแล้วยิ้มเยาะขึ้นที่มุมปาก ก้มลงเอ่ยกระซิบใกล้ๆ" คุณเตชินคุณพลาดแล้ว "เอ่ยจบเขาก็หมุน
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