ในห้องผ่าตัด
หลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมาก และแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหว ในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจาก แล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถ ใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลย สีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า " แจ้งญาติคนไข้เถอะ " " ค่ะ " พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด " ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา " พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอด แต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้ง ความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้ว หมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า " บางทีจิตสุดท้ายของคนไข้อาจจะรับรู้ได้ถึงการสูญเสียลูกในท้อง ทำให้เสียใจอย่างมากจนทำให้ตัวคนไข้ไม่มีกำลังใจ ไม่สู้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ " ใบหน้าที่เคยงดงามกลายเป็นขาวซีดไร้วิญญาณสถิตในร่างกาย พอพยาบาลเปิดประตูออกมาหาเตชิน เมื่อเตชินเห็นสีหน้าของพยาบาลเขาก็รู้สึกใจแป้วแปลกๆ แล้วเขาก็รีบลุกขึ้นถามพยาบาลทันทีด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ " คุณพยาบาลภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ " พยาบาลมองหน้าเตชินด้วยสีหน้าเศร้าแล้วเอ่ย " เสียใจด้วยค่ะ ภรรยาของคุณเสียชีวิตแล้ว ทางเราพยายายามยื้อชีวิตไว้อย่างสุดความสามารถแล้วค่ะ " ได้ยินดังนั้นเตชินถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปกับพื้นอย่างรับไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน คล้ายกับมีหอกและทวนดาบนับหมื่นเล่มทิ่มแทงเข้ามากลางอกของเขาจนพูดไม่ออก เขาเจ็บปวดทรมานใจและเสียใจมากจนหัวใจแตกสลาย คล้ายเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจไหลทะลักออกมาจากใจจนหมดสิ้น ทำให้ใจหวิวจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจอาบไปด้วยน้ำตา แล้วพึมพำออกมาด้วยความสิ้นหวังอย่างคนไร้สติกลายเป็นคนฟั่นเฟือนไปชั่วขณะ " พิมคุณอย่าใจร้ายกับผมแบบนี้ ผมรับมันไม่ไหว คุณทิ้งผมครั้งแล้วครั้งเล่าผมไม่ว่า แต่คุณอย่าทิ้งผมด้วยวิธีแบบนี้ ได้โปรด ถ้าสวรรค์มีจริง ช่วยส่งเธอกลับมาให้ผมที ผมขอร้อง อย่าพาเธอไปจากผม คืนเธอมาให้ผมๆ " เตชินร้องให้คร่ำครวญเสียใจอย่างไม่อายใครแล้ว ทางด้านณัชชา พอรู้ว่าพิมประสบอุบัติเหตุ เธอก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที เห็นสภาพเตชินนั่งร้องให้ทรุดตัวลงบนพื้น ทำให้เธอหดหู่ใจมากไม่เคยเห็นเขาร้องให้ และดูท้อแท้สิ้นหวังขนาดนี้มาก่อน เธอเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วเอ่ยขึ้น " พี่เตชิน พี่ใจเย็นๆนะ คุณพิมจะต้องปลอดภัย " เตชินส่ายหัวแล้วเอ่ยด้วยแววตาล่องลอย " พิมไม่อยู่แล้วณัชชา พิมไม่หายใจแล้วเธอเข้าใจมั้ย พิมทิ้งผมไปแล้วจริงๆ " ได้ยินดังนั้นณัชชาก็ช็อกไปและหยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง " คุณ...