พอเห็นหลิ่วหรูเยียนสติหลุดในห้องไลฟ์สดอย่างนี้ ซูซูอดขมวดคิ้วสวยๆ ไม่ได้ เธอเอ่ยเตือนสติว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว กรุณาควบคุมอารมณ์ตัวเองหน่อยนะคะ”หลิ่วหรูเยียนถลึงตาจ้องหน้าซูซูด้วยสีหน้าย่ำแย่สุดขีด จากนั้นจึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์แล้วกลับไปนั่งเห็นหลิ่วหรูเยียนสติหลุดราวกับเสียพ่อเสียแม่ไปอย่างนั้น ซูซูกลับลอบลิงโลดอยู่ในใจความจริง เมื่อกี้เธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับฉู่เฉินแล้ว เธอแค่รู้สึกว่าฉู่เฉินกำลังแสดงละครอยู่เท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่าตาคุณชายบ้านรวยคนนี้กลับได้รับคำสรรเสริญเยินยอจากอาวุโสฮว่าขนาดนี้นั่นทำให้ซูซูเซอร์ไพรส์มากจุดพลิกล็อกที่น่าตื่นตาตื่นใจขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ซูซูใฝ่ฝันมาตลอดเลยทีเดียวเรตติงกระฉูดสูงเสียดฟ้าเกิดขึ้นจริงๆ แล้วนี่ไงซูซูถึงขั้นแอบคิดคำนวณในใจ ว่าจะจุดชนวนให้เกิดประเด็นในเฟซบุ๊กด้วยดีหรือไม่ หลังจากผลักฉู่เฉินให้กลายเป็นประเด็นร้อนถึงขีดสุด เธอค่อยคิดหาทางติดต่อฉู่เฉินเป็นการส่วนตัว อย่างนัดกินข้าวอะไรทำนองนั้นจากนั้น…พวกเขาก็ถูกคนแอบถ่ายโดยบังเอิญ เธอจะใช้ตาทึ่มฉู่เฉินเพื่อทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง และผลักดันตัวเองไปสู่บทบาทใหม่นึกมาถึงตรงนี้ ด
“ร้านนวดใต้หอพวกเธอใช้ร้านนวดสายตรงรึเปล่า?”“ไม่แน่ว่าวิชาฝังเข็มของคุณชายฉู่ของพวกเรา อาจจะได้มาจากการเดินผ่านร้านนวดข้างทางที่มีแสงไฟสลัว จากนั้น…ก็ศึกษากับหมอฝังเข็มสาวสวยอย่างลึกซึ้ง ฮ่าๆๆ…”หลิ่วหรูเยียนเพิ่งจะพูดจบ กองทัพเรือที่แฝงตัวอยู่ในชาวเน็ตก็แสดงฤทธิ์เดชทันที พวกเขาถึงขั้นเย้ยหยันวิชาฝังเข็มรักษาโรคของฉู่เฉิน ว่าอาจเรียนรู้มาจากร้านนวดแสงไฟสลัวซูซูเม้มปาก ตัดสินใจเงียบไม่พูดอะไรอีก เธอหันไปมองสถานการณ์ในไลฟ์สดแทนอาการบาดเจ็บของจินเจิ้นหลงในตอนนี้ดีขึ้นแล้ว สีหน้าก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ แม้แต่ลมหายใจก็กลับมาสม่ำเสมอแล้ว“ปะ…ปรมาจารย์ฉู่ อาการของพ่อฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”พอเห็นการเปลี่ยนแปลงของจินเจิ้นหลง จินหลิงเอ๋อร์ที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าดีใจเพิ่งจะผ่านไปแค่ห้านาที อาการของจินเจิ้นหลงก็ทรงตัวขึ้นมากแล้ว อย่างน้อยสีหน้าก็ไม่ได้ดูแย่แล้วฉู่เฉินมองจินเจิ้นหลง แล้วพูดอย่างครุ่นคิดว่า “ตอนนี้ควบคุมอาการบาดเจ็บได้แล้ว แต่การซ่อมแซมเส้นชีพจรต้องใช้เวลา อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็น่าจะเรียบร้อย”ได้ยินอย่างนั้น สองพ่อลูกจินหลิงเอ๋อร์กับจินเจิ้นหลงลิงโลดขึ้น
