ณัชชานั่งอยู่ในห้องทำงาน ผู้ช่วยของเธอก็เข้ามารายงานว่า" คุณณัชชาคะสายที่เราส่งไป รายงานว่าคนของคุณเตชินรู้แล้วค่ะ ว่านายหานเป็นเจ้าของรถคันที่ขับชนคุณพิม "" แล้วยังไงต่อ "ณัชชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ สีหน้ายังคงนิ่งเฉย ผู้ช่วยรินทร์จึงเอ่ยว่า" นายหานปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่รู้ด้วยว่าใครขับรถชนคุณพิมค่ะ "ณัชชายิ้มเย็นขึ้นที่มุมปากแล้วเอ่ย" มันฉลาดดีนี่ ตามต่อไปอย่าให้คนของพี่เตชินจับได้ว่าเราก็แอบตามเรื่องนี้ "" ค่ะ "เมื่อผู้ช่วยออกไป ณัชชาก็เอ่ยออกมาเบาๆ" จะดูสิว่างานนี้รตีจะรอดหรือจะร่วง "แววตาของเธอดูสุขุมลุ่มลึกร้ายกาจอย่างน่ากลัวจากนั้นเธอก็ก้มหน้ามาสนใจงานตรงหน้าต่อในเช้าวันต่อมา........ป๊อบได้พาพ่อคำกับแม่มะลิมาเยี่ยมพิมที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ไม่มีใครแจ้งเรื่องที่พิมประสบอุบัติเหตุให้พวกเขารู้เลยเพราะเตชินกับป๊อบกลัวว่าเขาจะช็อกและเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับถ้ารู้อาการของพิมและเป็นเพราะพวกเขาต่างมั่นใจว่าพิมจะต้องฟื้นขึ้นมาอีกแน่นอนเมื่อแม่มะลิเข้ามาในห้องก็เข้ามากอดลูกสาวด้วยความเป็นห่วงทันที" พิมลูก แม่พยายามโทรติดต่อหาลูกตลอดเลยแต่โทรไม
พิมคิดมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ว่าคนที่ชนเธอ อย่างมากก็ติดคุกแค่ไม่กี่ปีกับถูกปรับไม่กี่บาทยิ่งถ้าคนผิดให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา ยื่นอุทรณ์ ยื่นฎีกา ก็ยิ่งมีโทษน้อยลง[ ชนแล้วหนีอย่างมากมีโทษแค่4ปี2เดือนกับชดใช้เงินไม่เท่าไหร่ สำหรับฉันมันน้อยไปถ้าเทียบกับสิ่งที่ฉันสูญเสีย เทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวในเมื่อฉันอยู่เฉยๆในส่วนของฉันแล้วเธอยังไม่เว้น ฆ่าลูกของฉันหวังจะฆ่าฉันให้ตายงั้นเธอก็รอดูบทร้ายที่เป็นด้านมืดของฉันก็แล้วกันดูซิว่าเธอจะรับไหวแค่ไหนการที่จะปล่อยให้เธอไปอยู่ในคุกให้กฎหมายลงโทษมันสบายเกินไปแม้เธอจะปกปิดใบหน้าแต่สีผมเธอมันปกปิดไม่มิด เธอคงคิดว่าเธอฉลาดสินะ หึ! ]เธอยิ้มร้ายและส่งเสียงหึออกมาอย่างน่ากลัวการที่เธอตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเตชินก็เพื่อที่จะแก้แค้นให้ลูกของเธอ[ ส่วนเตชินที่เป็นต้นเหตุ ฉันจะคิดบัญชีทีหลัง ]เตชินนั่งคุยกับทุกคนในห้องนั่งเล่น สักพักทุกคนก็เริ่มทยอยกันกลับ พ่อแม่ของเตชินก็เช่นกัน" เตชินพ่อกับแม่กลับก่อนนะ ดูแลหนูพิมให้ดี ไว้หนูพิมดีขึ้นลูกก็ขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งนะแล้วจัดงานแต่งให้สมเกียรติหน่อยที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไป "" ค
เตชินรู้แล้วว่าที่พิมเปลี่ยนไปเกิดจากความเสียใจความเจ็บปวดที่สูญเสียลูกแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเจาะจงที่จะเล่นงานรตีเพียงคนเดียวเขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นนั่งวิเคราะห์คำพูดของพิมที่ว่า " พวกคุณ "" พวกคุณอย่างงั้นเหรอ "เขานั่งคิดใช้สมองประมวลผลเรื่องราวต่างๆ[ พวกคุณคือเจาะจงมาที่ผมกับรตี ผมเป็นต้นเหตุในการทำให้คุณแท้งลูกก็พอเข้าใจได้ แต่รตีเธอเกี่ยวอะไร เธอทำอะไรให้พิมโกรธแค้นเพราะหึงผมอย่างงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้แน่นอน แล้วทำไมเธอต้องเจาะจงมาที่รตีคนเดียวด้วย ]เตชินนั่งคุยกับตัวเองในใจอย่างไม่เข้าใจจู่ๆเขาก็มีความคิดใหม่ผุดขึ้นมาในหัว[ หรือว่ารตีคือคนที่พิมสงสัย อืม...แต่ก็ยังไม่น่าใช่ ด้วยนิสัยของเธอถ้าเธอสงสัย เธอคงไม่ปล่อยให้รตีมายืนอยู่ต่อหน้าเธอแบบนี้แน่ ]เตชินคิดอย่างหนักก็คิดหาสาเหตุที่พิมเจาะจงจะเล่นงานรตีไม่ได้จากนั้นเขาก็พึมพำออกมาเบาๆในสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบ" คุณเก็บความลับอะไร ที่ไม่ยอมบอกให้ใครรู้หรือเปล่านะพิม "เตชินนั่งคิดจนถึงค่ำเขาก็กลับขึ้นไปข้างบนโทรไปหาป้าใจแล้วเอ่ยว่า" เปิดห้องรับรองแขกให้คุณรตี "" ค่ะ "แล้วเขาก็วางสาย เปิดประตูเดินเข้าห้องไป
พิมออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อผ่อนคลายความโมโหที่มีในอกเธอไปนั่งลงบนเตียงริมสระว่ายน้ำ สายตาจ้องมองน้ำสีฟ้าที่กระทบกับแสงอาทิตย์ที่มีความแวววาวสวยงามอย่างไม่กะพริบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียวป้าใจเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำผลไม้ในมือวางลงบนโต๊ะข้างๆพิม แล้วเอ่ยขึ้น" คุณพิมป้าเสียใจด้วยนะคะเรื่องลูก "ได้ยินดังนั้นพิมค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ ทำให้ป้าใจเดาอารมณ์ไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ แล้วป้าใจจึงเอ่ยต่อว่า" เมื่อกี้ขอบคุณ คุณพิมมากเลยนะคะ หากมีอะไรให้ป้าช่วยขอแค่คุณพิมสั่งป้ายินดีทำให้ทุกอย่างค่ะ "พิมเอนตัวนอนลงบนเตียงริมสระแล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาทั้งที่ยังหลับตาอยู่" ขอบคุณมากค่ะป้าใจ แต่เรื่องของพิม พิมจัดการเองได้ ป้าใจแค่ดูแลตัวเองให้ดี อย่ามาเดือดเนื้อร้อนใจแทนพิมจนพาตัวเองลำบาก การที่คุณรตีเข้ามาอยู่ในบ้านคุณเตชินเป็นพิมที่ขอให้เธอเข้ามาอยู่เองค่ะ "ได้ยินดังนั้นเหมือนป้าใจจะตกใจเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามขึ้น" ทำไมคุณพิมถึงใจดีให้คนอื่นเข้ามาหยามเกียรติถึงในบ้านล่ะคะ คุณรตีอะไรนั่นแม้จะเป็นภรรยาของคุณชายแต่ก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันสักหน่อยคุณพิมไม่น่าให้เธอเข้ามาอยู่ในบ้านเลย "พิมหลับตาย