คุณพิมเธอตายแล้วเหรอ " เตชินหลับตาลงพิงผนังห้องผ่าตัดฉุกเฉินด้วยความเจ็บปวดใจอย่างสิ้นหวังและอยากตายไปพร้อมๆกับพิม ในเช้าวันต่อมา รถทัวร์ค่อยๆขับเข้าไปในโรงเรียนอย่างช้าๆ พอรถจอดสนิทนักเรียนก็พากันเก็บกระเป๋าลงจากรถแล้วทยอยกันกลับบ้าน เมื่อนักเรียนและครูคนอื่นๆรวมถึงเทเท่ได้กลับไปหมดแล้ว ป๊อบก็เดินมาที่ลานจอดรถ กำลังจะเปิดประตูรถก็มีคนเอาถุงมาคลุมหัวแล้วจับมือเขาไขว้หลังทันที จากนั้นก็พาตัวเขาขึ้นรถไป ระหว่างทางคนที่จับตัวป๊อบก็โทรไปหาเตชิน พอเตชินรับสายเขาก็เอ่ยว่า " นายครับจับตัวมันมาเรียบร้อยแล้วครับ " เตชินที่อยู่ปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าเจือเย็นชาอย่างมีพลังอำนาจน่าเกรงขาม " ปล่อยเขาไป " คนที่จับตัวป๊อบมองหน้ากันด้วยความงุนงงแล้วเอ่ยว่า " ครับ " จากนั้นพวกเขาก็พาป๊อบกลับไปที่โรงเรียน แล้วแกะเชือกที่มัดมือไว้ แล้วพวกเขาก็รีบกลับไปที่รถแล้วขับออกไปทันที เตชินที่อยู่เฝ้าพิมไม่ห่างทั้งคืน เขายังไม่ยอมละความพยายาม เขาได้ขอให้หมอยื้อชีวิตพิมไว้โดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ เขาไม่อาจปล่อยพิมไปได้ แม้ความหวังจะริบหรี่เหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียว เขาก็จะขอชีวิตเธอคืนมา แม้ต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม " พิมคุณฟื้นขึ้นมานะ กลับมานะพิม ผมจะไม่บังคับคุณแล้ว ขอแค่คุณกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หากคุณอยากจะอยู่กับคุณป๊อบผมก็ยอม ขอแค่คุณกลับมา อะไรที่ทำให้คุณพอใจ และมีความสุข ผมจะยอมทำให้คุณทั้งนั้น กลับมาเถอะนะพิม " เตชินนั่งมองหน้าพิมที่นอนซีดอยู่บนเตียงหวังให้เธอฟื้นกลับมาโดยเร็ว ใบหน้าหล่อเหลากลายเป็นซีดหมองไปเพียงชั่วค่ำคืน เขานั่งกุมมือที่ขาวซีดของพิมไว้แล้วร้องให้เสียใจตลอดทั้งคืน พร้อมกับพึมพำร้องขอชีวิตเธอคืนมา ขอร้องอ้อนวอนให้เธอกลับมาไม่หยุด หวังพึ่งให้สิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นที่เขาไม่เคยเชื่อมาก่อนช่วยพาพิมของเขากลับมา ทางด้านณัชชา เธอนั่งอยู่ในห้องของตัวเอง ในบริษัท เธอกำลังคิดว่าควรจะบอกเรื่องที่พิมถูกรถชนนี้กับป๊อบดีมั้ย เธอตัดสินใจไม่ถูก เมื่อผู้ช่วยของเธอเดินเข้ามาในห้อง เธอจึงเอ่ยถามผู้ช่วยสาวว่า " คุณรินทร์ คุณช่วยตอบคำถามฉันหน่อยสิ " " ได้ค่ะ " ผู้ช่วยริทร์เอ่ยตอบ แล้วเธอก็เริ่มเอ่ยว่า " คือเพื่อนของฉันเธอมีสามีสองคน คนหนึ่งคือสามีที่แต่งจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่ไม่ได้รักเลย แต่อีกคนคือสามีที่ไม่ได้แต่งงานกัน แต่มีความรักให้กันและท้องลูกของเขาอยู่ และในตอนนี้ เธอประสบอุบัติเหตุไม่ได้สติและยังแท้งลูกขณะประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้เธอหยุดหายใจแล้ว แต่สามีที่จดทะเบียนได้ยื้อชีวิตเธอไว้อยู่ โดยใช้เครื่องช่วยหายใจ คุณคิดว่าฉันควรจะบอกสามีที่เป็นพ่อของลูกเธอมั้ยว่าลูกของเขาได้จากไปแล้ว " ได้ฟังดังนั้นผู้ช่วยรินทร์จึงเอ่ยว่า " ค่ะ ถ้าตามที่คุณณัชชาเล่ามาเธอกับลูกก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่เสียชีวิตแล้ว ตามความคิดฉันที่เป็นคนนอก คิดว่าควรจะบอกให้สามีอีกคนรับรู้ค่ะ ว่าลูกของเขาไม่อยู่แล้ว " " อืม ขอบใจมาก ไม่มีอะไรแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ " เมื่อได้ความคิดของผู้ช่วยมาช่วยตัดสินใจ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปยังเบอร์ของป๊อบทันที เมื่อป๊อบรับสายก็เอ่ยขึ้น " สวัสดีครับ " " คุณป๊อบฉันเองนะคะ ณัชชา คือ คุณต้องทำใจดีๆไว้นะคะ คือที่ฉันโทรมาหาคุณ ก็เพื่อจะบอกว่า...คุณณัชชาถูกรถชนค่ะ ลูกก็ของคุณก็ไม่อยู่แล้ว " ได้ยินดังนั้นป๊อบก็ช็อกไป ดวงตาเหม่อลอยนิ่งไปสักพักแล้วเอ่ยเสียงสั่น " คุณ...คุณว่าไงนะ คุณล้อผมเล่นใช่มั้ย เธออยู่กับคุณเตชินไม่ใช่เหรอ ทำไม่ถึงถูกรถชนได้ล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นๆ " ป๊อบตกใจและช็อกกับข่าวที่ได้ยินมาก จากนั้นเขาก็วิ่งออกจากบ้านพัก มาขึ้นรถแล้วขับออกไปยังสนามบินทันที ณัชชาจึงส่งที่อยู่ของโรงพยาบาลที่พิมนอนพักรักษาตัวให้เขาทันทีงานรับปริญญาถูกจัดขึ้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเหนือของประเทศไทยบรรยากาศดีมากอากาศหนาวเย็น ให้ความรู้สึกสดชื่นผู้คนเดินไปมาอย่างครึกครื้น เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่หลังจากที่เข้ารับปริญญาบัตรเสร็จเหล่าบัณฑิตก็ทยอยเดินออกมาจากหอประชุมแล้วมาถ่ายรูปร่วมเฟรมเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกกับกลุ่มเพื่อนและญาติพี่น้องรถหรูค่อยๆขับเข้ามาจอด จากนั้นคนในรถก็ยื่นเท้าลงมาเหยียบบนพื้นปรากฏรูปร่างสูงใหญ่ราวๆ185 ใบหน้าเรียคมสัน ดั้งจมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป ดูหล่อเหลาไร้ที่ติมาในชุดสูทสีขาว แล้วเดินเข้าไปหากลุ่มแก๊งของบัณฑิตสาวหน้าใสที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ในมือเขา ถือช่อดอกไม้ราคาแพงกับตุ๊กตาหมีสีขาวหูชมพูอุ้งเท้าชมพู เดินตรงไปยังบัณฑิตสาวหน้าใสคนหนึ่งแล้วยื่นช่อดอกไม้กับตุ๊กตาหมีไปให้เธอ พร้อมกับเอ่ย" ยินดีด้วยนะพิม เรียนจบแล้วขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนะ "คนได้รับช่อดอกไม้ถึงกับตะลึง อึ้งไป หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วเพราะคนตรงหน้าของเธอคือ อาจารย์หนุ่มสุดหล่อ ที่เพิ่งจบปริญญาโทมาหมาดๆเป็นคนที่เพื่อนร่วมห้องไม่ว่าจะสาวแท้สาวเทียมหรือเก้งกวางต่างพากันกรี๊ดกร๊าดในความหล่อ
ในหัวสมองของพิม มีแต่เรื่องของเงินๆๆแล้วก็เงิน เธอกำลังคิดว่าถ้าเธอทำงานได้หนึ่งปี เธอก็จะมีเงินเก็บถึงสองแสน สี่หมื่นบาทเมื่อกินอยู่กับเขาหมด หักค่าใช้จ่ายส่วนตัวไป ก็จะเหลือเก็บ สองแสนเธออายุยี่สิบสาม เธอจะต้องมีรถก่อนจากนั้นค่อยเก็บเงินซื้อที่ดิน แล้วก็เก็บเงินซื้อบ้านคิดได้ดังนั้นเธอก็ลุกมานั่งอีกครั้งแล้วพึมพำกับตัวเอง" อันดับแรกต้องเก็บเงินซื้อรถก่อน รถคันละแป็ดแสน เป็นแม่บ้านสักสี่ปี พอได้รถแล้วค่อยกลับมาทำอาชีพที่เรียนมา ก็ไม่สาย ทำไงได้ ก็เกิดมาจนทำไมล่ะในเมื่อเลือกเกิดไม่ได้ ก็เลือกที่จะเดิน