สวี่ถิงถิงรีบไหลตามน้ำ เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “คุณฉู่เป็นคนใจกว้างอย่างที่คิดเลยนะคะ แม้ผู้จัดการใหญ่จะทำให้คุณเสียชื่อเสียงต่อหน้าคนมากมายนับล้านคน แต่คุณกลับไม่ถือสาสักนิด น่าเลื่อมใสมากเลยค่ะ”ฉู่เฉินยิ้มเย็น “ใครบอกคุณว่าผมไม่ถือสา?”ประโยคนี้ทำให้สวี่ถิงถิงที่ตอนแรกยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บานพลันชะงักค้างทันที เธอประจบสอพลอไม่สำเร็จ กลับกลายเป็นหาเรื่องใส่อีกต่างหาก“ช่างเถอะ คืนกล้องให้เธอเถอะครับ”ฉู่เฉินโบกมือ แค่นักข่าวสาวคนหนึ่ง ไม่มีค่าพอให้เขาต่อกรด้วยยิ่งไปกว่านั้น เรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวกับสื่อพวกนี้บัญชีนี้ ฉู่เฉินจะคิดกับสองแม่ลูกหลิ่วหรูเยียนเอง หลังจากวันนี้ เขาจะทำให้พวกเธอสองแม่ลูกชดใช้ในอีกรูปแบบ!“เหอะ เอาไป!”จินหลิงเอ๋อร์ตวาดใส่อย่างเจ็บใจ ก่อนจะขว้างกล้องขนาดเล็กตัวนั้นคืนสวี่ถิงถิงขณะเดียวกัน ในห้องไลฟ์สดตอนนี้ เพราะกล้องถูกแย่งไป ภาพและเสียงจึงไม่ค่อยชัดอาวุโสฮว่าขมวดคิ้ว เขาหันไปพูดกับซูซูว่า “ซูซู ช่วยสัมภาษณ์คุณฉู่โดยตรงเลยได้ไหม ผมหมายถึงให้ดึงคุณฉู่เข้ามาในไลฟ์สดโดยตรงเลย ได้หรือเปล่า?”นี่เป็นสิ่งที่ซูซูต้องการพอดี เพียงแต่แขกรับเชิญพิเศษของวัน
บึ้ม!จบประโยคนั้น ช่องไลฟ์สดราวกับเกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว!เชี่ย!“ไอ้แซ่ฉู่นี่มันเทพชัดๆ พูดคำว่า ‘เย็*แม่มึง’ ออกมาได้ไม่เหมือนใครจริงๆ”“พวกเธอว่าเป็นไปได้ไหม ว่าระหว่างแม่ของผู้จัดการใหญ่หลิ่วกับไอ้แซ่ฉู่นี่มีเรื่องราวความรักอันงดงามอยู่จริงๆ?”“งดงามกับผีน่ะสิ นี่มันวัวแก่กินหญ้าอ่อน วัวเล็กลากรถใหญ่ชัดๆ”อย่าว่าแต่ชาวเน็ตในช่องไลฟ์สดแตกฮือเลย แม้แต่ซูซูก็เบิกตากว้าง เธอหันไปมองหลิ่วหรูเยียนอย่างอึ้งๆคงไม่ใช่ว่าระหว่างประธานหลิ่วกับฉู่เฉิน…แม่เอ็งเถอะ นี่มันเรื่องช็อกโลกเลยนะเนี่ย!แต่วินาทีถัดมา ซูซูรีบปฏิเสธความคิดของตัวเองทันทีเป็นไปไม่ได้!ถึงไม่เคยเจอตัวจริงของฉู่เฉิน แต่ซูซูก็รู้สึกว่าฉู่เฉินที่อยู่หลังหน้าจอมีหน้าตาที่หล่อเหลาไม่เบา ท่าทางผ่าเผย อีกทั้งยังมีทักษะการแพทย์ที่สูงส่งจนแม้แต่อาวุโสฮว่ายังต้องยอมรับคนอย่างนี้ รอบตัวควรมีผู้หญิงรายล้อมไม่ขาดสายถึงจะถูก ทำไมถึงไปต้องตาแม่ของหลิ่วหรูเยียนได้ล่ะ?หากตัดสินจากอายุ อย่างน้อยๆ ประธานหลิ่วก็อายุมากกว่าเขาสามสิบถึงสี่สิบปีแล้วมั้ง?“ฉู่เฉิน แกมันไอ้เดรัจฉาน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”ในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว หล
