“เจ้ารู้จักกระถางเก้าดาราด้วยหรือ?”อวี้ลู่มองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาที่ประหลาดใจกระถางเก้าดาราเป็นสิ่งที่หายากแม้แต่โลกเซียนเอง และยังเป็นของวิเศษสำคัญที่ใช้จัดเตรียมค่ายกลเก้าดาราสังหารอีกด้วยพลังของค่ายกลเก้าดาราสังหารแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปราณของแต่ละบุคคลอีกด้วย เช่นเดียวกับฉู่เฉินตอนนี้ หากเขาสร้างค่ายกลเก้าดาราสังหารขึ้นมา เขาก็สามารถฆ่าคนที่อยู่ระดับเดียวกับเขาได้ทันทีแม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกว่าเขาสองระดับ เขาก็สามารถทำได้ทั้งโจมตีและป้องกัน หากจำนวนของฝ่ายตรงข้ามไม่มากเกินไป เขาก็สามารถฆ่าได้ตามใจ“แปลกใจเหรอครับ?”ฉู่เฉินคลี่ยิ้มนิ่งๆ ให้กับอวี่ลู่ วิชาของมังกรเฒ่าครอบคลุมทุกสิ่งจะไม่มีได้อย่างไร?แม้ว่ากระถางเก้าดาราจะไม่ได้มีประโยชน์กับฉู่เฉินในตอนนี้มากนัก แต่ในภายภาคหน้าเขาจะต้องได้ใช้แน่นอน เพราะอย่างไรฉู่เฉินก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าเขาจะไปทำให้ผู้มีอิทธิพลคนไหนไม่พอใจหรือไม่และคนที่อยู่ข้างกายเขาจำเป็นต้องได้รับการปกป้องเสมอค่ายกลเก้าดาราสังหารเป็นตัวเลือกที่ไม่แย่“ต่อไปคือสินค้าประมูลชิ้นแรกของวันนี้ นั่นคือภาพวาดราชาสวรรค์ประทานโอร
เขาใช้เงินกว่าร้อยกว่าล้านไปกับประมูลดอกไม้และของเก่าต่างๆในเมื่อเป็นสมบัติล้ำค่า แน่นอนว่าการเสนอราคาก็จะดุเดือดเป็นธรรมดา โดยเฉพาะฉู่เฉินที่เสนอราคาให้สูงลิบลิ่ว แม้ว่าจะใช้เงินประมูลไปร้อยกว่าล้านก็ไม่รับประกันว่าจะสามารถครอบครองสิ่งนั้นได้แต่เขาก็ครุ่นคิดอีกครั้ง ฉู่เฉินมันก็แค่ไอ้แมงดา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าฉู่เฉินจะท้าทายเขาขนาดนี้!เมื่อคิดได้ดังนั้น หลิวจิ่งหงก็ชูป้ายขึ้นมาทันที “สองพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน!”คำพูดนี้ออกไป เหล่าสาธารณชนที่อยู่ข้างล่างเวทีต่างพากันสูดลมหายใจเหน็บหนาว ราคาเริ่มต้นที่ห้าร้อยล้าน หลิวจิ่งหงเสนอราคาไปสองพันห้าร้อยล้าน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้คนอื่นเสนอราคาแข่งกับเขาสักพักสายตาของทุกคนก็หันไปมองฉู่เฉินนัยน์ตางดงามของพิธีกรก็มองไปทางฉู่เฉินเช่นกันหากได้รับราคาประมูลยิ่งสูง ส่วนแบ่งที่เธอจะได้ก็จะยิ่งเยอะเข้าไปอีก แม้ว่าฉู่เฉินจะทำเพื่อความสนุก แต่เธอก็ได้รับประโยชน์มาไม่น้อยเช่นกันฉู่เฉินปอกส้มเป็นชิ้นแล้วใส่เข้าปาก จากนั้นหยิบป้ายประมูลขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วพูดว่า “ห้าพันล้านบาทถ้วน”ซี้ดๆ !ทุกคนที่อยู่ในงานต่างพากันจับจ้องฉู่เฉินอย่างตะล