เตชินมองตามแผ่นหลังของพิมอย่างปวดใจ แล้วเอ่ยพึมพำในใจ[ พิมคุณอย่าเป็นแบบนี้เลยได้มั้ย ]สักพักรถพยาบาลมาก็มานำตัวรตีขึ้นรถแล้วพาไปโรงพยาบาลทันทีรตียังอยู่ในอาการหวาดผวา เธอกลัวน้ำที่สุดเพราะตอนเด็กเธอเคยจมน้ำในสระเกือบเอาชีวิตไม่รอดโชคดีที่ตอนนั้นมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งลงมาช่วยเธอให้ขึ้นมาจากสระพร้อมกับพูดปลอบเธออย่างนุ่มนวลว่า" พี่สาว คุณปลอดภัยแล้วไม่ต้องกลัวแล้วนะ "" พี่สาวว่ายน้ำไม่เป็นทำไมถึงไม่รอให้ครูมาก่อนล่ะทำแบบนี้อันตรายนะรู้มั้ย "เธอเข้าไปกอดเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าเธอแล้วร้องให้ด้วยความหวาดกลัว" ขอบคุณมากนะน้องสาว ฉันเป็นหนี้ชีวิตเธอ ถ้ามีโอกาสฉันจะตอบแทนเธอ "ตอนนั้นเธออยากเอาชนะความกลัวน้ำ ด้วยการลงไปในน้ำ ไม่คิดว่าเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเธอรู้สึกโชคดีมากที่ได้เด็กผู้หญิงคนนั้นมาช่วยไว้ทัน พอครูมาเธอก็ไม่อยากเรียนว่ายน้ำอีกส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะเป็นลูกรักของอาจารย์ที่สอนว่ายน้ำเลย เธอว่ายน้ำเก่งมากส่วนเธอได้แต่นั่งดูอยู่ห่างๆ แล้วต่างคนก็ต่างกลับไปรตีอยู่บนรถด้วยอาการหนาวสั่น ดวงตาเหม่อลอย แล้วเธอก็เอ่ยพึมพำขึ้น" น้องสาว น้องสาว ฉันเป็นหนี้ชีวิตเธอ "พี
พอค่ำรตีกับพี่เลี้ยงก็เตรียมตัวออกไปจากห้องผู้ป่วย พี่เลี้ยงจึงเอ่ยถามขึ้นว่า" คุณรตีจะใช้วีลแชร์อยู่มั้ยคะ "" จะใช้ทำไม ชักช้า ไม่สะดวก รีบไปเถอะ "" ค่ะ "จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยทันทีเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วกดลงไปชั้นล่างพอถึงชั้นล่างประตูลิฟต์ก็เปิดออกทั้งสองเตรียมเดินออกจากลิฟต์ เตชินที่กำลังจะเข้าไปในลิฟต์ ก็บังเอิญเจอเข้ากับรตีพอดีรตีตกใจมากจนหน้าเหวอเธอยืนจับมือพี่เลี้ยงแน่นเตชินมองไปยังรตีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วยกยิ้มขึ้นที่มุมปากด้วยแววตาที่น่ากลัว" หึ เข้าใจแล้วว่าทำไมพิมถึงได้อยากแก้แค้นคุณมากขนาดนั้น ที่แท้คุณไม่ได้พิการ เป็นคุณสินะที่ชนพิม "เตชินเอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็นทำให้คนฟังรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกรตีหน้าซีดเผือดแววตาสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัวจากนั้นเตชินก็เอ่ยกับผู้ช่วยคังด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา" พาคุณรตีกลับบ้าน "ได้ยินดังนั้น รตีก็ได้สติขึ้นมาทันที เธอกลัวมาก เธอฉลาดพอที่จะรู้ว่า ถ้ากลับไปกับเตชินเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้างในขณะที่เธอก้าวออกมาจากลิฟต์ด้วยสีหน้านิ่งเมื่อสบโอกาสเธอก็ผลักพี่เลี้ยง แล้ววิ่งออกไปจากโรงพยาบาลทันทีผู้ช่วยคัง