บึ้มคำพูดของฉู่เฉินราวกับระเบิดที่ถูกโยนลงไปในแม่น้ำที่เงียบสงบ ก่อให้เกิดคลื่นลูกมหึมาขึ้นในพริบตา“ทำไมฉันรู้สึกว่าระหว่างไอ้แซ่ฉู่กับตระกูลหลิ่วมีเรื่องราวไม่ธรรมดาซ่อนอยู่เบื้องหลัง?”“เหมือนเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดนะ ไม่แน่ อาจเหมือนที่คนข้างนอกลือกันว่าพวกนางสองแม่ลูกแย่งทรัพย์สินของคนอื่นเขาไป แล้วก็ฮุบอำนาจบริหารของบริษัทไปด้วย”“ยังไงก็เถอะ จากที่ฉันดู หลิ่วหรูเยียนไม่เห็นเหมือนที่นางพูด แต่เหมือนนางแอ๊บใสซื่อมากกว่า”“ไม่แน่นะ หลิ่วหรูเยียนก็อาจเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แม่นางอาจยั่วอดีตประธานฉู่ จากนั้นก็ใช้ลูกไม้คุณพี่ขา ดื่มยานี่สิคะ”การคาดเดาต่างๆ นานาจากชาวเน็ตล้มล้างความคิดที่เคยมีมาก่อนหน้าจนหมด ซูซูรีบใช้มือบังกล้องไว้ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิ่วหรูเยียนด้วยใบหน้าเย็นชา “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว ถ้าคุณไม่อยากติดอันดับคำค้นหายอดฮิต รีบกลับไปนั่งดีกว่านะคะ”ขณะพูด ซูซูชี้ไปทางคอมเมนต์บนหน้าจอด้วยหลิ่วหรูเยียนตวัดมองคอมเมนต์แวบหนึ่ง ก่อนที่จะหน้าซีดไปทั้งดวงหมดกัน!ภาพพจน์ที่เธอตั้งใจสร้างมาอย่างดิบดีพังทลายหมดแล้วถึงขั้นมีคนเริ่มสงสัยว่าพวกเธอสองแม่ลู
นี่มัน…ฮว่าจิ่วหยางนึกว่าหากบอกชื่อเสียงเรียงนามของตัวเอง ฉู่เฉินจะไว้หน้าเขาบ้าง ถึงแม้ไม่ยอมเปิดเผยชื่ออาจารย์ แต่ก็น่าจะเกรงใจเขาอยู่สักหน่อยแต่นึกไม่ถึงว่าฉู่เฉินกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยไม่เพียงอาวุโสฮว่าที่อึ้งค้าง แม้แต่ผู้ชมในห้องไลฟ์สดต่างก็ตะลึงตาค้างไปแล้วเหมือนกันนั่นอาวุโสฮว่าเชียวนะ!หนึ่งในสิบหมอชื่อดังแห่งเจ็ดมณฑลทิศใต้!ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นประธานสมาคมแพทย์แผนจีนด้วย มิหนำซ้ำ เขายังเป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงระบือไกลทั่วทิศอีกด้วย!“ฉู่เฉินบ้าเกินไปแล้วมั้ง?”“ไอ้แซ่ฉู่นี่บ้าเกินไปหรือเปล่า?”“อาวุโสฮว่าเขาอุตส่าห์ถ่อมตัว ถามถึงอาจารย์ของเขาก็เพราะอยากดันเขา ไอ้เด็กนี่พูดอย่างงี้กับเขาได้ยังไง?”“ถ้าฉันเป็นอาวุโสฮว่า จะทำให้ไอ้แซ่ฉู่นี่ดับไม่มีเกิดไปเลย”แค่พริบตาเดียว ทิศทางคอมเมนต์หันไปโจมตีฉู่เฉินอีกครั้งหลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับซูซูเห็นอย่างนั้น สีหน้าก็ผ่อนคลายลงมาก เธอลอบคิดในใจว่า ‘ฉู่เฉินเอ๋ยฉู่เฉิน ยังไงแกก็เป็นแค่คางคกขึ้นวอ โอกาสดีๆ อย่างนี้แกไม่คว้าไว้ก็โทษคนอื่นไม่ได้แล้วล่ะ’ฮว่าจิ่วหยางชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยหน้า