ไม่มีเงินเหรอ?สามคำนี้ไม่ใช่แค่กำลังเพียงดูถูกดูแคลนหลิวจิ่งหง แต่เป็นดูถูกดูแคลนคนตระกูลหลิว!“โอเคค่ะ”พิธีกรสาวสวยคว้าเครื่องโพสจากพนักงานข้างๆ เธอสั่นหน้าอกใหญ่และบั้นท้ายของเธอ แล้วเดินไปหาฉู่เฉินด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุภาพบุรุษที่มีอนาคตเหมือนฉู่เฉินไม่ใช่จะพบเจอได้ในทุกวันแม้ว่าจะมาเพื่อเข้าร่วมงานประมูล แต่คนจำนวนไม่น้อยมาเพราะอยากหลับนอนกับพิธีกรสาวสวยต่างหากแต่คนเหล่านั้นถ้าไม่ใช่ตาแก่หัวงูที่อายุอานามสี่ห้าสิบ ก็เป็นพวกลูกหลานเศรษฐีที่เอาแต่พึ่งพาครอบครัว ไม่ได้ประสบความสำเร็จด้วยตัวเองแต่ฉู่เฉินเขาเป็นคนประสบความสำเร็จมีเงินมหาศาลคนแรกของตระกูล นั่นแหละคือข้อแตกต่างของพวกเขาสมมุติว่าสามารถสนิทสนมกับฉู่เฉินได้มากกว่านี้ หาสถานที่ที่ไม่มีใคร แสดงเทคนิคการใช้ปากของเธอ หรือว่าคิดท่าทางใหม่ๆ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ แล้ว“หยุด!”หลิวจิ่งหงโกรธจนหน้าเขียวแม่งเอ๊ย ในมณฑลนี้มีใครกว่าบอกว่าตระกูลหลิวไม่มีเงินบ้าง?นี่แทบจะเหมือนด่าตระกูลหลิวต่อหน้าต่อตาพวกเขาเลย!“คุณชายหลิว คุณยังมีเงินเหลืออยู่ไหมครับ?ฉู่เฉินพูดขึ้นมาพร้อมด้วยรอยยิ้มยียวนกวนประสาท “แ
ฮ่าๆๆ...ทุกคนต่างพากันหัวเราะลั่นอีกครั้งไอ้กระจอก!“หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน...”เสียงของหลิวจิ่งหงสั่นเครือขณะที่น้ำกระเซ็นลงมา และตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่สัมผัสมาก่อนอย่างแท้จริง! “ติ้ดๆ จำนวนเงินของท่านไม่เพียงพอ”เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน หลิวจิ่งหงก็รู้ทันทีว่าเงินในบัตรของเขาเหลือแค่ห้าร้อยล้านเท่านั้นฉิบหาย!ไม่มีเงินแล้ว!“ว๊า คุณชายหลิวไม่มีเงินแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย? หากรู้ก่อนว่าตระกูลหลิวจนขนาดนี้ ผมคงจะไม่ล้อเล่นกับคุณชายหลิวแบบนี้ เงินแค่ไม่กี่พันล้านบาทก็จ่ายไม่ไหว มันน่าผิดหวังจริงๆ นะครับเนี่ย”ฉู่เฉินพยักหน้ารัวๆ พร้อมทั้งถอนหายใจหลิวจิ่งหงโกรธจนกล้ามเนื้อจนเนื้อของเขาเต็มไปด้วยโทสะ การเงินของเขาจะแพ้ให้กับไอ้แมงดาฉู่เฉินนั่นได้อย่างไร?“ขอเวลาฉันสองนาที!”พูดจบ หลิวจิ่งหงก็ต่อสายโทรศัพท์ออกไปหลังจากการแลกเปลี่ยนกันสั้นๆ หลิวจิ่งหงดูเหมือนว่าจะกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งและตะโกนเสียงดังว่า “รูดบัตร!”ตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือน หนึ่งหมื่นสามพันล้านก็ถูกรูดออกไปในขณะนั้นเอง หลินชือหย่าที่อยู่ด้านล่างก็เกือบจะหัวเราะลั่นออกมานี่เป็นงานประ