เลือกที่จะเก็บหอมรอมริบได้หนิเน้อ "แล้วเธอก็เดินไปนั่งหน้าโน๊ตบุ๊คอีกครั้ง พ่นลมหายใจออกมาทางปาก แล้ววางมือลงบนแป้นพิมพ์ ตัดสินใจสมัครเป็นแม่บ้านคลิกไปยังเจ้าของโพส ทักเข้าไปในแชทของผู้โพสโดยพิมพ์ว่า( สวัสดีค่ะ ดิฉันสนใจงานแม่บ้านที่คุณประกาศรับสมัครค่ะ ฉันมีคุณสมบัติครบตามที่คุณต้องการเลยเป็นคนไทยแท้ ไม่มีประวัติอาชญากรรม เรียนจบมัธยมปลาย ถนัดทำงานบ้านและเคยทำงานบ้านมาแล้ว อายุยี่สิบสามปี หากคุณยังไม่ได้คน โปรดรับดิฉันไว้พิจารณาด้วยคนนะคะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลย ถ้าคุณมอง
ผู้ช่วยคังนั่งดูรูปผู้สมัครแต่ละคนอย่างตั้งใจเพราะเขาไม่รู้ว่าคุณชายของเขาต้องการแม่บ้านแบบไหน เขาจึงต้องคัดหลายรอยเพื่อเลือกคนที่ดีที่สุดให้คุณชายเขาและพิจารณาในหลายๆด้าน" คนนี้อ้วนไป "กดเลื่อนผ่าน" คนนี้ขี้เหร่ไป เดี๋ยวจะทำให้คุณชายไม่สบายตาเอาได้ "" คนนี้สวยดี หน้าตาใช้ได้ แต่ดูแล้วคงมีแต่จะทำให้คุณชายหงุดหงิดใจ "" คนนี้รูปร่างหน้าตาใช้ได้เลย แต่แต่งตัวไปหน่อย ใช่มาสมัครงานแม่บ้านมั้ยเนี่ย "" คนนี้ก็หน้าตาใช้ได้ดูสบายตาดี แต่โหงวเฮ้งบนใบหน้ายังไม่ผ่าน "สุดท้ายเลื่อนมาถึงข้อความของพิม ทำเอาเขาถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่ออ่านเนื้อหาข้อความก็เกิดสนใจจนเผลอยิ้มออกมาแล้วเอ่ย" นี่ตั้งใจมาสมัครงานมั้ย รูปที่เห็นหน้าชัดๆก็ไม่แนบมา แต่ดูจากเนื้อหาข้อความแล้ว คงจะเป็นคนมีอารมณ์ขัน ดูซื่อตรงดีเอาเธอแล้วกัน ดูสิว่าจะเก่งอย่างที่คุยโม้ไว้หรือเปล่า "แล้วเขาก็พิมพ์ข้อความส่งไปหาพิมว่า( ผมรับคุณเข้าทำงาน พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลย )พิมนั่งอ่านข้อความที่ผู้ช่วยคังส่งมาด้วยความงงแล้วเอ่ย" ไว้ใจได้หรือเปล่าเนี่ย ไม่สัมภาษณ์แต่รับเข้าทำงานเลย แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ "เพราะเกิดมาเธอไม่เคยเ
ในเช้าวันต่อมา เมื่อเตชินเข้าไปในบริษัท ผู้ช่วยคังก็เข้ามา แล้วรายงานเวลาการประชุมของวันนี้" คุณชาย วันนี้เก้าโมงตรง มีประชุมผู้ถือหุ้น และในตอนบ่าย มีประชุมเกี่ยวกับโครงการใหม่ครับ "เตชินหูฟังตาดู สายตาเขาให้ความสนใจกับเอกสารที่อยู่ในมือเพราะเป็นงานที่เขาต้องตรวจดูอย่างละเอียดก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไปเมื่อผู้ช่วยรายงานเสร็จเขาเอ่ยตอบผู้ช่วยคังเพียงสั้นๆว่า" อืม " แล้วผู้ช่วยคังก็หันหลังเดินออกไป เตชินเป็นคนที่ละเอียดยิบเคร่งกฎระเบียบของบริษัทพนักงานจึงรู้สึกยำเกรงเมื่อเจอเขา ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะยืนชื่นชมความหล่อบนใบหน้าของเขาเลยสายตาดุจพญาเหยี่ยว ที่สามารถมองเห็นความผิดพลาดเล็กน้อยได้ในระยะไกลทำให้พนักงานต่างก็ต้องเนี๊ยบตั้งใจทำงานเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเพราะบริษัทนี้ไม่มีโอกาสให้ผิดพลาดได้แม้แต่ครั้งเดียวแต่พนักงานทุกคนกลับยินดีและภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้นอกจากจะได้เงินเดือนสูงแล้วเมื่อลาออกไป แล้วไปสมัครงานที่บริษัทอื่นเมื่อเขาเห็นประวัติว่าเป็นพนักงานเก่าจากบริษัทของเตชินทุกบริษัทต่างอ้าแขนรับเพราะพนักงานบริษัททุกคนล้วนคัดจากคนเก่งๆหัวกะทิ ท