หลังจากวางสาย ทั้งทีมตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายเพราะอย่างไรก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าจู่ๆ อาวุโสฮว่าจะเจาะจงให้ฉู่เฉินเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนทางทีมไม่มีช่องทางติดต่อฉู่เฉินด้วยซ้ำ ภายใต้สถานการณ์บังคับ ฟางเซิ่งเซวียนรีบส่งข้อความหาซูซูทันที“ซูซู รีบคุยกับคุณฉู่ด่วนๆ เชิญเขาเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้า ผมรอฟังข่าวจากคุณอยู่นะ”ซูซูเห็นข้อความจากผู้กำกับฟางก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปยิ้มให้ฉู่เฉินผ่านไลฟ์สด “คุณฉู่คะ ฉันอยากเชิญคุณเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้า ไม่ทราบว่าคุณสนใจเข้าร่วมไหมคะ?”สิ้นคำถามของเธอ แม้แต่หลิ่วหรูเยียนก็ราวกับระเบิดลงเชิญฉู่เฉินเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีน?นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!คงไม่ใช่ว่าทางรายการกับตาแก่เมื่อกี้ร่วมมือกันจะดันฉู่เฉินหรอกนะ?“ซูซูเชิญไอ้แซ่ฉู่นั่นเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนระดับมณฑล? ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหมเนี่ย”“เชี่ย งั้นก็หมายความว่าทักษะทางการแพทย์ของฉู่เฉินเป็นเรื่องจริงน่ะสิ?”“นี่ไม่ต่างอะไรจากการยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วมั้ง? งั้นเมื่อกี้หลิ่วหรูเยียนก็ใ
ใครใช้ให้คนอื่นเขามีวิชาเก้าเข็มลึกล้ำกันล่ะ?แม่งเอ๊ย!ทนเท่านั้น!หลังจากพ่นลมหายใจออกมายาวๆ หนึ่งครั้ง ฮว่าจิ่วหยางข่มกลั้นต่อไฟโทสะที่ใกล้จะปะทุออกมา พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผู้กำกับฟาง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณส่งที่อยู่ของเขาให้ผม ผมจะไปเชิญด้วยตัวเอง”หา?ฟางเซิ่งเซวียนได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มนั่งไม่ติดไอ้เด็กฉู่เฉินนั่นมันดีเด่นมาจากไหน อาวุโสฮว่าถึงขั้นจะไปเชิญเขาด้วยตัวเอง?นี่มัน…“ผู้กำกับฟาง คุณฟังอยู่หรือเปล่า?”ผ่านไปครู่หนึ่ง พอเห็นว่าฟางเซิ่งเซวียนที่อยู่ปลายสายไม่พูดอะไรสักที ฮว่าจิ่วหยางจึงถามย้ำอย่างหงุดหงิด“ครับๆๆ…อาวุโสฮว่า ผมจะส่งที่อยู่ไปให้คุณเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลย”ฟางเซิ่งเซวียนวางสายด้วยความรู้สึกตกตะลึง เขารีบถามที่อยู่บ้านใหญ่ตระกูลฉู่จากนักข่าวแนวหน้า จากนั้นก็ส่งให้ฮว่าจิ่วหยางทันที“บอกซูซูด้วยว่า ต่อจากนี้ห้ามโจมตีคุณฉู่ รายการของเราต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เขา”หลังจากส่งข้อความเสร็จ ฟางเซิ่งเซวียนก็ออกคำสั่งโดยสัญชาตญาณพอได้รับข้อความจากทางทีมงานอีกครั้ง ซูซูเองก็ถึงกับตะลึงเช่นกัน!ต้องสร้างภาพลักษณ