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เฉียนเจียวเจียวกลับฉี่ราดไม่ใช่เพราะดื่มน้ำมากเกินไป แต่เพราะถูกหลิวจิ่งหงลูบไล้จนหน้าอกจะเป็นมันเงาอยู่แล้วปรากฏว่าหลิวจิ่งหง ผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเจ้าชู้ แต่ไม่เคยลงมือทำอะไรจริงจังเลยใครมันจะไปรับได้?เธอแฉะไปหมดแล้ว หากยังไม่ไปห้องน้ำเธอคงจะรักษาหน้าไม่อยู่แน่นอนเฉียนเจียวเจียวควบเท้าไป ไม่แม้แต่จะทักทายหลิวจิ่งหง แต่ฉู่เฉินก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้“เอาล่ะทุกคน เราอย่าไปทำให้คุณชายหลิวลำบากใจเลยครับ เขาจนมากพอแล้ว รูดบัตรเถอะครับ”หลังจากนั้นฉู่เฉินก็รูดบัตรหนึ่งหมื่นห้าพันล้านภายใต้การจับจ้องของทุกคน หลินชือหย่าคลั่งไคล้ฉู่เฉินมากๆ นอกจากราคาประมูลครั้งสุดท้ายของกระถางเก้าดารา ฉู่เฉินก็ไม่ได้จ่ายเงินสักแดงเดียว อีกทั้งเขายังช่วยตระกูลหลินทำเงินมหาศาลนี่มันเร็วกว่าการพิมพ์ธนบัตรเสียอีก“ขอโทษด้วยครับ ผมดื่มน้ำเยอะไปหน่อย ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”รูดบัตรเสร็จ ฉู่เฉินก็ปลีกตัวออกมาจากฝูงชน เขาลูบลูกแพร์ของพิธีกรสาวสวย เขาถึงจะเดินมาทางห้องน้ำด้วยความมั่นอกมั่นใจพิธีกรสาวถึงกับมึนงงเมื่อกี้... เมื่อกี้สุดหล่อผู้ร่ำรวยเหมือนจะจับหน้าอ
เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดขาวที่คอยติดตามฉู่เฉินมาโดยตลอด เฉียนเจียวเจียวก็กลัวและรีบเอามือปิดหน้าสีชมพูของเธอไว้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งหนีไปอย่างเร็วที่สุดจะเป็นชู้ใครก็ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวบ้างแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงคนแรก แต่เธอก็มีอันดับสูงกว่าเฉียนเจียวเจียวอย่างแน่นอน ควรหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้เมื่อเฉียนเจียวเจียววิ่งออกไปไกลแล้ว อวี้ลู่ก็ขมวดคิ้วแน่นพร้อมถามขึ้นมาว่า “พวกเจ้า... เมื่อกี้พวกเจ้าทำอะไรกัน?”หืม?นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เฉินถูกเธอถามจนตอบไม่ถูกคำถามนี้เขาจะตอบอย่างไรดี?นั่นไม่ใช่เพราะอวี้ลู่ไร้เดียงสา แม้ว่าเธอจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อายุกว่าพันปี แต่เธอไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่หลากหลายในโลกมนุษย์แล้ว โลกเซียนนั่นจืดชืดกว่ามากแม้ว่ามังกรเฒ่าจะหลับนอนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การหลับนอนปกติ ส่วนเรื่องการใช้ปากแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนอวี้ลู่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งวันเอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่เหยาฉือตั้งใจบำเพ็ญเพียร แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจเรื่องพรรค์นี้“เอ่อ... เธอปากแห้งน่ะครับ ผมช่วยเติมความชุ่มชื้น”ฉู่เฉินพู
ยาเม็ดอยู่ในมือ หลิวจิ่งหงราวกับว่าเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาได้ ยกมือเล็กๆ ของเฉียนเจียวเจียวขึ้นมา หันหน้าไปจูบปากเล็กของเธอหืม?หลิวจิ่งหงรู้สึกถึงความผิดปกติ ถามขึ้นมาด้วยความอึดอัดใจ “ปากของคุณทำไมทั้งร้อนทั้งเค็มแบบนี้?”เฉียนเจียวเจียวถูกถามแบบนี้ก็ใจสั่น เธอกลืนน้ำลายลงไป “เอ๋? ฉัน... เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปดื่มน้ำผึ้งมาค่ะ น่าจะเป็นเพราะ... เพราะน้ำผึ้งนะคะ?”หลิวจิ่งหงพยักหน้า ไม่ได้สงสัยอะไรอีก หลังจากนั้นเขาก็หันหลังดึงเฉียนเจียวเจียว และหลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่นๆ ออกไปจากงานประมูลของประมูลอีกไม่กี่ชิ้นที่เหลือ ฉู่เฉินก็ไม่มีอารมณ์ดูอีกต่อไป เขาและอวี้ลู่เดินออกมาจากงานประมูลพร้อมกันหลินชือหย่าก็เดินมาจากข้างหลังเวที เดินเข้ามาในห้องโถง ในขณะที่เธอต้องการขึ้นไปแสดงความรักกับฉู่เฉิน สักพักเลขาก็วิ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของหลินชือหย่า“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ”พูดจบ หลินชือหย่าก็รีบเดินตามฉู่เฉินไป “ฉู่เฉิน ฉันต้องกลับไปที่บริษัทก่อนนะคะ มีประชุมสำคัญน่ะค่ะ ฉันจะต้องขัดขวางไม่ให้หลินฟางเจิ้งได้เปิดการประชุม ดังนั้นคงจะไปเป็
เหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง พิธีกรสาวสวยรีบยกมือข้างหนึ่งยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ ในขณะที่ผมตรงหน้าผากของเธอสะบัดอย่างแรง ม่านบนเวทีก็สั่นไหวเป็นจังหวะเช่นกัน“ต่อไปของเชิญทุกท่าน...”“อ๊า!”“เชิญทุกท่าน...”“อือ...”สาวสวยอีกคนที่ยืนอยู่หน้าเวทีก็งงงวย นี่... นี่มันเสียงอะไรกัน?ไม่เพียงแต่เธอจะตกตะลึงเท่านั้น แต่ผู้ชมทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกันม่านสั่นอย่างรุนแรง และเห็นร่างเลือนรางของคนสองคนยืนอยู่ด้านหลังม่านดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงกระทบกันเป็นระยะๆนี่มันเรื่องอะไรกัน?ขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากันเพื่อพยายามหาคำตอบ จู่ๆ ก็มีเสียงปังดังขึ้นมือของพิธีกรเด็กสาวอีกคนกดสวิตช์ไฟโพรเจกเตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ และลำแสงก็ส่องออกมาโดยตรงจากด้านหลังของฉู่เฉินและพิธีกรสาวสวยวินาทีต่อมา เงาอันสั่นไหวสองร่างปรากฏขึ้นบนม่านตรงกลางเวที“ฉิบหาย!”“นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรเนี่ย?”“นะ... นี่มันรายการพิเศษเหรอ?”แทบจะทุกคนตกตะลึงกับฉากบนม่านเด็กสาวบนเวทีก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรีบวิ่งไปที่หลังเวทีเพื่อปิดไฟโพรเจกเตอร์แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่าพิธีกรสาวสวยหลับตาปี๋ เธอใช้มือเล็กๆ ข้าง
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