หลังจากรตีออกไป พิมก็นั่งร้องให้อย่างเจ็บปวด เธอจำเป็นต้องแก้แค้นให้ลูกของเธอแต่การแก้แค้นนี้รตีกลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดได้เพียงเพราะคำคว่า น้องสาวเตชินเดินเข้ามาหาพิมแล้วลูบหลังเธอเบาๆ ก่อนหน้านี้.........ผู้ช่วยคังได้ไปช่วยตำรวจสอบปากคำนายหานจนนายหานยอมเปิดปากพูดความจริง" คุณหานตอนนี้คุณถูกจับในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองโทษสูงสุดคือประหารชีวิตผมรู้ว่ามีคนบงการคุณอยู่ หากคุณให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บอกว่าใครเป็นผู้บงการโทษอาจจะลดลงเหลือแค่ติดคุกไม่กี่ปี คุณเป็นหัวหน้าครอบครัวมีลูกมีเมียหากขาดคุณไปสักคน พวกเขาจะลำบากแค่ไหนใช้ชีวิตกันยังไงคุณคิดดูดีๆนะ เลือกเอาว่าจะพูดความจริงหรือจะยอมตายเพื่อคนอื่น แล้วคุณก็อย่าไปหวังเลย ว่าคนที่บงการคุณจะช่วยคุณเพราะลำพังเขาเองยังเอาตัวไม่รอดเลยคุณกับเขาตอนนี้ไม่ต่างกัน คุณคิดให้ดี "นานหานครุ่นคิดอย่างหนักด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเอ่ยจบผู้ช่วยคังก็เดินออกไปกำลังจะเปิดประตูนายหานก็เอ่ยขึ้น" ได้ ผมจะบอกความจริงกับคุณ แต่คุณต้องช่วยผมกับครอบครัวนะ ผมกลัวว่า ถ้าคุณรตีรู้ว่าผมบอกว่าจริงกับตำรวจแล้วเธอจะส่งคนมาฆ่าผมกับครอบครัว วันนั้นคุณร
เตชินถูกส่งมายังห้องพักผู้ป่วย ส่วนพิมก็นอนอยู่บนโซฟาข้างๆเขา เขานอนอยู่บนเตียงจ้องมองพิมที่ไม่รู้ว่าหลับจริงหรือแกล้งหลับกันแน่ในตอนที่ออกจากห้องผ่าตัดพอเห็นว่าพิมยังอยู่เขาดีใจที่สุดที่ไม่เจ็บเปล่าการที่เขากล้าทำแบบนั้น เพราะเขารู้ว่าพิมเป็นคนจิตใจดี ขี้ใจอ่อน เขาถึงตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป" พิม คุณหลับแล้วจริงเหรอ "เขาเอ่ยถามขึ้น แต่พิมกลับไม่ตอบอะไรเขาเลย เขาจึงลุกขึ้นมานั่งแล้วลงจากเตียงเดินไปหาพิมจากนั้นก็ช้อนตัวพิมขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน พิมลืมตามองเขาแล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณเตชินคุณจะทำอะไรของคุณน่ะ แขนคุณเพิ่งผ่าตัดเสร็จนะ ปล่อยฉันลง "เตชินมองหน้าคนในอ้อมแขนแล้วเอ่ย" ไกลหัวใจ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แต่คุณสิที่เป็นจิตวิญญาณของหัวใจ จะให้อยู่ห่างตัวผมไม่ได้เข้าใจมั้ย "พิมมองหน้าเขาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเจือความเป็นห่วง" จิตวิญญาณบ้าบออะไรของคุณ ปล่อยฉันลง เดี๋ยวแผลคุณก็ฉีกอีกหรอก "พิมพยายามจะลงจากอ้อมแขนเขา เขาจึงเอ่ยขึ้น" คุณอย่าดิ้นสิเดี๋ยวสายน้ำเกลือผมก็หลุดหรอก "เตชินเอ่ยเสียงอ่อน ได้ยินดังนั้นพิมก็นิ่งไปแล้วเตชินก็ลุกขึ้น อุ้มพิมเดินกลับมายังเตียงคนป่วย แล้ววางพิมน
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