คนที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ มีเพียงเฉียวเทียนฉี่และโฮ่วเจี้ยนอิงสองคนเท่านั้นแม้แต่โจวอวี้หมิงก็ได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนที่โต๊ะด้านข้างเท่านั้นเมื่อนับรวมเฉินเยว่เอ๋อร์ที่เป็นรองขุนพลของซ่งหนิงซวง ทั้งโต๊ะก็มีแค่สี่คนเท่านั้นฉู่เฉินไม่เกรงใจเช่นกัน เขานั่งลงตรงข้ามซ่งหนิงซวงทันที ก่อนจะยิ้มให้ซ่งหนิงซวงแล้วพูดว่า “คิดว่าถึงยังไงวันนี้ขุนพลหญิงเรียกผมมา คงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อดื่มเหล้าแน่นอนหรอกใช่ไหม?”“ผมเป็นคนชอบพูดจาตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรก็ขอให้ขุนพลหญิงพูดให้ชัดเจน”ถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะเอ่ยคำพูดนี้ด้วยความเกรงใจมาก แต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูเอาอกเอาใจเลยแม้แต่น้อยซ่งหนิงซวงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็ชอบพูดคุยกับคนฉลาดเหมือนกัน” ซ่งหนิงซวงพูดพลางล้วงใบสั่งยาแผ่นหนึ่งออกมาจากในอก แล้วส่งให้เฉินเยว่เอ๋อร์เฉินเยว่เอ๋อร์รับใบสั่งยาก่อนจะลุกขึ้นมาเดินไปหาฉู่เฉิน จากนั้นก็กางใบสั่งยาออกแล้ววางไว้ตรงหน้าฉู่เฉิน“ฉันได้ยินว่าคุณฉู่ค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ ฉันคิดว่าคุณฉู่จะต้องเข้าใจใบสั่งยานี้แน่นอนเลยใช่ไหม”ซ่งหนิงซวงพูดพลางดื่มน้ำชา ฉู่เฉินกวาดตามองใบส
เมื่อคำพูดนี้ออกมา โฮ่วเจี้ยนอิงกับเฉียวเทียนฉี่ รวมไปถึงทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนทอดสายตาไปยังฉู่เฉิน“น้องฉู่ การมองท่านขุนพลตรง ๆ มันเป็นการไม่เคารพอย่างมากเลยนะ รีบ...” ฉู่เฉินไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งกล่าวจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมป่วยเป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ โค้งตัวไม่ได้ อีกอย่าง คุณให้พวกเขาโทรเชิญผมมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่ผมอยากมาเองนะครับ” “คุณคงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อให้ผมกราบไหว้หรอกใช่ไหม? คุณไม่ใช่เจ้าพ่อหลักเมืองเสียหน่อย”เชี่ย!เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกม ทุกคนในงานต่างตกตะลึงจนตาค้าง เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมาแล้ว ส่วนหลิ่วชิงเหอที่ยืนอยู่ข้างหลังซ่งหนิงซวงก็ตกใจกลัวจนดวงหน้าเล็กซีดเผือด กระทืบเท้าไม่หยุด ฉู่เฉินบุ่มบ่ามเกินไปแล้วมั้ง?กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้อย่างไร?ฟางอวี่เจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินยิ่งตกใจกลัวจนขาสองข้างอ่อนแรง กระตุกชายเสื้อของฉู่เฉินไม่หยุดซ่งหนิงซวงหรี่นัยน์ตาหงส์ลงเล็กน้อย จ้องมองฉู่เฉินอย่างพิจารณาก่อนจะเอ่ยว่า “คุณก็คือฉู่เฉินสินะ?” “ถูกต้อง”ฉู่เฉินยืดหลังตรง ตอบ