เมื่อได้ยินคำพูดของณัชชา เตชินก็หยุดนิ่งยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเย้ยหยันแล้วหันมามองณัชชาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเขาค่อยๆเดินเข้ามาหาณัชชาอย่างช้าๆราวกับราชสีห์กำลังข่มขวัญศัตรูอยู่จนทำให้ณัชชารู้สึกเสียใจขึ้นมาที่สติหลุดเผลอพูดออกไปแบบนั้นเขาเดินเข้ามาใกล้เธอ แล้วเอ่ยเสียงเย็นเบาพอได้ยินแค่สองคนด้วยน้ำเสียงราวกับปีศาจร้าย" ณัชชา เธอโตมากับฉัน เธอคิดอะไร นิสัยยังไง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ การหมั้นที่ไร้สาระครั้งนี้ ใช่แผนการของเธอหรือเปล่า จุดประสงค์เธอคืออะไร ถูกบังคับหรือเปล่านั้นไม่ต้องมาบอกฉันเธอรู้ดีที่สุด อย่าทำให้ฉันหมดความอดทนกับเธอจะดีกว่า "เมื่อได้ยินดังนั้น ณัชชาถึงกับอึ้งไป จนพูดไม่ออก ราวกับถูกตบหน้าแรงๆจนหูอื้อ แววตาเบิกกว้างด้วยความกลัวเธอไม่คิดว่าเตชินจะมองทุกอย่างออกขนาดนี้แต่เมื่อความลับในใจถูกเปิดเผย เธอก็ไม่มีทางเลือกแล้วก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนความรู้สึกอีกต่อไปเธอยิ้มขึ้นที่มุมปาก แววตาร้ายกาจ จ้องเตชินอย่างไม่กะพริบแล้วเอ่ยอย่างทะนงตนว่า" ในเมื่อพี่รู้หมดแล้ว ก็ดีค่ะ ต่อไปฉันจะได้ไม่ต้องมากังวลซ่อนความรู้สึกอีก ฉันเป็นคนสำคัญคนห
เมื่อกำหนดการมาถึง เตชินก็ต้องยอมแต่งงานกับณัชชาอย่างจำใจงานแต่งงานถูกจัดขึ้นในโรงแรมอย่างหรูหรา แต่แขกที่เชิญมามีแค่ญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้นไม่มีเพื่อนของทางฝั่งเจ้าบ่าวเลยสักคน มีเพียงผู้ช่วยคังที่ต้องรับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานผู้คนที่มางานต่างพกรอยยิ้มมาด้วยความชื่นมื่น แต่เตชินกลับนิ่งเงียบแววตาเย็นชาราวกับคนไร้ความรู้สึกณัชชารู้สึกเหมือนเตชินไม่ให้เกียรติและรู้สึกไม่ดีเอามากๆเพราะเกรงแขกในงานจะเอาไปเมาท์สนุกปากเธอจึงกระซิบกับเขาว่า" วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรา พี่ช่วยฝืนทำหน้าให้เป็นปกติหน่อยได้มั้ยคะ ขอร้องล่ะ "เตชินยิ้มร้าย มองมายังเธอแล้วเอ่ย" คุณหนูณัชชาอายเป็นด้วยเหรอ กลัวคนรู้หรือไงว่าผมไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณถึงกับต้องเอ่ยขอร้อง ความจริงผมมาแต่งงานให้เป็นบุญแค่ไหนแล้วไม่แน่ผมอาจจะเปลี่ยนใจทิ้งเจ้าสาวกลางงานก็ได้ หลังจากที่ได้บอกความจริงสาเหตุที่ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักอย่างคุณ "เอ่ยจบเขาก็โชว์เครื่องบันทึกเสียงให้ณัชชาดูแล้วชี้ไปยังพนักงานคนหนึ่งที่กำลังเดินไปที่หลังเวทีกำลังเข้าไปในห้องควบคุมเครื่องเสียงแล้วเขาก็เอ
เมื่อไฟสว่างขึ้น เตชินมองไปยังผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังรู้ดีว่าเจ้านายตัวเองต้องการจะพูดอะไรเขาจึงเข้ามากระซิบว่า" เธอคือแม่บ้านของคุณชายครับ "เมื่อได้ยินดังนั้น เตชินก็อึ้งไป ไม่คิดว่าแม่บ้านของตัวเองจะหน้าตาดีและดูเด็กขนาดนี้เมื่อนึกภาพอาหารในตู้เย็น เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่ทิ้งของกินเธอไปจนหมด เขารู้สึกตะลึงในความงามตรงหน้าจนต้องกลบเกลื่อนโดยการหันไปเอ่ยกับเธอว่า" ยืนนิ่งอยู่ทำไม ตักเค้กเสิร์ฟให้ทุกคนในงานสิ "" ค่ะ "พิมเอ่ยตอบแล้วลงมือตักเค้กเสิร์ฟให้ทุกคนในงานเธอเดินไปเสิร์ฟเค้กให้เพื่อนของเตชินที่นั่งดื่มเหล้า วางเค้กลงบนโต๊ะแล้วหมุนตัวเดินออกมา แต่เพื่อนของเตชินที่กำลังเมากลับคว้าข้อมือเธอไว้แล้วเอ่ย" สาวน้อย มานั่งคุยกับพี่ก่อนสิ มาบริการพี่รับรองพี่ไม่ทำให้น้องเหนื่อยฟรี มีแต่คุ้มกับคุ้ม "เธอพยายามแกะมือเขาออก แต่เขากลับจับมือเธอแน่นขึ้น แล้วดึงเธอลงมานั่งบนตักเธอดีดตัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ย" ขอโทษนะคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ใช่มาทำหน้าที่บริการแบบที่คุณเข้าใจ ฉันเป็นแม่บ้านค่ะ "ไตรภพยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจแล้วเอ่ย" ไม่เป็นไร
ปู่ของเตชินรู้ข่าวว่าหลานชายแต่งงานแล้วก็รีบบินมาไทยทันที เมื่อผู้ช่วยคังรู้ก็รีบมารายงายเตชินทันทีเช่นกันเตชินว่ายน้ำอยู่สระว่ายน้ำหลังบ้าน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเหนือน้ำเดินขึ้นมาจากสระ เตรียมจะไปอาบน้ำล้างตัว ผู้ช่วยคังก็เอ่ยขึ้น" คุณชายครับ คืนนี้คุณหญิงให้คุณกลับบ้านครับ บอกว่าคุณท่านหลิวมาไทย อยากให้กลับไปร่วมทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครับ "เตชินหยุดชะงัก แววตาฉายแววแข็งกร้าวและดูร้ายกาจขึ้นมาทันที แล้วเอ่ย" ในที่สุด พวกเขาก็ใช้คุณปู่ มาเป็นเครื่องมือบังคับให้ผมกลับบ้านจนได้ "ผู้ช่วยคังกลัวเจ้านายจะไม่ยอมกลับไปเขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังว่า" คุณชายไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนแล้ว กลับไปพบคุณท่านหลิวสักหน่อย ไม่ดีเหรอครับ "เตชินยิ้มเย็นแล้วเอ่ย" อืม ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าณัชชากับคุณแม่คิดวางแผนจะทำอะไรต่อ "" คุณไปเตรียมรถเถอะ "พูดจบเขาก็เดินเข้าไปอาบน้ำแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมากำชับกับผู้ช่วยคังว่า" อ้อ แล้วอย่าลืมบอกแม่บ้านด้วยล่ะ ให้เธอเตรียมตัวตามผมกลับไปบ้าน แล้วคุณช่วยเตรียมชุดดีๆให้เธอไว้สำหรับดินเนอร์ครอบครัวในค่ำคืนนี้ด้วย "ผู้ช่วยคังยืนมองเจ้านายตัวเองอย่าง งงงันด้
ในห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมากและแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหวในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจากแล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลยสีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า" แจ้งญาติคนไข้เถอะ "" ค่ะ "พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด" ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา "พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอดแต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้งความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วหมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า" บางทีจิตสุ
" ไม่ได้นะคุณเตชิน คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะนะ "พิมขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไม่หยุด แต่เขากลับนิ่งเฉย รตีลงจากรถแล้วแอบเดินถามเตชินเข้ามาในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้เธอไปหาเตชินที่บ้าน เห็นเตชินขับรถออกจากบ้าน เธอจึงให้คนขับรถ ขับตามเตชินเธอใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาและใส่แมสก์ปกปิดหน้าเอาไว้ไม่ให้เตชินรู้ว่าเป็นเธอพิมที่อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเธอทั้งตีทั้งข่วนเขาจนเธอน้ำตาไหลพรากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างจนปัญญาด้วยความหวาดกลัว" คุณเตชิน คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกของคุณไม่ใช่ลูกของคุณป๊อบอย่างที่คุณเข้าใจ เขาเป็นลูกของคุณจริงๆ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หยุดชะงักไป รตีได้ยินก็ช็อกไปเช่นกัน แล้วแววตาของเธอก็กลายเป็นดุร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง" คุณพูดว่าไงนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่น" เขาเป็นลูกของคุณ คุณวางฉันลงก่อนได้มั้ยแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง "เตชินวางเธอลง พอเธอเป็นอิสระจากมือของเขาเธอก็วิ่งหนีไปทันทีเตชินเห็นเธอวิ่งหนีไปเขารู้สึกเจ็บใจมากที่ถูกหลอกจึงวิ่งตามเธอออกไปแล้วคว้าข้อมือเธอมาจับไว้นำตัวเธอกลับมาอีกครั้งพร้อ
เมื่อป๊อบเห็นพิมกลับมา เขาก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มนักเรียนแล้วเดินมาหาพิมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น" พิมเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "พิมส่ายหน้าแล้วเอ่ย" ไม่ค่ะ "ป๊อบพยักหน้าแล้วเอ่ย" เช่นนั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมนี้เราก็ว่างบ้างแล้วเดี๋ยวผมจะให้เขาเซ็นหย่าให้คุณให้ได้ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคุณอีก "พิมมองป๊อบด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนึกถึงคำพูดของเตชินก่อนหน้านี้เธอไม่อยากได้แล้วใบหย่า เธอจึงเอ่ยว่า" จะหย่าหรือไม่หย่าฉันไม่สนใจแล้วค่ะ แค่ใบหย่าใบเดียวไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีกแล้วเราอย่าไปใส่ใจกับใบหย่านั่นอีกเลยค่ะ "" ก็ได้ครับ ไว้คุณคลอดลูกแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที "เขาก็ไม่อยากให้พิมติดอยู่กับสถานะสมรสนี้เพราะเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างถูกต้องเตชินเดินเข้ามาเห็นทั้งสองยืนคุยกันอยู่ เขาจึงเดินผ่านทั้งสองไป แล้วเดินไปยังกลุ่มของนักเรียนถ่ายรูปกับพวกเขา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเด็กนักเรียนว่า" เด็กๆพวกคุณปิดเทอมกันเมื่อไหร่ครับ "" พวกเราปิดเทอมแล้วครับ กลับไปพวกเราจะฉลองแชมป์ปิดเทอมกันครับ คุณเตชินไปฉลองกับพวกเรามั้ยครับ "" โอ้ว
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