ฉู่เฉินก้าวเข้ามาใกล้ฟางอวี่เจิ้ง จับมือกับฟางอวี่เจิ้ง หลังจากนั่งลงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประธานฟาง เรื่องยาบำรุงสวรรค์หลี่จิงจิงทางนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”ฟางอวี่เจิ้งยิ้มประจบ รินน้ำชาให้ฉู่เฉินไปพลาง พยักหน้าและกล่าวไปพลาง “เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนสิบปีนี้ ฉันก็อาจได้เลื่อนตำแหน่งไปที่ที่ว่าการมณฑลแล้ว”“เรื่องนี้ ต้องขอบคุณน้องฉู่ที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ต่อไป ถ้ามีอะไรที่ฉันฟางอวี่เจิ้งช่วยได้ น้องฉู่แค่เอ่ยปากมา”ทั้งสองพูดคุยกันไปพลาง ฉู่เฉินมองไปรอบๆ ไปพลาง ก่อนจะกล่าวว่า “ประธานฟางครับ งานเลี้ยงคืนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย ขุนพลเทียนเฟิ่งคนนี้มีที่มายังไงกันแน่ครับ?”พอได้ยินคำนี้ ฟางอวี่เจิ้งรีบยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วกล่าวว่า “ชู่... เบาเสียงหน่อย”“ขุนพลเทียนเฟิ่งไม่ธรรมดาเลย นับตั้งแต่เข้ากองทัพเมื่อห้าปีก่อน ก็สร้างผลงานทางการรบมานับครั้งไม่ถ้วน และยังเป็นหนึ่งในแปดยอดขุนพลดินแดนมังกร ฉันได้ยินมาว่าอีกสามเดือนให้หลัง เธอยังต้องเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของสี่ยอดขุนพลพิทักษ์ชาติด้วย”“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอควรจะเป็นคนรุ่นใหม่เพียงค
ฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ หนึ่งเสียง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนก้นของหลี่จิงจิงอย่างแรงครั้ง จากนั้นเปิดหน้าต่างระบายอากาศออกและจะกระโดดลงไปทันทีซี้ด!หลี่จิงจิงเห็นฉู่เฉินกระโดดลงจากหน้าต่าง ทันใดนั้นก็ตกใจจนใบหน้าเล็กซีดเผือดนี่ชั้นหกเลยนะ!แต่ในวินาทีถัดมา เมื่อฉู่เฉินเดินไปที่ลานจอดรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลี่จิงจิงจึงเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา“ปัง!”ขณะที่หลี่จิงจิงยังตกใจจนพูดไม่ออก ประตูห้องทำงานก็ถูกคนผลักเปิดอย่างแรงชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบสี่หรือสามสิบห้าปี ทันทีที่ผลักประตูเข้ามา คนทั้งคนก็ชะงักไปทั่วทั้งห้องทำงานอบอวลไปด้วยกลิ่นฮอร์โมน และหลี่จิงจิงสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเล็กตัวเดียว กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างชะเง้อมองออกไปด้านนอกภาพนี้ทำให้ชายวัยกลางคนพลันสัมผัสได้ถึงลางร้าย เหมือนกับถูกคนสวมเขาโดยเฉพาะในห้องทำงาน เครื่องออกกำลังกายที่แม้แต่เขายังไม่รู้จักชื่อ และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนนั้น ยิ่งทำให้ความคิดในใจเขาชัดเจนขึ้น“จิงจิง! คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ชายวัยกลางคนโกรธจัด รีบก้าวไปที่ริมหน้าต่าง ก่อนจะยื่นมือผลักเปิดหน้าต่างระบายอากาศออก แล้วโผล่ตัวออกไปชะเง
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง